"ลักษณะของอนิจจัง"
อะไรคือสิ่งที่เป็นทุกข์แต่กลับถูกเห็นว่าเป็นสุข
ก็ ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข นั่นไง
ที่ทุกๆ คนปรารถนากัน
ไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่อยากได้กัน
มีแต่อยากมีเงินทองมากๆ มีตำแหน่งสูงๆ
มีคนสรรเสริญมากๆ มีกามสุขมากๆ ด้วยกันทั้งนั้น
แต่สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้ากลับทรงเห็น
ด้วยพระปัญญาญาณว่าเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะเหตุใด
ทุกข์เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของไม่เที่ยง
เป็นของไม่แน่นอน มีอยู่ในวันนี้
พรุ่งนี้ก็อาจจะหมดไปได้
รวยวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะจนได้
เป็นนายกวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะ
กลับมาเป็นคนธรรมดาสามัญก็ได้
วันนี้มีคนสรรเสริญ พรุ่งนี้ก็อาจจะมีคนด่าเอาก็ได้
วันนี้มีกามสุขกัน ได้ไปเที่ยวกัน ก็มีความสุข
แต่พรุ่งนี้อาจจะไม่มีก็ได้
เพราะสิ่งที่ให้ความสุขอาจจะหายจากไปก็ได้
เช่นมีความสุขกับแฟน สามี ภรรยา
แต่พรุ่งนี้แฟน สามี ภรรยา อาจจะจากไปก็ได้
ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง อาจจะตายจากไป
อาจจะทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่เข้าอกเข้าใจกัน
ก็แยกทางกันไป ทิ้งกันไปก็ได้
นี่คือลักษณะของความเป็นอนิจจัง
เมื่อเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ความสุขที่มีอยู่
ก็จะกลายเป็นความทุกข์ เป็นอนัตตา
เพราะไม่ได้เป็นของเราอย่างแท้จริง
เราไม่สามารถที่จะเอาสิ่งต่างๆ
ไว้เป็นของๆ เราได้ไปตลอด
ถึงเวลาจะหายไป หมดไป
ก็จะเป็นไปตามเรื่องของเขา ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม
ไม่ได้ชำระอวิชชาความมืดบอด
ความหลงในจิตใจ จะไม่เห็นสภาพที่แท้จริง
ของสภาวธรรมเหล่านี้ แล้วก็จะหลงไปเรื่อยๆ
แล้วก็จะอยากไปเรื่อยๆ
อยากไปจนกระทั่งวันตายเลย
เมื่อตายไปแล้ว ความอยากนี้ก็จะเป็นตัวผลักดัน
ให้จิตไปเกิดใหม่ ไปหาภพใหม่ชาติใหม่
แล้วก็ไปอยากต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
มีภพชาติมากมายก่ายกองนับไม่ถ้วน
พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า
น้ำตาที่เราหลั่งแต่ละภพแต่ละชาติ
ที่เกิดจากความทุกข์นั้น ถ้าเอามารวมกันแล้ว
น้ำตาที่หลั่งนี้จะมากยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก
คิดดูสิว่าภพชาติจะมากแค่ไหน
น้ำตาที่หลั่งมานี้มากกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก
นี่คือเรื่องของภพชาติ เรื่องของความทุกข์
ที่มีอยู่ในจิตใจที่เกิดจาก อวิชชา
ความหลง ความไม่รู้.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
...........................................
ธรรมะบนเขา (กำลังใจ ๕)
วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๔
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ