bloggang.com mainmenu search






จักรยานโบราณ สิ่งอยากอวดของชาวบ้านโคก


ชาวบ้านโคกปัจจุบันสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่ง


วิถีเกษตรกรรมที่บ้านโคก


ชีวิตน้อยๆในท้องทุ่งที่บ้านโคก


ผู้ใหญ่เงาะกับจักรยานโบราณ


สิ่งประดับบนจักรยานโบราณ


กิจกรรมปั่นจักรยานโบราณเที่ยวบ้านโคก


บรรยากาศขรึมขลังที่หอเจ้านาย



หอเจ้านายศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านโคก


ชาวคณะนักปั่นพร้อมลุย


จุดพักที่บ้านเก่า 3 หลัง


ปั่นสัมผัสวิถีท้องทุ่ง


ข้าวเหนียวปลาทอด รสยอดเยี่ยม


คณะนักปั่นต่างวัย




“ชาติพันธุ์ลาวครั่ง งานหอฯกลางเดือนเจ็ด
อาชีพเกษตรกรรม วัฒนธรรมงานบวช
สิ่งอยากอวดจักรยานโบราณ แห่ธงสงกรานต์ยิ่งใหญ่”




นี่คือคำขวัญประจำหมู่บ้าน“โคก” หมู่บ้านชื่อสั้นๆที่หากใครได้ลองไปสัมผัสกับวิถีชุมชนที่นี่แบบไม่ฉาบฉวย ก็จะพบว่าบ้านโคกมีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสนใจให้ชวนค้นหากันไม่น้อยเลย



บ้านโคก ลาวครั่ง



หมู่บ้านโคก หรือ “บ้านโคก”(หมู่ 3) ตั้งอยู่ใน ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ชาวบ้านโคกสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มชาติพันธุ์ “ลาวครั่ง” ซึ่งพี่ “พนม หลวงประสาน” วิทยากรนำเที่ยวประจำหมู่บ้าน เล่าให้ผมฟังว่า



ลาวครั่งคือชาวลาวที่มาจากแถบ “ภูคัง”(เทือกเขาแถบหลวงพระบาง)ในประเทศลาว (สปป.ลาว) จึงถูกเรียกว่า “ลาวภูคัง” ก่อนที่จะเพี้ยนเป็น “ลาวครั่ง” หรือบางทีก็เรียกว่า “ลาวเต่าเหลือง” เพราะนิสัยของชาวลาวพวกนี้ชอบอยู่เป็นอิสระตามป่าเขา คล้ายกับลักษณะของเต่าภูเขาชนิดหนึ่งที่มีกระดองสีเหลือง



นอกจากนี้ลาวครั่งในสมัยก่อนยังถูกเรียกว่า “ลาวขี้ครั่ง” ซึ่งพี่พนมบอกว่า “ขี้ครั่งเป็นคำที่เขาใช้ด่ากัน” ก่อนจะเล่าย้อนอดีตให้ฟังว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 ชาวลาวกลุ่มใหญ่ได้ถูกกวาดต้อนเข้ามาในสยาม โดยกระจายตัวอยู่ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคเหนือ ครั้นพอถึงในสมัยรัชกาลที่ 5 ชาวลาวครั้งที่อยู่ในนครปฐมได้อพยพขึ้นเหนือ มาตั้งรกรากอยู่ที่อำเภออู่ทองในปัจจุบัน เป็นชาวลาวครั่งแห่งบ้านโคกในทุกวันนี้



ในการอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านโคกพี่พนมมีเกร็ดสนุกมาเล่าให้ฟังว่า ชาวลาวบรรพบุรุษได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่แถว “หนองตาสาม”(ชื่อในปัจจุบัน) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก



“เดิมหนองแห่งนี้ชาวบ้านเรียกกันว่า “หนองปลาสาม” มาจากขนาดความใหญ่ของปลาที่แบ่งเป็น สามเกรด คือปลาหนึ่ง(ใหญ่น้อยที่สุด) ปลาสอง และปลาสามที่มีขนาดใหญ่ที่สุด นั่นเป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่แห่งนี้ ก่อนจะเพี้ยนมาเป็นหนองตาสามดังในปัจจุบัน”



ส่วนที่มาของชื่อบ้านโคกนั้น มีข้อมูลในเอกสารจากหมู่บ้านระบุว่า เดิมที่นี่เป็นพื้นที่โคกป่าละเมาะ ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งเสือ ช้าง เก้ง และ “กระต่าย” ที่มีอยู่มากที่สุด ชาวลาวครั่งที่อพยพมาอยู่จึงเรียกที่นี่ว่า “โคกขี้กระต่าย”



แต่ภายหลังพื้นที่ป่าละเมาะได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นไร่นา โคกป่าละเมาะจึงกลายเป็นโคกห้างนา เนินเลี้ยงวัวควาย ชื่อโคกขี้กระต่าย จึงกลายมาเป็น “บ้านโคก” จนถึงทุกวันนี้



สิ่งอยากอวดจักรยานโบราณ



บ้านโคกเป็นชุมชนเกษตรที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำเกษตรปลูกพืชผักมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ที่นี่เป็นดังครัวของอำเภออู่ทอง เพราะเป็นแหล่งใหญ่ในการผลิตพืชผักส่งไปขายทั่วทั้งอำเภออู่ทองและพื้นที่ใกล้เคียง



พี่“อำพร ลีสุขสาม” หรือ “ผู้ใหญ่เงาะ” ผู้ใหญ่หญิงแห่งบ้านโคกคนปัจจุบัน บอกว่าสมัยก่อนที่ยังมีรถยนต์ไม่มาก พาหนะหลักที่ชาวบ้านโคกใช้ในการสัญจรไป-มา บรรทุกผลผลิตทางการเกษตร ใช้ขนผัก ข้าว ก็คือ “จักรยาน”



“คนสมัยก่อนเขาใช้จักรยานบรรทุกสิ่งของกันได้ถึง 100 โล(กิโลกรัม)ก็ยังมี”



ผู้ใหญ่เงาะ บอกกับผมพร้อมเล่าว่า สมัยก่อนจักรยานมีความผูกพันกับชาวบ้านโคก เป็น “วิถีจักรยาน” ที่ผูกพันกับชุมชน มาวันนี้แม้รถยนต์จะถูกใช้เป็นพาหนะหลัก แต่ชาวบ้านโคกส่วนหนึ่งก็ยังคงปั่นจักรยานกันอยู่ ที่สำคัญก็คือมีจักรยานส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านโคกใช้เป็น “จักรยานโบราณ” หลายคันมีอายุร่วม 100 ปี



“เราจึงมีการรวมกลุ่มจัดตั้ง “ชมรมจักรยานโบราณบ้านโคก”ขึ้น เดิมเป็นการรวมกลุ่มกันขี่เพื่อไปร่วมงานพิธีในชุมชน เช่น ร่วมขบวนแห่ธงสงกรานต์ 4 หมู่บ้าน(บ้านโคก บ้านหนองตาสาม บ้านท่าม้า และบ้านหนองเสือ” ขี่จักรยานไปร่วมงานสงกรานต์ และขี่ไปร่วมงานอื่นๆที่เจ้าภาพขอให้นำจักรยานไปสร้างสีสัน” ผู้ใหญ่เงาะเล่าให้ฟัง



ด้วยเสน่ห์แห่งวิถีจักรยานผสานกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมและวิถีการเกษตรอันโดดเด่นของบ้านโคก ทำให้ทาง “องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” หรือ อพท. เล็งเห็นในศักยภาพของชุมชนแห่งนี้ จึงเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงส่งเสริมให้ชาวบ้านโคกจัดกิจกรรมท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชุมชน เชื่อมโยงกับชุมชนที่มีศักยภาพที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันได้



นั่นจึงทำให้เกิดกิจกรรม “การท่องเที่ยวด้วยการปั่นจักรยานโบราณ” ขึ้นที่ชุมชนบ้านโคก ซึ่งวันนี้ยังเป็นโครงการในระดับนำร่องเพื่อให้ชุมชนได้เตรียมความพร้อม เรียนรู้ศึกษาข้อดีข้อเสีย ก่อนจะพัฒนาต่อยอดให้นักท่องเที่ยวมาร่วมทำกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้นี้



มนต์ขลังหอเจ้านาย



ชาวบ้านโคกในวันนี้ยังคงมีการสืบทอดประเพณีวิถีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่ามาจากลาวหลวงพระบาง อีกทั้งยังมีระบบความเชื่อที่น่าสนใจและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะชาวบ้านโคกมีความเชื่อความศรัทธาทั้งในทางพระพุทธศาสนาและในเรื่องของอำนาจเหนือธรรมชาติหรือที่เรียกกันว่า “ผี”



พี่พนมอธิบายว่า ชาวบ้านโคกนับถือผีใน 2 แบบด้วยกันคือ ผีเทวดาและผีเจ้านาย



ผีเทวดาคือรุกขเทวดาที่เคยคุ้มครองบ้านเมืองตั้งแต่สมัยอยู่หลวงพระบาง



ส่วนผีเจ้านายตามความเชื่อของชาวบ้านโคกนั้น คือผีบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ซึ่งพี่พนมย้ำว่าเป็น “ผีดี” ที่มาคอยช่วยปกปักรักษาหมู่บ้านและชาวบ้าน โดยมี “พ่อกวน”(กวน) ทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมต่อทางจิตวิญาณกับผีเจ้านาย รวมถึงเป็นผู้นำทางความเชื่อและเป็นหัวหน้าในการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับผีเจ้านายซึ่งมีที่สถิตอยู่ที่ “หอเจ้านาย” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญประจำหมู่บ้าน



หอเจ้านาย มีลักษณะเป็นลานโล่งที่ด้านหน้า ส่วนด้านท้ายมีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่าน ถัดไปเป็นศาลเพียงตาขนาดย่อมจำนวน 7 หลังตั้งเรียงกันไปแบบแถวหน้ากระดาน นับเป็นบรรยากาศที่ดูแล้วช่างขรึมขลังยิ่งนัก



“หอเจ้านายเป็นดังหลักเมือง ใจเมือง ศูนย์รวมจิตใจและที่ยึดเหนี่ยวของชาวบ้านโคก สมัยก่อนพอถึงฤดูทำไร่นา ชาวบ้านก็จะมาขอผีเจ้านายให้ทำการเพาะปลูกได้ดี ลูกหลานใครเจ็บไข้ได้ป่วย พ่อ-แม่ก็จะมาขอให้ผีเจ้านายช่วยรักษาพร้อมบนบานศาลกล่าว ซึ่งพ่อกวนเมื่อทราบอาการก็จะอ้างอิงการรักษาจากตำราใบลาน”



พี่พนมเล่าก่อนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หอเจ้านายบ้านโคกยังมีลักษณะพิเศษตรงที่เป็นดังสิ่งคุมความประพฤติ สิ่งกำกับการกระทำและจิตใจของคนในหมู่บ้านให้ทำแต่ความดี ใครที่ทำไม่ดี ผิดจารีต ผิดวิถี หรือที่เรียกว่า “ผิดผี” ต้องมาสารภาพต่อเจ้าพ่อกวน พร้อมแก้บนขอขมา ซึ่งเจ้าพ่อกวนจะเป็นคนตัดสินว่าต้องขอขมาแก้บนอย่างไร



“ทุกๆปีที่บ้านโคกจะมีการจัดงานเลี้ยงผีขึ้นในช่วงราวเดือน 7 ไทย(ราวมิถุนายน) มีการจัดงานกัน 2 วัน คือวันสุกดิบและวันงานจริง โดยพ่อกวนจะเป็นผู้กำหนดวันเวลาที่แน่นอนในช่วงใกล้ก่อนวันงาน” พี่พนมกล่าว



ด้วยความสำคัญตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้หอเจ้านายถูกยกให้เป็นไฮไลท์สำคัญในเส้นทางปั่นจักรยานโบราณเที่ยวบ้านโคก ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนภายนอกได้รับรู้ถึงวิถีจารีตของชาวบ้านทีนี่ และให้คนภายในพื้นที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์วิถีเหล่านี้ไว้



ปั่นจักรยานโบราณไปไหว้ผี



กิจกรรมนำร่องท่องเที่ยวด้วยการขี่จักรยานโบราณทัวร์บ้านโคกนั้นมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นการปั่นชมวิถีชาวบ้าน ชมไร่นา แปลงผักปลอดสารพิษ และไฮไลท์คือการไหว้ผีที่หอเจ้านาย



สำหรับจักรยานโบราณที่นี้แม้มันจะมีคันโต สูง ดูเหมือนจะปั่นยาก แต่อันที่จริงปั่นไม่ยาก(จะมียากบ้างสำหรับคนไม่เคยในช่วงขึ้น-ลง เพราะมันสูง) แถมยังปั่นสบายไม่กินแรง เพราะช่วงเท้าถีบมันพอดีกับจังหวะก้าวเดินของเรา



เมื่อสมาชิกนักปั่นที่นัดไว้มากันพร้อมตา ผู้ใหญ่เงาะก็ออกปั่นนำ โดยจุดแรกที่พวกเราไปแวะก็คือ “บ้านเก่า 3 หลัง” ซึ่งเป็นบ้านเรือนไม้หลังใหญ่อายุหลายสิบปี (หรืออาจถึง 100 ปี) จำนวน 3 หลังสร้างอยู่ใกล้ๆกันด้วยรูปแบบบ้านดั้งเดิมของชาวชุมชนบ้านโคก



จากนั้นเราปั่นไปต่อยังจุดไฮไลท์คือที่หอเจ้านาย เพื่อทำการสักการะผีเจ้านายเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับหอเจ้านายและการนับถือผีของชาวบ้านโคก ที่มีพี่พนมเป็นคนถ่ายทอดข้อมูลดังที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น



เสร็จแล้วผู้ใหญ่พาปั่นชิลล์ ชิลล์ ไปชมบรรยากาศท้องไร่ท้องนา ชมแปลงผักปลอดสารพิษของชาวบ้าน ซึ่งระหว่างนี้มีกลุ่มเด็กๆในหมู่บ้านเมื่อรู้ข่าวก็ได้ออกมาแจมปั่นจักรยานร่วมขบวนไปด้วยกันเกิดเป็นคณะใหญ่ดูครึกครื้น



ขบวนจักรยานโบราณไปจอดอีกครั้งริมท้องทุ่งนาวิวดี เพื่อหยุดแวะเติมพลังกันด้วยอาหารที่ทางชาวบ้านจัดเตรียมมานั่นก็คือ “ข้าวเหนียวหัวหงอก”ที่เป็นข้าวเหนียวคลุกมะพร้าวใส่เกลือนิดหน่อย รสกลมกล่อมเค็มๆมันๆ กับ “ข้าวเหนียวปลาทอด” ที่ใครไม่รู้ทอดปลาได้เด็ดนัก ชาวคณะที่ร่วมปั่นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อยจริงๆ



หลังเตรียมพลังข้าวเหนียวแล้วก็ได้เวลาปั่นกลับมายังจุดเริ่มต้นที่บ้านผู้ใหญ่ ก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน



และนี่ก็คือกิจกรรมนำร่องท่องเที่ยวบ้านโคกด้วยจักรยานโบราณ ซึ่งขบวนสมาชิกนักปั่นในวันนั้น หลายๆแม้คนดูจะโบราณไม่ต่างจากจักรยานสักเท่าไหร่ แต่คุณลุงคุณป้าที่ใจดีเหล่านั้นต่างมีความมุ่งมั่น มีใจให้เหลือเฟือ



ที่สำคัญคือทุกคนยังดูแข็งแรงเปี่ยมกำลังวังชา ซึ่งนั่นคงเนื่องมาจากผลพวงแห่งวิถีจักรยานแห่งบ้านโคก เพราะการปั่นจักรยานอย่างสม่ำเสมอนั้น ช่วยให้เรามีสุขภาพดีมีอายุยืนยาวได้โดยไม่ต้องไปสรรหายาวิเศษใดๆมากิน



ปัจจุบันชาวบ้านโคกยังมีการรวมกลุ่มปั่นจักรยานกันอยู่เป็นประจำ พร้อมกันนี้ยังมีโครงการนำร่องกับกิจกรรมปั่นจักรยานโบราณท่องเที่ยวในหมู่บ้านและเชื่อมโยงกับหมู่บ้านอื่น ซึ่งผู้สนใจอยากร่วมปั่นกับชาวบ้านโคกสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ผู้ใหญ่เงาะ 084-457-7271 หรือ ที่อพท. 084-163-7599





ข้อมูลโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์















Create Date :22 พฤศจิกายน 2556 Last Update :22 พฤศจิกายน 2556 11:38:07 น. Counter : 2416 Pageviews. Comments :2