จะว่าไปแล้วธรรมชาติ ความร่มรื่นของต้นไม้อันเขียวขจี อยู่รอบๆ ตัวเราไม่ไกลเลย เหตุที่ “ตระเวนกิน” เอ่ยเช่นนี้ก็เพราะว่า เรากำลังพาตัวเองมานั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “Cafe de Flore” (คาเฟ่ เดอ ฟลอเร่) ซึ่งเมื่อมาถึงร้านนี้แล้วเราจะได้ใกล้ชิดและสัมผัสกับธรรมชาติของต้นไม้ และสวนหย่อมเล็กๆ อันรื่นรมย์



เมื่อเดินเข้ามายังตัวร้านด้านใน บรรยากาศเหมือนบ้านหลังน้อยที่สร้างแบบเพดานสูงโปร่งโล่ง และก็ต้องสะดุดตากับต้นโมกที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางร้าน สร้างความร่มรื่นเป็นอย่างมาก ภายในร้านจัดโต๊ะเก้าอี้ไม้ให้เลือกนั่งในมุมสบายๆ แบบผ่อนคลาย แถมยังมีต้นไม้กระถางต้นเล็กต้นน้อยวางอยู่ทุกมุมของร้าน สร้างบรรยากาศให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง และถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวสักนิด ก็มีโต๊ะนั่งชั้น2 ที่จัดโต๊ะเก้าอี้ไม้และโต๊ะนั่งแบบโซฟาให้ได้นั่งแบบชิลล์ ชิลล์



ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่โฮมเมดให้ได้เลือกอิ่มอร่อยกันแบบหลากหลาย ซึ่งเมนูอาหารเป็นสูตรที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมา และเลือกคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพมาปรุงแต่งเป็นอาหารจานเด็ดที่ชวนชิมมากมาย



อย่างในมื้อนี้เมื่อเราเลือกหาที่นั่งในมุมเหมาะได้แล้ว ก็สั่งอาหารมากินกันทันที เริ่มจากขอสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาดื่มให้กันก่อน ด้วย บ๊วยลิ้นจี่สมูทตี้ (85 บาท) ทางร้านนำบ๊วยดองมาปั่นกับเนื้อลิ้นจี่และใส่ไซรัป ปั่นเป็นสมูทตี้เย็นๆ ดื่มแล้วหอมกลิ่นบ๊วยและได้รสลิ้นจี่สดชื่นปากดี



จากนั้นมาลิ้มรส ลาบหมูเสิร์ฟพร้อมขนมปังปิ้ง (85 บาท) เมนูนี้เก๋แปลกดี ตรงที่ทางร้านทำลาบหมูครบเครื่องแบบไทยๆ เสิร์ฟมาให้กินคู่กับขนมปังปิ้งหอมๆ ไม่น่าเชื่อว่าลาบหมูเนื้อนุ่มรสชาติจัดจ้านครบเครื่องลาบช่างกินเข้ากันดีกับขนมปังกรอบนอกนุ่มใน อร่อยถูกปากโดนใจดีจริง



ตามมาติดๆ ด้วยเมนู พล่ากุ้งซอสมัสตาร์ด (95 บาท) เป็นกุ้งขาวลวกพอสุกกำลังดี นำมาปรุงกับเครื่องพล่าครบเครื่องสมุนไพรไทย และใส่ซอสมัสตาร์ดสดที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ คลุกเคล้าปรุงรสให้เข้ากัน กินแล้วพล่ากุ้งเนื้อหวานออกรสแซบเผ็ดลิ้นนิดๆ และได้กลิ่นมัสตาร์ดขึ้นจมูกนิดหน่อย



แล้วก็มาชิม สปาเก็ตตี้ปูนิ่มผัดซอสพริกไทยดำ (240 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้ลวกสุกนำมาผัดกับซอสพริกไทยดำสดที่ทางร้านปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะ และใส่ปูนิ่มที่ทอดกรอบและนำไปคลุกเคล้ากับซอสพริกไทยดำด้วย เสิร์ฟมาร้อนๆ หอมกลิ่นพริกไทยดำโชยขึ้นจมูก ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากเคี้ยวเด้งนุ่มเหนียวได้รสชาติซอสพริกไทยดำเข้มข้น กินเข้ากันดีกับปูนิ่มกรอบนอกนุ่มใน



กินของคาวไปแล้ว มากินของหวานกันบ้าง ที่สั่งมาลองลิ้ม คือ เบอร์รี่มูส (82 บาท) สีสันสวยงามชวนกิน เป็นมูสเค้กเบอร์รี่ที่ข้างในสอดไส้เยลลี่ และด้านนอกหุ้มด้วยเยลลี่เบอร์รี่อีกที ลิ้มรสแล้วถูกใจปากเนื้อเยลลี่เด้งๆ มูสเบอร์รี่เนื้อเนียนนุ่มหอมหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยโดนใจดีแท้



อีกหนึ่งเบเกอรี่ที่ชวนลองลิ้ม คือ ทีรามิสุ (89 บาท) เป็นเค้กกาแฟที่มีส่วนผสมของเหล้านิดหน่อย ด้านบนท็อปด้วยชอคโกแลต กินเค้กทีรามิสุแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อเค้กที่เนียนนุ่มเบา หอมกลิ่นกาแฟอ่อนๆ



นอกจากเมนูเหล่านี้ได้ที่ลิ้มรสจนติดใจแล้ว ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีกมากมาย อาทิ ปีกไก่ทอดเกลือ (70 บาท) สปาเก็ตตี้ต้มยำทะเลเดือด (แห้ง) (180 บาท) ชอคโกแลตออร์เร้นจ์ (78 บาท) เครปเค้ก (89 บาท) และอีกสารพัดเมนูคาว-หวาน และเครื่องดื่ม ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอิ่มหนำสำราญ ท่ามกลางบรรยากาศอันรื่นรมย์และร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ของร้าน “Cafe de Flore”



“Cafe de Flore” (คาเฟ่ เดอ ฟลอเร่) ตั้งอยู่ที่ 345/1 หมู่ 3 ถ.นครอินทร์ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย นนทบุรี การเดินทางถ้ามาจากถ.กาญจนาภิเษก ให้ขับมาตามถ.นครอินทร์ มุ่งหน้ามาวงเวียนพระราม 5 ผ่านตลาดพระราม 5 และตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นร้านคาเฟ่ เดอ ฟลอเร่ อยู่ทางซ้ายมือ (ก่อนถึงวงเวียน) มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น. (ครัวปิด 20.30 น.) โทร. 08-8133-6778



ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 345/1 หมู่ 3 ถ.นครอินทร์ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย นนทบุรี การเดินทางถ้ามาจากถ.กาญจนาภิเษก ให้ขับมาตามถ.นครอินทร์ มุ่งหน้ามาวงเวียนพระราม 5 ผ่านตลาดพระราม 5 และตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นร้านคาเฟ่ เดอ ฟลอเร่ อยู่ทางซ้ายมือ (ก่อนถึงวงเวียน) มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน

บัตรเครดิต : ไม่รับบัตรเครดิต

สถานที่จอดรถ : มีที่จอดรถให้บริการ

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น. (ครัวปิด 20.30 น.)

เบอร์โทรศัพท์ : 08-8133-6778