วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปกินอาหาร ที่ร้าน วอ เตอร์ ไลบรารี่ สาขาทอง หล่อ ผมได้ไปกินที่สาขาจามจุรีมาหลายครั้ง แต่เพิ่งได้มีโอกาสมากินที่สาขาทองหล่อนี้เป็นครั้งแรก ลักษณะไม่ใช่ร้านอาหารแบบที่เราจะไปกินสังสรรค์ นั่งคุยกันในวงเพื่อน หากอยากจะไปนั่งกินแบบนั้นต้องนั่งที่โซนชั้นล่าง



แต่ถ้ามาเพื่อจะกินอาหารและอยากจะมีประสบการณ์ในการกินอาหารที่เขาสร้างสรรค์มาให้เรากิน ต้องขึ้นไปที่ชั้นบน ซึ่งจะตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นเป็นสีดำทั้งร้าน โดยจะมีเคาน์เตอร์ยาว 10 ที่นั่งเท่านั้น เรียงตามแนวยาวหันหน้าเข้าหาเชฟ ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ โดยเราจะได้เห็นเชฟปรุงอาหารให้เห็นอย่างใกล้ชิดกันเลย



และแต่ละคอร์สเป็นอาหารที่นิยมกินกับไวน์ โดยเชฟจะเล่าและพูดถึงอาหารแต่ละคอร์สให้ฟัง เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อย และต่อด้วยอาหารทั้งหมด 9 คอร์ส ซึ่งจะเป็นของหวาน 2 คอร์ส แต่ละจานเชฟจะทยอยเสิร์ฟและเล่าให้ฟังว่าคืออะไร ผมชอบและรู้สึกสนุกเพราะผมสามารถซักถามเชฟได้ว่าทำอย่างไร มีความคิดอย่างไรที่ทำเมนูนี้ ในฐานะคนทำอาหารเหมือนกัน ซึ่งได้ความรู้จากเชฟมาพอสมควร ผมใช้เวลารับประทานทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมงครับ



สิ่งแรกที่เสิร์ฟ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย ซึ่งมีมาให้กิน 3 คำ อาหารเรียกน้ำย่อยคำแรก เรียกว่า ความสดชื่น ซึ่งจะเป็นลักษณะยำเยลลี่ที่ทำจากแตง กวา ใส่หอมหัวเล็ก มีซอสพอนซึ เสิร์ฟมาแค่ช้อนเดียว กินทั้งคำ อร่อยดี กินเข้าไปแล้วได้ความหอม



อาหารเรียกน้ำย่อยคำที่สอง เรียกว่า ระเบิด เสิร์ฟเป็นช้อนเหมือนกัน เต็มไปหัวบีทรูท มีวาซาบิของฝรั่ง โกทชีส รสชาติดีครับ อาหารเรียกน้ำย่อยคำที่สาม เรียกว่า กรอบ เอาหอยนางรมมาทำเป็นข้าวเกรียบแล้วเอาไปทอด เสิร์ฟกับครีมไปตีให้เกิดฟองและไข่ปลาคาเวียร์ ไม่คาวนะครับ กรอบ
สมชื่อ



มาที่อาหารทั้ง 9 คอร์ส จานแรกเป็น ปลาโบนิโต เป็นปลาของญี่ปุ่น มีแครอทต้มแล้วบดให้ละเอียด มีโยเกิร์ต น้ำชาที่ทำจากชามะลิ เย็นมาก อร่อย รสชาติดี



จานที่สองเป็น ไข่ตุ๋น เขาเอาไข่มาตุ๋นทำเป็นคัสตาร์ดกับเบคอน ใส่มิโซะ และเนยแข็ง ทำเป็นชั้น ๆ เวลากินต้องใช้ช้อนตักลงไปให้ครบทุกชั้น รสชาติดีเข้ากันมาก



จานต่อมา ฟัวกราส์เย็น โดยปกติฟัวกราส์จะเสิร์ฟได้ 2 แบบ คือ ฟัวกราส์เย็นกับฟัวกราส์สดที่ต้องเอาไปทอด แต่เมนูนี้เป็นฟัวกราส์เย็น ที่เรียกว่า เทอรีน ถ้าใครเคยกินจะทราบว่า อาหารประเภทนี้จะมีความมันและเลี่ยนมากพอสมควร แต่เชฟที่นี่เก่ง เขานำแอปเปิลเขียวมาผสมผสานให้เป็นหลายรูปแบบเพื่อตัดความเลี่ยน



โดยแบบแรกทำเป็นเชอเบทกับแชมเปญ อีกแบบหนึ่งทำเป็นแอปเปิลแห้งและกรอบให้กิน ยังมีอีกแบบทำเป็นเหมือนดอกแอปเปิ้ล และสุดท้ายทำเป็นแอปเปิ้ลตุ๋น ตกแต่งใส่จานได้อย่างสวยงาม เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมที่ทำจากถั่วเฮเซลนัท เวลากินต้องกินรวมกันจะได้รสชาติที่กลม กล่อม



หลังจากนั้นพนักงานเอาผ้าเช็ดมือมาให้ เพราะเราต้องใช้มือสำหรับเมนูต่อไป ซึ่งผ้าเขาจะทำมาเป็นก้อนเล็ก ๆ พอเอาน้ำร้อนราดลงไป ผ้าก็จะพองขึ้นมาแล้วนำมาเช็ดมือได้ พอเช็ดมือเรียบร้อย เขาก็เสิร์ฟ ขนมปังทำจากมันกับเนยฝรั่งเศสรมควัน ขนมปังข้างนอกกรอบข้างในจะนุ่มและมีกลิ่นหอม เมื่อกินคู่กับเนยจะได้ความกรอบอร่อย



ต่อมาเป็น หอยเชลล์ เอาหอยเชลล์ไปนาบกระทะแค่พอสุกเสิร์ฟกับหัวไชเท้าตุ๋นซึ่งเข้ากันดี นอกจากนี้ยังมีเห็ดเล็ก ๆ และมายองเนสเล็กน้อย มีน้ำซุปที่ทำจากตัวปลาหมึกย่างทำให้น้ำมีความเข้มข้น เขาใส่ลิ้นวัวย่างชิ้นเล็ก ๆ ลงไปในน้ำซุป รสชาติดีครับ



ถัดมาเป็น เนื้อปูกับหน่อไม้ฝรั่งและไข่นกกระทา เขาเอาไข่นกกระทาไปตุ๋นไม่สุกมากแต่ไข่แดงไม่ไหลออกมา แล้วราดซอสมาเป็นชั้น ๆ เวลากินต้องตักตั้งแต่ด้านบนให้ถึงข้างล่างแล้วค่อยกิน อร่อยเข้มข้นดีครับ



มาถึงอาหารหลักเป็น ปลาฮิราเมะกับผัก และซอสยูสุ เนื้อปลานุ่ม ซึ่งปลาชนิดนี้โดยมากเขานำมาทำซูชิกัน แต่เชฟที่นี่มีความคิดสร้างสรรค์เอามาปรุงสุกซึ่งเขาทำได้พอดี ได้ความหวานของปลา



อาหารคาวจานสุดท้ายคือ เนื้อแกะ โดยจะเสิร์ฟ 2 ชิ้น ในส่วนของชิ้นแรกจะเป็นพุงแกะที่หลังจากนำไปอบแล้วก็เอาไปทอดให้หนังกรอบ อีกชิ้นหนึ่งใช้สันนอกเอาไปอบเหมือนกันแล้วนำมาเสิร์ฟ เนื้อนุ่ม รสชาติดี ใส่เห็ดมอเรล ยิ่งอร่อยมากเลยครับ



ส่วนของหวาน เมนูแรกเป็น เยลลี่มะนาว เสิร์ฟเป็นเยลลี่มะนาวกับซอสครีมคล้ายคัสตาร์ดทำจากวานิลลา เขาเสิร์ฟใส่กล่องไม้มา เก๋ดีครับ ส่วนรสชาติเปรี้ยวนิด ๆ ของหวานอีกเมนูเป็น ซูเฟล่ เป็นครีมหวาน ๆ กินกับไอศกรีมที่ทำจากมะนาว รสหวานตัดเปรี้ยว อร่อยใช้ได้



สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการกินและอยากมีประสบการณ์ในการกินอาหารเป็นคอร์สแบบนี้ ต้องลองมากินกันดู เขาเปลี่ยนเมนูทุก ๆ สองเดือน ผมก็จะแวะไปกินเรื่อย ๆ ผมคิดว่าคุ้มค่าและได้ความรู้ด้วยครับ แต่ต้องจองโต๊ะล่วงหน้าเพราะที่ร้านสามารถรับรองนักชิมได้คืนละ 10 ท่านเท่านั้นครับ ลองไปกันดูนะครับ.

หมึกแดง
//www.mcdangguide.com