อากาศยามฝนพรำแบบนี้บางคนอาจจะรู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ...เห็นทีต้องหาของอร่อยๆ ร้อนๆ มาคลายหนาวกันซะแล้ว และวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาของห้องอาหารเน็กซ์ทู คาเฟ่ ของโรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ นี่แหละ ที่ขอเลือกเป็นสถานที่เช็กอินความอร่อย ห้องอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์แห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความหลากหลายของอาหารและวัฒนธรรม ที่ซ่อนเร้นความทันสมัยในโทนสีขรึมมาดมั่นแนวเอิร์ธโทน สอดรับกับเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบให้มีความสมดุลระหว่างแสงจากไฟและแสงจากธรรมชาติ แต่ยังคงเสน่ห์แห่งความอบอุ่นและเป็นกันเองได้อย่างลงตัว



นั่งรื่นชื่นชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามตะวันลับขอบฟ้า อาหารสัญชาติต่างๆ ก็ถูกวางเรียงรายให้เลือกอร่อยลิ้น แต่ที่พิเศษไปกว่าครั้งไหนๆ เพราะเชฟใหญ่อาหารเสฉวนแห่งโรงแรมแชงกรี-ลา เฉิงตู นามว่า เชฟตู้เฟย ลงทุนนั่งเครื่องบินมาประเทศขวานทอง เพื่อสร้างสรรค์อาหารเสฉวนรสจัดจ้านจากจังหวัดบ้านเกิด ที่รังสรรค์เมนูมากถึง 18 เมนู เริ่มด้วยอาหารจานเย็นเป็นออเดิร์ฟก่อนกับ เห็ดหูหนูดำหมักกับพริกและจิ๊กโฉ่ว จานนี้ไม่ได้ใช้เห็ดหนูหนูดำบ้านเรานะ แต่เป็นเห็ดหูหนูดำที่เชฟเขาขนมาจากเฉิงตู เพราะเนื้อของเห็ดจะนุ่มและหนากว่าของไทย นำมาล้างทำความสะอาดแล้วแช่น้ำเอาไว้ผึ่งให้แห้ง แล้วนำมาคลุกเคล้ากับกระเทียม พริกสดปั่น ปรุงรสด้วยจิ๊กโฉ่ว โรยหน้าด้วยต้นหอมสับ จานนี้ความเปรี้ยวนิดๆ ของจิ๊กโฉ่วเมื่อสัมผัสกับความกรุบๆ ของเห็ดหูหนูดำชูรสอย่าบอกใคร



ต่อด้วย เห็ดหลากชนิดหมักในน้ำมันงา จานนี้เหมาะสำหรับคนรักเห็ดโดยเฉพาะ ก็มีทั้งเห็ดหอม เห็นโคน และเห็ดเมจิ หั่นเป็นชิ้นพอคำ หมักในน้ำมันงาแล้วจึงนำมาคลุกเคล้ากับพริกแห้งหั่น ความอร่อยอยู่ที่รสสัมผัสเค็มๆ มันๆ เผ็ดเล็กๆ แต่อร่อยอย่าบอกใคร ส่วนคนรักปลาทั้งหลายต้องชิม ปลาทอดกับงา เนื้อปลาน้ำจืดจากจีนที่นำมาหมักในน้ำซอสสูตรเฉพาะ ก่อนจะนำมาชุบแป้งแล้วลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนเหลืองกรอบน่ารับประทานเป็นที่สุด



จานต่อไปที่มีรสเผ็ดร้อนสำหรับคนรักเนื้อวัว เครื่องในวัวหั่นบางกับเซเลอรี่ในน้ำมันพริก เนื้อวัวของไทยที่นำส่วนของหัวใจ สันคอ และเนื้อต้นขา นำมาต้มแล้วแล่เป็นชิ้นบางๆ คลุกเคล้ากับพริกสดปั่น หมาร่า (เครื่องเทศชนิดหนึ่งของเสฉวน) ขึ้นฉ่าย ซอสไก่ กระเทียม จานนี้ขอบอกเลยว่าเพียงคำแรกที่ลิ้นได้สัมผัสกับหมาร่า ปลายลิ้นงี้ชากันทีเดียว ใครชอบเมนูผักที่ไม่เผ็ดจัดนักต้องเลือก หัวผักกาดหมักในน้ำมันรสเผ็ด ผักบ็อกชอย หรือ ผักไต้หวันก้านขาว เชฟเขาเลือกเป็นไซส์เบบี้เพราะความอ่อนของผักจะฉายแววความกรอบ นุ่ม และหวานกว่าต้นใหญ่เป็นไหนๆ เมื่อนำมาหมักกับเกลือนิด พริกแห้งหน่อย ผสมกับน้ำมันรสเผ็ดร้อน กลมกล่อมลงตัวทันที



ถ้าชิมอาหารจานเย็นแล้วรู้สึกเลี่ยนไปสักหน่อย ต้องส่งอาหารจานร้อนอย่าง ซุปแปะก้วย มาซดลดความเย็นที่มีทั้งเนื้อหมูและเนื้อไก่ แถมยังได้คุณค่าจากแปะก้วย ต่อด้วยไก่ผัดพริกแห้ง ขอจัดให้เป็นอีกเมนูแสนเผ็ดตั้งแต่วินาทีแรกที่ลิ้นแตะ จานนี้เชฟใช้เนื้อไก่บ้านทุกส่วนมาปรุง อาจจะมีเนื้อติดกระดูกมากวนใจบ้าง แต่เหมาะนักสำหรับคนที่ชอบแทะเนื้อจากกระดูก และลิ้นต้องชาอีกครั้งเมื่อมาเจอกับหมาร่าที่ถูกสาดใส่ในจานนี้



มีแต่รสชาติเผ็ดร้อนของพริกสูตรเฉพาะของอาหารเสฉวน ต้องให้ของหวานแสนอร่อยมาดับอุณหภูมิลิ้นกับ บัวลอยไส้งาดำใส่เห็ดหูหนูขาว เมนูนี้ถ้าใครเคยชิมบัวลอยน้ำขิงย่านเยาวราช อาจจะต้องเปลี่ยนใจ เพราะบัวลอยของที่นี่เขาทั้งนุ่มและเนื้อบางแบบสุดๆ เพียงกัดคำแรงไส้งาดำหวานๆ หอมๆ ก็พุ่งกระจายทั่วปาก อร่อยจนต้องตักอีกลูกเข้าปากเลยล่ะ


นี่ยังไม่ครบ 18 เมนูความเผ็ดจัดจ้านเลยนะ ถ้าใครอยากลิ้มลองอาหารเสฉวนให้ครบต้องรีบนิด เพราะเขามีบริการเฉพาะมื้อกลางวันและมื้อค่ำ แล้วชิมฝีมือเชฟตู้เฟยคนนี้ได้ถึงวันที่ 24 มิถุนายนนี้เท่านั้นซะด้วย อยากสำรองที่นั่งยกหูกดเบอร์ 0-2236-9952 ก่อนได้เลย รับรองว่าได้ที่นั่งสวยๆ พร้อมชิมอาหารอร่อยๆ อิ่มท้องชัวร์...