bloggang.com mainmenu search









เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน และเครื่องดื่มเหล่านี้มักมี
คำโฆษณาที่เกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ
สารต้านอนุมูลอิสระกัน และเผยผลงานวิจัย 10 อันดับเครื่องดื่มที่มีระดับสารต้านอนุมูลอิสระ
สูงที่สุด งานวิจัยนี้ได้รับการเปิดเผยจากนักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียใน
ลอสแองเจลิส ได้ทำการทดลองและจัดอันดับ 10 เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุด โดยดูที่
ระดับสารแอนติออกซิแดนต์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ

หลายคนคงไม่ทราบว่าสารต้านอนุมูลอิสระคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ก่อนอื่นเรา
มาทำความรู้จักกับอนุมูลอิสระกันเสียก่อน ในวันหนึ่งๆ เราต้องทำกิจกรรมต่างๆ ในสภาวะ
แวดล้อมที่ต่างกันออกไป ซึ่งภายในร่างกายของเราขณะที่ทำกิจกรรมต่างๆ ร่างกายจะขับ
ของเสียต่างๆ ที่ร่างกายได้รับออกมา อนุมูลอิสระมีที่มาทั้งจากภายนอกร่างกายและภายใน
ร่างกาย ได้แก่ มลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ รังสียูวีจากแสงแดด รังสีแกมม่า
อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ยาบางชนิด เช่น ยาพาราเซตามอล เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้
เป็นอนุมูลอิสระที่มีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกาย

อนุมูลอิสระเหล่านี้จะเข้าไปทำลายดีเอ็นเอ และเนื้อเยื่อหุ้มเซลล์ต่างๆ เป็นปัจจัยเสี่ยง
ให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ภาวะข้อต่ออักเสบ ต้อกระจก และการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ
โดยปกติร่างกายคนเรา มีกลไกในการกำจัดอนุมูลอิสระได้เอง แต่เราสามารถรับประทาน
สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเข้าไปได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระนี้พบได้ในผักและผลไม้บางชนิด

และนี่คือรายชื่อ 10 อันดับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มากที่สุดโดยวัดจากระดับของสารต้าน
อนุมูลอิสระ
1. น้ำทับทิม


เป็นเครื่องดื่มที่นอกจากจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงแล้ว ยังอุดมไปด้วย แคลเซียม,
ฟอสฟอรัส, แมกนีเซียม และเหล็ก ซึ่งส่งผลดีต่อหัวใจและระบบการไหลเวียนของโลหิต







2. ไวน์แดง


มีความสามารถในการช่วยป้องกันการเติบโตของโรคมะเร็ง ในต่างประเทศมีคำแนะนำให้
ผสมไวน์แดงประมาณ 30 กรัมกับอาหารทุกวัน







3. น้ำเกรฟฟรุ้ต


อุดมไปด้วยวิตามินบีหลายตัว เคยมีงานวิจัยระบุถึงคุณประโยชน์ของเกรฟฟรุ้ตสามารถช่วย
บำรุงสมองให้มีความจำดีขึ้น, รักษาผิวให้มีความยืดหยุ่น และช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็ง
เต้านมอีกด้วย


[หลายคนคงยังไม่คุ้นเคย หรืออาจจะไม่รู้จักลูกเกรฟฟรุ้ต บ้างเข้าใจว่าคือมะนาว ส้มโอ
หรือแม้แต่คิดว่าเป็นองุ่นชนิดหนึ่ง เพราะได้ยินการออกเสียง และตัวเขียนก็ใกล้เคียงกับ
ตัวเขียนองุ่นในภาษาอังกฤษ แต่อันที่จริงแล้วลูกเกรฟฟรุ้ต ก็คือผลไม้ตระกูลเดียวกับ
มะนาวและส้มนั่นเอง ต่างกันตรงที่เกรฟฟรุ้ตจะมีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย มีรสชาติฝาด
กลิ่นแรง และแทบจะไม่มีความหวานเอาซะเลย ลูกเกรฟฟรุ้ตเป็นผลไม้ที่มีน้ำมากพอๆ กับ
ส้ม และมีคุณประโยชน์มากมายไม่แพ้กันเลยทีเดียว


ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลูกเกรฟฟรุ้ตจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 นิ้ว ลูกใหญ่กว่าผลส้ม และ
มีลักษณะแบน หรือเรียวตรงปลายจุกทั้งสองด้าน คำว่า เกรฟฟรุ้ต นี้ได้มาจากลักษณะการ
ออกลูก ซึ่งมักจะกระจุกกันอยู่บนต้นมองแล้วคล้ายกับพวงองุ่นนั่นเอง และด้วยรสชาติที่
ยอดเยี่ยมดังผลไม้ของสวรรค์ ทำให้ได้รับสมญานามเป็นภาษาละตินว่าเป็น Citrus
Paradise หรือซิตรัสจากสวรรค์เลยทีเดียว

ลูกเกรฟฟรุ้ตถูกค้นพบครั้งแรกที่ดินแดนอินดี้ตะวันตก หรือ West Indies และถูกนำมา
แพร่พันธุ์ที่ฟลอริดา ในปี 1820 ลูกเกรฟฟรุ้ตส่วนมากที่ปลูกอยู่ทางอเมริกาตอนเหนือ ก็ถูก
ปลูกที่ฟลอริดาเช่นกัน


ลูกเกรฟฟรุ้ตมีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ที่มากจาก ฟลอริดา ได้แก่


1. สีเหลืองอมขาว – ลูกจะมีสีขาวค่อนไปทางเหลืองอัมพันและแทบจะไม่มีเม็ดเลย
2. สีแดงทับทิม - ลูกจะมีสีชมพูค่อนไปทางสีแดงสด และมีเม็ดนิดหน่อย
3. สีแดงชาติ - ลูกจะมีสีแดงสดและแทบจะไม่มีเม็ดเช่นกัน


ลูกเกรฟฟรุ้ตสดสามารถเก็บได้ในพื้นที่เย็นที่ใดก็ได้ แต่ต้องแห้ง และถ้าอยากเก็บ
ได้นานมากขึ้น ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเท่านั้นแต่ต้องไม่เก็บไว้ในถุงพลาสติก หรือถาดพลาสติก
ที่ปิดมิดชิด เพราะจะทำให้เกิดราได้


น้ำเกรฟฟรุ้ตถือได้ว่าเป็นแหล่งวิตามิน ซี ชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว ซึ่งวิตามิน ซี นี้
สามารถช่วยสนับสนุนภูมิคุ้มกันในร่างกายให้เข้มแข็งขึ้น และช่วยปรับลดความหนาวเย็น
ในร่างกาย วิตามิน ซี ยังมีส่วนช่วยป้องกันมิให้อนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิด
อาการบวม แดง อักเสบ และอาการเจ็บปวดหลายอย่างในร่างกาย เช่น การปวดข้อ
ปวดกระดูก นอกจากนั้น อนุมูลอิสระยังเป็นตัวการทำให้คลอเลสตรอรอลแตกตัวและไป
เกาะตามผนังหลอดเลือด และทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม หรือเกิดอาการหัวใจวายได้
ที่สำคัญในน้ำเกรฟฟรุ้ตไม่มีไขมันอิ่มตัว คลอเรสเตอรอล หรือโซเดียมที่เป็นอันตรายต่อ
ร่างกายเลย ฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่มีรายงานการค้นคว้าหลายฉบับ ที่ทำให้เราทราบ
ว่า การบริโภคผักและผลไม้เป็นประจำ เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับร่างกาย ทำให้เราอยู่ห่างจาก
ความเสี่ยงในการเสียชีวิต จากโรคร้ายทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หรือมะเร็ง เป็นต้น






4. น้ำแบล็คเบอร์รี่


ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็น นอกจากนี้ ยังช่วยในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานและ
โรคท้องเสีย


[แบล็กเบอร์รี่สดเป็นแหล่งที่มีกรดฟีโนลิก วิตามินซี และโฟเลตสูงสุด ช่วยเสริมสร้างและ
ฟื้นฟูคอลลาเจนได้ ทำให้ผิวหนังเราไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร
แบล็กเบอร์รี่มีสารเคมีชนิดหนึ่งเรียกว่า Salicylate ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ
เช่น โรคมะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจ






5. น้ำเชอร์รี่


มีวิตามิน A ที่จำเป็นต่อฟันและตา, ธาตุเหล็กและวิตามิน C ช่วยต่อต้านโรคติดเชื้อ และ
พบว่าเชอร์รี่ช่วยลดการเจริญเติบโตของเนื้อร้ายหลายประเภท






6.น้ำอะซาอี


มีกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับการทำงานของสมองและระบบประสาท และยังช่วยบำรุงผิวหนัง
ชะลอความเสื่อมสภาพของผิว ผลไม้ชนิดนี้พบมากในป่าอเมซอน และนอกจากนี้น้ำอะซาอี
ยังได้รับความนิยมจากหมู่นักแสดงในฮอลลีวูดอย่างกว้างขวาง


[อาซาอี เป็นหนึ่งในผลไม้จากป่าฝนในแถบอเมซอน ที่มีสารอาหารสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย
วิตามินบี 1 (ไทอามีน) วิตามินบี 2 (ไรโบเฟวิน) วิตามินบี 3 (ไนอาซิน) วิตามินซี วิตามินอี
(โตโคพีรอล) เหล็ก โปรตัสเซียม ฟอสฟอรัส และแคลเซียม

นอกจากนี้ยังประกอบด้วย กรดไขมันที่มีประโยชน์ คือ โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 รวมทั้ง
กรดอะมิโนที่จำเป็น ซึ่งมีโครงสร้างโปรตีนคล้ายกับโปรตีนจากไข่ไก่

สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของอาซาอี คืออุดมด้วย แอนโธไซยานินส์ ซึ่งเป็นสารแอนตี้
ออกซิแดนท์สำคัญ อีกประการหนึ่งคือ ผลไม้ชนิดนี้มีแอนโธไซยานินส์มากกว่าองุ่นแดง
ถึง 33 เท่าทีเดียว

แอนโธไซยานินส์ เป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
ในร่างกาย

อาซาอี เป็นผลไม้มหัศจรรย์ ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก






7. น้ำแครนเบอร์รี่


ช่วยลดไข้ และรักษาอาการไข้หวัด

[แครนเบอร์รี่ (Cranberries) เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีผลเล็ก ๆ สีแดงสด รสชาติ
หวานอมเปรี้ยว มักจะปลูกในแถบประเทศอเมริกา และแคนาดา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้
ทานผลไม้นี้แบบสด ๆ กันสักเท่าไหร่ มักจะได้ทานแครนเบอร์รี่ในรูปแบบที่ผสมมากับอาหาร
ชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผลไม้ ซอส แยม โยเกิร์ต รวมทั้งแครนเบอร์รี่อบแห้ง
แครนเบอร์รี่ มีประโยชน์

แก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ


แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย จึงมีสรรพคุณต่อกรกับโรคกระเพาะปัสสาวะ
อักเสบ เนื่องจากในแครนเบอร์รี่มีสารหลายชนิด โดยเฉพาะสารแทนนิน ที่ช่วยหยุดการ
เกาะตัวของแบคทีเรียอี โคไล ที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะ คนที่เป็นโรคนี้ให้ดื่มน้ำ
แครนเบอร์รี่เข้มข้น ไม่มีน้ำตาลแก้วละ 250 มิลลิลิตรทุกวัน วันละ 3 แก้ว ถ้าจิบวันละ 1 แก้ว
จะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจาก
แครนเบอร์รี่วันละ 800 มิลลิกรัมก็จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้
ยังช่วยขจัดกลิ่นในปัสสาวะได้ด้วย


ช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากอากาศหนาว

แครนเบอร์รี่มีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่มากับอากาศหนาวได้ และยังเหมาะ
ที่จะนำไปทำเครื่องดื่มประเภทสมูธตี้ผลไม้ นำส้มคั้นลูกขนาดกลางหนึ่งลูก เกรปฟรุตครึ่งลูก
คั้นเอาแต่น้ำใส่ในเครื่องปั่น เติมแครนเบอร์รี่ 2 กำมือและกล้วย 1 ผลลงไป ปั่นให้เข้ากัน
ดื่มเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน และช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหมือนอยู่ในฤดูร้อนที่
แสนสดใส ผิวพรรณและริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่น


แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซี และแอนตี้ออกซิเดนท์จำนวนมากที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น
จึงเหมาะที่จะนำไปทำเป็นลิปมัน เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งแตกในช่วงหน้าหนาว โดยนำ
แครนเบอร์รี่ 10 ผลผสมกับน้ำมันสวีทอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันวิตามินอี
1 หยด ไปต้มจนเดือด นำส่วนผสมที่ได้ไปบดให้ละเอียดผ่านกระชอน เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
นำมาทาเวลาปากแห้ง


นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า ในแครนเบอร์รี่มีสารโปรแอนโธไซยานิดีน (Proanthocya
nidine) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสีกลุ่มสีม่วงที่ดีกับสุขภาพเส้นเลือดอีกด้วย แถมยังช่วย
ป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้อีกต่างหาก






8. น้ำส้ม


พิ่มความต้านทานของร่างกาย ช่วยป้องกันไข้หวัด, ลบความเมื่อยล้า, บำรุงสมองและ
หลอดเลือด






9.น้ำชา


ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคติดเชื้อหลายชนิด น้ำชาที่ปรุงสดใหม่จะมีคุณค่าสารอาหาร
มากกว่าน้ำชาที่บรรจุพร้อมดื่มในขวด






10. น้ำแอ๊ปเปิ้ล


สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำแอ๊ปเปิ้ลช่วยป้องกันโรคหัวใจ และมะเร็ง โดยทั่วไปน้ำแอ๊ปเปิ้ล
พร้อมดื่มมักเป็นแบบใส ซึ่งเกิดจากการทำให้น้ำแอ๊ปเปิ้ลที่คั้นได้ซึ่งมีความขุ่นผ่าน
กระบวนการตกตะกอน แต่คุณค่าสารอาหาร น้ำแอ๊ปเปิ้ลแบบใสนี้จะต่ำกว่าน้ำแอ๊ปเปิ้ล
แบบขุ่น



นี่คือ สุดยอดเครื่องดื่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และเชื่อว่าจะสามารถป้องกัน
โรคร้ายแรงได้ดีที่สุด จึงควรหันมาสนใจดื่มกันให้มาก ดีกว่าดื่มน้ำอัดลมหรือสุราเบียร์
ซึ่งมีแต่จะทำลายสุขภาพ



ข้อมูลโดย อินเตอร์เน็ต









Create Date :04 มิถุนายน 2556 Last Update :4 มิถุนายน 2556 11:46:20 น. Counter : 2335 Pageviews. Comments :1