เมื่อครั้งที่ “แม่ลิ้นจี่” ยังอยู่ในวัยเยาว์ ขนมหวานที่โปรดปรานมาก นั่นก็คือ “น้ำแข็งไส” ที่เขาจะใส่มาสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกชิด เฉาก้วย ขนมปัง เม็ดแมงลัก ลูกตาล ข้าวเหนียวดำ โอ้ยย…สารพัดที่สะใส่กันมา โปะด้วยน้ำแข็งเกล็ดละเอียดยิบ ราดด้วยน้ำแดงหอมหวานเย็นชื่นใจ..อร่อยซะจนใครจะเอาไอศกรีมโฟร์โมสมาแลกก็ไม่ยอม (สมัยนั้นยังไม่มีเซเวนเซ่น) และเมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมานั้น มีร้านขายน้ำแข็งไสเจ้าอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง ตั้งอยู่ในซอยโรงหมูใกล้กับวัดไตรมิตร โดยมี “คุณอยู่คุย” ต้นตำรับรุ่นเตี่ยเป็นเจ้าของร้าน ต่อมาจึงโยกย้ายร้านมาเปิดขายอยู่ในย่านตลาดสวนหลวงปทุมวัน (จุฬาฯ) โดยมี “คุณสมชาติ คงศักดิ์ศรีสกุล” ทายาทรุ่นลูกคอยช่วยงานสารพัด ไม่ว่าจะขายขนม ล้างถ้วย ซึ่งในยุคนั้นเขาจะขายแค่เพียงถ้วยละ 25-50 สตางค์


ต่อมาเมื่อสืบทอดความอร่อยมาถึงรุ่นลูก คือ “คุณสมชาติ” จึงได้พัฒนารูปแบบจากน้ำแข็งไสธรรมดาจนกลายมาเป็นน้ำแข็งไสที่ไม่ธรรมดา เพราะได้เพิ่มเติมท็อปปิ้งใหม่ๆ ขึ้นมาอีกกว่า 50 ชนิด จนมีสีสันสดใสน่ารับประทาน และตั้งชื่อว่าร้านน้ำแข็งไส “เช็งซิมอี้” ซึ่งคำว่า “เช็งซิม” แปลว่า “สบายใจ” ส่วนคำว่า “อี้” หมายถึงแผ่นแป้ง รวมความได้ว่า “แผ่นแป้งสบายใจ” อะไรประมาณนั้น ส่วนน้ำแข็งไสก็มีให้เลือกสั่งกันมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตีทึงหรือเต้าทึง 30-40 บาท, แปะก้วย-พร้าว-เผือก 40 บาท, ซ่าหริ่ม-ทับทิม-มะพร้าว 30 บาท, แปะก้วย 5 ขุนพล 40 บาท, บัวลอยน้ำขิง-แปะก้วย 40 บาท ฯลฯ


ซึ่งที่ร้านนี้จะเป็นธุรกิจแบบครอบครัว เมื่อขายดิบขายดีจนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย จึงได้ให้ “คุณวรรณิดา” ภรรยาเป็นผู้ดูแล ต่อมาคุณสมชาติจึงขยายกิจการมาเปิดสาขาอยู่ที่ซอยอุดมสุขในย่านบางนา จากร้านน้ำแข็งไสจึงได้เพิ่มทางเลือกใหม่ให้ลูกค้าด้วยเมนูจานเด็ดซึ่งมีทั้ง เป็ดย่างฮ่องกง ข้าวหน้าเป็ด บะหมี่เป็ดย่าง บะหมี่เกี๊ยว ข้าวหมูแดงหมูกรอบ ฯลฯ โดยมีพี่สาวคือ “เจ๊จู” เป็นผู้ควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ส่วนขนมหวานอร่อยที่จะแนะนำกันในวันนี้ก็มี



5 ขุนพลสมุนไพรจีน..เป็นขนมหวานสูตรสมุนไพร 5 ชนิด ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ อาทิ แปะก้วย-บำรุงสมอง, แป๊ะฮะ-ละลายเสมหะบำรุงปอด, รากบัวจีน-แก้ร้อนในแก้ไข้, เกาลัค-เกากี้-บำรุงสายตาบำรุงผิว, เห็ดหูหนูขาว-ช่วยไม่ให้เลือดข้น ทุกอย่างจะผ่านการต้มเชื่อมมาอย่างดี ใส่น้ำแข็งไสราดด้วยน้ำเชื่อมหวานหอม ในราคาถ้วยละ 40 บาท



แปะก้วย-มะพร้าว-เผือก..ถ้วยนี้เขาจะใส่เม็ดแปะก้วยสีเหลืองที่ต้มเชื่อมจนเข้าเนื้อใน มะพร้าวกะทิเชื่อมเคี้ยวกินได้หนึบหนับ เผือกแก่ที่ต้มเชื่อมด้วยน้ำตาลจนเข้าเนื้อร่วนซุย โปะด้วยน้ำแข้งไสเกล็ดละเอียด ราดด้วยน้ำเชื่อมและหัวกะทิคั้นกันสดๆ หอมมัน ในราคาถ้วยละ 40 บาท



ซ่าหริ่ม-ทับทิม-มะพร้าว..ถ้วยนี้ก็น่าลิ้มลอง เวลาวัยรุ่นสั่งเขาชอบบอกกันสันๆ ว่า…หริ่ม…ทิม…พร้าว ก็เป็นที่รู้กันของคนขายตามประสาวัยรุ่น ในหนึ่งถ้วยเขาจะใส่เส้นซ่าหริ่ม ทับทิมกรอบ และมะพร้าวกะทิเชื่อม โปะด้วยน้ำแข็งไส ราดด้วยน้ำเชื่อมรสหวานชื่นใจ หยอดตามด้วยหัวกะทิเข้มข้น รสชาติทั้งหวาน…ทั้งหอม…ทั้งมัน ในราคาถ้วยละ 30 บาท



ขนมปังจ้ำบ๊ะ..ขนมถ้วยโปรดของแม่ลิ้นจี่เมื่อครั้งยังเยาว์วัย เขาจะนำขนมปังหั่นเป็นสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก โปะด้วยน้ำแข็งไสเย็นฉ่ำ ราดด้วยน้ำสละหรือน้ำแดง โรยหน้าด้วยนมข้นหวาน แต่ของร้านนี้เขาเพิ่มเติมสีสันด้วยไข่มุกเม็ดใสๆ สีแดงสีเขียว ได้กินทั้งขนมปังที่อมน้ำแดงไว้ชุ่มฉ่ำ บวกกับเม็ดไข่มุกนุ่มนิ่มกลอกกลิ้งอยู่ในปาก ในราคาถ้วยละ 30 บาท



ส่วนเมนูจานเด็ดของที่นี่ก็มี “บะหมี่เกี๊ยว-เป็ดย่าง-หมูกรอบ” เขาใช้เส้นบะหมี่ไข่ทำเองเส้นเล็กเหนียวนุ่ม ลวกน้ำร้อนจนสุกได้ที่พร้อมผักกวางตุ้ง คลุกเคล้าด้วยกระเทียมเจียว โปะด้านบนด้วยเป็ดย่างที่หั่นสไลด์มาเป็นชิ้นพอคำ เกี๊ยวกุ้งลูกใหญ่ หมูกรอบหั่นเป็นชิ้นกำลังดี ราดด้วยน้ำเป็ดย่างตำรับฮ่องกง ความอร่อยอยู่ที่บะหมี่เส้นนุ่มละมุนลิ้น เป็ดย่างหนังกรอบเนื้อแน่น เกี๊ยวที่มีเนื้อกุ้งล้วนๆ เคี้ยวกินได้เต็มปากเต็มคำ หมูย่างเคี้ยวกินได้กรอบกรุบสนุกปาก บวกกับน้ำเป็ดย่างรสหวานเค็มหอมกลิ่นเต้าเจี้ยว สั่งมาลองชิมกันได้ ในราคาชามละ 70 บาท



ยังมีของอร่อยทั้งคาวและหวานอีกมากมายที่สาธยายกันไม่หมดในที่นี้ ว่างๆ ก็ลองแวะมาเยี่ยมชิมกันเองได้ ที่ร้าน “เช็งซิมอี้” จะเปิดบริการกันทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-01.30 น. สถานที่ตั้งจะอยู่ริมถนนปากซอยอุดมสุข 49 ส่วนที่สาขาสวนหลวงปทุมวัน จะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 12.00-24.00 น. นอกจากนี้ ที่นี่เขายังมีบริการรับออกงานเลี้ยงนอกสถานที่ โทร.มาสอบถามเพิ่มเติมกันได้ที่ 0-2748-8533 และ 08-9770-2618 ที่สาขาสวนหลวง โทร. 0-2214-0612…

โดย “แม่ลิ้นจี่พาชิม ปีที่ 12”