เกิดมาเพิ่งเคยมีผู้ชายซื้อ palette ให้โดยไม่ได้ฝากซื้อ
ขออวดซัก 1 บล็อคแล้วกัน ออกตัวก่อนว่าผู้ชายที่ว่าไม่ใช่แฟน นิสัยแบบนี้ก็อยากเอามาเป็นสามีอยู่ แต่พอดีเค้ามีครอบครัวแล้วเนี่ยสิ แฮ่
เรื่องของเรื่องก็คือว่า ฮีเป็นฝรั่งที่เราดีลงานด้วยบ่อย ๆ ฮีอยู่ญี่ปุ่น แต่ฮีก็เดินทางมาไทยและประเทศเพื่อนบ้านไทยบ่อยมาก บ่อยจนลูกเมียจะลืมฮีอยู่แล้ว แล้วทุกครั้งที่ฮีมาเมืองไทย ฮีจะซื้อช็อคโกแลตมาฝากทุกครั้ง
แล้วเราก็ไม่เคยได้กินซักครั้ง เพราะเราไม่ชอบกินช็อคโกแลตแบบนี้ หรือที่มันเป็นบาร์หรือที่มันเป็นแผ่น ๆ แพง ๆ พวกช็อคโกแลตแท้ทั้งหลาย เราก็ไม่ชอบ
แต่เราก็ไม่ซีเรียสนะ ก็แบ่งพี่ ๆ ที่ทำงานที่เป็นฝรั่งและคนไทยที่เค้าชอบกิน เพราะฝรั่งมันชอบช็อคโกแลตแท้แบบนี้อยู่แล้ว
ช็อคโตแลตที่ชอบตอนนี้มีอยู่ 2 อันเอง คือ Timtam ของออสเตรเลีย ซึ่งหาซื้อได้ในท็อปส์
กับ Ovaltine Crunchy Biscuit ของสวิสแท้ ซึ่งเมืองไทยไม่มีขาย ใครไปสวิสทีไร เราฝากเค้าหิ้วกลับมาทุกที แต่ก็แอบเกรงใจ เพราะมันก็หนักอยู่ เมืองไทยก็มีขายใน 7-11 แต่ความอร่อยต่างกันฟ้ากับเหว
หลังจากฮีซื้อช็อคโกแลตมาทุกครั้งจนเริ่มสนิทกัน เราก็พูดเล่น ๆ ว่า วันหลังยูมาเมืองไทยนะ ขอเป็น make up หรือลิปสติกแทนกล่องช็อคโกแลตได้มั้ย เพราะชั้นไม่กินช็อคโกแลต ฮีก็ส่ายหน้า แล้วบอกว่า ไม่ได้หรอก ยูน่ารักตามธรรมชาติอยู่แล้ว You don't need make up
คือวัฒนธรรมฝรั่งเนี่ย เค้าไม่ซื้อของพวกนี้ให้กันนะ เพราะเหมือนกับเป็นการด่ากลาย ๆ คือเหมือนกับว่า ถ้าซื้อเครื่องสำอางให้ แสดงว่าเค้าไม่สวยพอ ต้องใช้เมคอัพ มันไม่สุภาพ เค้าเลยไม่ซื้อพวกเครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอมให้กัน ส่วนใหญ่ก็ซื้อเป็นของกินมากกว่า
เราก็ขำ ๆ ไป ไม่เป็นไร ก็ได้แต่บอกรสของช็อคโกแลตไป อารมณ์ว่า เค้าชอบกินช็อคโกแลตรสคาราเมลกับสตรอเบอรี่ แล้วเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศเค้าไม่ชอบ เราก็บอกว่าวันหลังยูอย่าซื้อรสนี้มานะ แล้วก็บอกให้ซื้อรสที่คนในที่ทำงานชอบเอา เพราะพี่เค้าก็คงไม่กล้าบอกกัน เพราะเค้าดีลงานกับเราไง เราเลยกล้าบอก ไม่งั้นไอ้กล่องนั้นก็จะดองอยู่ในตู้เย็นออฟฟิศเราเป็นปีก็ไม่หมด
และแล้ว วันก่อน ฮีก็มาเมืองไทย แวะมาออฟฟิศเราเพื่อจะ say hi แล้วก็ยืนกล่องดำ ๆ มาให้เรา เราก็ถามว่าอะไรเหรอ ฮีก็บอกว่าช็อคโกแลต เราก็เลยรับมาแล้วจะไปยื่นให้ฝรั่งร่วมงานข้าง ๆ เพราะเป็นของโปรดแก
แต่ฮีบอกว่า อย่าเพิ่ง เปิดดูก่อน เราก็เลยเปิดดู โอ้โห ไม่น่าเชื่อ อยากจะกรี๊ดซะลั่นออฟฟิศแล้วไปกระโดดกอดแก แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ เพราะไอ้กล่องดำ ๆ นั่น มันคือ
LANCÔME ABSOLU VOYAGE - BLOSSOM EDITION MAKE UP PALETTE
ลองมองตาแกด้วยสายตาระยิบระยับเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นใหญ่ แล้วขอบคุณแกไปหลายครั้งมาก
คือจริง ๆ ที่เราพูดเล่นไว้เนี่ย เราแค่อยากได้ palatte อารมณ์ NYX หรือ Maybelline ที่มันไม่มีขายในเมืองไทยก็ดีใจมากแล้ว นี่ได้ลังโคม จะเป็นลม เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายซื้อของแพงแล้วก็เป็น make up palette แบบนี้มาก่อน เล่นเอาสติแตก ทำงานไม่ได้ไปเป็นชั่วโมงเลยทีเดียวชั้น
คือมันอลังการมากกว่าที่เราคิดไว้มาก แล้วมันเป็นลังโคมด้วยไง มันแพงงงง หรูหรา ไม่เข้ากับเราสุด ๆ ฮา ๆ แล้วมันเป็น limited-edition ด้วย ยิ้งปลื้มเข้าไปใหญ่ แล้วมันมีครบหมดเลย ทั้งตา แก้ม ปาก ยกเว้นคิ้วมั้ง
มาดูกันว่ามันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
The set contains a concealer powder blusher six eye shadows mascara a black kohl eyeliner, three lipstick shades and a mini lip pencil.
Also included are four professional-sized accessories a lip brush an eye shadow brush a powder brush and a powder puff
มาดูรูปที่เราถ่ายไว้กัน กล่องสีดำ ๆ ที่เรานึกว่ากล่องช็อคโกแลตเหมือนเคย ๆ
เปิดออกมาชั้นแรก มีแผ่นพลาสติกใสลายซากุระสวยงาม หรูหรา
เปิดลิ้นชักข้างล่างมาอีกชั้นเป็นตัวเต็ม
ซูม ๆ ขวาบน ดำ ๆ นั่นคือมาสคาร่า ซึ่งคงไม่ได้ใช้ เพราะตอนนี้ไอ้ต่อมน้ำตาอุดตันยังไม่หายเลย T-T รอยข่วนบนเนื้อลิปนี่เพิ่งเป็นนะ เพราะเราถ่ายบนดาดฟ้าเอาความสว่าง แล้วลมมันแรง ฝุ่นมันเลยเข้ามาข่วน
ซูม ๆ ซ้ายบนกันบ้าง เนื้อแป้งจะขาวไปไหน ถึงอิชั้นจะขาว แต่คงขาวไม่ได้ฝรั่งในลังโคมหรอกมั้ง คงต้องเป็นไฮไลต์แทน
มาซูมแปรงด้านล่างกันบ้าง เป็นแปรงปัดแก้ม แปรงทาตา ทาลิป
แล้วตรงกลางเป็นดินสอเขียนตากับเขียนขอบปากแล้วก็พัฟจิ๋ว (ใครจะใช้เนี่ย จับยังไม่ถนัดเลย) แต่เอามารวมกันมันดูสวย อลังการมาก
ขอจบด้วยรูปรวม ๆ นี้แล้วกัน
ขอไม่ swatch สีให้ดูนะ เพราะยังไม่อยากจะใช้หรือแตะต้องมัน มันเหมาะสำหรับตั้งโชว์มากกว่านะเนี่ย
แต่เดี๋ยวเลิกเห่อก็คงใช้แหละ แต่คงเก็บไว้ใช้ที่บ้าน ไม่พกไม่ไหน เพราะเชื่อว่าถ้าเราแตะ eye shadow แล้ว ผงมันคงเลอะเทอะน่าดู
คือสำหรับคนอื่นเราไม่รู้นะ แต่สำหรับเรา เวลาทำงาน นอกจากขนมที่เค้าซื้อมาฝากทั้งออฟฟิศแล้ว เราไม่เคยได้รับของแบบนี้จากคนที่ดีลงานด้วยหรือคนที่ไปเมืองนอกกลับมาเลย ไม่นับที่เราฝากเค้าซื้อแล้วเราจ่ายเงินตอนที่เค้าซื้อกลับมานะ แต่การได้ของฟรีแบบไม่รู้ตัวแบบนี้ ไม่เคยเลย ตั้งแต่ทำงานมาจะ 10 ปี เราเลยค่อนข้างปลื้มมากกับของชิ้นนี้
ไม่เหมือนเพื่อนเรานะ เพื่อนเราก็เป็นคนงกมาก (อ้าว เม้าเพื่อนซะละ แต่เราก็สนิทและรักกันนะ) งกขนาดว่า เราชวนออกไปเที่ยว ดูนิทรรศการกันไรเงี้ย เธอก็จะบอกว่า ไม่เอา เปลืองตัง เราก็บอกว่าแหม เปลืองค่ารถนิดหน่อยเอง เธอบอกว่า ไม่เองนะ เปลืองตังตั้งแต่ต้องซักเสื้อ รีดเสื้อสำหรับใส่ออกจากบ้านแล้ว (โห เราไม่เคยคิดถึงขนาดนั้นเลย)
เพื่อนคนนี้เธอเป็นเลขานายใหญ่ แล้วนายเธอ(คนไทย)เค้ามีบ้านอยู่เมกา เวลาเค้ากลับบ้านไปเยี่ยมลูกเมีย ตอนกลับเค้าก็จะซื้อกระเป๋า Coach มาให้
เราฟังนี่ตาโตเลยนะ แต่เพื่อนเรามันไม่บ้าแบรนด์ ไม่แต่งตัว แทบไม่แต่งหน้า แค่ทาแป้ง ทาลิปกลอสนิดหน่อย เลยไม่รู้จักแบรนด์เนมเท่าไหร่ (แต่เราก็รู้ไม่เยอะหรอกนะ) เค้าได้ เค้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกว่าเป็นกระเป๋าใบเล็ก ๆ ใบนึงซึ่งใส่ของอะไรไม่ได้มาก แต่ได้ฟรีจากนายก็เลยต้องถือซะหน่อยอะไรประมาณนี้
แล้วเธอเล่าให้ฟังว่าเธอจะไปเที่ยวเมกา เราก็ตกใจ เพราะขนาดชวนไปเดินเล่นในกรุงเทพฯ เธอยังไม่ไปเลย เพราะไม่อยากเสียเงิน อยู่บ้านดีกว่าไม่ต้องเสียเงิน ก็ถามว่าอะไรทำให้เธอเสียเงินหลายหมื่นไปเที่ยวเมกา เธอก็บอกว่าพักบ้านนาย นายพากิน พาเที่ยว (ไม่รู้ออกค่าตั๋วให้รึเปล่า) เพราะเธอเล่นบ่นระงมกับค่าวีซ่าไม่กี่พัน (แต่เธอได้มา 10 ปี คุ้มจะแย่)
แล้วเพื่อนคนนี้โชคดีมาก นายไปไหนก็จะซื้อเครื่องสำอางที่เมืองไทยขายแพงกลับมาให้ตลอด จนเธอไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่ต้องได้ถ้านายกลับจากเมืองนอก แล้วก็จะบ่นว่าอันนี้ซื้อมาให้ทำไม ไม่ได้ใช้ หรือกระเป๋าใบนี้ซื้อมาทำให้มันเล็กเกินไป ฯลฯ
แล้วเธอก็มีพี่ร่วมงานที่ดีมาก เวลาพี่คนนี้เลิกเห่อ เลิกใช้อะไรก็จะโล๊ะให้เธอหมด อยู่ ๆ เราก็เห็นว่าเธอมี iphone ใช้ เราก็แบบ ไม่เชื่อว่าเธอจะซื้อใช้แน่นอน เธอก็เลยบอกว่าพี่ที่ทำงานที่สนิทกันเค้าเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่กว่า จึงยกเครื่องนี้ให้เธอ แล้วก็มีอีกหลายอย่างที่เป็นของมียี่ห้อแล้วเธอได้มาฟรี ๆ
ซึ่งมีอยู่ครั้งนึง เธอเอาลิปมันมาให้เรา ซึ่งก็มียี่ห้อพอสมควร เราก็ถาม(เหมือนรู้)ว่าใครให้มาล่ะ เธอก็บอกว่าเจ้านายให้มา แต่ใช้แล้วมันเย็นปาก ไม่ชอบ เลยเอามาให้ ว่าแล้ว ว่าคงไม่ได้ซื้อมาเองหรอก ถึงได้กล้ายกให้เพื่อนได้ ฮา ๆ
ที่เม้าเพื่อนเนี่ย ไม่ใช่อะไรหรอก คือจะแสดงให้เห็นความแตกต่าง ระหว่างเรา ที่ไม่เคยได้อะไรแบบนี้เลย (ซึ่งเราคิดว่า ถ้าเราได้แค่ลิปมัน 1 แท่งจากเมืองนอก เราก็ดีใจจะแย่แล้ว) กับเพื่อนเรา ที่แทบไม่เห็นค่าอะไรกับของแพงที่เจ้านายซื้อมาให้บ่อย ๆ เลย
เราก็บอกฝรั่งที่ซื้อมาให้เรานะ บอกว่ายูไม่ต้องซื้ออะไรมาให้ไอแล้วนะจากนี้ไป 5 ปี เพราะใช้คงใช้ palette นี้ไม่หมดแน่ ๆ
ซึ่งตอนนี้เราก็คิดว่าจะซื้ออะไรกลับให้ฮีดี เพราะมันยากนะ เพราะบอกเค้าได้ว่าเราอยากได้อะไร แต่สำหรับเค้า เค้ามาบ่อย เค้าคงซื้อของที่เค้าอยากได้ง่ายอยู่แล้ว
ตอนนี้เลยทำได้แต่ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับน้ำใจของเค้าในครั้งนี้ เรารู้ว่าที่ครั้งนี้เค้าซื้อให้เราเพราะเค้าให้เราแก้งานให้เค้าหลายตัว เราเค้าบอกเราผิด และเค้าก็ยอมรับผิด เราก็ยุ่งวุ่นวายกับตัวเลขที่ต้องแก้งานให้เค้าพอสมควร แต่เราก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่าอะไรเลยนะ เพราะรู้อยู่แล้วว่าการทำงาน มันผิดพลาดกันได้ แล้วใคร ๆ ก็เคยทำผิด
เค้าก็ขอโทษเรา เราก็ขอบคุณเค้าไป ตอนนี้เราหายกันนะ ต่อให้ผิด ตัวเลขยุ่งวุ่นวายกว่านี้ 10 เท่าก็จะยอมอดหลับ อดนอนแก้และย้ายให้นะคะ ขอบคุณจริง ๆ หรือนี่จะเป็น "ปาฏิหาริย์แห่งการสำนึกรู้คุณ" ที่เราพูดถึงไปในบล็อคที่แล้ว
Create Date : 19 พฤษภาคม 2555 |
|
5 comments |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2555 18:37:29 น. |
Counter : 6914 Pageviews. |
|
|
|
น่าเล่น เอ้ย น่าใช้มากๆเลยคุณลีลี
สีถูกใจโนบูตะจังค่ะ(แต่ส่วนมากโทนสีที่โนบูตะเลือกแต่งกับหน้าจะเป็นโทนสีส้มทองๆ แต่สีชมพูก็นานๆครั้งบ่อยอยู่เหมือนกันค่ะ)
สารภาพก่อนว่า โนบูตะเองก็ไม่เคยใช้ของแพงๆมียี่ห้อแบบนี้เหมือนกันค่ะ (สมัครสมาชิกโอเรียลทอลเอาไว้ก็เป็นเพื่อนหรือพี่ที่ทำงานยืมไปใช้ซะส่วนใหญ่ ประมาณว่าส่วนลดตรงกับวันที่เค้าว่างไปกันพอดี)
เราว่า เครืองสำอางหรือของแต่งหน้าที่เป็นแบบกิฟท์เซตแบบนี้นี่เหมือนเป็นของเล่นสำหรับผู้หญิงเราเลยนะคะ
เวลาเห็นแล้วมันน่าหยิบมาใช้ โนบูตะชอบแต่งหน้าแบบอ่อนๆค่ะ ส่วนมากจะเน้นที่ตา(เพราะเราเป็นคนตาตี่^^)
และก็จะสนุกและแฮปปี้มากที่ได้ลองสีนุ้นเล่นสีนี้เลือกสีที่เหมาะกับหน้าและตัวเราแบบนี้น่ะค่ะ
ก็ผู้หญิงนี่เนาะ : )
อ้อ เราลืมบอกไปค่ะ
ก่อนหน้านี้เราใช้แป้งพัฟท์ของโอเรียลทอล
สำหรับเราแล้วราคามันก็พอได้อยู่(ออกไปทางแพงหน่อยซึ่งส่วนมากก็จะเลือกซื้อตอนที่ลดชิ้นที่สอง 50 เปอร์เซนต์) แล้วก็พอดีว่าเข้ามาอ่านรีวิวที่ลีลีเขียนไว้เกี่ยวกับแป้งพัพฟ์มีสทีนรุ่นที่อั้มใช้น่ะค่ะ(ตลับเป็นรูปโบว์)
เราก็ลองหามาใช้ ปรากฎว่า เราอยากขอบคุณลีลีเหลือเกินค่ะ แป้งถูกกับจริตหน้าเรามาก(ฮ่าๆๆ)
ติดทน เนียน (ในราคาที่save กระเป๋าเรามากเลยค่ะ)
เพื่อนชอบคิดว่าเราน่ะต้องใช้เครื่องสำอางยี่ห้อแพงๆแน่ๆ (สงสัยเหมือนกันว่ามันดูจากตรงไหน ^^)แต่เราก็บอกไปว่า ม๊ายยยนะ เราใช้ของถูกนะ ส่วนใหญ่ก็ดูที่ยี่ห้อและความถูกจริตกับหน้าเราด้วย แต่ก็จะดูราคามาคู่ๆกัน ยี่ห้อแพงๆเนี้ย ส่วนมากก็จะแบบแยกซื้อ นานๆครั้ง ก็ถือเป็นรางวัลหรือของขวัญให้ตัวเองด้วย
แต่ถ้ามีโอกาส ก็อยากได้มาใช้เหมือนกันน๊า
ลังโคมสีพาสเทลหวานๆแบบนี้
ขอให้สนุกกับการแต่งหน้านะคะ