Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
21 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
วิธีดูแลสุขภาพประจำวันของสาวออฟฟิศขี้โรค ทั้งปวดหลัง ปวดสะโพก ปวดก้น ปวดฝ่าเท้า



English version on how to stretch piriformis syndrome, buttocks, hip pain, groin pain?

Please visit the below link:

Best Stretching Exercises for piriformis syndrome, buttocks, hip pain, groin pain



หลังจากผ่านปีใหม่เริ่มปีชงมานี่
เจ็บหลายที่เหลือเกิน
ซึ่งทุกอาการตั้งแต่ต้นปีก็ได้เล่าไปหมดแล้วในบล็อคก่อน ๆ

ทั้งท่อน้ำตาที่ตอนนี้ก็ยังอุดตันอยู่ แต่ก็ดีขึ้นเยอะ
ไม่มีหนองหรือใครมองว่าเป็นขี้ตาออกมาแล้ว
แต่น้ำตาออกมาก็ยังขังอยู่ที่ตาเพราะรูดูดกลับมันตัน
แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้น คือถ้าอยู่บ้านไม่ไปที่สกปรก น้ำตาก็ไม่ผลิตออกมา
ใครอยากรู้ว่าอาการเป็นยังไง อ่านละเอียดได้ที่บล็อคก่อนหน้านี้ของเรา

เอาตาไปให้หมอเอาเข็มแทง กับโรคท่อน้ำตาอุดตัน เอาตาไปให้หมอเอาเข็มแทง กับท่อน้ำตาอุดตัน

ส่วนที่ปวดก้น หรือ ปวดสะโพกหรือเรียกว่า Piriformis Syndrome ก็ดีขึ้น
แบบว่านั่งได้นาน 2-3 ชั่วโมงได้แล้ว
ก่อนหน้านี้นั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเจ็บจี๊ด
เพราะกล้ามเนื้อสะโพกมันเกร็งตัวจนไปบีบเส้นประสาท

อยากรู้ละเอียดก็อ่านได้ที่บล็อคก่อน ๆ ของเรานะ

ปวดสะโพก+ก้น ไปหามา 3 รพ.ทั้งกิน ทั้งฉีดก็ไม่หาย สุดท้ายเพิ่งมารู้ว่าตัวเองรักษาผิดวิธีมาตลอด

และ


เอาสะโพกไปให้หมอฉีดยาเข้าเส้นเอ็นมา ออฟฟิศซินโดรม สาเหตุและวิธีหลีกเลี่ยง


แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้น นั่งได้นานขึ้น แต่ตอนนั่งก็มีปวด ๆ เหมือนกันนะ
แต่ปวดแบบพอทนได้ เหมือนคนนั่งหน้าคอมนาน ๆ แล้วปวดบ่า ไหล่ คอ นั่นแหละ
แบบว่าปวดแบบทนได้

แล้วปวดข้อพับที่ขาตอนไปเชงเม้ง
ลงบันไดไม่ได้ไปอาทิตย์นึง
อ่านความทรมานได้ที่บล็อคก่อนหน้านี้

สะโพกเริ่มหายเจ็บ ตาเริ่มหายมัว แต่ขาดันมาเจ็บ ปีชงของจริงสินะ

ตอนนี้ก็หายแล้ว
ไม่เจ็บแล้ว
แต่เวลากายภาพ นอนดึงเข่ามาชิดอก ทำข้างขวาที่เป็นจะเจ็บกว่าข้างซ้ายอยู่นะ




แล้วอาการใหม่ล่าสุด
คือเวลาตื่นนอนแล้วลุกขึ้นยืน มันจะเจ็บจี๊ดที่ส้นเท้าทั้ง 2 ข้าง
รู้เลยว่าเป็นรองช้ำ หรือ เส้นฝ่าเท้าอักเสบ
อันเนื่องมาจากยืนนาน
มันก็เป็นโรคต่อเนื่องมาจากปวดก้นเรานั่นแหละ

พอเราปวดก้นมาก ๆ นั่งไม่ได้
เราก็ต้องยืนทำงานหน้าคอม
ก็ต่อกล่องแล้วก็ดันจอขึ้นมาให้สูงสุด
ในออฟฟิศก็ดูตลกน่ะนะ
แต่ก็อธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าตอนนี้เราปวดก้นมาก
นั่งไม่ได้ เลยต้องยืนทำงาน




แล้วทีนี้มันยืนเพลิน แถมรองเท้าที่ใส่ยืนก็รองเท้าแตะแบน ๆ ไม่ได้รองรับน้ำหนักเราเหมือนรองเท้าส้นหนาเหมือน fitflop




ยืนจนเมื่อยกว่าจะลองนั่ง
แต่นั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้หายเมื่อยก็ต้องยืนใหม่
เพราะมันปวดก้นอีก
ทำอย่างนี้เป็นเดือน
เอ็นฝ่าเท้ามันเลยอักเสบ

แล้วไม่อยากจะบอกว่าตอนที่ไม่รู้ว่าปวดก้นเนี่ยมันเป็น piriformis syndrome ที่มันต้องกายภาพถึงจะหาย
ก็หลงไปกินยาคลายกล้ามเนื้อตั้งหลายยี่ห้อ
กัดกระเพาะจนเป็นโรคกระเพาะอยู่ช่วงนึงด้วย

อ้อ
แล้วก็ปวดหลังด้วย
เพราะหมอบอกว่าให้นั่งเอนหลังไปหน่อย
อย่าปรับหลังตรงเป๊ะ
เพราะกล้ามเนื้อ piriformis มันต้องทำงานหนักให้การพยุงตัวเรามาข้างหลังจากการนั่งหลังตรง


แล้วเวลาอยู่หน้าคอม
ธรรมชาติคนเราจะโน้มตัวมาข้างหน้าอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะจับเม้าหรือนั่งพิมพ์
เราก็เลยทำตามที่หมอบอก
ปรับเก้าอี้ให้เอนมาข้างหลังหน่อย
ปรากฏว่า
ตอนนี้ปวดหลัง
แถมปวดข้างเดียวด้วยคือข้างขวาที่จับเม้า
การไม่ให้กล้ามเนื้อส่วนนึงทำงานหนัก
มันเลยเหมือนบังคับให้กล้ามเนื้ออีกส่วนทำงานหนักแทน
ตูล่ะกลุ้ม




เออ
เมนส์ไม่มาเดือนนึงด้วยเพราะเครียดกับโรค (ไม่ได้ท้อง!!)

ดูสิ
เป็นโรคนึง (ปวดก้น+ปวดสะโพก)
แต่แก้โรคนึงกลับได้อีก 3 โรคตามมา
- โรคกระเพาะเพราะกินยา
- โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบเพราะยืนนาน
- โรคปวดหลังเพราะเอนเก้าอี้ทำงาน

แถมอีกโรคที่เป็นอยู่แล้วคือภูมิแพ้อากาศ


หมอตรวจจมูกบอกว่าหายใจได้แค่ 50% เอง
เพราะจมูกบวม แต่เราชินเลยรู้สึกว่ามันไม่เป็นอะไร
แต่หมอก็ให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้หัวใจเต้นแรงนานติดต่อกัน 20 นาที
ซึ่งทวิสเอว หมอไม่นับว่าเป็นการออกกำลังกายด้วย
ต้องวิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน กระโดดเชือก หรือเต้นแอโรบิกติดต่อกัน 20 นาทีขึ้นไป
จมูกก็จะโล่งขึ้น หายใจได้มากขึ้น
ถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจจะเป็นโรคข้างเคียงคือ ริดสีดวงจมูกหรือไซนัส
ซึ่งหมอขี้เกียจผ่า



ตอนนี้กลับจากทำงานเลยต้องดูแลตัวเองเยอะเลยล่ะ
จะเล่าให้ฟัง
(ใครอยากฟังเธอเหรอ)
เปล่า
ชั้นคันมือ คันปาก อยากเล่าเองแหละ ฮา ๆ

พอทำงานเสร็จก็เดินไปเล่นฟิตเนสในออฟฟิศ
วิ่งกับไอ้เครื่องนี่ ปรับเลเวลให้มันฝืน ๆ หน่อยแล้วก็วิ่งให้ heart rate มันอยู่ประมาณ 130-150 ครั้งต่อนาที (ถ้าไม่จำไม่ผิดนะ เพราะวิ่งแต่ละที ไม่เคยได้ดูเลย เอาวิ่งเท่าที่วิ่งได้ตลอด)




พยายามอย่างมากให้มันครบ 20 นาที พัก 1 รอบ
บางวันเหนื่อยมากก็พัก 2 รอบกินน้ำครึ่งขวด
แล้วก็วิ่งต่อให้ครบ 20 นาที
(แทบขาดใจมาก ขอบอก
ใครบอกว่าพอมันอยู่ตัวให้เพิ่ม
แต่เรานี่ 20 นาที 2 กิโล ขาดตัว)
แล้วก็อาบน้ำกลับบ้าน

ถึงบ้าน
เราก็จะไปล้างเครื่องสำอาง
แล้วพอกหน้าด้วยผงสมุนไพร




ระหว่างพอก
เราก็เปิดโยคะ เล่นตามท่าที่มันยืดกล้ามเนื้อที่เราเป็น
คือมันยาว 2-3 ชั่วโมง
ท่าก็มีทั้งยากและง่าย
เราก็เลยเลือกเฉพาะท่าแก้ส่วนที่เราเจ็บ (แค่นี้ก็เป็นชั่วโมงแล้ว)
เราก็เล่นท่ายืดคอ บ่า ไหล่ หลัง สะโพก ก้น ขา
ก็เกือบหมดทั้งร่างกายนั่นแหละ จะว่าไป








(แต่ถ้าวันไหนออกกำลังกายที่ออฟฟิศมาแล้วก็จะไม่โยคะนะ มันเหนื่อยเกิ๊น)

เสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าที่พอกจนแห้งติดหน้าออก
แล้วมาเปิด youtube แล้วบิดเอวกับทวิสเอาซักครึ่งชั่วโมง
เพราะตัวก็สั้น เอวก็หาย บิด ๆ ๆ







บิดวันแรก
ตอนอาบน้ำตกใจเลย
ตรงหน้าอกเป็นรอยช้ำเลือดตรงสายเสื้อใน
เพราะเวลาบิดแต่ละทีมันไปเสียดสีกับสายเสื้อใน

ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่เจ็บแล้วทั้งยืน เดิน นั่งหรือลงบันได
แต่เวลานวดก่อนนอนก็ยังเจ็บเส้นตรงข้อพับอยู่
ก็กะจะนวดจนกว่าจะหายเจ็บ
แล้วตอนนี้ตื่นนอนมาลุกขึ้นยืนแล้วเจ็บส้นเท้า
ไป search ดูเค้าบอกว่าน่าจะมาจากรองช้ำหรือเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ








ตอนนี้ก็เลยต้องกายภาพเท้าตามรูป แต่เราทำอย่างเดียวเอง แหะ ๆ
ก็จะกลิ้งฝ่าเท้ากับที่กลิ้ง
แล้วก็แช่เท้าด้วยน้ำอุ่นจัด
แช่ไปก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไป 15 นาที
ก็ทำมาเป็นเดือนแล้วนะ
แต่ก็ยังไม่หาย
ตื่นมาก็พยายามยืดขาก่อนจะลุกขึ้นยืนนะ
แต่มันก็ยังเจ็บส้นอยู่ เราก็ต้องพยายามทำต่อไปจนกว่าจะหาย

เพิ่งจะเข้าใจความเสื่อมของร่างกายก็ปี 2 ปีมานี้เอง
ตอนนี้เราก็ใส่ใจกับร่างกายเรามากขึ้นเยอะเลย

เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ ทาครีม นวดหน้าให้ครีมมันซึมเข้าผิวเยอะ ๆ








เพราะแก่แล้ว การผลัดเซลผิวมันก็ไม่ดีเหมือนเด็ก ๆ

แล้วก็เขียนไดอารี่

เสร็จแล้วก็มากายภาพสะโพกและก้นหรือ piriformis











แล้วก็กายภาพฝ่าเท้าบนที่นอนนั่นแหละ





แล้วก็ได้เวลาล้างมือ สวดมนต์นอน
ไม่อยากจะบอกว่าทำทุกอย่างให้เสร็จก่อน 3 ทุ่มนะ
เพราะนอนไม่เกิน 3 ทุ่ม
ถ้าทำทุกอย่างเสร็จก่อน 3 ทุ่มก็จะนอนอ่านหนังสือยกขาสูงให้เลือดมันไม่กองที่เท้า
เพราะมันกองมาตั้งแต่เราตื่นลุกจากที่นอนมาเป็น 15 ชั่วโมงแล้ว

เราเป็นคนต้องนอนเยอะ เพราะเป็นภูมิแพ้ด้วย
ถ้านอนไม่พอ ภูมิแพ้จะขึ้นจมูกและตา
อีกวันไม่เป็นอันทำงานเลยคราวนี้

ด้วยความที่นอนเร็ว
เลยไม่เคยได้ดูละครอะไรกับเค้ามาเป็น 10 ปีแล้ว
คุยอะไรกับใครก็ไม่รู้เรื่อง
แถมเสาร์ อาทิตย์ก็ดูแต่หนังอินดี้ญี่ปุ่น
คุยกับคนทั่วไปที่ดูหนังรักกุ๊กกิ๊กหรือหนังตลกก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน

นอนดึกผิวแย่นะจ๊ะ ฮอร์โมนก็จะผิดปกติด้วย

ก็พยายามจะมีวินัยกับสุขภาพตัวเอง
ไปสะเดาะเคราะห์ปีชงหลาย ๆ ที่
ซึ่งพี่บางคนบอกว่าอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาทำให้เราปวดเป็นแพ็จเก็จ
และหวังว่าทั้งตา หลัง สะโพก ก้น และฝ่าเท้าจะหายในเร็ววัน






Create Date : 21 เมษายน 2555
Last Update : 16 กรกฎาคม 2560 16:54:37 น. 1 comments
Counter : 7375 Pageviews.

 
พวกทำงานออพฟิตเป็นกันเยอะ มีประโยชน์มาเลยจ้า


โดย: ความรักสีจาง วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:21:50:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.