เซ็งน้องชาย หงุดหงิดจากคนข้างนอกแล้วมาลงกับพ่อแม่ตลอดเวลา
เซ็ง จากเราอารมณ์ปกติ พอน้องชายกลับมาจากทำงาน ก็เอาอารมณ์เสีย อารมณ์หงุดหงิดมาลงกับที่บ้าน พอเราเถียงมันแทนป๊ากับม้าว่าทำแบบนี้มันไม่ถูก มาหงุดหงิดใส่ทำไม ก็ทะเลาะกันอีก มันเลยทำให้เราหงุดหงิดขึ้นมาอีกเลย ตอนแรกปิดคอมเตรียมไปอาบน้ำ อ่านหนังสือ นอนแล้วนะ ทะเลาะกับมันทำให้เราต้องเปิดคอมขึ้นมาขอระบายหน่อยเหอะ
คือเรื่องมันมีอยู่ว่า
บ้านเราเป็นซอยที่อยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานีที่เพิ่งเปิดให้นั่งฟรีจนถึงสิ้นปีนี้ ไม่ว่าจะลงสถานีไหนมันก็ต้องเดิน แต่มันก็ประมาณ 1 ป้ายรถเมล์หรือป้ายครึ่ง ประมาณนี้ แล้วน้องมันก็ไปลงสถานีที่เลยซอยไป แล้วนั่งมอร์ไซด์ย้อนกลับมาให้มาส่งหน้าบ้าน เพราะว่าสถานทีก่อนถึงบ้านมันยังไม่มีวินมาตั้ง
แล้วทีนี้ ทุกทีก็เคยนั่ง 20 บาท แต่วันนี้มันเก็บ 25 บาท แล้วมันก็เล่าให้ฟังว่ามอร์ไซด์แม่งพูดไม่ดี มาหงุดหงิดใส่มัน มาว่า ๆ ตอนนี้เก็บเงินกันมั่วไปหมดแล้วก็ว่า ๆ ด่า ๆ คือสรุปคงพูดจาไม่ดีแล้วมาเล่าให้มันฟังนั่นแหละ
แล้วทีนี้มันก็หงุดหงิด อารมณ์เสีย อารมณ์ว่า ทำไมต้องมาเล่าไปหงุดหงิดอารมณ์เสียให้มันฟังด้วย มันก็เลยอารมณ์ไม่ดี แล้วมาเล่าไปหงุดหงิดไปให้ที่บ้านฟัง
คือทุกทีเราก็ไม่เคยไปรับฟังหรอกนะ เพราะไม่สนิทกันอยู่แล้วทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน พูดกันทีไร ทะเลาะกันทุกที พูดกันอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องเงินค่าใช้จ่ายในบ้านที่ต้องรับภาระประมาณนั้น
แล้วบังเอิญตอนที่มันเล่า เราไปเปิดตู้เย็นกินน้ำตรงครัวที่มันเล่าพอดี
เราก็เลยบอกว่า ถ้ามันแพงนักทำไมไม่เดิน เพราะเราก็เดินเหมือนกัน เป็นการออกกำลังกายอย่างนึงด้วย
เพราะฝรั่งที่ออฟฟิศที่เป็นพวกออกกำลังกายเนี่ย เค้ายังบอกว่า เค้าอ่านพวกผลงานวิจัยเนี่ย เค้าบอกว่า การที่เราขยับบ่อย ๆ ระหว่างวันเนี่ย มันเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าที่เรามานั่งออกกำลังกายอย่างหักโหมประมาณครึ่งชั่วโมงอีกนะ
แล้วน้องชายเรามันอ้วนไง มันกำลังลดความอ้วนอยู่ มันก็ไปวิ่ง ไปว่ายน้ำอะไรของมันทุกวันประมาณครึ่งชั่วโมงมั้ง มันก็ผอมลงนะ แต่มันยังไม่สุดหรอก เพราะขนาดมันเดินประมาณ 1 ป้ายรถเมล์ มันยังไม่เดินเลย เรียกมอร์ไซด์มาส่งถึงหน้าบ้าน แล้วค่อยเปลี่ยนชุดกับรองเท้าแล้วออกไปวิ่งอย่างจริงจัง
แต่การที่เราบอกมันเรื่องนี้เนี่ย ก็พูดสไตล์เรา ที่น้ำเสียงก็ไม่ได้ดีอะไร เสียงดัง ๆ หน่อย แล้วก็เจือหงุดหงิดให้มันรู้ซะบ้าง เพราะมันพูดไม่ดีใส่คนในครอบครัวก่อน แต่ก็บอกมันว่าผลวิจัยจากฝรั่งมันบอกแบบนี้
ถ้ามึงอยากจะลดจริง ๆ มึงก็เดินเอาสิ ขนาดเดินมาขึ้นมอร์ไซด์รับจ้างปากซอยมึงยังไม่อยากจะเดินเลย แล้วมึงจะลดความอ้วนได้ยังไง
แล้วมันก็ด่าว่าเราเปลี่ยนเรื่อง ทำให้มันหงุดหงิดมากขึ้น แล้วมันก็ด่าว่ามึงเป็นไรมากป่ะเนี่ย นี่กูหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่นะ มึงยิ่งทำให้กูยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ ฯลฯ
แล้วมันก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้มันจะไปเอาเรื่องไอ้วินมอร์ไซด์คนนั้น ที่มันมาพูดหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่มัน
เราก็ตอกกลับสิ ว่าแล้วที่มันมาหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่คนที่บ้านมึงเนี่ย กูต้องเอาเรื่องกับมึงด้วยรึเปล่า
แล้วมันก็ด่าอีกว่านี่มึงเป็นไรมากป่ะเนี่ย นี่กูอารมณ์เสียมากแล้วนะ กูหงุดหงิดมากแล้วด้วย มึงทำให้กูหงุดหงิด !@#$!@#$!
คือ แล้วที่มันมาหงุดหงุดกับพ่อกับแม่เกือบทุกวันเนี่ย มันไม่รู้ตัวไง แต่พอมีคนมาทำให้มันหงุดหงิดเนี่ย มันจะเอาเรื่อง
คือแบบ เราก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ เพราะเราไม่สนใจคุยกับมันอยู่แล้ว
แต่บางครั้งก็จะเห็นน่ะ อย่างหม่าม้าเห็นมันลดความอ้วนน่ะ ก็บอกว่าอย่าไปกินเลยข้าวกับกุนเชียงเป็นอาหารเย็นน่ะ ให้กินเป็นแอ๊ปเปิ้ลดีกว่า กินไปเยอะ ๆ เลยก็ได้
แต่ก็นะ คนมันอ้วนไง ลางเนื้อชอบลางยา ก็ชอบกินแต่อะไรที่มันมีเนื้อทุกมื้อน่ะสิ ไม่งั้นมันจะอ้วนเหรอ แล้วก็มาบ่นมาหงุดหงิดว่าไม่เอาอ่ะ จะกิน เรื่องกินเนี่ยอย่ามายุ่งได้มะ
หรือเวลาไปกินด้วยกันข้างนอกบ้านตอนช่วงอพยพน้ำท่วมน่ะ ไปกินในห้าง พวก MK หรือสเต๊กเงี้ย มันสั่งและกินอย่างบ้าคลั่งมาก เหมือนคนไม่ได้ตั้งใจลดความอ้วนน่ะ
แล้วตอนออกกำลังกายก็มาบ่นมันยากลำบาก ไม่ผอมซะที อะไรประมาณนี้
คือเราคิดว่าถ้ามันคุมเรื่องอาหารได้เนี่ย มันจะผอมเร็วกว่านี้เยอะ
เพราะเวลาหม่าม้าปรามมันเนี่ย มันก็บอกว่าอย่ามาบ่นได้มั้ย มันอยากกินอะไรมันก็จะกิน แล้วมันก็จะหงุดหงิดน่ะ แล้วมันก็จะบอกว่า หยุดพูดได้มั้ย หงุดหงิดว่ะ
หรือ กินตอนเที่ยงไม่อ้วนหรอก คืออารมณ์คนอยากกินน่ะ มันก็หาข้ออ้างมาได้เรื่อย ๆ แหละ แล้วมันก็จะบอกตบท้ายว่า ก็จะกินอ่ะ มีไรมั้ย ยุ่ง หงุดหงิดโว้ย แล้วมันก็อารมณ์เสีย กระฟัดกระเฟียด แล้วป๊ากับม้าก็จะตามใจ นั่งเงียบ เพราะมันหงุดหงุดแล้วมันก็จะอารมณ์เสีย
แต่มีเราเนี่ยแหละที่จะเถียงมัน เถียงมันอย่างที่มันหงุดหงิดใส่ เราก็จะหงุดหงิดใส่มันเหมือนกัน แล้วก็ทะเลาะกัน
ก็รู้นะว่าถ้าพูดไปต้องทะเลาะกัน แต่ก็จะพูด ให้มันรู้สึกตัวว่ามันทำไม่ถูก แต่ไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกรึเปล่านะ เพราะเวลาพูดไปก็กลายเป็นทะเลาะกันตลอด
หรือบางครั้งมันบอกว่าวันนี้จะไปงานแต่ง แต่ว่าไปแต่เช้า เราก็สงสัยกันว่างานแต่งอะไรจะเลี้ยงแต่เช้าขนาดนั้นวะ หม่าม้าก็เลยถามว่าทำไมไปแต่เช้า แล้วไปโรงแรมอะไร แล้วไปยังไง จะกลับมากินข้าวเย็นมั้ย นี่เค้าเลี้ยงตอนไหน เช้าหรือเที่ยง อะไรประมาณนี้
มันก็หงุดหงิด อารมณ์เสียในทันที แล้วตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า อย่าถามเยอะได้มะ ขี้เกียจตอบ แล้วมันก็ไปเลยโดยไม่ตอบซักคำถาม
เป็นยังไงล่ะคะลูกคุณน่ะ เลี้ยงมายังไงเนี่ย
วันนี้จากอารมณ์ดี ๆ ก็มาหงุดหงิดอารมณ์เสียเพราะมัน เพราะที่มันโดนคนอื่นหงุดหงิดใส่มาแล้วมันก็มาลงกับที่บ้าน
แล้วเราก็บอกว่า แล้วกูหงุดหงิดเนี่ย กูต้องเอาเรื่องมึงด้วยมะ เหมือนที่มึงจะไปเอาเรื่องไอ้มอร์ไซด์รับจ้างพรุ่งนี้เนี่ย มันก็บอกว่าไม่เหมือนกัน นั่นมันไม่รู้จัก
คือมันคิดว่าการมาอารมณ์เสีย หงุดหงิด โมโหร้ายกับคนในครอบครัวมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทำ มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดน่ะ
มันเป็นมาอย่างนี้จนมันอายุ 26 แล้วเนี่ย
ไม่รู้จะโทษอะไรเนอะ การเลี้ยงดูหรือนิสัยส่วนตัว หรือว่ากรรมของเราเป็นพ่อเป็นแม่ที่ต้องมารองรับอารมณ์ลูกได้เกือบทุกวันแบบนี้
เฮ้อ เนี่ยแหละน้า เข้าใจเลย เวลาพวกเราพูดถึงพี่ชายหรือน้องชายที่ยังโสดของพวกเราในกลุ่มเพื่อน ไม่เห็นมีใครจะอยากแนะนำหรือพยายามจะขายพวกเพศผู้ในครอบครัวที่ยังโสดให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ สาว ๆ ที่ยังโสดเลย เพราะเรารู้ไงว่ามันมีนิสัยแย่ ๆ แบบนี้ แล้วเวลาเค้าเลิกกันมันจะพาลมองหน้ากันไม่ติด
แต่เรารู้สึกเลยนะ ว่าความอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดเนี่ย มันเหมือนเป็นสันดานของผู้ชายเกือบทุกคนเลยอ่ะ เท่าที่ฟังจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่มีพี่น้องเป็นผู้ชายอ่ะนะ หรือแม้กระทั่งแฟนเพื่อนทั้งหลาย ที่นิสัยที่ทะเลาะหรืองอนกันส่วนใหญ่แม่งก็เป็นไอ้นิสัยพวกนี้ แต่เพื่อนก็บอกเหมือนกันหมดว่าแรก ๆ ไม่เคยมีเลยนะพวกอารมณ์เสีย ขี้หงุดหงิดเนี่ย แต่หลังจากคบไปเป็นปี หางโผล่ หงุดหงิดได้ทุกเรื่อง หงุดหงิดได้ตลอดเวลา
โอย ทำไมรู้สึกว่ายิ่งพิมพ์คำว่าหงุดหงิดเยอะเท่าไหร่ เราก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้นล่ะเนี่ย
โอย ถ้าเจอหรือคุยกับผู้ชายเนี่ย ไม่ขออะไรมากได้มะ ขอผู้ชายใจเย็นได้มั้ยชาตินี้เนี่ย
เราว่าเราหาได้นะ แต่ไม่ต้องได้แต่งงานนะ แต่เราจะไปหาโดยการไปนมัสการหลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงน้องแบบนี้แทนดีมะ
มั่นใจได้ว่าผู้ชายประเภทนี้จะใจเย็นและพูดน้อยแน่นอน หรือเวลาพูดก็พูดแต่สิ่งดี ๆ สิ่งที่ทำให้จิตใจเราเย็น ใจเราสะอาด ใจเราผ่องใส พาไปสู่แต่สิ่งดี ๆ สิ่งที่สงบเย็น
อ้อ เข้าใจละว่าทำไมผู้ชายที่ใจเย็นมันหายไปไหนหมด มันแต่งงานกันไปหมด หรือไม่ก็อยู่ในผ้าเหลืองกันหมดแล้วนี่เอง
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 20:26:31 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1833 Pageviews. |
|
|
|