Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
21 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
เซ็งน้องชาย หงุดหงิดจากคนข้างนอกแล้วมาลงกับพ่อแม่ตลอดเวลา

เซ็ง
จากเราอารมณ์ปกติ
พอน้องชายกลับมาจากทำงาน
ก็เอาอารมณ์เสีย อารมณ์หงุดหงิดมาลงกับที่บ้าน
พอเราเถียงมันแทนป๊ากับม้าว่าทำแบบนี้มันไม่ถูก
มาหงุดหงิดใส่ทำไม
ก็ทะเลาะกันอีก
มันเลยทำให้เราหงุดหงิดขึ้นมาอีกเลย
ตอนแรกปิดคอมเตรียมไปอาบน้ำ อ่านหนังสือ นอนแล้วนะ
ทะเลาะกับมันทำให้เราต้องเปิดคอมขึ้นมาขอระบายหน่อยเหอะ






คือเรื่องมันมีอยู่ว่า

บ้านเราเป็นซอยที่อยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานีที่เพิ่งเปิดให้นั่งฟรีจนถึงสิ้นปีนี้
ไม่ว่าจะลงสถานีไหนมันก็ต้องเดิน
แต่มันก็ประมาณ 1 ป้ายรถเมล์หรือป้ายครึ่ง ประมาณนี้
แล้วน้องมันก็ไปลงสถานีที่เลยซอยไป
แล้วนั่งมอร์ไซด์ย้อนกลับมาให้มาส่งหน้าบ้าน
เพราะว่าสถานทีก่อนถึงบ้านมันยังไม่มีวินมาตั้ง

แล้วทีนี้
ทุกทีก็เคยนั่ง 20 บาท
แต่วันนี้มันเก็บ 25 บาท
แล้วมันก็เล่าให้ฟังว่ามอร์ไซด์แม่งพูดไม่ดี
มาหงุดหงิดใส่มัน
มาว่า ๆ ตอนนี้เก็บเงินกันมั่วไปหมดแล้วก็ว่า ๆ ด่า ๆ
คือสรุปคงพูดจาไม่ดีแล้วมาเล่าให้มันฟังนั่นแหละ

แล้วทีนี้มันก็หงุดหงิด อารมณ์เสีย
อารมณ์ว่า
ทำไมต้องมาเล่าไปหงุดหงิดอารมณ์เสียให้มันฟังด้วย
มันก็เลยอารมณ์ไม่ดี
แล้วมาเล่าไปหงุดหงิดไปให้ที่บ้านฟัง






คือทุกทีเราก็ไม่เคยไปรับฟังหรอกนะ
เพราะไม่สนิทกันอยู่แล้วทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน
พูดกันทีไร ทะเลาะกันทุกที
พูดกันอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องเงินค่าใช้จ่ายในบ้านที่ต้องรับภาระประมาณนั้น

แล้วบังเอิญตอนที่มันเล่า
เราไปเปิดตู้เย็นกินน้ำตรงครัวที่มันเล่าพอดี

เราก็เลยบอกว่า
ถ้ามันแพงนักทำไมไม่เดิน
เพราะเราก็เดินเหมือนกัน
เป็นการออกกำลังกายอย่างนึงด้วย

เพราะฝรั่งที่ออฟฟิศที่เป็นพวกออกกำลังกายเนี่ย
เค้ายังบอกว่า เค้าอ่านพวกผลงานวิจัยเนี่ย
เค้าบอกว่า
การที่เราขยับบ่อย ๆ ระหว่างวันเนี่ย
มันเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าที่เรามานั่งออกกำลังกายอย่างหักโหมประมาณครึ่งชั่วโมงอีกนะ

แล้วน้องชายเรามันอ้วนไง
มันกำลังลดความอ้วนอยู่
มันก็ไปวิ่ง ไปว่ายน้ำอะไรของมันทุกวันประมาณครึ่งชั่วโมงมั้ง
มันก็ผอมลงนะ
แต่มันยังไม่สุดหรอก
เพราะขนาดมันเดินประมาณ 1 ป้ายรถเมล์
มันยังไม่เดินเลย
เรียกมอร์ไซด์มาส่งถึงหน้าบ้าน
แล้วค่อยเปลี่ยนชุดกับรองเท้าแล้วออกไปวิ่งอย่างจริงจัง





แต่การที่เราบอกมันเรื่องนี้เนี่ย
ก็พูดสไตล์เรา ที่น้ำเสียงก็ไม่ได้ดีอะไร เสียงดัง ๆ หน่อย แล้วก็เจือหงุดหงิดให้มันรู้ซะบ้าง
เพราะมันพูดไม่ดีใส่คนในครอบครัวก่อน
แต่ก็บอกมันว่าผลวิจัยจากฝรั่งมันบอกแบบนี้

ถ้ามึงอยากจะลดจริง ๆ มึงก็เดินเอาสิ
ขนาดเดินมาขึ้นมอร์ไซด์รับจ้างปากซอยมึงยังไม่อยากจะเดินเลย
แล้วมึงจะลดความอ้วนได้ยังไง

แล้วมันก็ด่าว่าเราเปลี่ยนเรื่อง
ทำให้มันหงุดหงิดมากขึ้น
แล้วมันก็ด่าว่ามึงเป็นไรมากป่ะเนี่ย
นี่กูหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่นะ
มึงยิ่งทำให้กูยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ ฯลฯ

แล้วมันก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้มันจะไปเอาเรื่องไอ้วินมอร์ไซด์คนนั้น
ที่มันมาพูดหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่มัน

เราก็ตอกกลับสิ
ว่าแล้วที่มันมาหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่คนที่บ้านมึงเนี่ย
กูต้องเอาเรื่องกับมึงด้วยรึเปล่า

แล้วมันก็ด่าอีกว่านี่มึงเป็นไรมากป่ะเนี่ย
นี่กูอารมณ์เสียมากแล้วนะ กูหงุดหงิดมากแล้วด้วย
มึงทำให้กูหงุดหงิด !@#$!@#$!




คือ
แล้วที่มันมาหงุดหงุดกับพ่อกับแม่เกือบทุกวันเนี่ย
มันไม่รู้ตัวไง
แต่พอมีคนมาทำให้มันหงุดหงิดเนี่ย
มันจะเอาเรื่อง

คือแบบ
เราก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ
เพราะเราไม่สนใจคุยกับมันอยู่แล้ว

แต่บางครั้งก็จะเห็นน่ะ
อย่างหม่าม้าเห็นมันลดความอ้วนน่ะ
ก็บอกว่าอย่าไปกินเลยข้าวกับกุนเชียงเป็นอาหารเย็นน่ะ
ให้กินเป็นแอ๊ปเปิ้ลดีกว่า กินไปเยอะ ๆ เลยก็ได้

แต่ก็นะ
คนมันอ้วนไง
ลางเนื้อชอบลางยา
ก็ชอบกินแต่อะไรที่มันมีเนื้อทุกมื้อน่ะสิ
ไม่งั้นมันจะอ้วนเหรอ
แล้วก็มาบ่นมาหงุดหงิดว่าไม่เอาอ่ะ
จะกิน
เรื่องกินเนี่ยอย่ามายุ่งได้มะ

หรือเวลาไปกินด้วยกันข้างนอกบ้านตอนช่วงอพยพน้ำท่วมน่ะ
ไปกินในห้าง พวก MK หรือสเต๊กเงี้ย
มันสั่งและกินอย่างบ้าคลั่งมาก
เหมือนคนไม่ได้ตั้งใจลดความอ้วนน่ะ

แล้วตอนออกกำลังกายก็มาบ่นมันยากลำบาก
ไม่ผอมซะที อะไรประมาณนี้




คือเราคิดว่าถ้ามันคุมเรื่องอาหารได้เนี่ย
มันจะผอมเร็วกว่านี้เยอะ

เพราะเวลาหม่าม้าปรามมันเนี่ย
มันก็บอกว่าอย่ามาบ่นได้มั้ย
มันอยากกินอะไรมันก็จะกิน
แล้วมันก็จะหงุดหงิดน่ะ
แล้วมันก็จะบอกว่า
หยุดพูดได้มั้ย หงุดหงิดว่ะ

หรือ
กินตอนเที่ยงไม่อ้วนหรอก
คืออารมณ์คนอยากกินน่ะ มันก็หาข้ออ้างมาได้เรื่อย ๆ แหละ
แล้วมันก็จะบอกตบท้ายว่า
ก็จะกินอ่ะ มีไรมั้ย ยุ่ง หงุดหงิดโว้ย
แล้วมันก็อารมณ์เสีย กระฟัดกระเฟียด
แล้วป๊ากับม้าก็จะตามใจ นั่งเงียบ
เพราะมันหงุดหงุดแล้วมันก็จะอารมณ์เสีย

แต่มีเราเนี่ยแหละที่จะเถียงมัน
เถียงมันอย่างที่มันหงุดหงิดใส่
เราก็จะหงุดหงิดใส่มันเหมือนกัน
แล้วก็ทะเลาะกัน

ก็รู้นะว่าถ้าพูดไปต้องทะเลาะกัน
แต่ก็จะพูด ให้มันรู้สึกตัวว่ามันทำไม่ถูก
แต่ไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกรึเปล่านะ
เพราะเวลาพูดไปก็กลายเป็นทะเลาะกันตลอด





หรือบางครั้งมันบอกว่าวันนี้จะไปงานแต่ง
แต่ว่าไปแต่เช้า
เราก็สงสัยกันว่างานแต่งอะไรจะเลี้ยงแต่เช้าขนาดนั้นวะ
หม่าม้าก็เลยถามว่าทำไมไปแต่เช้า แล้วไปโรงแรมอะไร แล้วไปยังไง จะกลับมากินข้าวเย็นมั้ย นี่เค้าเลี้ยงตอนไหน เช้าหรือเที่ยง อะไรประมาณนี้

มันก็หงุดหงิด อารมณ์เสียในทันที
แล้วตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า
อย่าถามเยอะได้มะ ขี้เกียจตอบ
แล้วมันก็ไปเลยโดยไม่ตอบซักคำถาม

เป็นยังไงล่ะคะลูกคุณน่ะ เลี้ยงมายังไงเนี่ย

วันนี้จากอารมณ์ดี ๆ ก็มาหงุดหงิดอารมณ์เสียเพราะมัน
เพราะที่มันโดนคนอื่นหงุดหงิดใส่มาแล้วมันก็มาลงกับที่บ้าน

แล้วเราก็บอกว่า
แล้วกูหงุดหงิดเนี่ย
กูต้องเอาเรื่องมึงด้วยมะ
เหมือนที่มึงจะไปเอาเรื่องไอ้มอร์ไซด์รับจ้างพรุ่งนี้เนี่ย
มันก็บอกว่าไม่เหมือนกัน
นั่นมันไม่รู้จัก

คือมันคิดว่าการมาอารมณ์เสีย หงุดหงิด โมโหร้ายกับคนในครอบครัวมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทำ
มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดน่ะ

มันเป็นมาอย่างนี้จนมันอายุ 26 แล้วเนี่ย

ไม่รู้จะโทษอะไรเนอะ
การเลี้ยงดูหรือนิสัยส่วนตัว
หรือว่ากรรมของเราเป็นพ่อเป็นแม่ที่ต้องมารองรับอารมณ์ลูกได้เกือบทุกวันแบบนี้






เฮ้อ
เนี่ยแหละน้า
เข้าใจเลย
เวลาพวกเราพูดถึงพี่ชายหรือน้องชายที่ยังโสดของพวกเราในกลุ่มเพื่อน
ไม่เห็นมีใครจะอยากแนะนำหรือพยายามจะขายพวกเพศผู้ในครอบครัวที่ยังโสดให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ สาว ๆ ที่ยังโสดเลย
เพราะเรารู้ไงว่ามันมีนิสัยแย่ ๆ แบบนี้
แล้วเวลาเค้าเลิกกันมันจะพาลมองหน้ากันไม่ติด

แต่เรารู้สึกเลยนะ
ว่าความอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดเนี่ย
มันเหมือนเป็นสันดานของผู้ชายเกือบทุกคนเลยอ่ะ
เท่าที่ฟังจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่มีพี่น้องเป็นผู้ชายอ่ะนะ
หรือแม้กระทั่งแฟนเพื่อนทั้งหลาย
ที่นิสัยที่ทะเลาะหรืองอนกันส่วนใหญ่แม่งก็เป็นไอ้นิสัยพวกนี้
แต่เพื่อนก็บอกเหมือนกันหมดว่าแรก ๆ ไม่เคยมีเลยนะพวกอารมณ์เสีย ขี้หงุดหงิดเนี่ย
แต่หลังจากคบไปเป็นปี หางโผล่ หงุดหงิดได้ทุกเรื่อง หงุดหงิดได้ตลอดเวลา

โอย
ทำไมรู้สึกว่ายิ่งพิมพ์คำว่าหงุดหงิดเยอะเท่าไหร่
เราก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้นล่ะเนี่ย




โอย
ถ้าเจอหรือคุยกับผู้ชายเนี่ย
ไม่ขออะไรมากได้มะ
ขอผู้ชายใจเย็นได้มั้ยชาตินี้เนี่ย

เราว่าเราหาได้นะ
แต่ไม่ต้องได้แต่งงานนะ
แต่เราจะไปหาโดยการไปนมัสการหลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงน้องแบบนี้แทนดีมะ

มั่นใจได้ว่าผู้ชายประเภทนี้จะใจเย็นและพูดน้อยแน่นอน
หรือเวลาพูดก็พูดแต่สิ่งดี ๆ
สิ่งที่ทำให้จิตใจเราเย็น
ใจเราสะอาด
ใจเราผ่องใส
พาไปสู่แต่สิ่งดี ๆ สิ่งที่สงบเย็น

อ้อ
เข้าใจละว่าทำไมผู้ชายที่ใจเย็นมันหายไปไหนหมด
มันแต่งงานกันไปหมด
หรือไม่ก็อยู่ในผ้าเหลืองกันหมดแล้วนี่เอง


Create Date : 21 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 20:26:31 น. 2 comments
Counter : 1833 Pageviews.

 
ต้องให้ไปถือศีลค่ะ จะได้รู้จักพระในบ้านต้องเคารพและบูชา ใจจะได้เย็นลงค่ะ


โดย: x IP: 182.52.114.206 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:06:39 น.  

 
หวัดดีค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับคำอวยพร

แล้วจะพยามยามอัพบล๊อกบ่อยๆค่ะ ฮ่าฮ่า


โดย: ต้นไม้ต้นเล็ก วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:33:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.