Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
20 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
ประทับใจคำพูดพี่ผู้ชายคนนึงที่เค้าพูดในร้านค้าแล้วเดินจากไป

โอ๊ย
ช่วงนี้ยุ่งมากถึงมากที่สุด
ไม่ยุ่งก็ขี้เกียจ
ยุ่งที่ทำงาน พออยู่บ้านก็ขี้เกียจพิมพ์อีก
แต่ก็นะ สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะอัพเดทบล็อคอาทิตย์ละครั้ง
ไม่อยากให้บล็อคมันร้าง
ก็สร้างพันธะให้ตัวเอง ก็ต้องทำตามเงื่อนไขของตัวเองให้ได้ในที่สุด

วันนี้จะมาเล่าเรื่องสั้น ๆ แต่ประทับใจนิดนึง
คือเรามีร้านสมุนไพรปากซอยที่เราซื้อเป็นประจำจนสนิทกับพี่เจ้าของร้านและผู้ช่วย
แล้วอยู่มาวันนึง เราก็ยืนเม้ากับพี่เจ้าของร้านอยู่
มีพี่ผู้ชายคนนึงเข้ามาซื้อของในร้าน
ซึ่ง 1 ในของเหล่านั้น พี่ผู้ช่วยแกจะเอาไปซื้ออาหารให้หมา
พี่เค้าก็บอกว่า เนี่ย คุณช่วยซื้อเนี่ย ได้บุญด้วยนะ
เพราะเค้าจะเอาไปซื้อขนมให้หมา
เท่านั้นแหละ
พี่ผู้ชายคนนั้น ซึ่งเป็นคนพูดตรง ๆ อ่านะ
ได้พูดขึ้นประมาณว่า
ทำไมไม่ทำบุญให้พระอริยะ
เราต้องทำบุญให้หมาเป็นร้อยเป็นพันล้านตัวเลยนะ บุญถึงจะเท่ากับถวายข้าวพระอริยะเพียงครั้งเดียว
รู้จักมั้ย "เนื้อนาบุญ" น่ะ
โอ้โห
ฟังแล้วขึ้น
ขึ้นให้ที่นี้คือ ประทับใจพี่เค้าขึ้นเป็นกองเลย
แต่ก่อนที่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือธรรมะ เราก็เฉย ๆ กับเรื่องนี้นะ
คิดว่าทำบุญกับอะไรมันก็เหมือนกันแหละ
ขอให้ใจเราเป็นสุขก็พอ เพราะบุญคือความสุข ความสว่าง
แต่ก่อนก็สงสัยนะ
ว่าทำไมคนถึงได้ต้องตระเวณขึ้นเหนือ ล่องใต้ไกล ๆ เพื่อที่จะไปกราบพระรูปนั้น รูปนี้ด้วย
แต่พอมาได้อ่านหนังสือธรรมะ ปฏิธรรมถึงมากขึ้น
ถึงรู้ว่าทำบุญกับอะไร บุญที่ได้ไม่เท่ากัน

ถามว่า..งกบุญเหรอ เออ เรางก
เพราะถ้าเรานิพพานไม่ได้ในชาติเดียว
ชาติหน้าเกิดมาจะได้ไม่ลำบาก
แล้วไม่โทษว่าชาติที่แล้วทำอะไรมา เกิดมาจน เกิดมาลำบาก เกิดมาพิการ ฯลฯ

คำพูดพี่เค้าเลยประทับจิต ประทับใจอิชั้นจนถึงวันนี้ซึ่งผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วก็ยังรู้สึกดีอยู่
แล้วตอนพี่เค้าหันหลังเดินออกไป
เสื้อด้านหลังของพี่เค้าเขียนว่า "พุทธวจนะ"
โอ้ว นี่คงเป็นที่มาว่าทำไมพี่เค้าถึงพูดเกี่ยวกับ "เนื้อนาบุญ" สินะ





เพิ่มเติม

เนื้อนาบุญคืออะไร
ขออนุญาตคัดลอกข้อความมาจากเว็ปธรรมะนะคะ

เนื้อนาบุญ หมายถึงบุคคลที่ช่วยทำให้บุญนั้นแผ่ขยายกว้างขวาง ดุจนาดีที่หว่านเมล็ดข้าวลงไปแม้ไม่กี่เมล็ด ก็กลายเป็นต้นข้าวที่ออกรวงมากมาย จากเมล็ดข้าวไม่กี่เมล็ดก็ขยายกลายเป็นหมื่นเป็นแสนเมล็ด

เอาข้าวไปหว่านในนา ดินแห้งแข็งขาดน้ำ กับ
เอาข้าวไปหว่านในนา ดินซุยปุ๋ยดีน้ำดี
อันไหนจะได้ข้าวมากกว่ากัน

ใครอยากรู้เพิ่มเติมว่า
แล้วทำอะไรดีที่สุด
ขอคัดลอกการทำบุญเป็นลำดับขั้นมาด้านล่างนี้นะคะ

1 . ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

2 . ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล 5 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

3 . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล 8 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล 8 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

4 . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล 8 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้มีศีล 10 คือสามเณรในพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

5 . ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล 10 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร 227 ข้อ
พระด้วยกันก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร 227 ข้อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น " พระ " แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า " สมมุติสงฆ์ " พระที่แท้จริงนั้น หมายถึงบุคคลที่บรรลุคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม นับว่าเป็น " พระ " ทั้งสิ้น และพระด้วยกันก็มีคุณธรรมต่างกันหลายระดับชั้น จากน้อยไปหามากดังนี้คือ " พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธมเจ้า " และย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

6 . ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่ - พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ( ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น )

7 . ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

8 . ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

9 . ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

10 . ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

11 . ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแด่พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

12 . ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายสังฆทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

13 . การถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า " การถวายวิหารทาน " แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทางอันเป็นสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน " อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น " โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ " ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

14 . การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ( 100 หลัง ) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " ธรรมทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้รู้ได้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจมรรค ผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ "

15 . การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " อภัยทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทานก็คือ " การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู " ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อ " ละโทสะกิเลส " และเป็นการเจริญ " เมตตาพรหมวิหารธรรม " อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร 4 ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร 4 นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร 4 ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง " พยาบาท " ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง

อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่น ๆ ทั้งมวล ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า " ฝ่ายศีล " เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ให้มากกว่าระดับศีลอีกก็คือ "ภาวนา" อย่างหลังนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุด

ได้คำตอบหรือยังว่าทำไมเราทุกคนถึงควรจะปฏิบัติธรรม หรือ ภาวนา
ภาวนา ในที่นี้ไม่ได้ไปนั่นร้องขอ วิงวอนอะไรแต่อย่างใด
แต่น่าจะย่อมาจาก สมาธิภาวนา(สมถะภาวนา) และ วิปัสสนาภาวนา
จะเลือกทางไหนไม่สำคัญ เพราะแม่น้ำทุกสาย สุดท้ายก็ไหลลงสู่มหาสมุทรเดียวกันอยู่ดี

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม สาธุค่ะ



Create Date : 20 มิถุนายน 2557
Last Update : 20 มิถุนายน 2557 11:25:28 น. 2 comments
Counter : 2031 Pageviews.

 
ทำบุญหวังผล มันดีแล้วเหรอคะ
เราว่ามันทำให้จิตใจเราไม่บริสุทธิ์

คนที่ให้อาหารหมา เค้าอาจไม่หวังผลบุญอะไร แค่รู่สึกเมตตามัน อยากให้มันอิ่มท้อง

กับอีกคนที่ทำบุญกับพระอริยะ แต่ในใจคิดว่า นี่เนื้อนาบุญนะ ชั้นจะได้บุญเท่ากับให้อาหารหมาพันตัว
แต่ไม่สนใจว่าพระท่านนั้นมีของมากมายจนใช้ไม่ทัน

เราคิดว่าศาสนาเกิดมาเพื่อค้ำจุนโลก ให้คนอยู่
ู่ร่วมกันอย่างสันติ ถ้าคำสอนใดไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเป็นเพียงศรัทธา ความเชื่อ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญญาของแต่ละคน


โดย: ... IP: 58.9.218.214 วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:20:14:43 น.  

 
"ทำไมไม่ทำบุญให้พระอริยะ"
แล้วพระอริยะท่านต้องการ?

" ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน "
เรารู้ว่าเขามีตัวตน และต้องการความช่วยเหลือ

ท่านให้ทานแก่สัตว์ผู้ยากไร้ เราก็ว่าไม่ต่างอะไร
กับที่พระอริยะจะลงมาโปรดสัตว์มนุษย์อย่างเราๆ


โดย: รักเจ้าของBlog นะ IP: 101.108.104.239 วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:9:16:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.