Group Blog
 
<<
เมษายน 2561
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 เมษายน 2561
 
All Blogs
 
ไปช่วยงานวัดแล้วเจอคนอ่านใจออกนี่มันก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะ

คือต้องเกริ่นก่อนว่า
ก่อนไปวัด เรากำลังอินเลิฟ และกำลังทุกข์กับการอินเลิฟของเราไปพร้อม ๆ กัน
เรื่องมันมีอยู่ว่า
เราก็อินเลิฟกับหนุ่มสิงคโปร์คนนึงเนอะ
มันก็เป็น 1 ใน 2 หนุ่มที่เราคุยและไปเจอด้วยเมื่อ 3 ปีก่อน
อยากรู้เรื่องราวอะไรยังไง กลับไปอ่านบล็อคสิงคโปร์ตั้งแต่เราไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรกได้นะคะ



แชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9


แต่มันเพิ่งจะจริงจังเมื่อต้นปีนี้ที่เราไปสิงคโปร์เป็นรอบที่ 3
เหมือนเราไปสิงคโปร์ปีละครั้ง ไปทุกครั้งก็ไปเจอคนเดิม
ไปรอบ 2 ก็รู้สึกดีแหละ แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราวอะไร
เพิ่งจะมาเป็นเรื่องเป็นราว เป็นแฟนกันเมื่อคราวนี้แหละ ฮา ๆ
แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เราก็คุยกันทุกวันนะ ไม่เคยหายกันไปเลย
พอมันเป็นเรื่องเป็นราว มันก็รู้สึกว่า เฮ้อ คิดถึงจัง คิดถึงก็เจอกันไม่ได้
เริ่มนอยด์ เริ่มรู้สึกว่า เออ ยากจัง เจอกันปีละ 1-2 ครั้งเองเหรอวะ
ไมตูไม่หาใกล้ ๆ วะเนี่ย อยากเจอก็ได้เจอ นี่ต้องเราเค้ามา หรือเราต้องบินไป
โอเค สิงคโปร์ ใกล้ ๆ ตั๋วไม่แพง แป๊บเดียวก็ถึง แต่ทำไมต้องเป็นเราไปตลอดวะ
ผู้ชายก็ยุ๊ง ยุ่ง ตลอด 3 ปีก็ไม่เคยมาซะที


แต่พอดีมันก็เพิ่งจะเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อต้นปีเอง
แล้วเค้าก็บอกเราว่า เค้าจะมากรุงเทพฯ กับกลุ่มเพื่อนร่วมงานเค้า 5-6 คน
เป็นการมากรุงเทพฯ ครั้งแรกของเค้า
มันก็เป็นทริปที่เค้าบอกเราก่อนหน้าที่เราจะเป็นแฟนกันเมื่อต้นปีเนอะ
แต่เค้าบอกว่า เออ อาจจะไม่ได้เจอกันเนอะ
เพราะเค้ามากับเพื่อนร่วมงาน มาเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนก็ไปด้วยกันหมด
แล้วทุกคนมากรุงเทพฯ ทุกปี หรือปีละหลายครั้ง
ทุกคนเชี่ยวชาญชำนาญแบงคอกมากกกกกกกกก
รู้ว่าจะต้องไปช้อปที่ไหน กินอะไรบ้างแต่ละมื้อ


แต่ตัวผู้เรา ไม่รู้อะไรเลย เพราะไม่เคยมา ไปไหนก็ไป ไม่อยากถามอะไรมาก
ผู้เราก็ง่าย ๆ ไปไหนก็ไป ถ้าช้อปเยอะแล้วเค้าไม่ชอบ
เค้าก็จะหนีไปนั่งคาเฟ่อ่านหนังสือ
แล้วผู้อิชั้นไปเช่าหนังสือที่ห้องสมุดมาอ่านจริง ๆ นะจ๊ะ
เพราะตอนเราไปเจอฮี ๆ พาเราไปเช่าหนังสือที่ห้องสมุดแห่งชาติบ้านเค้าจ้ะ
โหย ทั้งสวย ทั้งใหญ่ ทั้งใหม่ ทันสมัย น่าเข้าไปยืมหนังสือมาอ่าน
แล้วคนก็เค้าไปอยู่เยอะด้วยนะ บ้านเค้ายืมได้เป็น 10 เล่ม ครั้งละ 3 เดือนเลยนะ
มีเกือบ 10 ชั้น อลังการมาก เข้าไปยังชอบเลย ก็เนียนไปเป็นคนสิงคโปร์นะ
หน้าก็หมวยเหมือนสาวสิงคโปร์อยู่แล้ว เค้าก็เลยไม่ได้ขอตรวจบัตรอะไรถ้าไม่ได้ยืมหนังสือ







อ่ะต่อ
สรุป ผู้ชายเราก็มาเนอะ
ก่อนมาเดือนนึง
เราก็ถามไปว่า เออ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เราว่างนะ เจอกันมั้ย
เพราะจริง ๆ ผู้ชายเราไม่ใช่คนติดเพื่อนนะ เค้าเที่ยวคนเดียวได้
อย่างไปงานแต่งเพื่อนที่ออส หรือ ฮ่องกง เค้าก็ไปคนเดียว เที่ยวคนเดียวสบายมาก
ไม่เหมือนคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่ที่มาเที่ยว กทม ต้องมาเป็นกลุ่มใหญ่
เค้าบอกว่า อืม ไว้เจอกันคราวหน้าแล้วกัน เดี๋ยวเค้ามาเที่ยวคนเดียวเพื่อเจอเราอย่างเดียวเลย
เพราะคราวนี้มาครั้งแรกกับเพื่อนร่วมงาน คงต้องตามเพื่อนในกลุ่มนั่นแหละ
เราก็ โห เราซื้อขนมไทยไว้เยอะแยะมากมาย กระเป๋าใหญ่มากไว้จะให้
ขอไปเจอแป๊บนึงให้ของแล้วกลับก็ได้นะ ๆ
ฮีก็บอกว่า ไม่ได้ เค้าไม่อยากให้เราเดินทางมาไกลเพื่อมาเจอกันแค่ 5 นาที
เอาน่า เดี๋ยวเค้ามาใหม่เพื่อเราเลย อีกไม่กี่เดือน เดี๋ยวจองตั๋วมาใหม่นะ
คราวนี้ยังไม่ต้องเจอกัน

เราก็ดราม่าน้ำตาแตกไปรอบนึง
ทำไมวะ อยู่เมืองเดียวกันแท้ ๆ เจอกันไม่ได้ กะเจอกันปีละครั้งเลยหรือยังไงวะ
แล้วความสัมพันธ์มันจะคืบหน้าไปยังไงวะ ฯลฯ คิดบ้าบอท้างวัน
แต่ก็คิดแค่วันเดียวนะ
วันอื่นก็พยายามไม่งอน ไม่ดราม่า พิมพ์คุยเหมือนเดิม
อยู่ไกลกัน งอนกันไปก็ไม่มีประโยชน์ เค้าก็มาง้อไม่ได้อยู่ดี
เข้าใจละ รักทางไกลนี่มันทรมานจริง ๆ อยากเจอก็ไม่ได้เจอ แล้วเค้าเป็นคนพิมพ์อย่างเดียว ไม่เคยโทรเลย
รู้เลยว่ารักทางไกล ส่วนใหญ่จบไม่สวยนะ
ถ้าจะจบสวย มันต้องเจอแล้วแต่งไปอยู่เลย จะมายืดเยื้อมันเหนื่อยทั้งคู่จริง ๆ แฮะ
อ้าว เวิ่นเว้อ ๆ





พอดีเพื่อนเราชวนไปวัดระหว่างตอนทริปที่ฮีจะมา กทม พอดี
แต่คิดว่าถ้ายังไงไม่ได้เจอจริง ๆ อยู่บ้านกูต้องฟุ้งซ่านมากแน่ ๆ
เพราะอยู่เมืองเดียวกัน ห่างกันแค่หลัก 10 กิโล แต่เจอกันไม่ได้
ถ้าห่างกัน 1400 กิโล เจอกันไม่ได้ยังเข้าใจ แต่ห่างกันแค่หลัก 10 โล แต่เจอกันไม่ได้นี่มันเจ็บปวด
เลยตกลงไปอยู่วัดต่างจังหวัดคืนนึงแล้วกัน

พอก่อนวันที่ฮีมาวันนึง
ฮีก็บอกว่า เอาไว้เจอกันรอบหน้านะ
รอบนี้ไม่ต้องมาเจอ เพราะเราหกล้มก่อนนั้นอาทิตย์นึง
ฮีก็ไม่อยากให้เดินทางมาเจอ
แต่ว่า มันก็แค่เขียว ช้ำ ม่วง เรายังไปวิ่งหลังเลิกงานของเราได้เลย
แค่เดินทางไปเจอฮีมันไม่ได้อะไรซักหน่อย
แต่ฮีบอกว่า ไม่ เลิกงานแล้วให้กลับบ้านเลย ไม่ต้องมาเจอกัน เดี๋ยวเจอคราวหน้าแบบเต็ม ๆ
น้ำตาแตกอีกรอบ

แต่เราก็แบบว่า
ขอเหอะ ซื้อของมาให้แล้วเยอะแยะเลย เอากลับไปหน่อย
สุดท้ายฮีก็บอกว่า
โอเค จะพยายามหาเวลาปลีกตัวมานะ

พอฮีมาถึง
เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามา ชาย 2 หญิง 4
โห ไมผู้หญิงมันถึงได้เยอะนักวะ
ฮีไม่รู้อะไรเลยว่าแต่ละวันไปไหนทำอะไรมั่ง
แล้วฮีก็ไม่ถามด้วย บอกว่าไม่เป็นไร surprise
แต่เราไม่ surprise ด้วยอ่ะดิ
เพราะจะได้รู้ไงว่าจะเจอกี่โมง
แต่สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดี ต้องคอยถามเรื่อย ๆ ว่าทำอะไร อยู่ไหน
แต่ฮีก็ไม่ค่อยจะเช็ค 2-3 ชั่วโมงเช็คซะที กรูจะบ้าตาย






แต่เช้าวันนั้น
ทุกคนก็ชิลดีนะ
สาว 2 คนตื่นมาแล้วไปช้อปปิ้ง
อีก 2 คนนอนชิลที่ห้อง
หนุ่ม 2 คน คนนึงออกไปตัดสูทแล้วก็ไปเข้ายิม
อีกคนคือหนุ่มอิป้านี่ก็ชิลอยู่ รร แล้วก็ไปว่ายน้ำ
กว่าจะเคลื่อนตัวกันก็โน่น บ่าย 2!!!
มึงชิลกันดีจริง ๆ
อย่างว่าแหละ
ทุกคนเคยมากรุงเทพ กันปีละครั้งหรือหลายครั้ง
ไปไฮไลท์ที่เที่ยวที่คนมาครั้งแรกควรจะไปมาหมดแล้ว
แล้วทริปนี้ผู้หญิงเยอะ เลยเน้นแต่ช้อปปิ้งกับหาอาหารไทยกิน
ทั้งทริปมีแค่นี้จริง ๆ (อันนี้มารู้ทีหลัง)

กว่าจะกินเสร็จก็นู่น 4-5 โมงเย็น
หนุ่มเลยมาเจอเราได้ตอนนั้น ก่อนที่ทุกคนจะไปรวมตัวกันที่ night market
กว่าเราจะได้เจอหนุ่ม มีเวลาประมาณเกือบ ๆ ชั่วโมง เพราะเค้าต้องเดินทางมาแถวบ้านเรา
แต่ดีที่ตลาดนัดมันก็แถวบ้านเรา ๆ ก็เลยจะขับรถไปส่งฮีได้
ด้วยความที่ของฝากที่เราซื้อให้หนุ่มเอากลับไปมันเยอะและหนักมาก
เราก็เลยเอาไว้ที่รถเราก่อน
ก็เลยได้นั่งกินกาแฟกัน คุยเรื่องทริปฮี
เอาจริง ๆ เลยคือ เวลาเจอกันน้อยมาก เราก็แค่อยากอยู่กับฮี ไม่ค่อยอยากถามอยากคุยอะไรเท่าไหร่
แค่อยากมี quality time ร่วมกัน เพราะเราเห็นค่าของเวลาก็ตอนนั้นแหละ









แต่สุดท้ายนะ ก็ต้องมาเถียงกัน
ด้วยเรื่องงงงงงงงงงงง....................
การเอาของฝากเนี่ยแหละ
คืออย่างที่เราบอก
ของฝากมันเยอะและหนัก
แพลนของเราก็คือ
เดี๋ยวไปตลาดนัดด้วยกัน
ของไว้บนรถเราก่อน
เราไปเดินกับกลุ่มเพื่อนฮี
เสร็จแล้วเราค่อยไปเอาของที่รถแล้วเรียกแท็กซี่พูดภาษาไทยกับแท็กซี่ให้ไปส่งทุกคนกลับ รร
แล้วเราก็จะช่วยต่อถาม ช่วยต่อราคาให้สาว ๆ ในกลุ่ม
ทุกคน happy


แต่ความจริงคือ
หลังจากเราเล่าแพลนเราไป
ฮีบอกว่า คงไม่ได้หรอก
เอางี้แล้วกัน
ยูไปส่งชั้นแล้วยูกลับบ้านเลย
เพราะพรุ่งนี้ยูต้องไปวัดแต่เช้าแล้วไปค้างด้วย ยังไม่เก็บกระเป๋าอีก
เดี๋ยวชั้นถือของไปเดินตลาดนัดกับเพื่อนชั้นเอง



เราก็บอก เฮ้ย ไม่เป็นไร
ของมันหนัก ฝากไว้บนรถก่อน จะไปถือเดินร่อนทั่วตลาดนัดทำไมตั้งหลายชั่วโมงให้มันหนัก
ชั้นจะได้ช่วยสาว ๆ ต่อของช้อปปิ้งด้วย







ฮีบอกว่า
เอิ่ม....
สาว 2 คนในกลุ่มฮี
ไม่ชอบให้คนนอกมาร่วมวง
คือเค้าไม่อยากต้องปั้นหน้า มาชวนคุย มายิ้ม มาทำดีด้วย
เค้าอยากอยู่ในกลุ่มของเค้าเองน่ะ
เพราะทุกคนมากรุงเทพบ่อยแล้ว รู้ว่าควรไปกินไปช้อปอะไร ตรงไหน
เราก็ เฮ้ย
มันมีแบบนี้ด้วยเหรอ
เป็นเรา คนไทย เวลาไปต่างประเทศ เราจะรู้สึกดีนะที่มีคนท้องถิ่นพาเที่ยว พาต่อรองของ แนะนำของกิน ฯลฯ
ไม่เห็นต้องปั้นหน้าเลย ก็แค่ถามอะไรนิดหน่อยตามมารยาท ไม่ต้องชวนคุยอะไรมากมายก็ได้

แต่ฮีบอกว่า
คนสิงคโปร์ไม่ใช่เป็นแบบนั้น
คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่ถ้ามาเป็นกลุ่ม ก็อยากอยู่แต่กับกลุ่มตัวเอง
อยากคุยเล่น เฮฮากับกลุ่มตัวเอง
ไม่อยากมีคนนอกเข้ามาให้รู้สึกเสียความเป็นกันเอง
แล้วด้วยความที่เค้าอยู่ทีมเซลเนอะ
วัน ๆ เจอลูกค้า เจอคนแปลกหน้าเยอะอยู่แล้ว
แล้วทุกคนก็ต้องปั้นหน้า ยิ้ม ทักทาย หาเรื่องคุย
แต่ตอนนี้พวกเค้ามาเที่ยววันหยุด ก็ไม่อยากต้องทำนั้น

โห จริงเหรอคะ
แสดงว่าที่พวกเมิงทำกันทุกวันนี่ก็เฟคสินะ






จริง ๆ แล้วจากนิสัยเนี่ย
ผู้เราไม่น่าจะเป็นเซลได้เลยนะ
เพราะฮีก็หน้าเนิร์ด ๆ นิสัยก็เด็กเรียนเนิร์ด ๆ บ้ากันดั้ม อ่านการ์ตูน อ่านนิยาย
แต่ก็ไม่น่าเชื่ออีกนะว่า
หน้าเนิร์ดแบบนี้ มึงเรียนด้าน film!! มีความไม่น่าเชื่ออยู่หลายอย่างที่ขัดกับหน้าตา ฮา ๆ
แต่อย่างน้อย ฮีก็เฟลนลี่พอที่จะมาคบเราล่ะว้า
เพราะพิมพ์แชทคุยกัน ฮีก็จะไม่เงียบนะ ชวนคุย ถามนู่น นี่ตลอด
ถึงคุยกันมาได้ถึง 3 ปีเกือบทุกวัน
แต่
จริง ๆ อยากโทรคุย หรือวีดีโอนะ
แต่
ฮีไม่สะดวกมั้ง คงไม่ใช่วิถีของคนสิงคโปร์ ไม่เห็นเคยโทรเลยซักครั้งเดียว



แล้วหนุ่มก็เล่าให้ฟังต่อว่า....
เมื่อคืน
ก็มีเพื่อนในกลุ่มมีเพื่อนคนไทยจะมาจอยเหมือนกัน
ก็ถามความเห็นของทุกคน
4 คนโอเค แต่อีก 2 คนไม่โอเค ก็เลยไม่ได้มาจอย
ดังนั้น
เค้าก็ไม่จำเป็นต้องถามแล้ว
เพราะคนเมื่อคืนไม่ได้ เราก็ไม่ได้เหมือนกัน

เราก็พยายามนำเสนอทางเลือกที่ทำให้เค้าไม่ต้องแบกของไป
กะว่า งั้นเราแยกกันเดินก็ได้ ยูเสร็จแล้วก็ส่งข้อความมาเดี๋ยวไปเอาของที่รถ
ฮีก็บอกว่า
ถ้ายูกินช้อปอยู่แล้วรู้ว่ามีคนรอ ก็จะต้องทำเวลา ไม่กล้ากินช้อปนานถูกมั้ย
แล้วก็จะทำให้คนอื่นไม่สนุกไปด้วย
ไม่ต้องหรอก
ชั้นแบกได้

สุดท้ายก็ต้องตามนั้น
ทางเข้าตลาดนัดก็รถติดซะเหลือเกิน
แต่เป็นรถติดที่อยากให้ติดนานที่สุด เพราะมันคือเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน แหวะ ก๊าก ๆ









พอจอดรถเสร็จ
กะว่าคงมีเวลาเดินด้วยกันซักพักแหละ เพราะตลาดนัดก็โคดจะใหญ่ หากันไม่เจอหรอก
ที่ไหนได้
เข้าไปปุ๊บ กลุ่มพี่แกยืนอยู่หน้าทางเข้าเลย
เค้าก็เลยแยกออกไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนเค้า
แต่ก็มีแนะนำให้เรารู้จักนะ 4 คน ไปไหนไม่รู้อีก 2 สาวที่สวย ๆ
เค้าก็ยิ้มให้ แล้วเราก็รีบเซย์บาย พวกเค้าจะได้ไม่ต้องปั้นหน้านาน ชิ
จำไม่ได้ซักคนว่าชื่ออะไรบ้าง
แล้วที่สำคัญ ไม่ได้ฟังว่า ฮีแนะนำเราว่าอะไร!
My local friend? My girlfriend?
หรือว่าแค่พูดชื่อแต่ละคนแล้วก็พูดชื่อเราขึ้นมาเฉย ๆ ก็ไม่รู้

เห็นอิเพื่อนผู้ชายพูดถามอะไรฮีก็ไม่รู้เป็นภาษาจีน เกี่ยวกับเรา
แต่ขอโทษนะ อิชั้นหน้าหมวย แต่ตูไม่เข้าใจภาษาจีนจ้า
แต่ช่างมันเถอะ อย่างน้อยก็พาเรามาแนะนำล่ะวุ้ย
ตอนแรกนึกว่าเจอแล้วก็เดินจากหายไปเลย
เพราะก็คิดเหมือนกันว่า
เอ๊ะ ที่ไม่อยากให้เรามาเจอเพื่อนร่วมงานในทีมนี่
แปลว่ามันมากันแฟนมันป่าววะ
แต่อย่างน้อยฮีพาเราแนะนำ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีใครเป็นแฟนนะ
รู้แต่ว่ามีสาวสวยคนนึงเป็นหัวหน้า ซึ่งอายุน้อยกว่า
ที่เหลือก็เพื่อนเซลด้วยกัน หรือจะมีใครมากกว่าเพื่อนป่าววะ กูเริ่มนอยด์อีกละ


แล้วคิดดู๊.........
อยู่ตลาดเดียวกัน
แต่ไม่ได้เดินด้วยกัน
เราก็แยกไปเดินคนเดียวอย่างเหงา ๆ
ฮีก็แบกของฝากเราไปเดินกับเพื่อนของฮี
แต่เราเดินได้ไม่นานก็กลับละ
แบบว่าหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีหนุ่มเดินด้วย ก๊าก ๆ
พร้อมกับคำถามในหัวว่า....
จริงเหรอวะ มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนสิงคโปร์จริงเหรอวะที่ไม่อยากให้คนนอกมาจอยด้วย
ทั้ง ๆ ที่คนท้องถิ่นสามารถช่วยอะไรได้ตั้งหลายอย่าง อย่างน้อยก็เรื่องภาษาการสื่อสาร
เพราะตอนฮีมา ก็ประสบปัญหากับการสื่อสารกับแท็กซี่ที่สนามบินแล้ว
มีคนท้องถิ่น อย่างน้อยก็ช่วยต่อราคา ช่วยอธิบายอะไร ๆ ได้นะ







เพื่อนสาวต่างชาติบางคนอยากเจอเราจะตาย
บอกว่า ให้มาช่วยต่อราคา มาสื่อสารกับแท็กซี่ แต่พวกนั้นเราก็ไม่อยากไปช่วย
เพราะกะมาเจอเราเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียวเลย
แต่นี่ เรายินดีไปช่วย แต่เค้าปฏิเสธเรา!!!
คือไม่เคยโดนปฏิเสธความช่วยเหลือด้วย ยิ่งเสียเซ้วและงงเข้าไปใหญ่

เพราะถ้าคิดแบบมุมเรา เราจะยินดีมากเลย
เพราะเห็นมั้ยว่า เราไปต่างประเทศแต่ละครั้ง เราจะหาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ท้องถิ่นเที่ยวด้วยตลอด


กลับมาบ้าน
ด้วยความอยากรู้ว่ามีผู้หญิงในนั้นเป็นแฟนมันป่าววะ
แอบลองเข้า ig ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่า ig ของแต่ละคนคืออะไร
เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนุ่มเรามี ig รึเปล่า ฮา ๆ
คุยกันไม่ค่อยลึกซึ้งเท่าไหร่หรอกตลอด 3 ปีนี่ ชีวิตประจำวันซะมากกว่า
แต่ตอนร้านกาแฟ แอบเห็นหนุ่มลอง search ig ของเพื่อนในกลุ่ม
เพราะเค้าถามว่าไปกินอะไรมาบ้าง
เค้าไม่ค่อยถ่ายรูป แอบดูในมือถือ เออ ก็จริง ๆ มีไม่ถึง 10 รูปเลยแฮะ
เออ แต่ตอนนั้น เราก็ลืม ไม่ได้ถาม ig เค้านะ เพราะเราไม่เล่น ig มี ig ไว้เพื่อดูของชาวบ้าน ไม่ได้มีรูปอะไร
เค้าก็พิมพ์ชื่อเพื่อน เลยแอบจำ ig สาวในกลุ่มคนนึงมา
ก็เปิด ๆ ดู ก็เออ คิดว่าไม่น่ามีไร
ดู ig หนุ่มเรา อ้าว มี ig ตั้งแต่ 2012
แต่ก็โพสแต่รูปแม่ รูปหลาน แล้วก็รูปขนม ของกิน ตุ๊กตุ่น หุ่นยนต์อะไรไปตามเรื่อง คงไม่มีอะไรหรอก
แล้วเราก็รีบจัดกระเป๋าคืนนั้นไปนอนวัด 1 คืน
แต่เราก็แบกเอาความไม่สบายใจนี้ไปที่วัดด้วย เหอะ ๆ






พอไปถึงวัด
สิ่งที่เราต้องทำเลยคือ
เตรียมอาหาร วัตถุดิบในวันนี้
เพื่อปรุงอาหารในเช้ามืดวันถัดไปแล้วไปรวมกับโรงทานที่วัดอีกแห่งนึง ไม่ไกลจากวัดที่เรานอน
เพราะวัดที่เรานอน เป็นวัดเล็ก ๆ ไม่มีใครมาปฏิบัติธรรม
แต่โรงทานที่พวกเราทำกับข้าวไปรวมนั้น
เป็นวัดใหม่ ทันสมัย สวย และใหญ่มาก คนมาปฏิบัติธรรมเป็นร้อยหรือหลายร้อย

ไปถึง ได้รู้จักพี่ผู้ชายคนนึง ซึ่งดูแลจัดการวัดที่นั่น
อายุยังไม่มากนะ ซัก 45-50 ได้มั้ง แต่พี่เค้าหน้าเด็กมาก หน้าตึง อิ่มบุญ
พอรับรู้อยู่ว่าพี่เค้ามีเซ้นส์ ช่วยคนได้
ในกรณีที่ เจ้ากรรมนายเวรของเจ้าตัวไม่เลวร้ายเกินไป
หรือถ้าบอกได้ พี่เค้าจะบอก
แล้วพี่เค้าทำให้เราฟรี ๆ ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเรา
พี่เค้าเป็นคนดี ช่วยจัดการให้
พี่เค้าก็บอกเพื่อนเราว่าให้เราไปเด็ดกระเพราะกับยอดฟักแม้ว
เราก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องเป็นเราทำ
แต่ละคนถูกสั่งงานไม่เหมือนกัน
จริง ๆ คนอื่นก็ทำอะไรก็ได้ แต่ของเราต้องเด็ดใบกระเพราะกับยอดฟักแม้วเท่านั้น

เราก็โอเค ให้ทำอะไรก็ทำอยู่แล้ว มาช่วยงานวัด
อย่าล้างห้องน้ำเป็นพอ (ยังทำใจไม่ได้) ฮา ๆ
เด็ดไปก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนไป คิดวนอยู่นั่นแหละว่ามันจริงเหรอวะ
เป็นธรรมดาของคนสิงคโปร์จริงเหรอวะ หรือ 1 ในนั้นเป็นแฟนเค้าป่าววะ ฯลฯ








ทำไปได้ครึ่งวันจนถึงตอนเย็น
พี่เค้าก็มาบอกเพื่อนเราว่า
เนี่ย เราเด็ดผัดไปก็คิดอยู่นั่นแหละเรื่องเดียวซ้ำ ๆ รัก ไม่รัก อยู่อย่างนั้น
เราก็ อึ้งงงงงงงงงง............เราไม่เคยรู้จักกัน แล้วเพื่อนเราก็ไม่ได้เล่าอะไรให้พี่เค้าฟัง แล้วพี่เค้ารู้ได้ไงเนี่ย
แต่ก็ฟังเอาไว้
แล้วมีอยู่ตอนนึง ที่เราเอาเงินฝากไปให้พี่เค้า เป็นค่าช่วยซื้อของทำโรงทานในครั้งนี้
เราก็อยู่กับพี่เค้า 2 คนอยู่ตอนนั้น
พี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า......ถ้าไม่ดี ก็ไม่ต้องไปเอานะ
เราก็อึ้ง ๆ แต่แอบคิดในใจ แต่เราว่าผู้ชายของเราดีนะ เลือกแล้ว ก๊าก ๆ
แล้วเราก็ไม่ได้กล้าถามอะไรพี่เค้าต่อ แล่วพี่เค้าก็พอใจที่จะบอกเราแค่นั้น

แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปทำวัตรเย็นแล้วแยกย้ายกันเข้านอน
อ้อ แต่ก่อนจะนอน ก็มีการจุดธูป 16 ดอก ขออนุญาตมานอน
บอกเจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดให้คุ้มครอง ให้การสร้างบารมีของเราสำเร็จไปด้วยดี
ตี 4 ก็ตื่นมาช่วยกันทำกับข้าว แต่เราไม่ได้เป็นคนต้องปรุง
เพราะพี่เค้าบอกให้ เพื่อนเราอีก 2 คนเป็นคนทำ
ทำเสร็จก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเอาข้าวไปสมทบโรงทาน
แล้วเพื่อนเราก็มากระซิบเราอีกว่า
พี่เค้ากำชับมาว่า ตอนไปที่วัดที่เราไปทำโรงทาน ให้พูดกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ว่าอะไร เกี่ยวกับคู่ของเรา
เราถึงมาเข้าใจว่าทำไมเราต้องเป็นคนเด็ดกระเพรากับยอดฟักแม้ว
แต่ขอไม่บอกแล้วกันว่าต้องพูดว่าอะไรนะ


แล้วก็เพิ่งรู้ว่าขอที่มาถวายวัดทำโรงทานในครั้งนี้
เป็นของยัดไส้หมดเลย (เป็นมังฯทั้งหมดนะ)
ทั้งมะระยัดไส้ ไข่ยัดไส้ แล้วก็ขนมใส่ไส้ มีแต่ผัดยอดฟักแม้วเนี่ยแหละที่ไม่ได้ใส่ไส้
อยู่ได้ซักพัก เราก็กลับวัดมาเด็ดใบกระเพราอีก 5-6 กำใหญ่
คราวนี้ช่วยกันได้แล้ว ไม่ต้องเป็นเราเด็กคนเดียวแล้ว

แล้วตอนบ่ายก็ไปรดน้ำอาจารย์แม่ชี ไม่ไกลจากวัดที่เรานอน
ตอนเย็น ก่อนกลับ
ก็พอดีอีกว่า เราเอาเงินอีกส่วนนึงช่วยสมทบค่าน้ำ ค่าไฟภายในวัดที่มานอนค้าง
ตอนแรกกะไปหยอดตู้ แต่ไม่รู้ว่าพี่เค้าเปิดตู้บ่อยรึเปล่า
เพื่อนเลยบอกว่าให้เค้าเจ้าตัวเลยก็ได้ เพราะพี่เค้าเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในวัด
ก็เลยได้อยู่กับพี่เค้าตามลำพังอีกรอบ
พี่เค้าก็บอกว่า
เราเป็นนางฟ้าตกสวรรค์นะ
เค้าให้ลงมาสร้างบารมี
ที่เราไม่มีคู่จนถึงตอนนี้เนี่ย
อาจจะเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้ในช่วงแรก ๆ หรือไปรักคนที่เค้าไม่รัก พอมีคนมารัก เราก็ไม่ได้รักเค้า
ไม่ลงล็อคซะที
เพราะเค้าอยากให้เราเข้าทางธรรม ปฏิบัติภาวนาสั่งสมบุญ บารมีไป
คือคนที่จะเข้ามาหาเราได้ ต้องมีบารมีเสมอ หรือสูงกว่าเราเท่านั้น ถึงเข้ามาเป็นคู่กันได้
ก่อนหน้านี้ที่มันยังไม่ลงล็อคซะที ไม่มีซะที เพราะเค้าไม่เปิดโอกาสในคนที่บารมีน้อยกว่าเราเข้ามาได้
จริง ๆ เราเป็นคนมีคู่นะ แต่พี่ยังไม่เห็น คงยังหากันไม่เจอ ค้นหากันไปกันมาอยู่
(แหม่ เมื่อไหร่จะหากันจนเจอเนี่ย)
ก็ให้รักษาศีล 5 ภาวนาไปเรื่อย ๆ
พอบุญ บารมีเราสูงขึ้น ก็จะเจอคนที่บารมีเท่ากับเราเอง
ที่มีอยู่ ไม่ดีนะ (เจอรอบ 2 ละนะ คำพูดนี้ แอบมีหวั่นใจเล็ก ๆ)








แล้วเทวดาประจำตัวเราก็มีบุญรักษาเรามาก
คือเค้าจะกันคนไม่ดี คนที่ศีลไม่เสมอกันให้ห่าง ไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับเรา
ดังนั้น เวลาเราไปเที่ยวคนเดียว แล้วไปนัดเจอหนุ่มออนไลน์ที่ไหน
ก็เลยอยู่รอด ปลอดภัยทุกครั้งไป ไม่ได้โดนเคลมหรือโดนล่อลวงอะไรในทางไม่ดี
แหม่ เลยไม่ได้โอนไว เคลมไวบ้าง อะไรบ้างเหมือนสาวอื่นเค้าเล้ย
เทวดาประจำตัวอิชั้นดีจัดนะเนี่ย ป้าแก่แล้ว ไม่ต้องกันผู้ชายมั่งก็ได้ ก๊าก ๆ
ไม่ได้ ไม่โดนกะคนอื่นเค้ามั่งเล้ยยยย แตะตัว ผู้ชายยังไม่มีใครกล้าแตะเลย เทวดาเจ้จะหวงอะไรขนาดน้านนนนน
ปล่อย ๆ มั่งเห๊อะ แก่แล้วววววววววววววว
วันหลัง หลังนั่งภาวนาจะไม่แบ่งบุญให้แล้วนะ หวงจังเลย 5555

พี่เค้าก็แนะนำให้ว่า
ก็ให้รักษาศีล 5 ภาวนาไปเรื่อย ๆ
พอบุญ บารมีเราสูงขึ้น ก็จะเจอคนที่บารมีเท่ากับเราเอง
ที่มีอยู่ ไม่ดีนะ (เจอรอบ 2 ละนะ คำพูดนี้ แอบมีหวั่นใจเล็ก ๆ)
แต่ก็เป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรมของเรานะ



แล้วเพื่อนมีไปวัดอีก 2 ที่ 2 จังหวัดอีกไม่กี่วันนี้
เราก็ชั่งใจอยู่ว่าไปดี ไม่ไปดี วันหยุดอยากนอนอืดอยู่บ้าน ตื่นสาย ๆ
เพราะรู้เลยว่าไปวัดกับเพื่อน ๆ อยากถึงวัดต่างจังหวัดไม่เกิน 7-8 โมงเช้า
นั่นหมายความว่า อิชั้นต้องออกจากบ้านไปเจอเพื่อนที่บ้านตอนตี 5 หรือ 6 โมงเช้า
นั่นก็หมายความอีกว่า กรูต้องตื่นกี่โมงงงงงงงงง


แล้วสุดท้าย
เพื่อนก็โทรมาชวน
กำลังคิดว่าไปดี ไม่ไปดี
เพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า
พี่คนนั้นบอกว่า
อยากให้ไปทั้ง 2 วันเลย ไม่ต้องค้างวัดก็ได้ ให้มาแต่เช้า
แล้วก็ไม่ต้องซื้อตั๋วเดินทางไปหาผู้ชายนะ จะเปลืองเงิน แล้วก็จะเปลืองตัวด้วย (อ้าว รู้ได้ไงว่าอยากซื้อตั๋วไป และอยากเปลืองตัว ก๊าก ๆ)
แล้วรู้ได้ไงว่าเราไม่อยากค้างวัด
คือเราไม่อยากค้างวัด เพราะเราไม่ชอบทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น แล้วก็แปลกที่ มันไม่สะดวก
เหมือนพี่เค้ารู้ใจเราจริง ๆ
คืออันนี้เป็นสิ่งที่เราไม่กล้าบอกเพื่อน
เพราะเพื่อนเค้าจะค้างวัด
จะได้ไม่ต้องตีรถกลับกรุงเทพไปนอน
แล้วต้องออกเช้ามืด วิ่งรถไปมา ค้างวัดก็สะดวก ไม่เปลืองเวลาด้วย
แต่ถ้าให้ค้างวัด เราก็กะจะไม่ร่วมทริปทั้ง 2 วัน
แต่พอเจอแบบนี้ เราก็ต้องยอม เพราะเพื่อนก็อุตส่าห์ไม่ค้างวัด ไปส่งเรากลับบ้านนอน
แล้วอีกวันก็ค่อยออกเดินทางมาวัดนี้ใหม่แล้วค่อยไปอีกวัดไม่ไกลจากที่นี่

จริง ๆ หลังจากวันแรกที่พี่เค้ามาบอกเพื่อนเราเรื่องกระเพราว่ารัก ไม่รักเนี่ย
อีกวันนึง เราก็พยายามไม่คิดอะไร อยู่กับปัจจุบันนะ
เพราะรู้สึกว่า ไม่กล้าคิดอะไรเลย เพราะถ้าคิด พี่เค้าก็รู้อยู่ดีว่าเราคิดอะไร
อันนี้ก็น่ากลัวไปหน่อยนะ
แต่คิดว่าพี่เค้าก็ไม่ได้รู้หมดหรอก แต่ถ้าคิดเรื่องไหนย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ความคิดนั้นคงตะโกนบอกพี่เค้าเอง








แล้วพี่เค้าบอกว่า
เทวดาประจำตัวเราไปเซ้าซี้พี่เค้าให้มาบอกเรา
ให้ไปร่วมทริปสายบุญทั้ง 2 วัน หลายวัด หลายจังหวัดด้วย
จะได้ต่อบุญ ต่อกุศลให้ตัวเราเอง และคิดว่าเทวดาเราก็ได้ด้วย
สุดท้ายก็เลยไป

แล้วก็ได้มีโอกาสคุยกับพี่เค้านิดหน่อย
พี่เค้าก็บอกต่อว่า
จริง ๆ เราต้องมาเกิดเป็นคู่ 2 คน
แต่เราได้มาเกิดคนเดียว
อีกคนเค้าก็เฝ้าดูเราอยู่
ไม่ให้เรานอกลู่นอกทาง ให้เราสร้างบารมี ทำบุญ สร้างกุศล
เราก็ไม่เข้าใจนะว่า
เกิดเป็นคู่คืออะไร
อาจจะเป็นพี่น้องรึเปล่า
เพราะเวลาหม่าม้าไปดูหมอ หมอมักจะบอกว่ามีพี่น้อง 3 คน
ทั้ง ๆ ที่เรามีพี่น้องแค่ 2 คน
เราก็เคยไปดูหมอ ๆ ก็บอกว่า แม่เค้าทำแท้งรึเปล่า เพราะเห็นพี่น้อง 3 คน!
คิดว่าอาจจะเป็นพี่เราที่อาจจะมาเกิด แต่ไม่ได้มาเกิดคู่กับเราล่ะม้าง
แต่อย่างไรก็ช่าง
ทั้งหมด ทั้งปวงที่เราฟังอยากพี่เค้า แค่ในสิ่งที่เค้าอยากพูด อยากบอกเรา
ก็พอเป็นกำลังใจในเราปฏิบัติธรรม ภาวนา สร้างกุศลในตนเอง และคู่ของเราในอนาคต
ไม่ว่าเราจะมีคู่หรือไม่ก็ไม่เป็นไร
เพราะอย่างน้อยเราสร้างกุศลในตนเอง
สุดท้าย
บุญกุศลทั้งหมดก็เป็นเสบียงไว้เลี้ยงตัวเองในชาติภพนี้และภพต่อ ๆ ไปตราบเท่าที่เราต้องเดินทางในสังสารวัฎแห่งนี้



Create Date : 19 เมษายน 2561
Last Update : 29 ตุลาคม 2565 20:49:27 น. 2 comments
Counter : 3091 Pageviews.

 
พี่ลีลีหนูเชื่อที่พี่ที่วัดบอกมากกค่ะ
หนูคิดเหมือนพี่เค้านะคะ ถ้าไม่ดีก็ปล่อยไปดีกว่า
หนูว่าสงสัยหนูคงมีเทวดาคุ้มครองเหมือนพี่ค่ะ เพราะหนูก็เข้าวัดประจำทุกเดือน เข้าตั้งแต่เด็กๆแล้ว นัดคนในทินเดอร์เคยแค่ครั้งเเรกที่เกือบโดนเคลม แต่ปฎิเสธได้รอดตัวไปค่ะ หลังจากนั้นไม่มีอีกเลย
จากประสบการณ์หนู ที่เคยคุยกับคนสิงค์นะคะ ไม่หลายคน แต่คุยเยอะค่ะ
ทุกคน คุยกันครั้งแรกถามเงินเดือนหนูก่อนเลย ตกใจมากค่ะ นึกถึงที่พี่บอกเลยว่าคนสิงค์โปรศาสนาเงิน หนูก็ไม่กล้าพูดก็ยอมบอกไปทั้งๆที่ไม่ได้อยากบอก ไม่ได้ถามเค้ากลับด้วย เพราะก็ไม่ได้อยากรู้55555
คนที่เค้ามาชอบหนูเค้าก็เป็นเซลล์เหมือนกันนะคะ คุบยกันสามสี่ชมแล้วก็มาเจอกันตอนเย็น พอดีวันนั้นอยากได้เพื่อนกินข้าวเย็น ปกติหนูก็ไม่นัดเจอใครง่ายๆ เห็นเค้าก็ไม่ได้มารยาทแย่ พอเค้ากลับไปเค้าโทรมาคุยตลอดเลย จะวีดีโอคอลด้วย แล้วเค้าจะมาหนูคนเดียว หนูบอกไม่ต้อง ไว้รอมาเที่ยวกับเพื่อนเหมือนครั้งก่อนแล้วถ้าในทริปว่างแล้วค่อยมาเจอกัน อย่ามากรุงเทพเพื่อมาหาหนู เค้าก็เลยไปหาเพื่อนชวนมากรุงเทพ แล้วนัดหนูเจอ หนูบอกพาเพื่อนมาเจอกันสิหลายคนสนุกกว่า เค้าก็โอเคจะพาเพื่อนมานะคะ
อาจจะแล้วแต่คนนิสัยไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายเเล้วคนนี้หนูก็ไม่ได้ออกไปเจอนะคะ เพราะอยู่ดีๆเค้าก็หายไปเลย555 ทั้งๆที่ตอนเเรกแบบโทรมาคุยทุกวัน งงๆแต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะเราก็คุยหลายคน
หนูว่าพี่ลีลีน่าจะได้เจอคนอื่นอีกค่ะ คิดทบทวนดูก่อนก็ได้ค่ะ สำหรับหนูนะคะ ไม่ได้อยากมีแฟนอยากมีคนคุยเเก้เหงา หนูเลยไม่ยึดติดกับใครจากทินเดอร์เลยค่ะ ไม่อยากให้พี่เสียใจ อย่าคิดมากนะคะ


โดย: Punch IP: 119.76.161.83 วันที่: 23 เมษายน 2561 เวลา:11:31:08 น.  

 
พอดีเข้ามาอ่านเรื่องธรรมะตอนท้าย สงสัยเจ้าของblogเลิกเขียนละมั้งหายเลย ของแสดงความเห็นเรื่องคู่หน่อยคนไม่ใช้อย่าไปฝืนอะไรที่ต้องวิ่งตามมากๆมักไม่ใช้ ถ้ามีคู่ที่เหมาะสมที่ไม่ใช่คู่กรรม มักไม่ต้องฝืน มีไม่ดีอย่ามีเลยดีกว่าเพราะมันจะติดกรรมกันไปอีก อยู่คนเดียวไม่ตายหรอกอย่างน้อยก็มีผีเป็นเฟรน


โดย: นักอ่าน IP: 159.192.179.172 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา:2:43:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.