น้ำมะเขือเทศดอยคำ มันช่วยให้คนไม่กินผักอย่างเราสุขภาพดีขึ้นจริง ๆ นะ
คือเราเป็นคนกินยากน่ะ กินเหมือนเด็กเลย เลือกกินนั่นเอง ใช้ศัพท์ดีหน่อยคงจะเรียกว่ามีข้อจำกัดในการกินเยอะ เราก็เลยเป็นคนที่ชอบกินอะไรซ้ำ ๆ เพราะว่าเป็นคนไม่กินเปรี้ยว ไม่กินเผ็ด ไม่กินเครื่องใน ไม่กินของดิบ ไม่กินเนื้อวัว หอยทุกประเภท แถมยังเหม็นเนื้อเป็ด เนื้อแกะ แล้วก็กลิ่นดินในปลา แล้วก็ไม่(ค่อย)กินผักอีกต่างหาก ชีวิตรู้จักแต่ 2 รสคือรสจืด กับ รสหวาน แล้วมันกินอะไรได้มั่ง(วะ) ฮา ๆ
ไปกินข้าวกับชาวบ้าน ถ้าสั่งเป็นกับข้าวแชร์กันก็ไม่ได้เรื่องมากนะ สมมุติสั่งกับข้าวมา 5 อย่าง ยัยนี่กินได้ 1-2 อย่างเท่านั้น เหอะ ๆ พวกยำ หรือ แกง นี่เราขอบายเลย กินไม่ได้ซักอย่างเพราัมันทั้งเปรี้ยว ทั้งเผ็ด และเต็มไปด้วยผักที่เรากินไม่เป็น แต่ก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะเรากินไม่ได้เองนี่นา เช่น สั่งแกงปุ๊บ ยัยนี่กินไม่ได้ละเพราะมันเผ็ด สั่งยำปุ๊บ กินไม่ได้อีกละ เพราะมันทั้งเปรี้ยว ทั้งเผ็ด สั่งผัดผักมา ยัยนี้ก็กินผักได้น้อยชนิดซะเหลือเกิน กินไม่ได้อีก
ไปกินส้มตำ ก็ต้องสั่งส้มตำใส่พริกเม็ดเดียวให้ยัยนี่อีก แถมส้มตำ ยัยนี่ก็กินได้แต่เส้นมะละกอ หรือตำข้าวโพดก็กินได้แต่ข้าวโพด เครื่องอย่างอื่นในส้มตำก็กินไม่ได้อีกต่างหาก
แต่ถ้าสั่งแบบของใครของมันเช่น พวกก๋วยเตี๋ยวเนี่ย สบายหน่อย แต่ชาวบ้านก็จะเบื่อแทน เพราะกินแต่เมนูเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ตลอด ๆ เพราะไม่สั่ง เล็กแห้งไม่งอก ก็บะหมี่แห้งไม่งอก ชีวิตมีแค่นี้ กินแบบหน้าตาจืด ๆ ด้วย เพราะไม่ปรุง ได้มายังไงก็กินยังงั้น
ข้าวผัดกระเพราไม่เคยเป็นเมนูสิ้นคิดในชีวิตเราเลย เพราะเราไม่กินเผ็ด แล้วเรากินใบกระเพราไม่เป็น (มันเหม็นง่ะ)
เราเป็นคนกินบุฟเฟต์ได้เสียเปรียบที่สุดในโลก คนอื่นเค้าเอ็นจอยกับหอยนิวซีแลนด์หรือหอยฝรั่งเศสกัน ยัยนี่ลองกินเข้าไป รีบไปอ๊อกในห้องน้ำแทบไม่ทัน เหม็นจะตาย อร่อยตรงไหนเนี่ย เนื้อแกะนี่ก็ลองมาหลายโรงแรมแล้ว มันก็เหม็นเหมือน ๆ กันหมดทุกโรงแรมนั่นแหละ ไม่ว่าโรงแรมจะขึ้นชื่อว่าทำเนื้อแกะไม่เหม็นแค่ไหน เราก็ได้กลิ่นอยู่ดี
พอ ๆ กับที่เราเหม็นกลิ่นเนื้อเป็ดนั่นแหละ เราไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีใครได้กลิ่นเหม็นของเนื้อเป็ดกันมั่งหรือไงหว่า หรือแม้กระทั่งเนื้อปลา เราก็เหม็นกลิ่นดิน ตลกนะ เป็นภูมิแพ้ แต่ได้กลิ่นเหม็นของอาหารได้ชัดเจนมาก
แล้วเราก็ไม่กินของดิบ ไอ้ส่วนของอาหารญี่ปุ่นนี่แทบไม่ได้คีบอะไรกะเค้าเล้ย แถมผักเราก็ไม่กิน ไม่ต้องห่วงเรื่องสลัด ลืมไปได้เลย ไม่ว่าจะสลัดประเภทไหน น้ำสลัดอะไรเราก็ไม่กิน เพราะเรากินผักดิบไม่เป็น แล้วประเภทผักที่มาใส่ในสลัด เราก็กินไม่เป็นซักอย่าง
กินของร้อน ๆ ไม่ได้ อย่างเช่นโจ๊ก ต้องแบะ ๆ บนจานจนมันเย็นค่อยกิน ก๋วยเตี๋ยวน้ำก็เป่าอยู่นั่นแหละแต่ละคำจนมันเย็น
พวกเค้กหวาน ๆ มัน ๆ นี่สู้ตาย ถ้าต้องโดนเสียงข้างมาก เพื่อน ๆ จะไปบุฟเฟต์เนี่ย เราก็อยู่แต่โซนขนมหวาน แล้วส่วนใหญ่ ขนมหวานในบุฟเฟ่ต์มักจะไม่อร่อย เซ็งจิต เป็นโซนเดียวที่อิชั้นเอ็นจอย แต่มันดันไม่อร่อย
แล้วมีอยู่ครั้งนึงไปงานแต่งค็อกเทล กินที่โรงแรมแถวสาทร กินไม่ได้ซักอย่าง เพราะมันแบ่งเป็น 4 โซน โซนแรกคืออาหารญี่ปุ่น ก็พวกข้าวปั้นของดิบทั้งหลาย อีกโซนเป็นขนมปังแบบต่าง ๆ อีกโซนเล็ก ๆ เป็นแป้งห่อเป็ดปักกิ่ง แล้วโซนสุดท้าย เป็นส้มตำ แล้วก็ลาบ แล้วขอโทษ ทั้งงาน มองหาข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวที่เราพอจะกินได้ ไม่มีจ้า ครั้งนั้นแทบจะเรียกว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากข้าวปั้นปูอัดกับน้ำเปล่า T-T
แล้วอยู่มาได้ยังไงเนี่ย ก็อยู่มาได้แบบไม่ค่อย healthy แบบนี้ไง ดีนะที่แม่เรารู้ว่าลูกมีนิสัยแบบนี้ ตอนเช้าก่อนไปทำงานเลยตื่นขึ้นมาทำกับข้าวที่ healthy ที่สุดของวันให้กิน คือผัดผักที่เรากินได้ กับข้าวกล้อง ซึ่งผักที่กินได้ก็สลับกันไปไม่ว่าจะเป็น ผัดผักบุ้ง ผัดกะหล่ำ ผัดผักกาดขาว ผัดดอกกุ้ยช่าย ผัดบล็อคโคลี่ ผัดดอกกะหล่ำ ผัดคะน้าหมูกรอบ ผัดแครอทข้าวโพดอ่อน หรือไม่ก็ไข่เจียวชะอม ไข่เจียวหอมใหญ่ ไข่เจียวต้นหอม หมดละ ผักที่กินได้ในชีวิตนี้ ฮา ๆ
คุณหม่าม้าก็บ่นนะว่าเอานิสัยเลือกกินแบบนี้มาจากไหน เพราะป๊ากับม้าก็กินผักได้ทุกอย่าง แต่ที่รู้ ๆ เราได้การกินจืดมาจากป๊าแน่นอน เพราะไม่ว่าจะกินอะไร เราไม่ปรุงนะ หม่าม้าทำกับข้าวมาแบบไหนก็กินแบบนั้น เพื่อนเคยมากินบ้านเราก็บอกว่ามันจืด เราไปกินข้าวนอกบ้าน สั่งอาหารตามสั่ง (ซึ่งกินได้ไม่กี่เมนู) เราก็ไม่เคยปรุงนะ สั่งก๋วยเตี๋ยวมากินก็ไม่ปรุง เค้าไม่ปรุงมาก็กินมันจืด ๆ แบบนั้นแหละ ไม่เคยต้องดิ้นรน ขวนขวายหาพวกเครื่องปรุงเหมือนคนอื่นเค้า
ไปกิน MK เราไม่กินน้ำจิ้มนะ กินกับน้ำซุปจืด ๆ ในหม้อใหญ่นั่นแหละ เห็นมั้ย ไม่ได้เรื่องเยอะซักหน่อย ฮา ๆ
แต่บ้านเราดีหน่อยคือจะกินข้าวกล้อง กินกันมาหลายปีแล้ว ใครมาบ้านเราโดนบังคับกินข้าวกล้องหมด เพราะบ้านเราไม่ซื้อข้าวขาวมากินเลย ป๊าเรากินอาหารรสจืดจนขาดโซเดียมเลยคิดดู คนอื่นมีแต่โซเดียมเกิน ป๊าเราขาดโซเดียม เพราะเค็มนิดนึงพี่แกก็บ่นแล้ว ฮา ๆ
แต่ไม่น่าเชื่อ ขนาดเราเรื่องเยอะ เลือกกินขนาดนี้ เรากินน้ำมะเขือเทศดอยคำได้!!!
ซึ่งเราคิดว่าคนที่ไม่กินมะเขือเทศสดอย่างเรา ไม่น่าจะกินได้ แล้วหลายความเห็นบอกว่ารสชาติมันอ้วกแตกมากมาย ต้องบีบจมูกกลั้นหายใจกินกันอย่างทรมาน แต่มันดีต่อสุขภาพมากมาย ไม่รอช้า ซื้อมันกล่องใหญ่เลย กินได้ไม่ได้ไม่รู้ล่ะ แต่มีพี่ที่เค้ากินได้รออยู่แล้ว กินเข้าไปอึกแรก เฮ้ย ไม่น่าเกลียดนี่หว่า เหมือนซอสมะเขือเทศ ทำไมคนอื่นกินไม่ได้ฟระ ขนาดยัยนี่เลือกกินขนาดนี้ ในชีวิตกินได้แค่ 2 รสยังกินรสนี้ได้เลย แค่รู้สึกว่ามันออกเค็มไปเท่านั้นเอง รสชาติไม่ได้แย่เลย แช่เย็นกินอึก ๆ ผ่านลิ้นได้อย่างสบาย ไม่เหม็น ไม่เอียนหรือผะอืดผะอมแต่อย่างใด
ทั้งหมดทั้งมวลที่เกริ่นมาน่ะ น้ำล้วน ๆ มีเนื้ออยู่แค่นี้แหละ ว่า มากินน้ำมะเขือเทศ ดอยคำกันเถอะ ใครยังไม่ลองก็อย่าไปกลัว กลิ่นและรสชาติมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ดูอย่างเราเป็นตัวอย่าง เลือกกินจะแย่ แต่ยังกินได้อย่างสบาย มันมีประโยชน์เยอะ เรากินแล้วถ่ายดีขึ้น หน้าใสขึ้น ผิวใสขึ้น ขาวขึ้นรึเปล่าไม่ขอตอบนะเพราะเราขาวจะแย่อยู่แล้ว ไม่ต้องไปกินหรอกไอ้วิตามินที่ขายกันเกลื่อน ๆ ในเน็ทน่ะ แค่กินน้ำมะเขือเทศดอยคำวันละกล่อง เห็นผลกับสุขภาพและผิวพรรณมากกว่าด้วยซ้ำ แถมดีกับสุขภาพจริง ๆ ในราคาถูก ไร้ซึ่งความเสี่ยง เชื่อสิ รสชาติมันไม่ได้แย่จริง ๆ นะ (ขอย้ำอีกซักทีสำหรับคนที่กล้า ๆ กลัว ๆ)
Create Date : 26 มกราคม 2557 |
Last Update : 26 มกราคม 2557 17:46:21 น. |
|
3 comments
|
Counter : 7417 Pageviews. |
|
|
|
เรากินผักได้ทุกชนิด อาหารรสจัด
เผ็ดบ้างไม่เผ็ดบ้าง
ไม่กินเนื้อวัว
บางอารมณ์ บางช่วงจะไม่กินเนื้อสัตว์เลย
คืออยู่ๆ. ก็จะกินเจหน้าตาเฉยนี่แหละ
ก๋วยเตี๋ยวไม่ปรุง
เอ็มเคไม่กินน้ำซด
กินแห้งกะน้ำจิ้ม เติมน้ำจิ้มทุกครั้ง
พิจารณาแล้วน่าจะร่วมวงกันได้
ลักษณะคล้ายจะ วิน-วิน :)