ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9 จบ
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเราคือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ยทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะเม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้างเม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้านัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆนัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโนเรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinderแชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วยไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8 ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9ขอสปอยล์ก่อนว่าบล็อคนี้ไม่ได้มีสาระเกี่ยวกับการเที่ยวสิงคโปร์เลย เพราะการเที่ยวมันจบไปตั้งแต่บล็อคที่แล้วละบล็อคนี้เป็นการระบายความนอยด์สนอง need เจ้าของบล็อคล้วน ๆตอนกลับมาถึงเมืองไทยเนอะไอ้เราก็ยังอินกับที่เที่ยวอยู่ก็ส่งข้อความยาวเหยียดหาหนุ่มที่เที่ยวด้วยกันตั้ง 3 วันประมาณว่า เออ ขอบคุณนะที่ดูแลเราตั้ง 3 วันถ้าไม่ได้ยู ชั้นคงไม่มีโอกาสได้กิน ได้เที่ยวในที่หลาย ๆ ที่ ๆ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมีโอกาสไปสัมผัสชั้นชอบตอนที่เราอยู่ตรงสวนจังเลย ที่มีใบไม้สีเหลืองปลิวไสวตอนลมพัดชอบเรื่องที่คุยทั้ง 3 วัน ชอบนั่น ชอบนี่ ประทับใจนั่น นี่ นู่นคือเขียนเพ้อขอบคุณไปยาวเหยียดแล้วบอกว่า เออ ถ้ามากรุงเทพฯ บอกนะ เดี๋ยวจะจัดเวลาพาไปเที่ยวขอแค่บอกล่วงหน้าหน่อยแล้วกัน ฮีตอบกลับมาว่าไงรู้มั้ยว่าอืม รู้สึกเหมือนเป็นแพลนเลยนะแต่ชั้นคงไม่ไปกรุงเทพฯ แล้วล่ะถ้าจะไป ชั้นคงไปบาหลี หรือฟิลิปินส์แทนจบข่าว..............แบบว่าเฮ้ยแค่นี้เหรอการมากรุงเทพฯ ก็ไม่ได้หมายความว่า มาเที่ยวกรุงเทพฯ อย่างเดียวรึเปล่ามาเจอชั้นด้วยโว้ยไม่อยากเจอกันเหรอว้า คือแบบอ่านแล้วเงียบไปเลยไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อดี2-3 วันให้หลังหนุ่มคงจะรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแล้วล่ะฮีเลยส่งข้อความมาว่าแต่ถ้ายูมาสิงคโปร์ใหม่ หรือไปหาฮีที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ฮีทำงานอยู่ก็บอกได้นะจะทำทริปให้มันดีกว่านี้เออ ค่อยยังชั่วนึกว่าจะตัดสัมพันธ์กันแค่นั้นเลย แต่เล่าให้เพื่อนฟังนะเพื่อนทุกคนก็ด่าว่า ทำไมไม่ให้เค้าไปส่งที่สนามบินทำไมเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นว่าเค้าคิดแบบตัวเองก็เราเกรงใจนี่นา เวลาเค้าก็มีน้อย แล้วยังต้องไปรับส่งเราที่สนามบิน เสียเวลาไปอีก 2-3 ชั่วโมงอีกแทนที่เค้าจะใช้เวลานี้ไปหาเพื่อนอีกคน ไปอยู่กับครอบครัว ฯลฯแต่ทุกคนบอกว่าถ้าเค้าอาสา แสดงว่าเค้าสามารถให้เวลากับเราได้ไม่ต้องไปคิดแทนเค้าแป่วพลาดเลย แล้วนี่อะไรเค้าชวนไปดูหนังก็ไม่ไป (แหม มาสิงคโปร์ มาดูหนังเนี่ยนะ)เค้าชวนไปซื้อของฝากให้เราเป็นที่ระลึกกลับบ้านก็ไม่ไป (แหม สิงคโปร์มีของฝากอะไร เมืองไทยถูกและดีกว่าทั้งนั้น)ชวนเดินห้างก็ไม่ยอมเดิน (ห้างบ้านเราก็เยอะแยะ ไม่ได้ต่างกันเลย ต่างกันที่บ้านเค้าข้าวของแพงกว่า 2-3 เท่าตัว)ชวนไปกินคาเฟ่น่ารัก ๆ ก็ไม่ยอมไปกิน (ก็ไม่ได้สัมผัสอาหารบ้านเค้าจริง ๆ แล้วเปลืองตังเค้าด้วย แค่บรรยากาศและหน้าตาอาหารน่ารักเฉย ๆ)คือ เหมือนกับว่า เค้าชวนไปไหนที่ผิดจากแผนที่เราวางไว้ไม่ได้เลยแบบนี้เป็นใคร ใครก็คิดว่า อ๋อ แค่อยากได้ทัวร์ไกด์ก็แค่นั้นไม่ได้อยากสานสัมพันธ์เลยนี่นาชวนไปไหนก็ say no ตลอดแป่วพลาดอ่ะเอิ่มหลังจากนั้นมา 2 เดือนก็คุยกันน้อยลงไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายไม่อยากคุยต่อ หรือ ผู้ชายยุ่งก็ไม่รู้อันนี้ก็แล้วแต่ความเข้าข้างตัวเองล่ะนะถ้าไม่เข้าข้างตัวเองก็คือฮีแค่ใจดีน่ะ สัญญาว่าจะพาเที่ยวก็พาเที่ยวแล้ว ก็จบถ้าเข้าข้างตัวเองก็คือฮียุ่งมาก เพราะโปรเจคสร้างห้างประเทศเพื่อนบ้านต้องเสร็จ แล้วมันยังไม่เสร็จมีปัญหากับผู้รับเหมา ฯลฯ ทำให้ล่าช้า แต่ฮีก็ต้องจะกลับแล้ว ไม่งั้นฮีต้องอยู่ที่นั่นอีกซึ่งฮีไม่อยากอยู่แล้วเพราะปัญหามันเยอะเหลือเกินอยากปิดโปรเจคใจจะขาด จะได้กลับสิงคโปร์ซะทีฮีก็เลยยุ่งมาก เร่งโปรเจคให้เสร็จเสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำเพราะโปรเจ็คจะต้องเสร็จกันยา แต่ประเมินสถานการณ์แล้ว ธันวายังไม่รู้เลยว่าจะปิดโปรเจคได้รึเปล่าแต่ฮีต้องกลับตุลานี้แล้ว แล้วฮีก็ไม่อยากต่อเวลาอยู่ที่นั่น ฯลฯมีเรื่องให้คิดหลายเรื่อง เลยไม่ตอบเราโอ้ว เข้าข้างตัวเองมากไปละ ณ จุดนี้ อันนี้มาเขียนบล็อคตอนความนอยหายไปเยอะแล้วนะถ้าเขียนตอนอาทิตย์ 2 อาทิตย์แรกที่นอยด์โหย เขียนให้อ่าน 3 วันยังอ่านไม่จบ แถมเนื้อเรื่องก็จะวนไปวนมา ว่าทำไม ๆๆๆๆ อย่างไม่มีสาเหตุและที่สิ้นสุดจริง ๆ คำว่า ทำไม เนี่ย เขียนไปถามผู้ชายก็จบ หมดเรื่องเนอะแต่บ้าเหรอ ใครจะไปกล้ารุ่นน้องบอกให้พิมพ์ถามเลย ว่ายูคิดยังไงกับชั้น เที่ยวด้วยกันมาตั้ง 3 วันเนี่ยเพราะจริง ๆ แล้วผู้ชายอาจจะไม่กล้าก็ได้นะเพราะเห็นพฤติกรรม say no ตลอดของเรา ผู้ชายก็คงถอยเหมือนกัน ฮา ๆเริ่มก่อน ไม่ผิดเว้ย (แต่ไม่ใช่นิสัยเจ้ โอเคมั้ย)เออ แต่หนุ่มอีกคนนึงที่เราเจอวันแรก แล้วไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันวันสุดท้ายน่ะ ตอบได้น่ารักนะคือหลังจากกลับมาเราก็ทำเหมือนกันเลยส่งข้อความไปขอบคุณที่เทคแคร์เรา พาเราเที่ยว แล้วขอบคุณที่ไม่ได้นอน รอไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับเราเราชอบตอนที่เราสองคนรอพระอาทิตย์ขึ้นเนอะแล้วก็เวิ่นเว้อไปตามประสาคนที่กำลังอินแล้วเพิ่งกลับมาจากที่เที่ยวอ่ะเนอะฮีก็ตอบกลับมาว่าฮีก็ต้องขอบคุณเราเหมือนกันเพราะถ้าไม่ติดว่าจะพายูไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนะชั้นก็คงไม่มีโอกาสได้ดูที่นั่นเหมือนกันขอบคุณที่ชวนนะแล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ ปีหน้า เออหนุ่มคนแรกสมควรจะตอบแบบนี้สิ ตอนจนมันถึงฟินหน่อย ฮา ๆอุตส่าห์ประทับใจตั้งแต่ต้น แต่ตอนจบดันหักมุม ฮ่วย แต่ก็ช่างมันเถอะสุดท้ายแล้ว ตลอดทั้งทริป เรามีความสุขก็พอ ขอสรุปการใช้แอพนัดเจอหนุ่มสิงคโปร์พาเที่ยวหน่อยนะเรารู้สึกว่าเราโชคดีมาก ที่ได้หนุ่มพาเที่ยวทำให้การเที่ยวของเราสนุกและน่าสนใจและได้ความรู้เยอะมากเพราะหนุ่มทุกคนที่เราเจอ พูดเก่งให้ข้อมูลเก่งกันทั้งนั้นเลยเพื่อนก็เคยพูดแหละว่า คนสิงคโปร์คุยเก่ง nice กับทุกคน(แต่ข้างในไม่รู้นะ แต่เพื่อนสิงคโปร์ของชีบอกเองว่า พวกเราเห็นแก่ตัว เหยียดคนอื่น มองคนที่เงิน)แต่หนุ่มที่เจอนิสัยน่ารัก ถามอะไร ตอบหมด ให้ความรู้ข้อมูลแน่นปึ้กเทคแคร์ดีมาก เอาเป้ไปแบกให้เลย ประทับใจโคด (ทั้ง 2 หนุ่มเลย) แล้วที่ประทับใจอีกอย่างก็คือทริปนี้เป็นทริปแรกของเราในสิงคโปร์แต่เราได้มีโอกาสได้นั่งระบบขนส่งเกือบทุกอย่างที่สิงคโปร์มีเลยนะไม่ว่าจะเป็น MRT, bus, taxi, uber, หรือแม้กระทั่งรถส่วนตัวคือถ้าคนมาเที่ยวคนเดียวครั้งแรกนั่งอย่างมากก็รถไฟใต้ดิน ก็คงไม่ค่อยมีใครเปรี้ยวนั่งรถประจำทางหรอกมั้งอ่ะถึงได้นั่ง bus แต่จะมีซักกี่คนกล้าเรียกแท็กซี่อ่ะ อาจะมีเรียก taxi ไปที่ใกล้ ๆ หรือสนามบิน แต่จะมีซักกี่คนได้เรียก uberแล้วถ้าไปคนเดียวครั้งแรก แล้วไม่รู้จักใครเลย จะมีใครได้นั่งรถส่วนตัวป่ะล่าแล้วรถส่วนตัวที่ว่า ขอได้จ้า ว่าขอไปวนดูซ่องสิงคโปร์หน่อย จะมีใครกล้าทำให้มั้ย ฮา ๆ เออ แล้วเท่าที่สังเกตดูผู้ชายบ้านเค้านะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายสิงคโปร์ถึงอ้วนเพราะอาหารบ้านเค้ามัน มันมากกกก แถมแทบไม่มีผักเลยกินมาหลายมื้อ แทบไม่เจอผักเลย แล้วมัน ๆ เลี่ยน ๆ หมดเลยนี่ขนาดว่าเราเป็นคนชอบกินของหวาน มันแล้วไม่กินอาหารเปรี้ยว เผ็ดเลยนะเรายังรู้สึกว่าอาหารบ้านเค้ามันจะมัน ๆ เลี่ยน ๆ ไปไหนวะเนี่ยไปมาหลายประเทศ (จริง ๆ ก็ไม่ค่อยหลายหรอกนะ แค่ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน)หนุ่มสิงคโปร์หน้าตาดีน้อยสุดเลยแถมหุ่นดีน้อยสุดด้วยก็ไม่ได้ว่าหน้าตาตัวเองดูดีอะไรนะแต่เวลาไปเที่ยวคนเดียวเนี่ย เราชอบมองหนุ่มชาตินั้น ๆ น่ะหรือเราเป็นคนที่ชอบผู้ชายผอม ๆ ก็ไม่รู้นะเรารู้สึกว่าผู้ชายญี่ปุ่นหุ่นดีอ่ะ ผอม ๆ แห้ง ๆ ใส่สูทผูกไทด์ทำผมเนี้ยบ ๆ แล้วมันน่ามอง (ไม่รวมตอนมันเมานะ)เกาลีก็ผู้ชายอ้วนน้อย หรือเราไปแต่แหล่งมหาลัยก็ไม่รู้แต่รู้ว่าผู้ชายเกาหลีเดี๋ยวนี้สูง แล้วไม่ค่อยมีอ้วน ๆ ให้เห็นเลยไต้หวันนี่ก็แฟชั่นจ๋า แต่อ้วน ๆ นี่ก็มีเหมือนกัน หุ่นอาเสี่ยมาเลย แต่หน้าตาดีกว่าสิงคโปร์ 5555 ผู้ชายตี๋ในเอเชียเราว่าสิงคโปร์ดูจะเป็นที่โหล่นะแต่ความรวยอาจจะเป็นที่ 1 หรือที่ 2รวยไม่รวยไม่รู้รู้แต่ว่าผู้คนประเทศนี้มันบ้าเงินเราเคยถามเจ้าอ้วนนี่นะว่าคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอะไรเหรอฮีตอบกลับมาได้เจ็บแสบมากว่าMoney religiousบ้าเงินขนาดไหน คิดดูเองแล้วกันอย่างที่บอกไปว่าต้องมี 5 Cแล้วผู้คนที่นี่ลงทุนในตลาดหุ้นกันเป็นหลักนะจ๊ะ เพราะดอกเบี้ยน้อยมากบ้าแบรนด์เป็นอันดับ 1 เหมือนกันหนุ่มคนแรกที่เราเจอบอกว่าคนที่นี่วัตถุนิยมจริง ๆเค้าจะตัดสินคนจากเครื่องประดับที่คุณใส่ผู้ชายก็อาจจะมองที่รถ ที่นาฬิกา กระเป๋าสตางค์ผู้หญิงก็มองที่กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ฯลฯแล้วเค้าก็จะตัดสินจากการงานที่เราทำคือแค่บอกตำแหน่งงานของเราเค้าจะพอคาดการณ์ได้แล้วว่า ด้วยตำแหน่งนี้ เราควรจะมีเงินเดือนประมาณเท่าไหร่แต่หนุ่มที่คุยด้วยทั้ง 2 คนไม่ค่อยเป็นนะอาจจะเพราะเค้าไปอยู่เมืองนอกกันมานานก็ได้ เช่นหนุ่มคนแรกที่เราเจอเนี่ยเค้าไปเรียนมหาลัยที่ Sydney แล้วก็ได้งานทำอยู่นี่โน่น เพิ่งจะกลับสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วนี้เองความคิดเค้าก็จะกว้างกว่าการแข่งขันประโคมแบรนด์ มองคนจากข้างในหนุ่มที่เราอยู่กับเค้านาน ๆ ที่เราชอบความคิดเค้า เค้าก็ไปเที่ยวเมืองนอกกับครอบครัวบ่อยก็จะเห็นอีกโลกนึง ทำให้เค้าเปิดใจกว้างแล้ว 2 หนุ่มนี่ก็ไม่ได้แต่งตัวนะแต่ทั้งสองคนบอกตรงกันว่า ลุค สำคัญมากเพราะคนจะตัดสินเราจากการแต่งตัวของเราเราว่ามันคงไม่ใช่แค่สิงคโปร์หรอกก็ทั่วโลกแหละเนอะ เออเรารู้สึกเลยว่าเรามาเจอพวก online app ช้าไปมาเล่นตอน 30 กลาง ๆ ละถ้าเล่นตอนซัก 20 กลาง ๆ คงได้แต่งงานมีลูกไปละใครจะมาเอาผู้หญิงอายุ 30 กลาง ๆ วะกว่าจะได้แต่งงาน ถ้าจะมีลูกก็เสี่ยงทั้งแม่ ทั้งลูก ร่างกายก็วีคกว่าคนมีลูกตอนพวกแม่ ๆ เลขสองแต่จริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากมีลูกนะแต่ผู้ชายที่ไม่อยากมีลูกก็มีน้อยผู้ชายที่มองผู้หญิงอายุมากกว่ายิ่งมีน้อยเหลืออะไรให้กรูวะเนี่ย ก๊าก ๆ ก็ขอบคุณหนุ่ม ๆ ทุกคนที่เราได้เจอในสิงคโปร์เลยทุกคนพูดจาดี พาเที่ยวได้น่าประทับใจตามสไตล์ของแต่ละคนทำให้สิงคโปร์ครั้งแรกตัวคนเดียวของเรามีเงียบเหงาแต่กลับเต็มไปด้วยความประทับใจในที่ ๆ น้อยคนนักจะได้ไป เช่น บนดาดฟ้า HDBแล้วมีความทรงจำมากมายเก็บมาเล่าในบล็อคได้ตั้งเป็นเดือน ๆแม้พวกเค้าจะอ่านไม่ออก (แล้วเราก็ไม่อยากให้เค้าอ่านออกด้วย เดี๋ยวจะรู้ตัวว่าเอาเค้ามาเม้าซะละเอียดเชียว)แต่เราก็จะขอบคุณเป็นภาษาไทยของเราเนี่ยแหละเราเชื่อว่า สำหรับบางคน เจอกันแล้วก็จาก อาจจะไม่มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกเลยแต่สำหรับบางคน การที่เราปลูกเมล็ดพันธุ์ลงในดินแล้ว ไม่นานมันก็จะเติบโตเหมือนมิตรภาพของเรา ที่ไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหน เราเชื่อว่ามันจะเป็นความทรงจำที่ดี เพราะว่าเรามีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน(ลิเกมาก)แถมจบไม่สวยอีกต่างหาก จะเขียนทำไมให้มันดูสวย วุ้ยรอดูต่อไปละกาน ของแบบนี้ อาจจะต้องดูไปยาว ๆ เอ๊ะ แต่วัยเจ้ รอม่ายด้ายยยยยย ขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่านทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้างานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละแต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมาขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ รักคนอ่านนะคะ
ช่วงนี้ยังคุยกะหนุ่มสิงคโปร์คนนั้นต่อไหมคะ