ไปงานแต่ง แทนที่จะได้คุย แต่ทุกคนเอาแต่ก้มหน้าจิ้ม IPHONE!!!
เราไม่ชอบไปงานแต่งงาน ตั้งแต่อายุ 25 ขึ้น เวลาได้การ์ด ไม่อยากไป ถ้าไปต้องสนิทจริง ๆ แล้วเรารู้สึกเกิน 10 คนหรือ 1 โต๊ะจีน เราถึงจะไป
หลัง ๆ มานี่ไม่ไปเลยนะ ไปปีละครั้งได้ นอกนั้นใส่ซองให้หมด คือมันมีหลายเหตุผลมากนะสำหรับการที่จะไม่ไป หลัก ๆ ก็คือ
ไม่ได้สนิทกับบ่าวสาวจริง ๆ ก็ไม่ไป ถ้าสนิท คือต้องเพื่อนทำชมรมรุ่นเดียวกัน อย่างน้อยก็การันตีได้ว่าเพื่อนคอมมิตีไปแน่นอน อันนั้นถึงไป
มันเปลืองนะ ไม่ได้เปลืองเฉพาะค่าใส่ซองเป็นพันนะ แต่เปลืองค่าแต่งหน้า ทำผม หาเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า แล้วค่าแท็กซี่ไปกลับอีก เพราะเราขับรถไม่เป็น เราว่าบางครั้งไม่ไปแล้วใส่ไป 500 ยังถูกกว่าต้องมานั่งแต่งตัวเลย ค่าแต่งหน้า + ทำผม ยังไม่รวมค่ารถก็ 500 แล้ว ค่าแท็กซี่ไป-กลับต่ำ ๆ ก็เที่ยวละ 100 ไป+กลับ 200 แหล่ว นี่ยังไม่รวมค่าชุดนะ ที่บางครั้งไปซ้ำ ๆ เพื่อนกลุ่มเดียวกันก็ต้องไปหาซื้ออีก อย่างน้อย เพื่อนแต่งงาน 1 คน เสียไปแล้ว 1700 อย่างต่ำ ๆ ช่วงนี้แต่งกันเยอะ อารมณ์ขึ้นเลข 3 ทุกคนคงอยากจะสละโสด ให้ไปทุกคน จนพอดี
แต่ก็มีเพื่อนเราบางคนชอบไปงานแต่งงานนะ เพราะเธอชอบแต่งตัวไง แบบว่าไม่อั้น ขอให้เอ่ยปากชวนเถอะ ไปแน่นอน เพราะเธอมีชุดสวย ๆ เยอะ ไม่มีโอกาสได้ใส่เลยพวกชุดหรู ๆ จะได้ใส่ก็งานแต่งนั่นแหละ แล้วพอดีเธอเป็นสมาชิกเครื่องสำอางที่แต่งหน้าได้ฟรี ก็เลยใช้ให้คุ้มซะหน่อย เสียค่าทำผมหน่อย กลับมาดูรูปที่ไปงานแต่ง มีแต่คนบอกว่าสวย คุ้มละ
ผิดกะเรานะ เรารู้สึกว่ามันเป็นการหมดเปลืองโดยใช่เหตุ เราไม่มีชุดด้วย เครื่องประดับก็ไม่ใส่ รองเท้าก็มีแต่ส้นแบนใส่ขึ้นรถมอร์ไซด์ ต่อรถไฟฟ้าและเดินไปทำงาน แล้วเวลาไปงานแต่ง ใส่แว่นก็ไม่ได้ ต้องใส่ contact lens เจ็บตาจะแย่ขนาดใส่แป๊บเดียว ถ้ารูปออกมาก็ไม่เคยดูดีเพราะหน้าแบนมาก หน้าตรงยังพอจะแต่งหน้าให้ดูมีความนูนได้หน่อย เห็นถ่ายข้างแล้วจะเป็นลม หน้าแบนได้อีก ดั้งก็ไม่มี หน้าก็บาน โอ๊ย สารพัด แขนก็ใหญ่ พุงก็ปลิ้น โอ๊ย เวลาดูรูปที่ไปงานแต่งทีไร ไม่เคยพอใจในหน้าตาตัวเองเลยทั้ง ๆ ที่ก็แต่งหน้า ทำผมให้ดูดีกว่าปกติแล้วนะ
เหตุผลต่อไปที่เราไม่อยากไปงานแต่ง เรารู้สึกว่าเวลาไป เราก็ไม่ได้พูดคุยกับบ่าวสาวหรอก ไปถ่ายรูปหน้างาน 1 รูปให้รู้ว่าไปก็จบแล้ว บ่าวสาวก็ทิ้งเราแล้ว เพราะคนมันก็เยอะ ก็เข้าใจว่าคงดูแลไม่หมดหรอก แล้วเราเป็นเพื่อน เค้าก็ต้องดูแลผู้หลักผู้ใหญ่ก่อน เหมือนการถ่ายรูปหน้างานเป็นการเช็คชื่อของบ่าวสาวเท่านั้นเองว่าใครมาบ้างเวลากลับมาดูรูป เพราะในงานเค้าก็จำไม่ได้หรอกว่าใครมาบ้าง เราก็ต้องไปประสบชะตากรรมนั่งโต๊ะจีนกับใครบ้างก็ไม่รู้
ถ้าได้นั่งกับเพื่อนที่สนิทก็ดีหน่อย แซวกันไปแซวกันมาสนุกสนาน แล้วก็จบท้ายด้วยการถามตรงเป้าว่า "มีแฟนรึยัง" ตูเกลียดคำถามนี้โว้ยยยย ถ้ากูมี กูควงมาแล้ว ไม่ต้องถาม
พอตอบว่าไม่มี เพื่อนก็ถามอีกว่า เรื่องมากอ่ะเดะ เลข 3 แล้วนะ เลือกซักคน เอิ่ม เพื่อน ๆ คะ ไม่คิดว่ามันไม่มีเข้ามามั่งเหรอคะ คิดว่ากูจะเสน่ห์แรงมีเข้ามาให้เลือกแต่ไม่เลือกได้เลยเหรอคะ มองหน้ากูหน่อย
บางครั้ง เพื่อนร่วมรุ่นที่สนิท ๆ ก็ไม่ได้ไป นั่งกับรุ่นพี่หรือรุ่นน้องที่ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย ก็ไม่รู้จะคุยอะไร ส่วนใหญ่ก็แค่ถามว่าเป็นยังไง ทำงานที่ไหน จบ
แถมบางครั้ง คุยไปคุยมา เค้าคงคิดแล้วว่าสนิทกับเรา ยื่นซองแต่งงานมาให้ซะเลย ตูจะบ้าตาย ตูยิ่งไม่อยากได้ซองอยู่ นี่ตูสนิทกะเมิงตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่มานั่งติดกัน คุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เนี่ยนะ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่เราไม่อยากไป เราไม่อยากได้ซองเพิ่มสำหรับอิพวกมาต่อยอดแจกซองเพื่อนในงานแต่งเพื่อนอีกคน
แล้วเดี๋ยวนี้ ทุกคนมี iphone กันหมด ยกเว้นเรา ใช้มือถือรุ่นนี้มาจะ 5 ปีแล้ว โบราณมาก เข้า wap ยังช้ามากเลย 3G นี่ไม่รู้จักนะจ๊ะ What's app เป็นไงไม่รู้จัก เครื่องเราเป็นแต่ส่ง sms
เมื่อวาน ไปงานแต่ง พอมานั่งโต๊ะ เราตกใจมาก ทุกคนยกเว้นเรา ก้มหน้า ก้มตาจิ้ม iphone กันหมดทุกคนเลย คือเราเข้าไปนั่งโต๊ะ พวกที่นั่งจิ้มอยู่ก่อนแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองว่าใครมานั่งโต๊ะเรา ทักทายนิดหน่อย แล้วก็ก้มตากดมือถือของตัวเองต่อไปอย่างเมามัน
เราทนไม่ไหว เพราะตูไม่รู้จะคุยกะใคร ตูไม่มีให้กดด้วย (ม่ายช่าย) เราก็พูดทีเล่นทีจริงขึ้นมาว่า ไม่คิดจะคุยกันแบบมองหน้ากันมั่งเลยเหรอ รู้ ๆ ว่าจิ้มคุยกันอยู่ นี่ชั้นอุตส่าห์แต่งหน้า ทำผมมาเลยนะ มองชั้นหน่อย ได้ผลหน่อยนึง ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมอง คุยได้ไม่กี่คำ ไอ้ฝั่งไหนที่เราหันไปคุย มันก็คุยกลับมา ส่วนอีกฝั่งที่เรายังไม่หันไปคุย มันก็ก้มหน้า ก้มตากด iphone ของมันต่อไป แล้วที่สำคัญ บางคนควงแฟนมา แต่ก็ไม่ได้คุยกันนะ ทั้งตัวเอง ทั้งแฟนก็ต่างคนต่างกดเครื่องตัวเอง เซ็งเลย
ไม่น่ามางานนี้เลยตู จริง ๆ ไม่ต้องมาก็ได้นะ เพราะเพื่อนไม่ได้ให้ซองด้วย ชวนทาง facebook เอา ไม่ไปก็สามารถประหยัดไป 1700 เลยนะนั่น แถมไม่ต้องมาเซ็งอารมณ์กับอีพวกผี iphone ด้วย
เรายังมีเจตนารมณ์เดิมนะ ว่า ถ้าเราได้แต่งงาน เราจะไม่จัดงานแต่งงาน เรายังคงเชื่อเหมือนที่เราเคยเขียนบล็อคเก่าไว้ว่า การจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดคือการไม่จัด จนบัดนี้ เราก็ยังเชื่อแบบนี้อยู่ ไม่มีใครสนใจงานแต่งเท่าเจ้าบ่าว เจ้าสาวและญาติของทั้ง 2 ฝ่าย สิ่งที่คนจดจำมากที่สุดคืออาหารอร่อยมั้ยแล้วมาตรงเวลารึเปล่า เพราะเรื่องอื่น ไม่มีใครสนใจ บางทีเค้าพูดอะไรบนเวที พวกเราไม่ได้ยินด้วยซ้ำเพราะมัวแต่คุยกันเองหรือถ่ายรูปกันเองอยู่
ดังนั้น ถ้ามีโอกาสได้แต่ง งานเราคงมีแค่เลี้ยงพระตอนเช้าเป็นสิริมงคลเท่านั้น
ไม่มีรูปถ่ายหน้างาน ไม่มีชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว ไม่มีการ์ด ไม่มีซอง ไม่มีของชำร่วย ไม่มีซุ้มดอกไม้ ไม่มีเวที ไม่มีเค้ก ไม่มีดนตรี ไม่มี VDO presentation ไม่มีอาหารเลี้ยงแขก ไม่มี ไม่มี และ ไม่มี
แขกไม่ต้องใส่เดรส แต่งหน้า ทำผมมางานเรา ไม่ต้องเตรียมอะไรมา เตรียมแต่ใจที่เป็นกุศลที่พร้อมจะให้ หรือแค่หาอาหารใส่ท้องให้ไม่หิวก็พอ ใครอยากใส่ซองจริง ๆ ก็มีซองให้แล้วใส่ขึ้นพานถวายพระได้เลย งานเรา จะไม่มีของชำร่วยติดมือกลับบ้าน มีแต่บุญกุศลที่มาร่วมทำบุญกับเราในครั้งนี้ติดตัวนำไปใช้ชาติหน้าด้วยกัน
เอิ่ม งานพร้อม ว่าแต่ เจ้าบ่าวอยู่ไหนเนี่ย
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2555 10:59:20 น. |
|
12 comments
|
Counter : 3499 Pageviews. |
|
|
|