ไม่คิดว่า missed call จากที่บ้านจะทำให้เรารู้สึกผิดขนาดนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่า อย่างที่บอก บ้านเราอพยพหนีน้ำไปเช่าคอนโดอยู่ชลบุรีตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว แล้วจนบัดนี้น้ำก็ยังไม่ท่วม แต่เรามาอยู่บ้านคนเดียวเพราะเรายังต้องไปทำงาน ครอบครัวเราเลยตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า กลับก่อนกำหนดเช่า 1 เดือน แต่ไม่เป็นไร เข้าใจว่าไม่มีที่ไหนจะอยู่สบายเท่าบ้านเรา
หม่าม้าก็โทรมาบอกตอนเย็นวันพฤหัสว่าเย็นวันศุกร์ไม่ต้องแพ็คกระเป๋ามานอนที่คอนโดแล้วนะ เพราะเค้าจะกลับบ้านแล้ว เพราะข้างห้องและบนล่างเค้าต่อเติม เสียงตอก เสียงสว่านดังทั้งวันเลย เค้าอยู่ไม่ได้แล้ว
เราก็โอเครับรู้ว่าไม่ต้องไป ให้รอทำความสะอาดบ้าน รอเค้ากลับมากันวันเสาร์เช้า
แล้วเราก็ไม่ได้คุยกันอีก วันศุกร์ผ่านไปโดยไม่ได้คุยกัน วันเสาร์เช้ามาถึง
เราตื่นมา เอามือถือมาดู อ้าว แบตจะหมดเหลือขีดเดียว ชาร์ตไว้ข้างบนเนี่ยดีกว่า
หิวข้าววุ้ย อาบน้ำ แต่งตัวออกไปซื้อโจ๊กที่ตลาด โดยที่ไม่ได้ติดมือถือออกไป
ไปตลาดก็ไปซะครึ่งชั่วโมง เพราะรอคิวโจ๊กนานมาก แล้วก็เลยไปซื้อชาเขียวปั่นเจ้าประจำ ไปนั่งคุย นั่งเล่นรอกับพี่เค้าแล้วค่อยมารับโจ๊ก แล้วก็แวะ 7-11 ซื้อขนม แวะแผงผักซื้อมะนาว นู่น นี่ นั่น
จะบอกทำไม???
คือจะบอกว่าเราใช้เวลาไปตลาดรวมทั้งหมดประมาณ 40 นาที แล้วพอกลับบ้าน ก็แกะโจ๊กกิน ดูทีวี ได้ยินเสียงมือถือแว่ว ๆ ที่ชาร์ตอยู่ข้างบน แล้วก็รู้ด้วยนะว่าหม่าม้าโทรมา
แต่นะ คนกำลังกินครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่ กะว่ากินเสร็จเรียบร้อย ล้างจานเสร็จแล้วค่อยโทรกลับ
ขึ้นไปข้างบนจะโทรกลับตอน 10 โมง เจอไปเป็น 10 missed calls ทั้งเบอร์หม่าม้า ทั้งเบอร์น้องชาย
เลยโทรกลับเบอร์น้องชายดีกว่า เพราะเป็นเบอร์ล่าสุด
โทรกลับไป เจอน้องชายด่าเป็นชุดเลย ว่ามึงทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์ รู้มั้ยว่าหม่าม้าเป็นห่วงมาก เพราะว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้โทรมา เช้านี้ก็ไม่ได้โทร เนี่ย เค้าโทรหาข้างบ้านให้มาดูมึงเนี่ยว่ามึงเป็นอะไรรึเปล่า เกิดอุบัติเหตุ หรือไฟดูดตายไปรึยัง เพราะมึงไม่รับโทรศัพท์เนี่ย !@%!@#$!
กลับมานั่งคิด เฮ้อ รู้สึกผิดเลย
โทรไปบอกเพื่อน เค้าก็บอกว่าก็มองกันคนละมุมน่ะ เราก็คิดว่าเดี๋ยววันเสาร์ก็กลับแล้ว คุยกันครั้งสุดท้ายวันพฤหัสก็คงไม่มีอะไร ก็เลยไม่ได้โทรอีก ก็รอเค้ากลับมาวันเสาร์เลย
แต่เค้ากลับคิดว่าเอ๊ะ ทุกทีก็โทรมาคุยวันเว้นวัน ทำไม 2 วันนี้ไม่เห็นโทรมาเลย (คืออาทิตย์แรก เราโทรคุยกับหม่าม้าทุกวันเลยเพราะว่าเรากลัว แบบว่าไม่เคยอยู่และนอนบ้านที่ไม่มีคนมาก่อนเลยจนจะ 30 อยู่แล้วเนี่ย เลยต้องโทรขอความอบอุ่นซะหน่อย แค่ทุกคืนเอง)
แล้วคืนแรก ๆ เราก็เล่าให้เค้าฟังที่เราสับคันเอ้าท์แล้วเกือบจะโดนไฟดูดตาย หาอ่านประสบการณ์ตื่นเต้นอันนี้ของเราได้ที่บล็อคนี้ มันเลยทำให้เค้าคิดว่า ครั้งที่แล้วเราโชคดี ครั้งนี้อาจจะไม่
แล้วทุกครั้งเวลาเราออกไปไหนเราก็จะเอามือถือติดตัวไปเสมอ แต่ครั้งนี้ก็คิดว่าแบตมันจะหมด ชาร์ตทิ้งไว้ดีกว่า แล้วไปซื้อข้าวแป๊บเดียวก็คงไม่มีใครโทรมาหรอก เพราะที่บ้านก็บอกแล้วว่าวันนี้จะกลับมาก็ไม่รู้จะโทรกันทำไม อะไรประมาณนี้
แต่โชคดีที่ว่า เมื่อเช้าตอนเราขี่จักรยานไปหน้าหมู่บ้าน เราสวนกับคนข้างบ้านพอดี เค้าก็เลยบอกว่าคงไม่เป็นไรหรอก เพราะเมื่อเช้าเห็นขี่จักรยานออกไปอยู่ น่าจะไปหาของกิน ประมาณนี้
แต่ไม่คิดเหมือนกันนะ ว่าเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงที่เราไม่ได้โทรกลับ มันทำให้แม่เราห่วง กังวลขนาดนี้อ่ะเนอะ
ใจคนเป็นพ่อเป็นแม่อ่านะ ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไหร่ ก็คงอดห่วงไม่ได้อยู่ดี แล้วก็คงเป็นความห่วงตลอดชีวิต ไม่ว่าจะตลอดชีวิตของเรา หรือชีวิตของเค้า จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง
การเป็นพ่อคน แม่คนนี่มันเป็นภาระอันยิ่งใหญ่จริง ๆ เนอะ มันไม่เหมือนซื้อของที่เห่อแค่ชั่วคราว แล้วก็เลิกเล่น ทิ้งขว้าง หมดห่วงกันได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน หรือไม่กี่ปี
ตอนนี้เค้าก็กลับมาถึงบ้านละ ความห่วงสำหรับวันนี้ก็คงหายไป มีแต่ความรู้สึกผิดในใจ แค่ว่าทำไมไม่เอามือถือไปฟระ ทำให้เค้าห่วงอยู่เป็นชั่วโมง มีแต่ if clause เต็มไปหมด ถ้าเราทำอย่างโน้น ก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ฯลฯ
เนี่ยแหละน้า เราจะเห็นความห่วงใยของพ่อแม่เรามากที่สุดก็ตอนที่เกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ยแหละ
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2554 13:57:40 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1994 Pageviews. |
|
|
|