Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
คำพูดกับ taxi ที่เราพูดออกไป ทำให้เรารู้เลยว่า "คำพูด" มันมีอนุภาพมาก

ช่วงนี้เดือน 2 เดือนนี้ฝนตกหลังเลิกงานบ่อย
เรานั่ง taxi ต่อจากที่ลงรถไฟฟ้ากลับบ้านเกือบทุกวันเลย
มีอยู่วันนึง
เราก็เรียก taxi กลับเหมือนเคย
แต่คันนี้
พอดีรถมันติดแหง็ก เห็นคันนี้เปิดไปว่างแดงโล่อยู่ไกล ๆ
เราก็เลยเดินไปไกลหน่อยเพื่อไปขึ้นเลย
ลงนั่งปุ๊บ
ก็บอกพี่ taxi จุดหมายปลายทางของเราว่า ไป....ค่ะ
พี่ taxi ก็ถามต่อว่าเข้าซอยไปลึกมั้ย
เราก็บอกว่าไม่ลึกค่ะ
เค้าก็ลังเล ๆ อึดใจนึง
เราก็ลุ้น ๆ ว่าเค้าจะไปมั้ย ณ อึดใจนั้น
ก่อนที่เค้าจะกดมิเตอร์






เค้าก็บอกว่า
จริง ๆ จะไม่รับผู้โดยสารนะ
จะออกเลนนอก แต่รถมันติดแล้วเราก็เดินถัด ๆ ลงมาแล้วขึ้นพอดี
ไม่ใช่อะไร
คือเค้าหิวข้าว เป็นมื้อที่ 2 ของวัน
หลังจากวิ่งรถแล้วไม่ได้กินอะไรเลยมาหลายชั่วโมง

เราเข้าใจเลย
เลยพยายามหาลูกอมในกระเป๋า
แต่เราเป็นคนไม่กินลูกอมหรือขนอาหารกลับบ้านตอนเย็นอยู่แล้ว
เลยไม่มีอะไรให้พี่เค้ากินเลย
เลยบอกว่า ขอโทษนะคะ ในกระเป๋าไม่มีของกินเลย
แต่เดี๋ยวจะอาสาลงไป 7-11 ตรงที่รถติดนั้นเข้าไปซื้อของกินมาให้นะคะ

แต่มันเป็นถนนใหญ่ไง
ถ้าไฟเขียวก็จอดไม่ได้อยู่ดี

พี่เค้าก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร
ก็บอกพี่เค้าว่า ใจเย็น ๆ นะคะ หน้าหมู่บ้านหนูเป็นตลาดค่ะ
มีหลายร้านเลยค่ะ
ขอโทษอีกรอบนะคะ
ทนหิวอีก 15-20 นาทีนะคะ

บทสนทนาดูเหมือนจะมีแค่นั้น
แต่


อยู่ดี ๆ พี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า
น้องเป็นประชาสัมพันธ์เหรอ
เราก็งง
ก็ตอบไปว่า
เปล่าค่ะ
ทำเกี่ยวกับตัวเลขค่ะ ไม่ได้ค่อยได้ติดต่อกับคนเลยค่ะ
ทำไมเหรอคะ
เค้าก็บอกว่า เห็นพูดเพราะจังเลย นึกว่าทำงานที่ต้องพูดเพราะ
โหย
ยิ้มเลย
ขอบคุณนะคะ

จริง ๆ เรามักจะพูดเพราะ คือมีคะ ขา ต่อท้ายทุกประโยคกับอาชีพที่ให้บริการแต่คนส่วนใหญ่จะมองเค้าต่ำต้อยนะ
โดยเฉพาะกับ คนขับแท็กซี่ วินมอร์ไซด์ ยาม แม่บ้าน คนกวาดถนน แม่ค้าข้างถนน รวมถึงทุกคนในให้บริการหน้าเคาเตอร์หรือ call center ทั้งหลาย
เรารู้สึกว่า คนพวกนี้สมควรได้รับคำพูดที่ดี ๆ นะ
เพราะเค้าเหนื่อยทั้งวันกับการให้บริการคน
เจอคนแย่ ๆ ที่พร้อมจะด่าเค้าได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
เราจะไปเพิ่มความลำบากใจให้เค้าทำไม







เราเคยนั่งรถที่เพื่อนขับ เห็นเพื่อนถามอะไรยาม คำพูดไม่มีหางเสียงเลย แบบว่าห้วน ๆ
เราก็ทักไปว่าทำไมพูดไม่เพราะเลย
เพื่อนก็บอกว่านี่ก็พูดเพราะแล้วนะ
“เพราะ” ของเพื่อน คือพูดแล้วไม่กระแทกเสียงหรือใส่อารมณ์แย่ ๆ หรือชักสีหน้า
แต่คำว่า “เพราะ” ของเราคือมี คะ ขา ลงท้ายทุกประโยค
เลยกลายเป็นว่า เราดันมาเถียงกันเรื่องนี้จนต้องเปลี่ยนเรื่อง

จริง ๆ เราก็พูดเพราะกับทุกคนที่เราไม่ค่อยสนิท หรือไม่รู้จักนะ
แต่คนที่สนิทเราก็จะพูดธรรมดา ไม่ค่อยลงค่ะเท่าไหร่
แต่เราก็รู้กันว่าเรารักกันน่ะนะ

คืนนั้นเราเลยรู้สึกดีไปทั้งคืนเลย





เรารู้สึกเลยนะว่า คำพูดเนี่ย มีอนุภาพมาก
ดั่งคำสอนของท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล

... คำพูดนี้มีอานุภาพมาก
คำพูดเสียดแทงใจเพียงคำสั้นๆ
สามารถทำให้ผู้ฟังรับคำพูดนั้น
เข้าไปทำร้ายหัวใจตนเอง
ตราบนานเท่านาน ...


เราเข้าใจเลยนะ
เพราะคำพูดบางคำพูดที่คนที่พูดออกมาเค้าพูดโดยไม่คิดแล้วลืมไปแล้วเนี่ย
แต่คนฟังเค้าเก็บมาคิด เก็บมาทุกข์ มันก็เป็นบาปกรรมแก่คนพูด


เหมือนเช่น เพื่อนที่ออฟฟิศเรา 2 คนพูดที่เราเก็บมาคิด แต่ก็พยายามจะให้อภัยก็คือ

ตอนที่เรากลับจากปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ
เราก็อัพรูปสถานที่ปฏิบัติให้เพื่อน ๆ เห็นใน facebook
แล้วคิดเอาว่า เพื่อนในเฟสเป็นร้อยที่รู้จัก
ถ้ามีซักคนเห็นแล้วเกิดศรัทธาอยากไปขึ้นมา
เราก็คงจะมีความสุขมากมายแล้ว
แล้วก็รูปเรา 2 รูปที่ถ่ายกับเพื่อน ๆ ที่ปฏิบัติในวันสุดท้ายก่อนขึ้นรถแยกย้ายกันกลับ
ซึ่งเราบอกได้เลยว่า เราเป็นคนอัพรูปในเฟสไม่บ่อย โดยเฉลี่ยก็ปีละครั้งหรือ 2 ครั้ง
เดี๋ยวนี้ทุกครั้งที่อัพคือทริปทำบุญใหญ่ ให้เพื่อนได้ร่วมอนุโทนาบุญ
เหมือนเราทีีชอบไปอนุโมทนา สาธุกับรูปทริปทำบุญของเพื่อน ๆ
ใครอัพรูปของกินนี่อะไรที่มันเวิ่นเว้อนี่เรา hide หมดเลยนะ เห็นแล้วอารมณ์เสีย จะเยอะกันไปไหน
เลือกที่จะดูสิ่งที่ถูกจริตกับตัวเองดีกว่า






เพื่อนที่ทำงานคนนึง ซึ่งเธออัพรูปตัวเธอเองเกือบทุกวัน
เพราะเธอเป็นคนชอบไปทำกิจกรรมนอกบ้านวันหยุด กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย แม้แต่ซื้อกาแฟแก้วนึงก็ยังอัพ
กับข้าวนี่ไม่ต้องห่วง อัพทุกจาน ทุกมื้อ
ซึ่งเราไม่ค่อยดูรูปเธอหรอก เพราะมันเยอะ ตอนนี้ก็หลายพันรูป 100 กว่าอัลบั้มมั้ง
ที่บอกว่ามั้ง เพราะเราได้ hide เธอไปนานแล้ว
คนเยอะ ๆ ดูไปทำให้จิตเรามัวหมองก็ไม่ต้องไปดูหรอก facebook เรา ๆ มีสิทธิ์ที่จะเลือกดูเนอะ

เค้าก็พูดขึ้นมาตอนกินข้าวด้วยกันว่า
เออ เราเนี่ย ไปปฏิบัติธรรมมา แล้วทำไมมาถ่ายรูปลง facebook
โห
ตอนนี้ฟังแล้วมันจี๊ดเข้าไปถึงหัวใจเลย
ที่ถ่ายเนี่ย อยากให้คนเห็นแล้วอยากไปบ้าง หรือเข้ามาอนุโมทนาบุญ เอาบุญที่เราปฏิบัติไป 10% อยากจะให้ทุกคน
แต่ไม่คิดว่าจะเจอคนที่ตรงกันข้ามแฮะ
คนประเภทนี้ก็แปลกนะ
ไม่คิดจะถามเลยว่าปฏิบัติแล้วเป็นยังไงบ้าง อนุโมทนาบุญนะ ไรแบบเนี้ย
แต่มาคิดว่าทำไมถ่ายรูปมาลง โว๊ะ
สงสัยไอ้ที่เราลงรูปแล้วอยากให้คนเกิดศรัทธาเนี่ย มันคงเป็นความคิดโลกสวยของเราเกินไปหน่อย
จริง ๆ จะมีแต่คนเค้าอยากจะหารอยรั่วแล้วกระทุ้งให้แก้วมันแตกมากกว่า





แต่ก็คิดว่า อืม เค้ายังไม่เคยแม้แต่จะอ่านหนังสือธรรมะที่เราเอาไปให้เลย
มันเป็นคำพูดที่มาจากกิเลสในตัวเค้า ไม่ใช่ของเค้า
เลยตอบไปว่า เราถ่ายวันสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับน่ะ ที่เค้าให้พูดกันได้แล้ว
แต่ก่อนหน้านั้น 7 วันที่ปฏิบัติเนี่ย เค้ายึดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด แล้วห้ามคุยกันนะ
ก็ได้แต่คิดว่า เออ ลองมาปฏิบัติดูสิ
ถ้าเธอไปถึงนะ ถ่ายมา 200 รูป
ฉันจะตามไปกด like และคอมเม้นท์อนุโมทนาบุญมันทุกรูปเลย


กับอีกคนนึง
สด ๆ ร้อน ๆ
คือเราเป็นคนช่างฝันน่ะ
แต่ละคืน ถ้าหลับ ๆ ตื่น ๆ ก็ฝันเยอะ ตื่นมาก็ยังจำได้ว่าฝันเรื่องอะไรไปบ้าง
พอดีเราฝันถึงลูกของเค้า ก็เลยบอกเค้า
แล้วคืนนั้นเราก็ฝันถึงพี่ที่ทำงานอีกคนนึงด้วยที่คนละเรื่องกันภายในคืนเดียวกัน
ก็บอกเจ้าตัวด้วยว่าเราฝันถึง แต่คนนั้นก็ฟังอยู่ด้วย
เค้าก็พูดขึ้นมาว่า
อะไรกัน
ปฏิบัติธรรมแล้วทำไมยังฝันเยอะแยะขนาดนี้
นี่ขนาดไปปฏิบัติแล้วนะ

อืม...
เจ็บจี๊ดอีกละ ที่เจ็บเนี่ย จริง ๆ แสดงว่าเรายังยึดมั่น ถือมั่นอยู่นะ
แต่ก็พยายามปล่อยวาง เพราะตอนกลับมาก็เคยชวน 2 คนนี้ไปปฏิบัติ
2 คนนี้ก็พยายามจะหาจุดที่เราพยายามชวนพูดกลายเป็นเรื่องขำ แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
เฮ้อ
ไม่รู้ฟังเยอะ ๆ แล้วมันร้อนหรือยังไงไม่รู้นะ






พี่ที่เค้าปฏิบัติในออฟฟิศเราบอกว่า
เป็นเค้านะ
เค้าไม่ชวนให้เสียเวลาหรอก
เพราะคนพวกนี้ดึงไปก็ไม่ขึ้นหรอก
ทำให้จิตเราตกไปตามคำพูดแซวแรง ๆ ของพวกเค้าด้วย
เค้าเข้าไม่ถึงมันก็เป็นกรรมของเค้า
แล้วยิ่งทำให้เราเข้ากับเค้าไม่ได้เปล่า ๆ
เราก็เออ พยายามอภัยทานไป พูดง่ายนะ แต่ทำยากมากเลย


คำพูดส่อเสียดเนี่ย
ท่านอาจารย์บอกว่าเปรียบเสมือนมีดที่ลับให้คม
แล้วมาแทงที่เรา
ถามว่าแทงปุ๊บ เราตายเลยรึเปล่า
คำตอบคือไม่
แต่เค้าจะทำให้คนถูกแทงเนี่ย หยิบมีดนั้นมาแทงตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้ตายอย่างช้า ๆ และทรมานที่สุด

ดังนั้น
เวลาจะพูดอะไร ให้ใช้สติไตร่ตรอง พิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะพูดอะไรออกมา
เพราะวจีกรรมย่อมส่งผลที่น่ารันทด และเป็นกรรมตัดรอนชีวิตให้ตกต่ำ




Create Date : 17 สิงหาคม 2556
Last Update : 26 พฤษภาคม 2559 19:51:33 น. 2 comments
Counter : 3987 Pageviews.

 
เราก็พูดดีกับทุกคนเหมือนกันค่ะ
คนที่ทำอาชีพสุจริตอ่ะ เขาไม่ได้เป็นคนเลวซะหน่อย
ผูกมิตรไว้ ดีจะตาย


โดย: คน IP: 110.169.139.63 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2556 เวลา:10:22:42 น.  

 
เล่าละเอียดจริงๆ ด้วย

สนุกดี ได้แง่คิด

ครับผม


โดย: ปลิว IP: 58.8.152.19 วันที่: 26 พฤษภาคม 2559 เวลา:15:21:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.