ก้าวข้ามอีก 1 ข้อจำกัดด้วยการพาตัวเองไปดูคอนเสิร์ตคนเดียว 3 งานรวดในวันเดียว
คิดอยู่นานตั้งแต่เมื่อคืน ว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี เพราะถ้าออกจากบ้านก็อยากไปให้คุ้ม ถ้าไม่ออกจากบ้านก็นอนเล่นดูหนังหลายสิบเรื่องที่ดองเอาไว้ ยิ่งไปอ่านหนังในดวงใจของชาวบ้าน ยิ่งอยากไปหยิบมาดู เพราะบางเรื่องเราก็มีแต่ยังไม่ได้ดู งานคอนเสิร์ตก็อยากไป แถมอยากไปทั้ง 3 งานเลย คืองานแสตมป์กับพี่เอ๋ นิ้วกลมใต้ถุนโรงอาหารถาปัด จุฬาตอนบ่าย 2 ถึง 4 โมงเย็น คอนเสิร์ต Tatoo Colour กับคลื่น 89 Chill FM ที่ Slim RCA ตอน 4 โมงเย็น แล้วก็งาน TK Park ที่จัดหน้าหอศิลป์ กะไปดูแสตมป์อีกรอบที่เค้าบอกว่ามาตอนทุ่มนึงจากหน้าเว็ปรวมพลคนรักดนตรี วันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2553 เวลา 15.00 - 20.00 น. ณ ลานด้านหน้า หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ รวมพลคนรักดนตรี พบกับกิจกรรมสร้างสรรค์ทางดนตรีจากเยาวชนคนรักดนตรี นิทรรศการความเป็นมาของดนตรีประเภทต่างๆ โครงการห้องสมุดเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทางกับเรื่องราวของดนตรี และตลาดนัดดนตรี พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินและบทเพลงหลากสไตล์ 15.00 -16.00 น. วงดนตรีเยาวชน TK Band 16.00 -16.45 น. เพลิดเพลินไปกับดนตรีออร์เคสตร้าจากวงดนตรีเอื้อมอารีย์ 17.00 -17.30 น. พบคู่ดูโอหน้าใหม่กับเพลง Bossanova จากวง Singular 17.30 -18.00 น. ฟังเพลงแนว Surf Pop กับสิงโต นำโชค 18.00 -18.45 น. สนุกไปกับสีสันทางดนตรีแนว Modern Rock กับวง Musketeers 19.00 -19.45 น. ฟังเพลงรักอะคูสติกจากแสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ตัดสินใจไม่ได้ซักที เลยโทรไปชวนชาวบ้านตอนที่ตัดสินใจไม่ได้เนี่ยแหละ ตอน 4 ทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืน รับสายบ้าง ไม่รับสายบ้าง พวกที่รับสายก็โวยวายใหญ่ว่าทำไมโทรมาตอนนี้ ทำไมมาชวนเอาป่านนี้แล้วพรุ่งนี้ไป ไม่ให้เตรียมตัวเลย เอิ่ม เราเป็นคนไม่เตรียมแบบนี้แหละ เพื่อนโทรมาชวนไปทะเลค้าง 1 คืนตอน 7 โมงเช้า ให้เก็บกระเป๋าแล้วเจอกันตอน 8 โมงเช้าก็เคยมาแล้ว แถมยังบ้าจี้ไปกับมันซะอีก ข้อหาไม่มีอะไรทำ ไม่มีนัดกับใครอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ถ้าเพื่อนชวนไปไหนแล้วไม่ได้นัดใครเราก็พร้อมตลอด ลืมไปว่าเราคงเป็นคนส่วนน้อย ส่วนใหญ่ชวนใครต้องชวนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันใช่มั้ย ไอ้ธรรมเนียมนี้เอามาจากไหนกัน ใครเป็นคนตั้งวะ ไม่อยากไปก็บอกเลยว่าไม่ไป ยังเจ็บปวดน้อยกว่าเลย (เอ๊ะ วันนี้ตูจะดราม่าไปไหนเนี่ย) สรุปคือโทรชวนหลายราย ไม่มีใครว่างไปซักราย ส่วนพวกว่างไปก็ไม่รู้จักนิ้วกลม เออ เอากะมันสิ ถ้าให้ไปด้วยก็คงไม่อิน และเป็นการฝืนใจมันเกินไป สงสารประเทศไทย กลุ่มเพื่อนเราแทบไม่มีใครรู้จักพี่เอ๋เลย เหนื่อยใจกับวัยรุ่นตอนปลายที่ภูมิความรู้ การรักการอ่านอ่อนแอเหลือเกิน กำลังคิดว่างั้นไม่ไปดีกว่า เขิน เป็นปาร์ตี้แจกกล้วยของพี่เอ๋ ความรู้สึกว่ามันเป็นปาร์ตี้ แล้วเราไปคนเดียวมันเขินน่าดู คิดไปประมาณว่าทุกคนที่ไปปาร์ตี้ต้องเอาเพื่อนไป แล้วเราไปคนเดียว มันเขินจะตาย แล้วเราจะคุยกับใคร ฯลฯ แต่อีกใจนึงก็อยากไป อยากไปรับแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากนักเขียนที่เราชอบ เพราะครั้งที่แล้วไปฟังพี่เอ๋พูดที่ DTAC จัดที่จุฬาก็ได้แรงบันดาลใจจดใส่สมุดไว้เกือบหน้านึงเลย แถมคำโปรยในหน้า Facebook ของพี่เอ๋ก็ยั่วยวนซะขนาดนี้อัพเดต! "ปาร์ตี้แจกกล้วย" เสาร์นี้บ่ายสอง, มีเพลงจากนิ้วกลมและแสตมป์ให้ฟังนับสิบ, มีเกมให้เล่น (มันแน่ๆ), มีของรางวัลใหญ่ยั่วยวนยิ่ง, มีกล้วยให้กิน, มีเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และมุกตลก (ไม่แน่อาจมีแรงบันดาลใจแถมฟรี!) ดูเหมือนจะกลายเป็นอีเว้นท์ไปแล้ว ขาดก็แต่พริตตี้เท่านั้น! 555 เจอกันที่ใต้ถุนโรงอาหาร สถาปัตย์ จุฬาฯ งานเริ่มตรงเวลาเป๊ะ! เพื่อนคนสุดท้ายที่ชวนแล้วมันไม่ไป มันให้กำลังใจด้วยการบอกว่า ไม่ต้องสนใจใครหรอก เพราะไปจริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครสนใจเรา เค้าสนใจเจ้าของปาร์ตี้คือพี่เอ๋ กับ แสตมป์มากกว่า ขนาดไปเที่ยวเมืองนอกคนเดียว แกก็ไปมาแล้ว ไปดูหนังคนเดียว แกก็ไปมาแล้ว แล้วทำไมไปปาร์ตี้คนเดียว ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ แต่เอิ่ม ไอ้การไปต่างประเทศคนเดียวเนี่ย คนอื่นไม่รู้จักเราไง เราไม่มีอะไรจะเสีย เข้าโรงหนังคนเดียวเนี่ย เข้าไปมันก็มืด ต่างคนต่างดูก็ไม่มีใครมาสนใจว่าเรามากับใคร แต่ปาร์ตี้เนี่ย 2 ชั่วโมงมันก็มองกันไป มองกันมา แล้วอีนี่มาคนเดียว ไม่มีใครร่วมแชร์เลย (คิดไปนั่น) แต่ก็เอาวะ ถือว่าเป็นการก้าวข้ามอีก 1 ขีดจำกัดของเรา เราการไปปาร์ตี้หรือการไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวของเราเนี่ย มันเป็นข้อจำกัดของเราเลยนะ จะเป็นสิ่งท้าย ๆ ที่จะทำคนเดียวพอ ๆ กับการไปนั่งกิน MK คนเดียวนั่นแหละ ข้อจำกัดนั้นคือความเขินนั่นเอง ก็ไม่รู้จะเขินอะไรเพราะไม่มีใครมาสนใจเรามองเราหรอก เคยอ่านมาจากหนังสือเล่มนึง เค้าบอกว่า คนเรามักจะคิดว่าทุกคนจะมองตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วทุกคนก็ยุ่งเกินกว่าที่จะมองคนอื่น เพราะทุกคนก็สนใจแต่ตัวเอง ยุ่งอยู่กับตัวเอง แล้วจะเขินทำไม แต่ก็เขินอยู่ดี ฮา ๆ เอาวะ อยากไปก็ไป เราพร้อมซะอย่าง รอคนอื่นมาพร้อมด้วยก็คงไม่ได้ไป อยากทำอะไรก็ทำเลย รอโอกาสหน้าก็ไม่รู้จะมาอีกเมื่อไหร่ แล้วมันอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราจนรอโอกาสนั้นมาไม่ถึงก็เป็นได้ ไม่ต้องแชร์กับใครก็ได้วะ สุขคนเดียวบ้างจะเป็นไร แล้วค่อยเอามาแชร์ในบล็อคก็คงยังไม่สาย เลยไปงานพี่เอ๋ นิ้วกลมตอนบ่าย 2 กว่าที่ถาปัด จุฬา ระหว่างทางไปที่หมาย แอบเจอ 2 สาวระหว่างทาง คิดในใจว่าต้องไปงานเดียวกันแน่เลย แต่งตัวถือถุงผ้าแนวเดียวกันขนาดนี้ เลยเข้าไปถามทางเพื่อเริ่มต้นบทสนทนาซักหน่อย แล้วก็จริง ๆ ด้วย เค้า 2 คนกำลังไปที่เดียวกับเรา เลยเดินคุยกันไปจนถึงที่หมาย พอไปถึง โอ้โห คนเยอะมากกว่าที่คิด มาคนเดียวก็ไม่เขินหรอกงานนี้ เพราะคนล้นทะลักใต้ถุน ทุกที่นั่งของโรงอาหารถูกอัดแน่นไปด้วยวัยรุ่นทั้งหลายที่รักในตัวอักษรที่กลั่นออกมาความความคิดคม ๆ ของนิ้วกลมกันทั้งนั้น เครดิตรูปภาพ จาก facebook Puangpak เด็กหญิงผัก ปาร์ตี้นี้ก็มีกล้วยหอมแจก แล้วก็เค้กกล้วยหอมตรง concept เป๊ะ ด้วยความที่มาสาย เรา 3 คนก็แอบไปยืนดูข้างหลัง ๆ อาศัยช่องว่างตามซอกคอชาวบ้านที่ยืนหน้า ๆ ดูหน้าเวทีเอา แสตมป์กับพี่เอ๋ร้องกันหลายเพลงอยู่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นเพลงเก่า แล้วก็ไม่ได้ฮิตมากที่เราทั้งหลายจะรู้จัก เครดิตรูปแจ่ม ๆ พวกนี้จาก //kadjanan.multiply.com เช่น เพลงของพี่จุ้ย เพลงของเฉลียง หรือเพลงของทีโบน ซึ่งไม่ใช่เพลงฮิตที่เราคุ้นหู จะมีคุ้นหูก็แค่รางวัลแด่คนช่างฝัน แล้วก็เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอนั่นแหละ แสตมป์มุกแพรวพราวมาก ชอบจัง เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังแสตมป์ร้องเพลงสด ๆ เพลงเค้าก็ดังหลายเพลงนะ แต่เค้าชอบบอกว่าเพลงที่เค้าแต่งเอง ร้องเองมักไม่ค่อยดัง แถมมีร้องสดบ้าง เปลี่ยนเนื้อร้องกันสด ๆ บ้าง ฮากระจาย หลังจากร้องเพลงเสร็จก็มีการเล่นเกมส์แฟนพันธุ์แท้นิ้วกลม รางวัลเป็นลายเส้นพู่กันจีนที่พี่เอ๋วาดเองใส่กรอกเรียบร้อย บวกด้วยของรางวัลอีก 1 อย่างที่พี่เอ๋อุบไว้ก่อน เล่นกันยากมาก ขับเคี่ยวกันจาก 20 คนจนถึง 2 คนสุดท้ายแล้วให้เป่ายิ้งฉุบ ทั้ง ๆ ที่ไอ้ที่เล่นกันมายากมาก ส่วนใหญ่จะให้คำมา 1 คำแล้วให้ทายว่าอยู่ในหนังสือเล่มไหนของนิ้วกลม ให้หลับตาคำหนังสือ 3 เล่มแล้วตอบเรียงลำดับให้ถูกว่าคือเล่มไหนบ้าง แถมบางเล่มที่ให้คลำมันเป็นไม่ได้พิมพ์เล่มแรกนะ ใครได้พวกพิมพ์เล่มแรกก็ทายไม่ถูกเหมือนกันนะ เพราะมันเปลี่ยนปก สุดท้ายคนที่เป่ายิ้งฉุบชนะก็ได้ภาพของพี่เอ๋ไป แถมด้วยหนังสือทุกเล่มของพี่เอ๋ รวมถึง 2 เล่มใหม่ที่จะออกในงานหนังสือเดือนหน้าด้วย ทุกคนฮือฮาด้วยความอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง พอจบงานตอน 4 โมง เราก็ move ไปที่ Slim RCA เพื่อไปดูน้องดิม เอ้ย Tattoo Colour ทั้งวงนั่นแหละ ที่พวกเค้ามาเล่น Music Chill Out ของคลื่น 89 Chill FM แอบติดใจตอนที่พวกเค้าไปเล่นงานคลื่น Seed Campus ที่เรากับเง็กไปดูไปโดดด้วยกันที่จุฬา งานนั้นรอจนเบื่อเลย เพราะงานเริ่ม 2 ทุ่มได้ กว่า 4 หนุ่มจะขึ้นโชว์ก็ปิดท้ายตอนเกือบ 4 ทุ่ม เล่นอยู่ไม่กี่เพลงก็กลับ แต่โดดและแดนซ์กันมันมากแบบลืมตายเลยทีเดียว เด็กจุฬาต้องแหวกวงให้กับอิ 2 ป้านี้แดนซ์ เพราะอินี่แดนซ์โดยใช้พื้นที่เยอะมาก แล้วยิ่งไปกับเพื่อน ยิ่งแดนซ์ไม่อาย โดดลืมอายุเลยทีเดียว จำได้ว่าปีนี้แหละไปคอนเสิร์ตพี่เจ เจตรินของคลื่น FM One ที่หัวหิน ไปกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ แล้วแด๊นซ์สุดพลัง สุดชีวิต สุดจิต สุดใจตั้งแต่ทุ่มนึงยันเที่ยงคืน ถอดร้องเท้าแดนซ์บนหาดทราย ข้าง ๆ เป็นกลุ่มน้องปี 1 อายุ 18 (ห่างจากตูตั้ง 10 ปีแน่ะ) น้อง ๆ มาคารวะเลยว่าพี่เต้นได้ไงต่อเนื่อง เพลงเร็วก็เต้น เพลงช้าก็เต้น พี่ไปอัพยาตัวไหนมาวะ ฮา ๆ เราก็ขำน้องเค้านะ เพราะตอนพี่เจดังเนี่ย เรา 9 ขวบ พวกน้องเค้ายังไม่เกิด ตอนเราแหกปากร้องเพลงพี่เจ แล้วชวนน้องมาร้องด้วยเนี่ย พวกน้อง ๆ ยืนกันนิ่งเลย บอกว่าไม่รู้จัก (แล้วเมิงจะมาดูกันทำม้ายยยย จะสนุกมั้ยเนี่ย) สงสัยแค่อยากได้บรรยากาศคอนเสิร์ตเวลาอยู่กับเพื่อนแล้วนั่งกินเหล้าล่ะมั้ง แดนซ์ครั้งนั้นเข็ดจนตายเลย เพราะมันเกิน limit ของร่างกายจะรับไหวจริง ๆ เจ็บตั้งแต่คืนนั้นเลย มันปวดไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะต้นคอกับหลัง เวลานอนแล้วพลิกตัวจะเจ็บโครต ๆ แบบว่ากลับมาห้องแล้วอาบน้ำ นอนเลย ไม่มีกะจิตกะใจจะนั่งเล่น นั่งเม้าท์กับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ต่อแล้ว แต่พวกเพื่อน ๆ น้อง ๆ ก็ยังเม้าที่ห้องกันต่อ แต่เราคงเพลียมาก มันคุยกัน เล่นกันเสียงดังแต่เราก็หลับได้ แต่มันตื่นตอนพลิกตัวเนี่ยแหละ พอพลิกตัวทีก็ร้องโอย ๆ ที คือรู้ไงว่าพวกมันยังไม่นอนกัน ขอกรูครวญครางหน่อย เพราะเจ็บจริง เช้ามา เพื่อนทุกคนนึกว่าเราละเมอ บ้าเหรอ ละเมอทุกครั้งที่พลิกตัวเนี่ยนะ แต่ไม่มีใครสงสารนะ มีแต่สมน้ำหน้า เพราะไม่เจียมสังขาร เต้นอยู่นั่น พวกกรูอายเค้าจะตาย เพราะงี้ไงเลยไม่กล้าไปคอนเสิร์ตคนเดียว ฮา ๆ แล้วกลับบ้านก็ยังปวดคอ ปวดเอว ปวดขาเป็นอาทิตย์ ลงบันไดทีเจ็บที เพราะกระโดดแบบเขย่งเยอะและนานไปหน่อย แถมใครพูดอะไรก็ต้องขยับไปทั้งตัว หันแต่คอไม่ได้เพราะปวดคอ ตอนนอนนี่ไม่ต้องพูดถึง เจ็บหลัง เจ็บเอวทุกครั้งที่พลิกตัวจนสะดุ้งตื่นทุกครั้ง แดนซ์กันเจ็บตัวขนาดนั้น คิดดูแล้วกัน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งแรกน่าจะปีที่แล้วนะ ไปแดนซ์งานคริสมาสแบบลืมตายแบบนี้เหมือนกัน กลับบ้านมาอีกวันไปหาหมอเลย หมอให้หยุดเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อที่เหมือนการออกกำลังกาย 2 เดือน หมอจับ X-ray เลย กว่าจะขยับตัว X-ray ได้ พยาบาลรอจนเหนื่อยเพราะมันเจ็บไปหมด กว่าจะขึ้นเตียง จัดท่าจัดทาง เจ็บปวดไปทุก movement แถมได้ยามากินอีก 1 ชุดใหญ่เพราะแดนซ์มากเกินทำให้หลังมีปัญหาเหมือนออกกำลังกายหักโหมเกินงั้นแหละ แหมหมอ หนูก็แค่ออกกำลังกาย 4-5 ชั่วโมงต่อเนื่องโดยที่ก่อนหน้านั้นเป็นปีไม่เคยออกกำลังกายเลยเท่านั้นเอง เหอะ ๆ แล้วอาการนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ไปดูคอนเสิร์ตหลังจากอายุ 25 มันเป็นความเสื่อมของร่างกายที่เห็นได้ชัดมากที่สุดแล้ว เมื่อก่อนตอนเป็นนักศึกษา ดูคอนเสิร์ตแล้วแดนซ์ทั้งคืน ตื่นมาก็สบายตัว ไม่เจ็บไม่ปวด ทั้ง ๆ ที่ใส่พลังและ step การแดนซ์เท่ากัน หลัง ๆ เริ่มรู้ตัวว่ามันร่างกายมันไม่ไหวจริง ๆ เลยลดลงมาหน่อย ไม่กล้าแดนซ์มันส์มากถ้าอีกวันต้องไปทำงาน แต่ Tatoo Colour เล่นสดมันจริง ๆ นะ พอได้เข้าไปใน Slim กลับไม่กล้าแดนซ์อ่ะ เพราะมาคนเดียวไง เขิน ทั้ง ๆ ที่ใน Slim มันก็มืดนะ คนจำเราไม่ได้หรอก แต่พอมาคนเดียวมันไม่อุ่นใจไง มันไม่มีใครให้หันไปร้องด้วย ไม่มีใครให้เกาะบ่า มันมีใครกระโดดจังหวะเดียวกัน ก็เลยได้แต่ยืนโยก ๆ เขิน ๆ อยู่ข้างหลังตรงทีมงาน เพราะไปสายแล้วหน้า ๆ เต็มหมดแล้ว แต่เท่าที่สังเกตดูหน้า ๆ กลาง ๆ ก็ไม่มีใครแดนซ์นะ เพราะคนน้อยด้วยแหละ เพราะมันเป็น private concert ต้องมีบัตรถึงเข้าได้ คนก็ยืนกันหลวม ๆ แล้วก็ยืนดูกันแบบเขิน ๆ นิ่ง ๆ ไม่ค่อยมีใครขยับขนาดเปิดตัวด้วย 2 เพลงเร็ว ทุกคนก็ยืนดูกันนิ่ง คิดว่าอย่างนี้ไม่ได้การ อุตส่าห์เดินทางมา ตัดสินใจมาแล้วไม่ได้กอบโกยความสุขกับไปสู้นั่งดูหนังอยู่บ้านดีกว่า ไม่เหนื่อยด้วย เลยเปลี่ยนมายืนหน้าห้องน้ำ ข้างหลัง ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเห็น ใครสนใจ แล้วก็แดนซ์ค่ะ แต่แดนซ์ได้จริง ๆ ก็ 2 เพลงสุดท้าย แต่มาคนเดียวก็แดนซ์แบบเขิน ๆ แดนซ์แบบ 50% ของการมากับเพื่อน แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองแดนซ์เยอะที่สุดใน slim แล้วเพราะทุกคนยืนกันนิ่งเลย ฮา ๆ เสร็จงานนี้ตอน 5 โมงครึ่ง ก็กลับไปที่สยามต่อ เพื่อกลับไปดูแสตมป์ต่อที่งาน TK Park ที่เค้าจัดกันหน้าหอศิลป์ ไปถึงแสตมป์กำลังร้องอยู่ทั้ง ๆ มันเพิ่ง 6 โมงครึ่ง สงสัยว่าเค้าสลับคิวกับ Musketeers แต่จริง ๆ คือไปอ่านเว็ปหลัก เค้าลงผิดอ่ะ จริง ๆ Musketeers เป็นวงสุดท้ายปิดงานอ่ะถูกแล้ว แต่เราไม่ได้ดูโปสเตอร์ เลยพลาดแสตมป์ตั้งแต่ต้นเลย มาดูเอา 2 เพลงสุดท้าย แต่ก็ยังดีนะที่แสตป์ไม่ใช่วงสุดท้าย ไม่งั้นเสียดายแย่ อุตส่าห์นั่งรถกลับมาดู แต่ดูได้แค่ 2 เพลง Musketeers ก็โอเคนะ ร้องไปหลายเพลง รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ครึ่ง ๆ ยืนข้างน้องคนนึงอายุ 18 (อีกละ) ไอ้เราก็ยืนร้องไป โยกไป แต่น้องเค้ายืนดูนิ่งเลย เหมือนประชากรทั่วไปข้างหน้าเลยวุ้ย เลยชวนน้องเค้าโยกบ้าง โดดบ้าง แต่น้องเค้าก็รักษา Concept ตัวเองคือยืนนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ มีหันมาบอกเราให้เดินขึ้นไปอุดช่องว่างข้างหน้าบ้างก็แค่นั้น น้องเค้ายืนรอเพื่อน เค้าก็ถามว่าเรามาคนเดียวเหรอ ก็บอกว่าใช่ น้องทำหน้าตกใจ ไม่รู้ตกใจที่มาดูคอนเสิร์คคนเดียว หรือตกใจที่ว่าขนาดมาคนเดียวเมิงยังกล้าโดด กล้าโยกไม่แคร์สื่อหรือไงไม่ทราบได้ ฮา ๆ อยู่จนเลิกงานประมาณ 2 ทุ่มได้ค่อยกลับบ้าน เพิ่งรู้ว่าเพลงเบา เบาที่เราชอบฟังเป็นของ Singular แล้วพวกเค้าก็มางานนี้ด้วย แต่มาตั้งแต่บ่ายแล้ว ไม่เคยเห็นหน้านักร้องเลยนะเนี่ย แอบน่ารัก ฮา ๆ ไปเจอคลิปในงานมา โอย เสียดายจัง แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยววันที่ 9-10 ไปงาน Happening กับ A day legend พวกเค้าน่าจะไปอีก A day legend นี่บัตรก็หมดตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เค้าจองหนังสือ 10 ปี a day แล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ได้บัตร แอบให้รุ่นน้องใช้วิทยายุทธให้อยู่ แต่ไม่รู้ว่าได้รึเปล่า หวังว่าจะได้นะ แต่งานก่อนหน้านั้นจะไปดูคอนเสิร์ตวง Mild กับคลื่น Cool 93 โทรติดยากที่สุดใน 3 โลกกว่าจะได้บัตรมา แล้วไม่ได้โทรติดเองด้วยนะ แอบไปอ้อนขอพี่ ๆ ที่รู้จักกันช่วยกันโทรทั้งออฟฟิศแน่ะ โทรกันหลายวันมากกว่าจะได้บัตรแล้วมันเหลือ 1 ใบ โอย รีบตะครุบเลย 555 Exclusive Concert สุดพิเศษ Cool Music Alive In My Mild โดย คูล 93 ฟาเรนไฮต์ คลื่นเพลงเพราะอันดับ 1 ในเครือ Skyhigh Network ตื่นตา กับโชว์สุดพลิ้วไหว พร้อมตื่นตัวไปกับเพลงโดนๆ ของพวกเค้า ไม่ว่าจะเป็น อีกนานไหม,Unloveable,หวานเย็น รวมไปถึงซิงเกิ้ลล่าสุด เข้าใจแต่ทำไม่ได้ เตรียมพบกับคอนเสิร์ตสุดพิเศษ ของ 6 หนุ่มคนดนตรีรุ่นใหม่ วง Mild (มายด์) เย็นย่ำ คืนวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม เซ็นเตอร์พ้อยท์ เพลย์เฮ้าส์ ทำตัวเหมือน celeb ยังไงไม่รู้ แม่งไปทุกงานคอนเสิร์ต เป็นการออกจากบ้านที่คุ้มค่าที่สุดครั้งนึงในชีวิตเลยนะเนี่ย ไปมัน 3 ที่ 3 งานแถมยืนตั้งแต่บ่ายโมงยัน 2 ทุ่ม ทำตัวเหมือนเซเลปยังไงอย่างงั้น แต่ไม่ได้ตังซักบาท แต่ได้ความสุขเต็มกระเป๋า แถมความเมื่อยแบบไม่สามารถวัดปริมาณได้ แต่รู้ได้ว่าตอนขึ้นรถไฟฟ้าแล้วได้นั่งมันลุกไม่ขึ้นเลยตอนถึงสถานีปลายทางแล้ว กลับบ้านปุ๊บ นั่งหน้าคอมอัพบล็อคปั๊บ นั่งมาตั้งแต่ 3 ทุ่มยันเที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่อยากลุกเพราะยังไม่หายเมื่อยเลย ขนาดลุกไปเข้าห้องน้ำยังทำใจแล้วทำใจอีก แต่ไม่อยากเมื่อยไปปวดฉี่ไปเลยต้องแข็งใจลุกจากเก้าอี้ดูดวิญญาณไปเข้าห้องน้ำ ขอบคุณเพื่อนที่พูดให้คิดได้ ว่าอยากไปก็ไป ทำตามใจตัวเอง ทำไมต้องมีเพื่อนไปด้วย ถ้าเพื่อนไม่ไป เราก็ไม่ต้องไปเลยเหรอถ้าจริง ๆ แล้วเราอยากไปน่ะ ทำให้เราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีก 1 อย่างในชีวิตนี้ที่ไม่คิดจะทำคนเดียว การไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวมันก็มีความสุขนะ แต่มันมีครึ่งเดียว มันไม่เต็มที่เหมือนการไปกับเพื่อนแล้วก็แดนซ์กับเพื่อนจริง ๆ นะ เพราะเราเป็นคนไปดูคอนเสิร์ตแล้วไม่เคยนั่งนะ ยืนตลอด อินตลอด แต่เวลาไปคนเดียว อาการอินลดลงไปครึ่งนึงจริง ๆ แต่ก็ดีกว่าการมานั่งเสียใจว่าทำไมวันนี้ไม่ไป ไม่รู้ว่าพี่เอ๋พูดอะไรบ้าง แสตมป์ร้องเพลงอะไรบ้าง น้องดิมจะมันขนาดไหน แล้ววันนี้ก็ได้เพื่อนเพิ่มมา 2 คน ก็ 2 สาวที่เดินไปฟังพี่เอ๋ นิ้วกลมด้วยกันนั่นแหละ อย่างน้อยเวลามีงานอะไรเกี่ยวกับพี่เอ๋ เราจะได้ไม่น้อยใจแล้วว่าทำไมเพื่อนกรูไม่มีใครรักการอ่าน และไม่มีใครรู้จักนิ้วกลมเลยวะ ไปเที่ยวคนเดียวทีไร ได้เพื่อนเพิ่มกลับมาทุกที ก็อย่างว่าแหละนะ เวลาไปกับเพื่อน เราก็จะคุยอยู่แต่กับเพื่อนเรา แต่เวลาไปคนเดียว เราจะเปิดใจและพร้อมจะเป็นมิตรและ make friend กับทุกคน
Create Date : 26 กันยายน 2553
Last Update : 27 กันยายน 2553 9:52:21 น.
5 comments
Counter : 2578 Pageviews.
ชอบเล่ม กัมพูชาพริบตาเดียว