Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Blu & Rosso จากแรงบันดาลใจที่เขาบอกว่า เขาอ่านหนังสือคู่นี้ปีละครั้ง

เมื่อวาน
คุยกับหนุ่มคนนึงทาง MSN
ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนุ่มคนนี้เข้ามาอยู่ใน MSN เราได้ยังไง
เพราะตั้งแต่ทำงาน เราไม่เคยได้ใช้ MSN เลย
จนมาตอนนี้เวลาขอไฟล์อะไรจากใคร เค้าก็จะสะดวกที่จะส่งทาง MSN กันมากกว่า
ด้วยเหตุนี้
เราจึงใช้เมลใหม่สมัคร MSN ไว้พร้อมกับมีเพื่อนแค่ 3-4 คน
และ 1 ใน 3-4 คนนั้นก็มีหนุ่มคนนี้อยู่ในลิส

มาได้ยังไง?
เข้ามาตอนไหน?
รู้จักเรารึเปล่า?

ไม่มีใครตอบได้ทั้งคู่
แต่ถามไปถามมา
เค้าเคยเรียนคลาสเดียวกับเพื่อนที่ชมรมเรา
อ่อ
อย่างน้อยก็มีลิงค์ ๆ กันบ้างนิดนึง

พอดีคุยกันเรื่องหนังสือ
ตั้งแต่เรื่อง 100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว




เล่มนี้เคยอยากอ่าน แต่ก็ไม่เคยได้อ่านเลย
แต่เค้าเก่งมาก อ่าน version ภาษาอังกฤษด้วย

เรามีนิยายภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกันนะ
แต่อ่านไม่เคยจบซักเล่ม
ที่อ่านจบเล่มเดียวแล้วหยิบมาอ่านอีกเกิน 1 รอบแต่นาน ๆ ครั้งคือเรื่อง TRUE LOVE





เล่มนั้นจำได้ว่าพออ่านคอลัมน์ของพี่'ปราย พันแสง นักเขียคนโปรด
ที่พี่เค้าเขียนลงมติชนสุดสัปดาห์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน
จำได้ว่าต้องนั้นอยู่ม.ปลาย
รีบแจ้นไปซื้อที่เอเชีย บุ๊คเลย
เป็นหนังสือที่แพงที่สุดในชีวิตที่ซื้อเลยก็ว่าได้

ก็บอกแล้วไง
ว่าเป็นผู้หญิงที่อินกับอะไรง่าย แถมอินมาก
อยากได้ก็ต้องไปหาให้ได้ในเวลาที่ัสั้นที่สุด
เพราะไม่งั้น เดี๋ยวความรู้สึกอยากมันก็จางและลางเลือนไป
ซึ่งมันอาจจะดีก็ได้เนอะ
จะได้ไม่ต้องเสียเงินบ่อย ๆ
ถ้าเราอินกับอะไรบ่อย ๆ

จริง ๆ อยากอ่านนิยายทุกเล่มเป็น version ภาษาอังกฤษนะ
เพราะเวลาเราเห็นใครอ่านนิยาย version ภาษาอังกฤษเนี่
เขาหรือเธอคนนั้นดูดีมากเลย

เลยอยากเป็นผู้หญิงที่ดูดี มีภูมิกะเค้าบ้าง
อย่างน้อยก็ในสายตาตัวเองละวะ
แต่ก็ไม่ไหวนะ

เคยอ่านนิยาย คุณเก็บความลับได้ไหม ตอนแปลมา



ชอบมาก อ่านจบรวดเร็วภายใน 1 คืนถึงเช้าเลย
แต่ตอนหลังมาได้เป็นฉบับภาษาอังกฤษ
Can you keep a secret? ของ Sophie Kinsella
ถึงแม้ว่าเรื่องมันก็สนุกเหมือนกัน
แต่จนป่านนี้ก็กองไว้ในลิ้นชักแล้ว
อ่านไปได้แค่ 20% เองมั้ง
อ่านแล้วพยายามแปล มันไม่ได้อรรถรสเลยจริง ๆ
คงเป็นผู้หญิงมีภูมิกะเค้าไม่ได้จริง ๆ ซะแล้ว

จริง ๆ เราเป็นคนอ่านนิยายน้อยมากนะ
แล้วก็ไม่ค่อยชอบอ่านด้วย เพราะมันยาวและมันเยอะ
มันใช้เวลาเยอะมาก
ที่อ่านจบ ก็มีเวลาในขวดแก้ว




เรื่องนี้จำได้ว่าสนุก แต่หน้าปกเฉยมาก
อ่านรวดเดียวจบ
แต่จำไม่ได้แล้วว่าเกี่ยวกับอะไร

แล้วก็เป็น สุดขอบจักรวาล ของจุฑารัตน์




เล่มนี้เพื่อน recommend มาก ๆ
เลยฮึดอ่าน
เล่มหนาเท่าฝ่ามือ
เพื่อนเล่าให้ฟังว่าพี่สาวเค้าอ่านแบบไม่นอนเลย
นั่งกินข้าวก็ต้องอ่านไปกินไป ไม่ละสายตาจากหนังสือเล่มนี้เลย
ได้ฟังดังนั้น
อินสิคะ
ไปหาซื้อมาบ้างเลย
รู้สึกว่าเป็นหนังสือที่แพงรองมาจาก TRUE LOVE เลยนะนั่นสมัยนั้น
อ่านแล้วก็สนุกดี แฟนตาซีดี สมคำร่ำลือ

คงมีนิยายเท่านี้ล่ะมั้งในชีวิตที่อ่านจบ
ไม่นับเรื่องที่คล้าย ๆ พ็อคเก็ตบุ๊คแล้วกันนะ
เ่ช่น กล่องไปรษณีย์สีแดง




เรื่องนี้พี่'ปรายก็เอามาแนะนำในคอลัมน์นะ
แล้วมีประโยคนึงประมาณว่า ขาหักยังไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจชั้นที่หักแล้วหักอีก
รีบแจ้นไปซื้ออีกเหมือนกัน
เรื่องนี้น่ารักมาก
เป็นนิยายกึ่งสารคดี

เรื่องนี้มีอยู่ช่วงนึงบ้ามาก
ก่อนที่เค้าจะเอามาทำหนังเรื่อง เพื่อนสนิท อีกนะ
คือมาวางหัวเตียงเลย
อ่านก่อนนอนทุกคืน
อ่านซ้ำไป ซ้ำมาอยู่หลายรอบมาก
แต่ตอนนี้ก็เลิกอินไปละ

พอมาทำหนังก็หมดกัน
จำไว้เลยถ้าเราชอบหนังสือเล่มไหนมาก ๆ
อย่าไปดูหนังที่เค้าสร้างมาจากหนังสือเล่มนั้น
เพราะเราจะผิดหวังทุกครั้งไป

แต่พวกนิยายดัง ๆ เราไม่อ่านเลยนะ
พวก Harry Potter, Lord of the ring อะไรพวกเนี้ย
ไม่เห็นสนใจอยากอ่านเลย

มีอันเดียวที่สนใจคือเพชรพระอุมา
ตอนเรียนมหาลัยตั้งใจมากว่าต้องอ่านให้ครบ 48 เล่มก่อนจบ
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่จบ
จบไป 12 เล่มเองมั้งแล้วก็ค้างอยู่อย่างนั้น
ถ้าให้มาอ่านต่อ คงต้องเริ่มอ่านใหม่หมดเลยแน่ ๆ


แล้วเราก็คุยกันถึงเรื่อง หลับ(Asleep)




เรื่องนี้ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกะเค้าเล้ย
แต่นักเขียนที่ชอบอีกคนคือ เพลงดาบแม่น้ำร้อยสายเป็นคนแปล
ก็เลยไปตามมาหาอ่านกะเค้า

อินกับคำโปรยหนังสือที่บอกว่า

"รวมนิยายขนาดสั้น 3 เรื่อง
สำหรับผู้พิสมัยในราตรีกาลและดื่มด่ำกับการนอน
เป็นเรื่องราวของ 3 สาวซึ่งเสพติดการหลับใหลด้วยเหตุผลที่ไม่ธรรมดา"

เขียนโดยโยชิโมโต บานานา แปลโดยเพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย

แต่เรื่องนี้จำไม่ได้เหมือนกันว่าอ่านจบรึเปล่า
เพราะอ่านไปก็ง่วงไปตามสาวในเรื่องเลย
แถมง่วงแบบปวดหัวอีกต่างหาก
ปวดหัวเหมือนคนนอนเยอะเกินไป
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้นอนแต่กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่น่ะ
เหมือนโดนสะกดจิต บังคับง่วง
ก็บอกอีกรอบไงว่าเป็นคนอิน
อ่านหนังสือก็อินจนเกินเหตุ

แล้วก็เรื่อยมาถึงหนังสือคู่ Blu & Rosso




หรือภาษาไทยที่เค้าแปลมาว่าเรื่อง "ร้อนแรง" กับ "เยือกเย็น"
ตอนนั้นก็อยากอ่านเพราะพี่'ปรายเขียนอีกนั่นแหละ
เลยไปหามาอ่าน
แต่มันตั้ง 10 ปีมาแล้ว
จำได้ว่าตอนนั้นเค้าบอกว่าเป็นนิยายขายดีทีุ่สดในญี่ปุ่น
ยอดพิมพ์เป็นล้าน ๆ เล่ม
ตอนนี้คง 10 ล้านไปแล้วมั้ง

หนุ่มคนนี้บอกว่าเค้าชอบมากเลย
เค้าต้องกลับมาอ่านหนังสือคู่นี้ปีละครั้ง
อ่านแค่ประโยคนี้
ต่อมอยากอ่านทำงานเต็มสูบ
วันนี้หลังเลิกงานเลยแจ้นไปหาหนังสือเล่มนี้
แต่ไม่ได้แวะไปไหนเลยหาเช่าเอาปากซอยบ้านก่อน

คนคุมเค้าขึ้นไปหาในกองหนังสือเก่านานมาก
นานจนเกรงใจแล้วบอกเค้าว่าไม่ต้องก็ได้
เพราะหนังสือมันนานเป็น 10 ปีแล้ว
แต่สุดท้ายเค้าก็หาเจอ
เลยยืมเค้ามาก่อน 1 เล่ม
จำได้ว่าเคยอ่านฝั่งผู้หญิงนะ
เลยเลือกอ่านฝั่งผู้ชายก่อนดีกว่า




หลังจากอ่านจบทั้ง 2 เล่ม


เราชอบ Blu หรือ เยือกเย็น ฝั่งจุนเซ ชายหนุ่มในเรื่องมากกว่า
ดูเค้ามีพลัง คิดถึงแต่อาโออิในทุกอณูลมหายใจเข้าออกไม่ว่าเค้าจะอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร
ก็จะมีแต่ความทรงจำเกี่ยวกับอาโออิในทุกเรื่องราว
อาโออิช่างเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาเสียนี่กระไร

เราอ่านยือกเย็น
ก่อนที่จะมาอ่านร้อนแรง
ความคิด มุมมอง และความในใจของอาโออิ หญิงสาวที่นอกจากอยู่ในความทรงจำของชายหนุ่นมที่รักเธอมากมาถึง 10 ปีแล้ว
ชีวิตเธอก็น่าอิจฉาไม่น้อย
ที่ทำงานประจำแค่อาทิตย์ละ 3 วัน
วันที่ไม่ได้ทำก็สามารถนั่งเล่น นอนเล่นอ่านหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดอย่างสบายใจได้ทั้งวัน
แล้วตอนบ่ายแก่ ๆ ก็นอนเล่นแช่น้ำอุ่นปลดปล่อย อารมณ์สบายใจ
แถมได้นอนตื่นเที่ยง ๆ ได้เสมอ ๆ

สารภาพว่าอ่านร้อนแรงฝั่งอาโออิแบบข้าม ๆ
แต่อ่านเยือกเย็นฝั่งจุนเซแบบทุกตัวอักษร

จุนเซเขียนถึงอาโออิเยอะมาก
มากจนเราสามารถสัมผัสความรักอันร้อนแรงของจุกเซที่ส่งผ่านไปให้อาโออิอย่างชัดเจน
เราสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวด สับสน กังวลของจุนเซ
ความรักอันร้อนแรงของจุนเซดึงดูดและบีบอัดหัวใจเราให้เข้าไปค้นหาตัวตน ความคิด ความทรงจำ ความรู้สึกมากมายผ่านการไล่สายตาไปทุกตัวอักษรที่ผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่าอย่างไม่รู้จักเหนื่อย
สิ่งที่เค้าพูด ทำ คิดหรือแม้แต่อาชีพของจุนเซดูจะเป็นเรื่องที่เราอยากรู้และสนใจไปซะหมดทุกอย่าง

แต่อาโออิกลับเขียนถึงจุนเซน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
เธอจะเล่าชีวิตประจำวันที่อยู่กับมาร์ฟมากกว่า
เราเลยจับความรักอันเยือกเย็นของอาโออิที่ส่งผ่านไปให้จุนเซได้อย่างแผ่วเบาแต่ทว่าไม่ขาดสาย จากคำพูดที่ว่า

"อางาตะ จุนเซเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

ไม่ว่าจะดวงตาคู่นั้น เสียงของเขา และรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความว้าเหว่

สมมติว่าจุนเซจะดับสูญไป ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง

ฉันจะต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน

แม้ว่าจะห่างไกลแสนไกล

แม้ว่าจะไม่ได้พบกันอีกเลย"

เราเลยเลือกอ่านช่วงที่อาโออิพูดถึงความทรงจำที่มีจุนเซอยู่ด้วยเท่านั้นตอนครึ่งหลัง

บางครั้ง
ความผูกพันของคนเราก็เป็นแบบนี้
แต่อยู่ที่ว่าทั้ง 2 ฝ่ายคิดเหมือนกันรึเปล่า
ถ้าคิดเหมือนกัน
อีก 10 ปีมาเจอกันมันก็ยังไม่สายที่จะตอบคำถามหรือรื้อฟื้นอะไรบางอย่างที่มันยังไม่ชัดเจน
โลกนี้ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเป็นแบบแผนชัดเจนไปหมดทุกเรื่องก็ได้
บางครั้งอะไรที่มันไม่ชัดเจนมันก็ทำให้หลายอย่างยังคงขับเคลื่อนไปได้


คิดแล้วก็แปลกแฮะ
ว่าคำพูดประโยคเดียวจากคนที่ไม่เคยเห็นหน้า
กลับมีอิทธิพลทำให้เราไปขวนขวายหาหนังสือ 2 เล่มนี้มาให้ได้

แต่ก็ขอบคุณที่ทำให้รับสัมผัสความรักทั้ง 2 แบบจากหนังสือ 2 เล่มนี้



Create Date : 27 ธันวาคม 2553
Last Update : 15 กันยายน 2556 19:13:41 น. 5 comments
Counter : 5775 Pageviews.

 
เคยอ่านเรื่อง Blu กับ Rosso สมัยอยู่ม.สองค่ะ
ชอบนะคะ ความรักระหว่างจุนเซ กับ อาโออิ

^^
เรื่องของคุณเหมือนพรหมลิขิตเลยนะคะ :)


โดย: ผ่านมาเจอ IP: 113.53.215.247 วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:0:40:49 น.  

 
อื้มมมม

อ่านแล้วนึกถึงนิยายโรแมนติกสักเรื่องเลยแฮะ



หนังสือคู่นี้เราชอบนะคะ แม้จะไม่สามารถเข้าใจและยอมรับกับการกระทำหลายๆ อย่างของตัวละครบางตัวได้ก็ตามแต่

ส่วนเล่มอื่นๆ ที่พูดถึง อ่านแล้วบ้างเหมือนกันค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:13:28:49 น.  

 
เฮ้ยยยยยยยยยยย

ไม่ได้อะไรกันเลย

ไม่โรแมนติกเลย

ไม่ใช่พรหมลิขิตด้วยยย

คิดอารายกานนนน

เล่มนี้อ่านจบแล้ว

ชอบนะ เนิบ ๆ แต่เพลินดีจริง ๆ อ่านไหลได้เรื่อย ๆ ตลอดคืน


โดย: ยัยลีลี วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:0:15:08 น.  

 
ชอบเยือกเย็นและร้อนแรงมากๆๆๆ อ่านหลายรอบแล้วเหมือนกัน พกมาอิตาลีด้วยอีกต่างหาก กล่องไปรษณีย์สีแดงก็ชอบ ชอบหนังด้วย ส่วนภาษาอังกฤษ ก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ อ่านๆไปเหนื่อยใจ


โดย: settembre วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:5:12:46 น.  

 
ผมอยากอ่านมากเลย
หาอ่านไม่ได้อ่ะ หาซื้อก็ไม่ได้
ใครมีกรุณาผมด้วยครับ


โดย: ึคนอยากอ่าน IP: 182.52.24.152 วันที่: 15 กันยายน 2556 เวลา:19:01:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.