Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
21 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
หลังจากฝึกเตโชวิปัสสนามาร่วม 3 เดือน หน้าเราใสขึ้น ระบบขับถ่ายเยี่ยม ไม่เจ็บคอและร้อนในบ่อยเหมือนเก่า

ไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อนะจ๊ะ
แต่หลังจากไปปฏิบัติธรรมแบบเตโชวิปัสสนากรรมฐานมาเมื่อต้นปี
ดังที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วในบล็อคด้านล่างนี้



8 วันสำหรับความเจ็บปวดอันคุ้มค่า กับการไปปฏิบัติเตโชวิปัสนาของคนหนักไม่เอา เบาไม่สู้และรักสบายอย่างเรา แฮ่



แล้วเราก็กลับมานั่งที่บ้านเกือบทุกวันก่อนนอนครั้งละ 1 ชั่วโมง
แล้วเสาร์ อาทิตย์ก็ 2-3 ครั้ง ๆ ละ 1 ชั่วโมงเหมือนกัน
ทำมาได้ 2 เดือนกว่า
สิ่งที่ช่วยเราได้ชัดเจน นอกเหนือจากจิตใจสะอาด สว่าง สงบ และมีสติมากขึ้นแล้ว
สุขภาพเราก็ยังดีขึ้นแบบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ





จริง ๆ เรื่องหน้าใสเนี่ย
มีคนทักตั้งแต่กลับมาจากปฏิบัติธรรมที่เตโชสถาน สระบุรี 8 วันแล้ว
น่าแปลกที่หลายคนทักเหมือนกันในวันแรกที่ไปทำงานเลยหลังจากกลับมาเลย
ทั้ง ๆ ที่อยู่ที่นั่น เราไม่ได้ใช้ครีมอะไรเลย
แล้วเราเป็นคนนอน 3 ทุ่มมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว
จะบอกว่าอยู่ที่นั่นนอนเร็วก็ไม่ใช่
อาจจะเป็นเพราะกินมังรึเปล่า ก็อาจจะใช่
หรือเพราะอากาศที่นั่นรึเปล่า ก็อาจจะใช่

ถ้ากลับมาหน้าเราก็ต้องกลับมาเหมือนเดิมสิ
แต่นี่
สังเกตได้เลย นั่งภาวนาที่บ้านเกือบทุกวัน เพื่อที่จะรักษาพลังเตโชเอาไว้
หน้าเราดีขึ้นจริง ๆ
คือผิวเราใสขึ้น เนียนละเอียดมากขึ้น
คือลูบครีมลงไปเนี่ย มันจะลื่นซึมลงหน้าไปเลย
แล้วเวลาล้างหน้า หน้าเราก็นิ่มขึ้นด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้อะไรใหม่
ใช้ทุกอย่างเหมือนเดิม






แล้วเราเป็นคนร้อนในง่ายมาก คือเจ็บคอง่ายมาก
คือเรากินของทอด ของอบ ไม่ได้เลยนะ
กินเข้าไป อีกวันได้เรื่อง เจ็บคอสุด ๆ กลืนน้ำลายก็เจ็บคอไปหมด
ที่เห็นได้ชัดเลยคือพวกมาม่า เลย์ ปาท่องโก๋ เค้กกล้วยหอม คุ้กกี้ เทมปุระ ปลาชุบแป้งทอด เฟรนช์ฟราย พวกเนี้ย
ถ้าเรากินเข้าไปนะ อีกวันเสร็จเลย เจ็บคอสุด ๆ
เจ็บเล็ก ๆ คือเสมหะเต็มคอ เจ็บหนัก ๆ คือกลืนเจ็บ กลืนน้ำลายก็เจ็บ เจ็บจนนอนสะดุ้งทุกครั้งที่กลืนน้ำลาย
ทรมานสุด ๆ

แต่ตั้งแต่กลับมาจากฝึกเตโชแล้วมานั่งภาวนาเองที่บ้านเกือบทุกวันเนี่ย
อาการเหล่านี้ดีขึ้นมากเลย
เราสามารถกินของพวกนี้ได้มากขึ้นโดยอีกวันไม่เจ็บคอเหมือนก่อน
แต่เราก็พยายามไม่กินมากน่ะนะ เพราะรู้ว่าของพวกนี้มันไม่ดีต่อร่างกายอยู่แล้ว แต่มันอร่อยนี่เนอะ



แล้วเราก็ท้องผูกตั้งแต่เด็กแล้ว
คือหม่าม้าก็บอกว่าเราเป็นเด็กที่ถ่ายยากมาก ธาตุแข็ง เบ่งหน้าดำ หน้าแดงกว่าจะออก
แล้วตอนวัยรุ่น เราไม่ปวดท้องถ่ายเลยนะ
เราต้องเพิ่งยาถ่ายทุกวัน และเพิ่มปริมาณมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่ดี แต่ก่อนถ่าย มันต้องปวดท้องอย่างรุนแรง บิดไปบิดมาจนแทบหายใจไม่ออก
แต่เราก็ต้องกิน เพราะถ้าไม่กิน เราไม่ถ่าย 3 วัน 5 วันก็ไม่ถ่าย
แล้วพอจะถ่าย มันไม่มีลมเบ่ง แล้วถ่ายแต่ละที เจ็บปวดทรมานเพราะสิ่งเหล่านั้นอยู่ในลำไส้เราจนมันแข็งหมดแล้ว (คงพอเข้าใจกันนะ)





ก่อนไปปฏิบัติธรรม
เราไม่ค่อยกินยาถ่ายเหมือนสมัยวัยรุ่นแล้ว
ก็ถ่ายได้เกือบทุกวัน
แต่
เวลาถ่าย มันจะเจ็บ เพราะคาดว่าเรามีน้องริดซี่อยู่ด้านใน
พอของเสียที่ค่อนข้างแข็งเดินทางผ่านมันก็จะโดนน้องริดซี่ทำให้เจ็บก่อนจะหลุดออกมา
เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ถ่ายมาหลายปีแล้ว
ถึงแม้ว่าของเสียไม่แข็ง เวลามันผ่านตรงน้องริดซี่ก็เจ็บอยู่ดี
ทั้ง ๆ ที่ดื่มน้ำเยอะมาก กินมะละกอจนมือเหลือง กินมะขาม กินลูกพรุน กินผลไม้ทุกอย่างที่ช่วยถ่าย แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีผลต่อลำไส้เราเลย





ใช้ยาเหน็บเจ้าตัว Proctosecyl จนหมดแผงก็ยังเจ็บเหมือนเดิม
ลองทำใจเอาก้นไปให้คุณหมอดู หมอก็ให้ยากินกับยาเหน็บเหมือนที่เราใช้ ฮ่วย
ได้แต่ทำใจและกลั้นใจเจ็บทุกครั้งที่ถ่าย
แต่พอหลังจากกลับมาจากปฏิบัติธรรมแล้วมาฝึกภาวนาเองที่บ้านไม่ถึง 2 อาทิตย์
สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น!!!
เราปวดท้องถ่ายได้เกือบทุกวัน!!!
แล้วทุกครั้งที่ถ่าย มันไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว แถมของเสียยังนิ่มไม่แข็งเหมือนก่อนด้วย!!!

เหมือนน้องริดซี่มันหายไปแล้ว
โดยที่เราไม่ได้ปรับพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิตอะไรเลย นอกจากให้เวลากับการฝึกปฏิบัติเตโช!!!

คือถ้าคนที่ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายอาจจะไม่อิน
แต่ถ้าคนที่มีปัญหา คงจะเข้าใจหัวอกเราแล้วเข้าใจเราว่าทำไมต้องใส่เครื่องหมายตกใจหลายอัน กับอีแค่ขรี้ออกแล้วไม่เจ็บตูดเนี่ย -_-"
เพราะเราไม่เคยมีความรู้สึกนี้ต่อเนื่องมาตลอดชีวิต
จะขับถ่ายได้แบบนี้คือต้องกินยาสมุนไพรให้ถ่าย
หรือกินยาที่หมอให้แล้วก็ต้องมาเหน็บเช้า-เย็นถึงได้จะความรู้สึกนี้
แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วเฟ้ย ฟินสุด ๆ บ่องตง ฮา ๆ




คือเรารู้สึกว่าอาการพวกนี้เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นหน้าไม่ใส เจ็บคอ ร้อนใน หรือท้องผูกเนี่ย
เราเคยอ่านหนังสือเจอ มันคืออาการความร้อนเกินของร่างกาย
พอมันระบายออกไม่ได้ มันเลยออกมาเป็นอาการเหล่านี้
แล้วการปฏิบัติเตโชช่วยตรงไหน
อันนี้จากการสันนิษฐานของเราเองนะ
สิ่งนี้ช่วยตรงที่ว่า พลังเตโชคือการใช้ธาตุไฟในกายมาเผากิเลส
ธาตุไฟเป็นธาตุที่ให้ความร้อน ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล เคยสั่งสอนว่า
ร่างกายของเราใช้ประโยชน์จากธาตุไฟเพียง 2 อย่าง
คือให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และ เอาไว้ย่อยอาหาร
ดังที่เราได้ไป search มาด้วยคือ

(๑) อุสฺมาเตโช คือ ธาตุไฟที่มีประจำอยู่ในร่างกายของสัตว์ทั้งหลาย ที่เรียกว่า ไออุ่นภายในร่างกาย
(๒) ปาจกเตโช คือ ธาตุไฟที่ทำหน้าที่ย่อยอาหาร
(๓) ชิรณเตโช คือ ธาตุไฟที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม เช่น ทำให้ผมหงอก ฟันหัก หนังเหี่ยวย่น เป็นต้น
(๔) สนฺตาปนเตโช คือ ธาตุไฟที่ทำให้ร่างกายกระวนกระวาย ไฟที่ทำให้ร้อนเป็นไข้ได้ป่วย





ถ้าธาตุไฟเกิน เราก็จะมีไข้
เราใช้ประโยชน์จากธาตุไฟน้อยมาก ซึ่งเราสามารถใช้ธาตุไฟในการเผากิเลส เป็นไปซึ่งการหลุดพ้นได้
เราเลยได้ใช้ความร้อนเกินของร่างกายเรามาเผากิเลสแทน
ธาตุไฟเราเลยสมดุล ไม่ร้อนเกิน ทำให้พวกโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความร้อนเกิน หรือ ร้อนใน หายไป
ซึ่งเรารู้สึกดีมากเลย
ทุกวันนี้เราต้องนั่งเกือบทุกวัน
ด้วยเหตุผลที่ต้องการเผากิเลสในจิตของเรา และสร้างสมดุลในกายของเราด้วย






ทุกวันนี้
เราก็พยายามจะดูหนัง ฟังเพลง ดูทีวีน้อยลง
เพราะสิ่งเหล่านี้มันจะติดอยู่ในสังขาร
แต่ที่ทำได้อย่างเดียวของเราตอนนี้คือไม่ดูทีวี
เพราะเราก็ไม่ค่อยดูทีวีอยู่แล้ว แต่ก่อนก็ติดอยู่แค่ 2-3 รายการ คือ The Star, The Voice, แล้วก็ Take me out Thailand

แต่ตอนนี้
หลังจากกลับจากปฏิบัติธรรม
เราไม่ติดรายการเหล่านี้เลย
จำได้ว่า ก่อนไปปฏิบัติ รายการ The Star กำลังคัดเลือกภาคกลางกับภาคใต้
เราก็ยังติดอยู่ ติดตั้งแต่ The Star 1 ไม่เคยพลาดซักตอนเลยจนถึงปีนี้
แต่พอกลับมา
มันก็ไม่อยากไปเองเลยนะ ทั้ง ๆ ที่อยากจะติดต่อไปก็ได้ เพียงแค่ดูย้อนหลัง 1 ตอน แล้วก็ไปติดงอมแงมต่อ
แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้ว ไม่ได้รู้จักทั้ง 8 คนเลยด้วยซ้ำ แต่ละวีคก็ไม่ได้ดูเค้าร้อง
คุยกับใครก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
ยิ่งละคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เราไม่ดูอยู่แล้ว เพราะเรานอน 3 ทุ่มมาตั้งแต่อนุบาล
ไม่เคยได้ดูละครแล้วมาเม้าต่อกับใครเค้าหรอก

แล้วก็อยากเลิกติดสิ่งพวกนี้ด้วย
เพราะอย่างที่ท่านพุทธทาสบอกไว้ว่า

"หลงรักสิ่งใด เราจะเป็นทาสสิ่งนั้น"

อย่างว่าแหละนะ
คนเราปัจจุบันนี้ เสพย์ติดสื่อเยอะไปหมด เป็นทาสของหลายสิ่งหลายอย่าง
เราก็ต้องเพียรว่ายทวนน้ำ ไม่หลงไปในกระแสพวกนี้
ขึ้นชื่อว่าน้ำ มันย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
แต่ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ก็ไม่ควรหลงอยู่ในวงวนแห่งกิเลสเหล่านี้
พูดน่ะง่าย แต่ทำได้ยากจริง ๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่ดูทีวี แต่เราก็ยังฟังเพลงฮิต ติดชาร์ทอยู่เลย แหะ ๆ






ตอนนี้เลยมีวิถีชีวิตที่น่าเบื่อและน่าประหลาดสำหรับคนรุ่นเดียวกัน
คือแทนที่หลังเลิกงานหรือเสาร์ อาทิตย์จะไปนัดเจอเพื่อน กินข้าว ดูหนัง ร้องคาราโอเกะ
เรากลับมานั่งภาวนาทุกคืน เสาร์ อาทิตย์ก็เบิ้ลไปอีกเป็น 2-3 รอบต่อวัน
เพราะชีวิตนี้สั้นนัก เรารอไม่ได้แล้ว เราเสียเวลาให้กับกิเลสมาร่วม 30 ปีครึ่งชีวิตแล้ว
ใครอยากจะหาความสุขจากภายนอกก็หาไป เพราะเขาจะหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อยากได้ อยากมี อยากเป็น พอได้แล้วสุขแป๊บเดียวก็ต้องขวนขวายหาใหม่เพื่อสนองกิเลสอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
ด้วยเหตุนี้สินะ สังสารวัฏจึงยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด วนเวียน กลับไปกลับมา ไม่จบไม่สิ้น

สำหรับเพื่อนรุ่นเดียวกับเรา เราก็ถือว่ามาได้ไกลระดับนึง
จนพูดกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไม่รู้เรื่อง
เป็นตัวประหลาดที่มีกิจกรรมไม่เหมือนคนอื่นในรุ่นเดียวกัน

แต่สำหรับรุ่นเพื่อนและรุ่นพี่ทางธรรม ความเพียรของเราถือว่ายังเล็กน้อยมาก
เทียบไม่ได้กับแต่ละท่านเลยที่ปฏิบัติกันอย่างน้อย 1-2 รอบ ๆ ละ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
แถมยังสามารถไม่ดูหนัง ฟังเพลงโดยตั้งใจได้ด้วย แถมยังสละเวลาช่วยเหลือศาสนาเป็นอันดับแรก
พวกเขาถึงมีความก้าวหน้า ข้ามโครตกันหลายสิบท่าน แต่เราเชื่อว่ามีอีกหลายสิบท่านที่กำลังจะข้ามเหมือนกัน





กรณีพลังเตโชวิปัสสนารักษาโรคของเราเด็ก ๆ ไปเลย เมื่อเทียบกับศิษย์อีกหลายคนที่ดีขึ้นจากโรคที่มันร้ายแรงกว่าเรา
แต่เราไม่อยากให้คนไปปฏิบัติเพื่อจุดหมายเพื่อรักษาโรคทางกายเป็นหลัก
อยากให้ไปปฏิบัติเพื่ออยากเจริญสติ ยกระดับจิตอันหยาบหนาปกคลุมไปด้วยกิเลสอันมืดมิดของพวกเราให้เบาบางลงไป ได้เห็นธรรม ได้ตื่นจากกองกิเลส

ใครอ่านแล้วสนใจเตโชวิปัสสนากรรมฐาน
เราแนะนำให้ลองหาหนังสือท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล มาอ่านดู
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วสนุก เพลิดเพลินมาก
อ่านแล้วไฟอยากปฏิบัติเตโชมันจะลุกโพลงขึ้นมาเลย













แล้วก็เล่มล่าสุด ฆราวาสบรรลุธรรม 2



Image Hosted by PicturePush



ถ้อยคำสื่อกระแสจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อันเนื่องมาจาก
'จะมีหนึ่งนารี'
เผยปริศนาว่า ที่สุดปัญญาธรรมดาจะหยั่งรู้ว่า
ทำไมผู้ทรงธรรมแห่งกึ่งพุทธกาลต้องเป็นนารี?
.
คำสื่อกระแสจากพระฤาษีลิงดำ
"กาลแห่งแสงทองผ่องอำไพ พุทธรรมจะเกริกไกรทั่วแดนดิน
กาลนั้นมาถึงแล้วโดยนารี แสงทองแห่งรสอมตธรรม
ผู้ปลุกจิตหมู่ชนโดยผู้ทรงธรรมในร่างสตรี ที่เผยแพร่ขยายความสำนึกที่ถูกต้องและดีงาม
ให้หันกลับมามองและฟื้นคืนธรรมแท้ ที่ถูกบิดเบือนไปสู่ทุกที่ที่มีพื้นดิน"

.
..
คำที่หน้าปก...
"ไม่ใช่ภาคต่อ แต่เป็นภาคเผยความลับของจักรวาล
และจิตวิญญาณมากยิ่งขึ้น"
.
"มิใช่เป็นเพียงหนังสือ หากแต่เป็นคัมภีร์เอกอุ
ที่มาถึงในกึ่งพุทธกาลดั่งพุทธทำนาย เพื่อเผยความจริงว่า...
ฆราวาสหลุดพ้นได้มิติเร้นลับในแดนจิต ถูกไขความลับอย่างกระจ่างแจ้ง
จนไม่อาจพลาดสายตา แม้แต่ตัวอักษรเดียว"

ที่มาของภาพปก เป็นภาพที่ท่านอาจารย์ยกกำลังจิตขึ้นสูงสุดเช่น
ผู้ทรงธรรม แห่งกึ่งพุทธกาล ในมหาภารกิจแผ่เมตตา
ตัวอย่างบทในหนังสือ จาก 42 บท มีดังนี้
..
1. พุทธปาฏิหาริย์ที่ทรงยืนยันศักดานุภาพแห่งสายธรรม
2. เบื้องลึกที่มา ตุ๊กตาลูกเทพ
3. อีกมุมหนึ่งของธรรมะกับพญานาค
4. เมื่อนักวิทยาศาสตร์ปิดอบายภูมิ
5. สนามพลังงานกับการหลุดพ้น
6. ปล้นสติสัมปชัญญะ ด้วยคลื่นแม่เหล็ก
7. กระแสพลังงานที่ถูกแปลงเป็นนิมิต
8. กับดักอภิญญา วิชชา3
9. รอยสัก รับขันธ์ เจอการเอาคืน
10. แก้กรรมหรือเพิ่มกรรม
11. คุณไสย กับทางแก้
12. ภัยที่มากับอภิญญาตาที่สาม และทิพยจักษุ
13. ธรรมะกับการเล่นหุ้น
14.พลังศักดิ์สิทธิ์ พระคาถาชินบัญชร
15. อิทธิพลของตัวเลขและอาถรรพ์ 7 ปี ที่แท้คืออะไร
16. วิธีเชื่อมกระแสพลังพระรัตนตรัย
17. ทำอย่างไรให้เป็นฆราวาสบรรลุธรรม
18. เงื่อนงำ สังโยชน์ 10
19. สภาวะจุดจบในพุทธศักราชที่ 5000
.
ตรวจสอบสาขา และตำแหน่งที่ตั้งร้านหนังสือ ได้ที่
B2S
https://goo.gl/FTjEil

ซีเอ็ดบุ๊กเซ็นเตอร์ https://goo.gl/fYP3OI
ร้านนายอินทร์ https://goo.gl/6Zg5BN

หนังสือขนาด 400 หน้า 42 บท
ราคา 170 บาท


Image Hosted by PicturePush


อ่านแล้วจะหึกเหิมอยากไปปฏิบัติธรรมเหมือนเรา 555
ใครสนใจไปปฏิบัติทางนี้
ลองเข้า facebook ข้ามห้วงมหรรณพกับเตโชวิปัสสนา

และ


นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
และสามารถเข้าไปดูกฎระเบียบ ตารางการอบรม ใบสมัคร แผนที่ แฟ้มภาพ ได้ที่

ตารางคอร์สอบรมเตโชวิปัสสนากรรมฐาน


และสามารถเข้าไปอ่านบทความประสบการณ์ของคนที่ปฏิบัติสายนี้ได้ที่



exp.techovipassana.org




ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันเร่งสร้างและสะสมทรัพย์เพื่อความสุขในปัจจุบันและอนาคตในชาตินี้
ส่วนเราก็เร่งสร้างและสะสมอริยทรัพย์เพื่อการหลุดพ้นในอนาคตในชาติหน้าถ้าต้องเกิดมาเกิด แก่ เจ็บ ตายอีก
เป็นทรัพย์ที่ไม่สูญ เกิดชาติหน้าก็สร้างต่อได้จากที่สะสมมาในชาติก่อน ๆ
เวลาเราไปทำบุญก็จะอธิษฐาน ขอให้เราได้เกิดใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในทุก ๆ ชาติจนถึงนิพพาน

อย่างน้อยสะสมไว้ชาตินี้ อย่างน้อยเกิดมาอีกชาติหน้า
จะได้มีรูปสวย รวยทรัพย์ และเจริญด้วยปัญญา

เพราะสงสัยชาติก่อน ๆ ไม่ค่อยรักษาศีล เกิดมาเลยรูปไม่สวย แต่ยังโชคดีได้ทำทานและได้ปฏิบัติธรรมมา ชาตินี้ก็เลยต่อได้ง่าย ได้พบธรรมตั้งแต่อายุ 25
ชาตินี้เลยขอเจริญทั้งทาน ศีล และภาวนา คอมโบ้เซ็ทเลยแล้วกัน เผื่อผลบุญจะสร้างได้ในชาติเดียว ให้มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตหลังจากนี้ อิอิ

ขอให้ท่านทั้งหลายหน้าใส ผิวสวย สุขภาพแข็งแรง เรียกได้ว่าสวยทั้งภายในและภายนอกนะคะ สาธุ







สำหรับใครที่ลงทะเบียนเข้าคอร์สเตโชวิปัสสนาที่สระบุรีไม่ได้หรือไม่ทัน
ยังมีอีก 1 สาขาของเตโชวิปัสสนาที่ สถานปฏิบัติธรรมลานหินป่าโมกข์
ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ที่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อสัญชัย จิตตภโล อริยสงฆ์รูปแรก แห่งสายวิชาเตโชวิปัสสนา
พระอริยสงฆ์ผู้ทำกิจจบสิ้นแล้วหลังจากเพียรและบวชจำพรรษาได้เพียง 3 ปี
จากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานด้วยทางสายเอกอุ
ดังที่ท่านสามารถอ่านประสบการณ์ของพระคุณเจ้าสัญชัย จิตตภโล ได้ที่บล็อคนี้


เมื่อโลกธาตุคว่ำ ด้วยเตโชวิปัสสนากรรมฐาน

ใครเข้าไม่ได้ให้ลอง copy url ด้านล่างนี้ไปนะคะ หรือตัด s ตรง http: ค่ะ


techovipassana.org/web/blogsingle.php?blogId=1433908891




สามารถเข้าไปดูสถานที่และข้อมูลของสถานปฏิบัติธรรมลานหินป่าโมกข์ได้ที่ facebook
สถานปฏิบัติธรรมลานหินป่าโมกข์


ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยนะคะ




Create Date : 21 เมษายน 2556
Last Update : 19 เมษายน 2561 14:42:49 น. 10 comments
Counter : 11907 Pageviews.

 
"สำหรับเพื่อนรุ่นเดียวกับเรา เราก็ถือว่ามาได้ไกลระดับนึง
จนพูดกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไม่รู้เรื่อง
เป็นตัวประหลาดที่มีกิจกรรมไม่เหมือนคนอื่นในรุ่นเดียวกัน"

ตรงประโยคนี้ รู้สึกว่าอ่านแล้วเข้าใจลีลีค่ะ
แต่โนบุจะต่างตรงที่ว่า เรื่องของโนบุจะเป็นเรื่องความชอบ (เรื่องการดูหนัง ฟังเพลงน่ะค่ะ^^)

เราจะชอบฟังเพลงเก่าๆ
ดูหนังที่ไม่ทำรายได้
อะไรพวกนี้ที่ดูต่างจากของเพื่อนๆ
แต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกเหงามากนักค่ะ
โนบุอยากเข้ามาบอกลีลีว่า
สิ่งที่ลีลีกำลังคิดและทำอยู่ โนบุนับถือมากๆค่ะ

เข้ามาทักทายด้วยความคิดถึงค่ะ


โดย: nobuta wo produce วันที่: 21 เมษายน 2556 เวลา:19:30:45 น.  

 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เราสนใจกสิณเหมือนกัน
แต่เคยโดนดุว่าไม่ตั้งใจกับลมหายใจ


เราก็เป็นร้อนในง่าย
ช่วงนี้ท้องอืดมากขึ้น
ผมหงอกเยอะขึ้นด้วย
เรารู้ตัวมาพักนึงแล้วว่าธาตุเราไม่สมดุลย์
แต่ก็พยายามจัดระเบียบ ชีวิต
ความลงตัวและการภาวนาให้มันได้
มันก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง

ส่วนหนังสือและกิจกรรมชีวิต
เราต่างจากเพื่อนๆ เรามานานแล้ว
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้วเราเข้าใจเลย
เข้าใจแบบ เข้าใจจริงๆ โดยไม่ต้องอธิบายอีกแล้ว
แต่ช่วงปีสองปีมานี้ เราโชคดีเจอเพื่อนในสายงานเดียวกัน
ที่เขาคิดคล้ายๆ เรา และพวกเขาก็ภาวนา
ชวนกันทำบุญ มีอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องภาวนาก็จะคุยกัน

แล้วมันขำดีนะ เวลามีคนอื่นที่ไม่ใช่พวกที่คุยแบบเรา
มานั่งอยู่ด้วย พวกเราจะดูเฟื่อง
เราเลยเฉยเสียในบางกรณี
ใจของเราต่างหากสำคัญที่สุด

น่าสนใจมากๆ ค่ะ
เตโชกสิณ
ดีใจด้วยนะคะ เจอสิ่งที่ถูก/เข้ากับตัวเอง
แล้วชีวิตแฮปปี้มากขึ้น

บลอกของหนูลีลี เป็นบลอกกัลยาณมิตรเลยทีเดียว
ขอบคุณที่แบ่งปัน
และขอบคุณที่นำรอยยิ้มมาค่ะ :)


โดย: ข้าวเหนียวมะม่วง เย้เย (สุขใจพริ้ว ) วันที่: 21 เมษายน 2556 เวลา:21:59:41 น.  

 
ขอบคุณ สำหรับข้อมูลที่ได้รับจากการได้อ่านบล็อคของคุณลีลี โดยเฉพาะเรื่องเตโชวิปัสสนา ได้สมัครและติดรอสำรองอยู่ค่ะ ถ้าธรรมะจัดสรรให้ ก็คงได้ไปเร็วๆนี้ อนุโมทนาค่ะ


โดย: jinny IP: 119.46.221.47 วันที่: 24 เมษายน 2556 เวลา:8:37:23 น.  

 
สุดยอดเลยครับ..ยินดีกับลีลีด้วย


โดย: naray14 วันที่: 24 เมษายน 2556 เวลา:13:25:39 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ


โดย: naam IP: 171.4.72.17 วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:10:48:57 น.  

 
ถ้าฝึกเองจะเป็นอะไรไหมครับ


โดย: อ๊อด IP: 183.88.13.71 วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:8:49:19 น.  

 
ถ้าสมมุติ ว่า เป็น จะมีวิธีแก้ไหมครับ


โดย: อ๊อด IP: 171.5.181.37 วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:10:34:10 น.  

 
เราลงชื่อไปปฏิบัติเตโชเดือนมีนาคม 57 ค่ะ แต่ยังเป็นตัวสำรองอยู่ค่ะ เราได้อ่านหนังสือทุกเล่มแล้ว มีจิตฮึกเหิม อยากพิสูจน์ตัวเองค่ะ และหวังว่าจะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ


โดย: Snovy IP: 110.169.139.56 วันที่: 7 มกราคม 2557 เวลา:20:02:04 น.  

 
ขอขอบพระคุณคุณลีลีมากมายที่มีส่วนในการตัดสินใจไปปฏิบัติที่เตโชวิปัสสนากรรมฐาน หลังจากที่ได้อ่านหนังสือท่านอาจารย์ก็ยังลังเลอยู่เพราะมีการโจมตีในเน็ตมากมาย บัดนี้ดิฉันได้ไปภาวนามาแล้ว ได้เข้าใจในหลักธรรมอันกระจ่าง ชีวิตเปลี่ยนไปมากมาย ขอผลบุญจากคุณลีลีที่ช่วยแนะนำทางจงส่งผลให้คุณลีลีถึงนิพพานโดยเร็ววันนะคะ


โดย: กัณภัส IP: 124.122.26.139 วันที่: 28 พฤษภาคม 2557 เวลา:14:52:37 น.  

 
ขอบคุณน้องลีลี ที่นำเอาประสบการณ์ทางธรรมมาเผยแผ่ให้เพื่อนๆในบล็อคได้อ่าน ได้รับทราบกัน ผู้ที่ยังลังเลสงสัย ว่าสายนี้จริงไหม สายนี้ดีไหม ผมขอแนะนำให้ค้นหาข้อมูลและทางที่ดีที่สุด คือ ลองปฏิบัติไม่ว่าสายไหนก็ตาม ไปดูสิว่าถูกจริตกับเราไหม และอย่าไปยึดติดตำราจนไม่ออกปฏิบัติเลย หนทางวิธีเปรียบเสมือนการเดินทางไปยังจุดหมาย ขอให้เรามุ่งมั่น มีความเพียรในการภาวนา สักวันหนึี่่ง หนทางแห่งพระนิพพานต้องเป็นของทุกท่าน สาธุในธรรมครับ


โดย: แม็ค IP: 223.205.249.221 วันที่: 15 สิงหาคม 2557 เวลา:10:16:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.