Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
9 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
สิ่งที่ได้จากหนังสือ The Meta Secret 7 ความลับเหนือโลกที่ถูกเปิดเผย

ปีนี้เป็นปีที่เราอ่านหนังสือเยอะมาก
โดยเฉลี่ยคืออาทิตย์ละ 1-2 เล่ม
เพราะเรายืมหนังสือที่ TK park โดยเฉลี่ย 4 เล่มต่อ 2 อาทิตย์
ปีนี้
คาดว่าปีนี้เราคงอ่านหนังสือไปประมาณ 50 เล่มตามที่ตั้งใจ

ต้น ๆ ปี
เราจะสนใจหนังสือเกี่ยวกับโรคที่เราเป็นซะส่วนใหญ่
ก็พวกออฟฟิศซินโดรมที่เราเป็น แล้วก็กินแล้วก็ออกกำลังหลาย ๆ อย่างที่จะช่วยให้สุขภาพเราดีขึ้น
รวมถึงหนังสือธรรมะ

แต่พอครึ่งปีหลัง
โฟกัสเราจะไปอยู่ที่การออมและลงทุนเงินที่หามาได้ กับ หนังสือจิตวิทยาเป็นส่วนใหญ่

แล้วหนังสือจิตวิทยาที่เราอ่าน
ส่วนใหญ่จะมีเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูดทุกเล่ม
ทำให้เราสนใจเกี่ยวกับศาสตร์นี้อย่างมาก

หนังสือ The Meta Secret หรือ สุดยอดเดอะซีเคร็ทก็เป็น 1 ในนั้น






เราอ่านมาเกือบหมดทุก Secret ตั้งแต่เล่มแรกของ รอนด้า เบิร์น





ยันที่ทันตแพทย์สมมาตีความอีกรอบ





เราลอง search feedback ของคนไทยที่ได้อ่านหนังสือ The Meta Secret
ส่วนใหญ่จะบอกว่าอ่านไม่รู้เรื่อง
แล้วก็โทษว่า ต้นฉบับมันไม่รู้เรื่อง หรือ คนแปลเค้าแปลไม่รู้เรื่องฟระ
น้องชายเราเอาไปอ่านก็บอกแบบเดียวกัน




คือต้องเข้าใจว่าหนังสือฝรั่งเนี่ย
มันมักจะเขียนให้อ่านเป็นน้ำ
ยกตัวอย่างที่มันเกี่ยวข้องมาก น้อย แต่ก็เกี่ยว
แต่บางครั้งเราอ่านแล้วมันหลุดประเด็น
จับใจความไม่ได้ว่าไอ้ตัวอย่างนี้มันบอกอะไรกับเราฟระ
คือถ้าอ่านไปเรื่อย ๆ แบบไม่คิดมากแบบคำต่อคำ
มันก็คืออ่านไปแบบไม่ค่อยได้อะไร
จับประเด็นไม่ได้ว่าไอ้ที่โฆษณานักโฆษณาหนาว่า
เป็นหนังสือเปิดเผย 7 ความลับเหนือโลก 7 กฎแห่งจักวาล
ความลับมันคืออะไรฟระ แล้วเราจะเอามาใช้ยังไง

เราไม่ชอบหนังสือฝรั่งอย่างนึงนะ
ตรงที่มันไม่บอกตรง ๆ ว่าให้ทำยังไง
เช่นหนังสือ Rich dad, poor dad เนี่ย







เราอ่าน 2 เล่ม
อ่านไปเราก็จับประเด็นไม่ได้เลยนะ
ทั้ง ๆ ที่จุดประสงค์ของการอ่านเนี่ยแน่นอนมาก
คืออยากรู้ว่าทำยังไงถึงรวยเหมือนเค้า
พออ่านจบ ยังไม่รู้เลยว่าทำยังไงถึงรวย
เค้าจะยกตัวอย่างหรือพูดอ้อมไป อ้อมมาเป็นน้ำกระตุ้นให้เราอยากรู้ว่าทำยังไง
พูดถึงผลลัพธ์คนเอาไปใช้ว่าเกิดประโยชน์ยังไงมากมาย
แต่
อ่านจนจบแล้วยังไม่รู้เลยว่าตกลง ทำยังไงถึงรวย(วะ)

หนังสือฝรั่งมันจะเป็นแบบนี้
คนแปลมาไม่ได้แปลมั่ว อย่าไปโทษเค้า
เพียงแต่เราไม่ชินกับวิธีการเขียนของฝรั่งมากกว่า
ถ้าอยากอ่านแบบตรงประเด็น
แนะนำให้อ่านของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี
ที่สั้น กระชับ ตรงประเด็น
ซึ่งเราคาดว่าเค้าคงเจอปัญหาการอ่านหนังสือฝรั่งหลายร้อยเล่ม
เค้าก็เขียนมาให้คนไทยอ่านโดยเฉพาะ






เราอ่านหนังสือ The Meta Secret จบรอบแรก
บอกตามตรงว่าก็ไม่ค่อยได้อะไร
7 ข้อรู้ตามที่แปลว่ามันมีอะไรบ้าง แต่ใช้ยังไง เกี่ยวข้องกันยังไง
เหมือนเค้ายกตัวอย่างที่เหมือนจะไม่เกี่ยวกับแต่ละข้อซะเยอะ
อ่านไปก็เพลินไป แต่จับประเด็นไม่ได้
แถมครูที่สอนในนั้น ก็เอาคำพูดที่เค้าเคยพูดมาแปะไว้
ซึ่งเรารู้สึกว่าคำพูดแต่ละคนในแต่ละหัวข้อไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย

อ่านจบรอบแรก
เราประทับใจคำพูดของครูคนนึงในนั้นคือ Joe Vitale
ตอนที่เราอ่าน เรากำลังรู้สึกแย่กับเพื่อนร่วมงานพอดี
เค้าบอกว่า

ถ้าคุณมองหาความรักแล้วไม่พบ
บางที
เราอาจจะไม่เคยให้อภัยใครในบางช่วงของชีวิต
เมื่อรู้จักให้อภัยพ่อ แม่ พี่ น้อง สามี ภรรยา เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ คุณจะรู้สึกปลอดโปร่ง เบาสบาย
เมื่อนั้น พลังของกฎแห่งแรงดึงดูดจะดึงเอาความรักและความสัมพันธ์ใหม่ ๆ เข้ามาสู่ชีวิต

พออ่านแล้ว เราให้อภัยทุกคนจากใจ ไม่ใช่สักแต่ว่าพูด
ใจเราก็โล่งจริง ๆ
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดูง่าย หาอ่านในเน็ทที่ไหนก็ได้
แต่จะมีซักกี่คนที่สามารถให้อภัยได้จริง ๆ ทางใจ ไม่ใช่ทางคำพูด

แต่เราก็ไม่ได้มือโปรให้อภัยได้ตลอดเวลาที่เราไม่สบายใจหรอกนะ
ไม่ใช่อะไร
เราลืม
พออ่านทีก็นึกขึ้นได้ทีนึง
แล้ววัน ๆ นึงเรามีเรื่องให้คิดฟุ้งซ่าน ไม่สบายใจไม่รู้กี่เรื่อง
แต่ถ้าเรามีสติมากพอ เราก็จะให้อภัยได้บ่อยขึ้น
ซึ่งเราจะพยายามไม่ลืม
(ทุกวันนี้แค่คิดถึงมาได้วันละครั้งก็ดีใจจะแย่แล้วสำหรับเรา คงต้องฝึกสติอีกเยอะมาก)



นอกจากเรื่องนี้ในการอ่านครั้งแรกแล้ว
เราก็จะจับประเด็นได้คร่าว ๆ เหมือนเราอ่าน The Secret ก็คือ
ให้เราคิดบวก อยู่ในที่ ๆ มีคนคิดบวกเยอะ ๆ
โฟกัสไปที่เป้าหมายของเรา แล้วก็รอให้ถึงเวลาอันสมควร
แต่เราควรจะมีเป้าหมายที่แน่นอน
เหมือนที่เค้ายกตัวอย่างในหนังสือว่าเราจะไปซื้อไอติม
แต่ระหว่างทาง เราเดินอ้อมไปนู่น ไปนี่ สุดท้ายก็อาจจะไม่ถึงร้านไอติมซักที
แต่กฎแห่งจังหวะก็จะบอกให้เรารอเวลา
ถ้าน้ำทะเลมันซัดคลื่นเข้ามา ก็อย่าไปฝืนว่ายทวนน้ำ เพราะมันจะเปลืองแรงเปล่า ๆ






พอกลับมาอ่านอีกรอบ
เพราะเห็นว่ามีพระและอาจารย์ทั้งหลายเกี่ยวกับธรรมะหลายต่อหลายท่านได้ให้คำนิยมกับหนังสือเล่มนี้
มันต้องมีอะไรดีเกี่ยวกับธรรมะสิ

อย่างแรกที่เราได้เลยคือเรื่องการให้อภัย
ที่ไม่ใช่สักแต่ว่าพูด แต่ให้ใจเราปล่อยวางและให้อภัยคนทุกคนรอบตัวเราอย่างจริงใจ


อย่างเรื่องที่ว่า

สิ่งที่เหมือนกันย่อมดึงดูดเข้าหากันเสมอ
สิ่งดีย่อมดึงดูดสิ่งดี
สิ่งไม่ดีย่อมดึงดูดสิ่งไม่ดี

ก็สอนให้เรารู้จักเลือกคบกัลยาณมิตร ไม่พาเราไปลงในอบาย





หรือเรื่องที่บอกว่า

ความเครียดเกิดขึ้นเมื่อเราดึงพลังของเราออกไปใส่ให้กับปัญหา จงให้พลังนั้นอยู่กับเราแล้วปล่อยวางความเครียดนั้น

ก็จะสอนในเราปล่อยวาง อย่าไปยึดมั่น ถือมั่น






หรือที่บอกว่า

ให้เรารับผิดชอบตัวเรา
ควบคุมความคิดและจิตใจของเราและไม่โทษคนอื่นที่สร้างปัญหาให้เรา
ลองสมมุติให้เป็นคนใกล้ชิด แล้วเจอสถานการณ์แบบเรา เราจะแนะนำให้เค้าแก้ปัญหาอย่างไร

ก็คือการสอนให้วางและละอัตตาของเรา ละตัวกูของกู เราก็จะไม่ทุกข์






หรือที่บอกว่า

อย่าเอาความคิดเราไปโฟกัสที่คนอื่น สิ่งอื่น เพราะมันจะเปลืองอารมณ์ ให้โฟกัสที่ตัวเรา ความคิดและจิตใจของเรา

นี่ก็คือการให้เราเจริญสติ อยู่กับปัจจุบัน เหมือนอยู่กับลมหายใจ อยู่กับร่างกายและจิตใจของเรา รู้เท่าทันตัวเรา ไม่ต้องไปรู้คนอื่น
มันก็จะไม่ทุกข์

และสุดท้ายที่จะฝากไว้ที่หนังสือบอกคือเรื่อง

ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ หว่านพืชใดก็ได้ผลแบบนั้น

แน่นอน อันนี้ก็เรื่องกฎแห่งกรรม
ปลูกมะม่วงย่อมได้มะม่วง ทำดีย่อมได้ดี แต่ด้วยข้อจำกัดของมนุษย์ เราไม่อาจจะมองเห็นได้ว่าเราปลูกมะม่วงวันนี้ อีกกี่วัน กี่ปี หรือกี่ชาติถึงจะได้กินมะม่วง แล้วทำไมตอนนี้เราถึงได้กินมะยมอยู่


ยังไงก็ขอให้เราทุกคนทำดีกันต่อไป
เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
เราเกิดเป็นมนุษย์นั้น ยากแสนยาก
แล้วโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เกิดใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา

ใครที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วไม่เข้าใจ
ไม่แปลกค่ะ
แต่ขอให้ลองอ่านแบบพิจารณาอีกซักรอบ
คุณก็จะได้ธรรมะที่แทรกอยู่ในหนังสือเล่มนี้มากกว่าตัวอย่างที่เราเขียนอีกค่ะ

อนุโมทนาบุญทุกท่านนะคะ



Create Date : 09 ตุลาคม 2555
Last Update : 4 ธันวาคม 2557 23:42:38 น. 10 comments
Counter : 10948 Pageviews.

 
ผู้เขียนถ้าจะบรรุเเล้ว


โดย: ประสิทธิ์ IP: 171.99.102.72 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:53:47 น.  

 
ชื่นชมครับ สรุปได้ดีแต่ผมคิดว่าการอ่านหนังสือของฝรั่งมันมีข้อดีคือ ทำให้เราได้คิดตาม จินตนาการ ตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ จากนั้นเขาจะชอบให้เราคิดเอง ผมว่าแบบนี้จะช่วยให้เราจำได้ดีกว่าการมาบอกว่าต้องทำอย่างไรนะครับ(ชอบการเขียนแบบนี้เป็นการส่วนตัว 5555)




โดย: JK IP: 58.11.57.245 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:1:27:36 น.  

 
สรุปได้ดีมากครับ ... ให้กำลังใจครับ...


โดย: PG IP: 171.100.164.41 วันที่: 17 พฤษภาคม 2556 เวลา:5:09:33 น.  

 
เราเองก้ออ่านเล่มนี้หลายครั้ง อ่านแล้วก้อลืม เหนก้อหยิบมาอ่านบ้าง สุ่มเปิดอ่านบางหน้าบ้าง บางครั้งเนื้อหาในนั้นก็เตือนสติเราได้ดีค่ะ positive thinking เอาความสุขจากภายในมาสร้างความสุขภายนอก คุนลีลี อ่านหนังสือเก่งจังเลยค่ะ ชื่นชมๆ


โดย: Benjaa IP: 49.49.126.156 วันที่: 25 มิถุนายน 2556 เวลา:1:12:17 น.  

 
ขอบคุณนะคับ...
เราก็เป็นอีกคนที่เข้ามาอ่านโดยบังเอิญ..
แต่จะไปเฉยๆๆ ก็ยังไงอยู่น๊าาาา

เลยแวะทิ้งท้ายให้กำลังจายเจ้าของบล๊อคน่ารักๆ กันซะหน่อย..

forget me not ฉันมะลืมคุณหรอก ^_^
Oyasuminasai LeeLeeJang.


โดย: ผ่านมา...แต่ไม่ได้ผ่านไป IP: 49.230.99.172 วันที่: 8 ตุลาคม 2556 เวลา:22:42:30 น.  

 
เขียนสรุปได้ดีครับ ผมจดบันทึกไปหลายๆประโยคเลย ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีๆให้กันครับ


โดย: นะโม IP: 115.31.163.247 วันที่: 15 ตุลาคม 2556 เวลา:17:28:34 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: ฮารีส IP: 49.48.105.13 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:7:56:04 น.  

 
สวัสดีครับโดยส่วนตัวผมคิดว่าคุณยังไม่ตกผลึกมากพอที่จะเข้าใจ สิ่งสำคัญคือหากไม่เข้าใจความเป็นกลางก็จะทำให้เราหรือความรู้สึกเราตกไปอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้ง่ายซึ่งคุณลองถามตัวเองว่า คุณนั้นแหละคิดกับเรื่องนี้จริงๆอย่างไร ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่คุณ หรือการมองนัยยะก็แล้วแต่คุนะครับ อีกคำถามสุดท้าย คือคุณมองเห็นสิ่งใด ถ้ามีโอกาศคงได้คุยกันมากขึ้น




ทุกสิ่งทุกอย่าล้วนอยู่ที่คุณนะครับ


โดย: อัศวินสีส้ม IP: 110.169.189.149 วันที่: 11 กันยายน 2557 เวลา:5:43:58 น.  

 
อย่าลืมนะครับทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่คุณ ต่อจากนี้ก็แล้วแต่คุณครับ


โดย: อ้ศวินสี้ส้ม IP: 110.169.189.149 วันที่: 11 กันยายน 2557 เวลา:5:49:28 น.  

 
หลังจากได้อ่านเดอะซีเคร็ทแล้ว ก็สนใจ เดอะ เมต้า ซีเคร็ท แล้วมาเจอบล๊อคนี้
ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่เอาสิ่งที่อ่านแล้วมาสรุปให้เข้าใจง่าย น่าซื้อมาอ่านอีกเล่ม แต่รู้สึกจะอิงพุทธเยอะมากๆ ชอบคะ คนละเรื่องเดียวกันเน๊อะ


โดย: แก้ว รอพี่ IP: 183.89.94.198 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:42:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.