Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
ประสบการณ์ผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต กับโรคท่อน้ำตาอุดตัน

สด ๆ ร้อน ๆ ไม่กี่วันมานี้เลย
หลังจากเล่าว่าจะไปผ่าตัดท่อน้ำตาอุดตันคนเดียวไปเมื่อบล็อคที่แล้ว
เพราะเป็นการผ่าตัดย่อย ผ่าเสร็จกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องนอน รพ
นาทีสุดท้าย หม่าม้าบอกว่าไปด้วยดีกว่า
เพราะปิดตาข้างนึงมันลำบากแล้ว ลูกชั้นใส่แว่น สายตาสั้นอีก 500 คงใส่แว่นไม่ได้
คงเหมือนคนตาบอดนั่นแหละตอนนั่งแท็กซี่กลับเนี่ย
สุดท้ายเลยได้แม่ไปเป็นเพื่อน

สำหรับคนที่เข้ามาโดยไม่รู้ว่าท่อน้ำตาอุดตันคืออะไร
จริง ๆ แล้วโรคนี้จะเกิดกับเด็กแรกเกิดที่ท่อน้ำตายังพัฒนาไม่สมบูรณ์
ก็ไม่ต้องทำอะไร อาศัยนวด ๆ หัวตาเดี๋ยวมันก็หายไปเอง
แล้วก็เกิดกับคนแก่อายุ 60 ปีขึ้นตาที่มันเสื่อม
เคสของเรา ที่เกิดกับคนอายุ 30 เป็นไปได้ยากมาก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดไม่ได้หนิเนอะ
โรคนี้บางคนจะเรียกว่าโรคน้ำตาคลอ





ขออธิบายเกี่ยวกับโรคนี้สั้น ๆ ว่า
โดยธรรมชาติ ตาเราจะมีน้ำตาออกมาตลอดเวลาเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับดวงตา
ซึ่งออกมาจากต่อมน้ำตาตรงแถว ๆ หนังตาบน ใกล้ ๆ หางตา
แล้วมันจะไหลลงท่อน้ำตาตรงหัวตาซึ่งมี 2 รูเล็ก ๆ ถ้าเราเปิดหนังตาดูก็จะเห็น
แล้วถ้ามันทำงานปกติ เราจะไม่รู้สึกเลยว่าน้ำตามันออกมาตลอดเวลา

เหมือนเวลาพวกเราหาว มีน้ำตาคลอ ๆ ไม่ถึงกับไหล แต่เดี๋ยวแป๊บเดียวน้ำตาก็ถูกดูดกลับไปโดยท่อน้ำตาอัติโนมัติ
แต่ของเรามันตัน ซึ่งเวลารูท่อน้ำตาตรงหัวตามันตันเนี่ย
น้ำตาก็ดูดกลับลงคอไม่ได้ เราต้องซับออกตลอดเวลา


เราเป็นมา 2 ปี เป็น ๆ หาย ๆ
ตอนแรก ๆ ที่เป็นก็กินยาฆ่าเชื้อแล้วก็หยอดยาฆ่าเชื้อ
วันแรก ๆ ที่ได้ยาหยอดตามา ก็หยอดไปงั้นอ่ะ
หยอดยังไงก็ไม่ลงคอ เพราะท่อมันตัน
เหมือนน้ำเต็มแก้ว ใส่น้ำลงไปมันก็ล้นออกตลอด
อาศัยยาฆ่าเชื้อที่กินเข้าไปฆ่าเชื้อซัก 2-3 วัน ยาที่หยอดตาก็เริ่มจะลงคอ
แต่ล่าสุด ท่อมันตันจริง ๆ ทั้งกิน ทั้งหยอดมาหลายโดสก็ไม่หาย
แถมคราวนี้ไม่ได้มีแต่น้ำตาคลอนะ มีหนองออกมาจากท่อน้ำตาตลอดเวลาด้วยเนี่ยสิ
เราไม่กล้าสบตาใครเลย ต้องคอยเอาทิชชู่เช็ดหนองกับน้ำตาออกมาทุก 5 นาที
เวลานอนมันก็ไม่หยุดผลิตหนองนะ พอตื่นขึ้นมาเปิดตาไม่ขึ้นเลย เพราะหนองออกมาเต็มตา
เวลาตาเลยพยายามหาวให้น้ำตาออกมาละลายหนองหรือขี้ตาที่มันแห้งปิดตา ถึงจะลืมตาได้
รักษามาทุกรูปแบบ
โดนเอาลวดมาแยงล้างท่อน้ำตาหลายรอบ เจ็บก็เจ็บ แต่มันก็ไม่หาย
สุดท้ายเลยตัดสินใจไปผ่าดีกว่า






เราผ่าที่ รพ ทางด้านตาย่านอโศก
คุณพยาบาลให้ไปถึงก่อนเวลา 2 ชั่วโมง
ให้แม่ไปเดินเล่น terminal 21 รอก่อน เพราะมาถึงเลยก็ไม่รู้จะนั่งเบื่อไปอีกกี่ชั่วโมง
คือเรามีประกันออฟฟิศนะ
เรากลัวว่ามันไม่คุ้มครอง
เราก็เลยติดต่อกับทางประกันไปตั้งแต่ก่อนผ่าตัดเป็นอาทิตย์
เช็คว่าโรคเรา ถ้าผ่ามันคุ้มครองรึเปล่า
ประกันก็ให้ไปบอกทาง รพ ว่าให้ทำ pre-arrangement เข้ามาให้ประกันดูก่อน
คือไอ้เอกสารตัวนี้ประมาณว่าให้หมอเขียนว่าเราเป็นโรคอะไร ผ่ายังไง ประมาณนั้น
ทาง รพ โทรมาบอก 1 อาทิตย์ล่วงหน้าว่าส่งให้ทางประกันแล้วนะ
แล้ววันถัดมาก็บอกว่าเคลมได้ ให้นัดผ่าได้เลย

เราก็อุ่นใจละ
พอไปถึงวันผ่า
พยาบาลหลายคนหน้าเคาร์เตอร์หลายคน ก็ยิ้มแย้ม อ่อนหวาน
ถามว่าเคยผ่าตัดมาก่อนมั้ยคะ
ก็บอกว่าครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ
เค้าก็บอกว่าคนไข้จะจ่ายแบบไหนคะ
เราก็งง บอกว่า เอ๊ะ ติดต่อกับทางประกันแล้วก็ทาง รพ แล้วนะคะว่าประกันคุ้มครองค่ะ
เค้าก็ดูในแฟ้มเรา เค้าก็บอกว่าไม่มีนะคะ
มีแต่ใบแฟกซ์ของทางประกันแฟกซ์กลับมาว่าเคลมเป็น fax claim หรือ day surgery แบบไม่ต้องนอน รพ ก็สามารถเบิกเป็นคนไข้ในได้


เอาล่ะสิ
คือไอ้เรื่องนั้นน่ะ เรารู้อยู่แล้ว เพราะเราก็ได้ถามประกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ว่าการผ่าของเราเนี่ย มันไม่จำเป็นต้องนอน รพ ผ่าเสร็จก็ปิดตากลับบ้านได้เลย
เราก็ไม่อยากนอนเพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับประกันด้วย
แต่ที่เราให้ทาง รพ ติดต่อเรื่อง pre-arrangement กับทางประกันเนี่ย
คือเรื่องว่าโรคที่เราจะทำการผ่าตัดเนี่ย เค้าคุ้มครองรึเปล่า
ไม่ใช่ว่าผ่าแบบไม่นอนเนี่ย เบิกได้มั้ย ฮ่วย
แล้วที่สำคัญคือ ทาง รพ ยังไม่ได้ให้หมอเขียนไอ้ใบนั้นเลย
แล้วยังไงเนี่ย จะผ่าได้มั้ย
เราไปเจาะเลือดเพื่อตรวจ HIV กับดูความเข้มข้นของเลือดก่อนผ่าตัดมาแล้วเมื่อกี๊ที่อีกแผนกนึงแล้วนะ








แล้วทาง รพ ก็บอกอีกว่า
การจะให้หมอเขียนนั้น ต้องผ่าเสร็จก่อน มีค่าใช้จ่ายครบหมดก่อนถึงจะส่งให้ประกันได้
คือเหมือนเค้าไม่เข้าใจสิ่งที่เรากับประกันเข้าใจน่ะ
คือไอ้ที่ให้หมอเขียนเนี่ย คือคร่าว ๆ ว่าเราเป็นอะไร แล้วทำการผ่าแบบไหนยังไง เพื่อให้ประกันเช็คสิทธิว่ามันคุ้มครองหรือไม่น่ะ

พยาบาลก็บอกว่าทางประกันเราเค้าให้ fax claim ถึงแค่ 5 โมงเย็น
แต่นั่นคือเวลาที่เราผ่าตัด กว่าจะเสร็จ กว่าหมอจะเขียนมันหลัง 5 โมงเย็น
ก็ต้อง fax claim พรุ่งนี้เช้า
คนไข้ออกไปก่อนได้มั้ย
เอาล่ะสิ
เงินตั้งหลายหมื่น ใครจะไปมี ถึงมีบัตรเครดิต เราก็ไม่คิดอยากจะได้ point หรอกนะ
กว่าจะเคลมได้ไม่ใช่วัน 2 วัน อีกเป็นเดือนหรือเกินเดือน

เราก็พยายามถามคุณพยาบาลว่ามีทางอื่นอีกมั้ย
เพราะเราก็คอนเฟิร์มกับทางเจ้าหน้าที่ รพ ที่เค้าโทรมาคอนเฟิร์มเรื่องการแฟกซ์และเรื่องผ่าเรียบร้อยแล้ว
คุณพยาบาลที่เด็กที่สุดที่เค้าเป็นคนคุยกับเราคนแรกเนี่ยก็พยายามจะปิดเคสโดยที่ให้เราออกไปก่อน
แต่เราก็พยายามจะหาทางอื่น โดยที่ให้ช่วยโทรหาประกันแล้วคุยกันอีกทีได้มั้ยคะ

ซึ่งบทสนทนากับคุณพยาบาลเนี่ย เราแทบจะกราบเค้าเลย
เพราะเราอยู่ในฝั่งที่ไม่มีทางเลือกเลย
เค้าก็ทำให้แบบขอไปที เพราะเค้าก็รู้ว่าประกันคุยยาก
แต่เค้าโทรแล้วยื่นให้เราเป็นผู้คุยเอง
ซึ่งเรากับประกันเข้าใจตรงกันนะไอ้ตัวเอกสารที่ทาง รพ จะต้องกรอกมาให้ประกันล่วงหน้า
ให้ประกันเค้าอนุมัติก่อนมันคือสิ่งที่ต้องให้คุณหมอเขียนว่าเราเป็นอะไร แล้วต้องผ่าตรงไหน วิธีใด
แต่ทาง รพ กลับส่งเอกสารไปคอนเฟิร์มแค่ว่าเคสของเรา เบิกเป็น fax claim ได้มั้ย



ทางประกันเลยอยากให้ส่งแฟกซ์รายละเอียดตัวนั้นก่อนผ่ามาให้ประกันตอนนี้เลยก่อน 5 โมงเย็น
ซึ่งโชคดีมากที่คุณหมอที่ผ่าเราเค้าออกตรวจพิเศษก่อนผ่าพอดี
เค้าเลยจะเอาลงไปให้คุณหมอเขียนแล้วส่งรายละเอียดไปให้ประกัน
แล้วเรื่องหลังจากนั้น เราก็ไม่รู้แล้ว เพราะเค้าให้เราไปรออีกชั้นสำหรับคนเตรียมตัวผ่าตัด
ก่อนไป เรายกมือไหว้คุณพยาบาลทุกคนตรงนั้นเลย ที่ช่วยเรา

แม้ว่าเค้าจะไม่อยากยุ่งยากกับการไม่อยากออกเงินไปก่อนของเรา
เราก็บอกว่า ขอบคุณนะคะ ขอฝากเรื่องด้วยนะคะ ซึ่งน้องพยาบาลที่เด็กสุดเค้ากำลังออกเวรพอดี
เราก็เลยบอกคุณพี่พยาบาลอีกคน ซึ่งเค้าแบบว่าเมินสายตาเราไปเลย ไม่รับไหว้เราเลย
คงเห็นว่าเราเรื่องเยอะ ทำให้เค้าวุ่นวายล่ะมั้ง (ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดเราเลยนะ)
เราก็บอกว่าขอฝากเรื่องต่อด้วยนะคะ
พี่พยาบาลคนนั้นก็บอกว่า น้องพยาบาลคนนั้นสิต้องทำเรื่องต่อ ไม่ใช่พี่

เอิ่ม เฟลตั้งแต่ก่อนผ่าเลยเรา ประทับใจมากกก ตั้งแต่การติดต่อการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตของอิชั้น
ซึ่งอิชั้นคิดว่าอิชั้นติดต่อมาปูทางตามขั้นตอนมาเรียบร้อย อุ่นใจแล้วนะเนี่ย
ผ่าครั้งแรก ขอให้มันราบรื่นหน่อยไม่ได้หรือนี่ ติดขัดมาตั้งแต่ติดต่อเลย





จากนั้นเราก็มารอชั้นเฉพาะคนไข้รอผ่าตัด
มีเก้าอี้ปรับนอนได้อย่างดี มีบริการนวดเท้าก่อนผ่าตัด 1 ชั่วโมงด้วย
คนไข้จะได้ไม่เครียด เก๋เป็นที่สุด
แต่ ณ จุดนั้น อารมณ์ยังค้าง เบิกได้หรือต้องจ่ายเองหมด หรือ บางส่วนก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ ๆ ไม่อยากจ่ายซักกะบาท
นอนก็ไม่ได้นอน รพ ผ่าตัดก็ไม่ได้เพื่อความสวยงาม มันควรจะเบิกได้หมดอ่ะเนอะ

ใจก็กังวลเรื่องรายจ่าย แถมก็ต้องมากังวลเรื่องการผ่าตัดซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตอีก
นวดได้ไม่นาน ได้รับโทรศัพท์จากชั้นเอกสาร มาถามว่า ประกันถามว่าเป็นมานานหรือยัง เป็นก่อนหรือหลังทำประกัน แล้วไปรักษาที่ รพ ไหนมาก่อนมาผ่าตัดที่นี่ ฯลฯ
ตายละวา กรูจะเบิกได้มั้ยเนี่ย
นั่งนวดไปแบบไม่มีความสุขเลย ทั้งกังวล ตื่นเต้น กลัวเจ็บ กลัวผ่าแล้วไม่หาย

เพราะเท่าที่อ่านดูหลายเคสทั้งในและต่างประเทศ
เคสที่ผ่าแล้วไม่หาย ยังตันอยู่มีครึ่งต่อครึ่งเลย
แล้วพี่ที่รู้จัก เค้าบอกว่าแม่เค้าก็ผ่าทั้ง 2 ข้างเลย สุดท้ายก็ไม่หาย เจ็บตัวและเสียตังฟรี

แต่ยังไงเราก็ต้องผ่าแล้วไง
เพราะทนไม่ไหวแล้ว น้ำตากับหนองไหลตลอดเวลามาร่วม 3 เดือนแล้ว
เอาทิชชู่เช็ดจนเจ็บตาไปหมด วันนึงใช้ทิชชู่หมดกล่องเลยนะ คือแผ่นนึงเช็คครั้งเดียวทิ้ง
ใต้ตาที่เป็นริ้ว 3-4 เส้นชัดเจนเลย เพราะเช็ดทุก 5 นาที
แอบเซ็งตรงนี้ เสียเงินซื้อครีมทาใต้ตามากระปุกละเป็นพัน ทาป้องกันมาเป็น 10 ปีตั้งแต่ยังไม่มีริ้วรอย
เจอโรคนี้ไป เช็ดตาทุก 5 นาที ครีมไหนก็เอาไม่อยู่ มาพร้อมกัน เลย 3-4 เส้นชัดเจน
เทียบกับอีกข้างที่เห็นเส้นบาง ๆ เส้นเดียว





เอาล่ะ ข้ามช็อตมาตอนผ่าเลย
ก็ไปเปลี่ยนชุด เก็บข้าวของทุกอย่าง รวมถึงแว่นตา ตาบอดเลยทีนี้ สั้นตั้ง 500
ก่อนผ่า คุณพยาบาลผู้ดูแลชั้นผู้ป่วยนั้นก็ให้อมยาคลายเครียดก่อนผ่าตัดไว้ใต้ลิ้น
เออ ดี ๆ ยิ่งกลัว ๆ วิตกกังวลอยู่ คุยกับใครก็ไม่ได้ เพราะเค้าให้ญาติรออีกชั้นนึง
ชั้นนี้สำหรับผู้ป่วยรอผ่าตัดเท่านั้น

แล้วพอเข้าไปห้องผ่าตัด
อืม... เพิ่งเคยเห็น
มันเต็มไปด้วยสแตนเลสเนอะ มองด้วยความมัวก็เห็นแต่สีเงิน ๆ สแตนเลสน่ะ
ห้องผ่าตัดมันไม่ได้ดูสวยหรูเลยเนอะ
มันคงทำความสะอาดง่ายรึเปล่า


แล้วคุณพยาบาลให้ห้องผ่าตัดก็ให้หมวกมาครอบเก็บผมแล้วก็เอาพลาสเตอร์มาปิดข้างหู 2 ข้าง
แล้วให้นอนบนเตียง
บนเตียงนั้น แอบเห็นหมอนคล้าย ๆ หมอนข้างเด็ก อันเล็ก ๆ ยาว ๆ
เอ๊ะ เอาไว้ทำไรหว่า ให้เรากอดคลายเครียดรึเปล่า
มารู้ตอนที่เค้าให้เรานอนบนเตียงนั้นแหละ
คือเค้าเอามารองใต้เข่า ทำให้หลังไม่แอ่น ซึ่งเป็นการนอนที่ถูกหลักกายวิภาค
จริง ๆ เวลานอนตอนกลางคืน เราทุกคนควรมีหมอนเล็ก ๆ แบบนี้รองใต้เข่านะ
เพราะให้หลังไม่แอ่น นอนแล้วจะได้ไม่ปวดหลัง


แล้วเค้าก็เข็นเราเข้าห้องผ่าตัด 1 ใน 3 ห้องย่อยนั้น
แล้วก็มีการทำความสะอาดตา ล้างตา เอาทิงเจอร์มาล้างหน้าฆ่าเชื้อ
แล้วก็ปิดตาข้างที่ปกติไว้ เหลือแต่ช่องตาที่มีปัญหาโผล่มาโดนแสง
แล้วคุณหมอก็เข้ามา
คือบอกก่อนว่า คุณหมอที่ผ่าเรา แกอายุเยอะมากแล้ว เป็นอากงพวกเราได้เลย
เราก็เชื่อว่า หมอ ยิ่งแก่ ยิ่งดี เพราะประสบการณ์เยอะ ผ่านมาทุกเคสแล้ว

แล้วความมั่นใจเราก็ลดลงทันทีเมื่อ
คุณพยาบาลในห้องผ่าตัดสอนคุณหมอถึงวิธีการใช้เครื่องมือ!!!!
แล้วเรามารู้ทีหลังว่าคุณหมอแกไม่ค่อยได้ผ่าแล้ว!!!

แต่เคสเรามันคือเคสง่าย ๆ ของคุณหมอทุกคนแหละเนอะ
ไปหามา 2 หมอ หมอก็พูดเหมือนกันเลยว่าผ่าแป๊บเดียวก็เสร็จ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง
ผ่าเสร็จก็กลับบ้านได้ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรทั้งก่อน และหลังผ่าตัด ไม่ต้องกลัว ชิล ๆ
ไอ้เราก็ชิลเนอะ บอกทุกคนไปแบบนี้

แล้วทุกคนก็ถามว่า แล้วผ่ายังไง ดมยา หรือยาชา แล้วผ่ายังไง เอาเครื่องมือเข้าไปทำอะไร ขนาดแผลประมาณไหน กระทบกับตาหรือไม่ แล้วแผลหลังผ่าตัดต้องรักษายังไง ฯลฯ
ซึ่งเราก็ไม่รู้เลย ไม่ได้ถาม หมอบอกว่าแป๊บเดียวก็คือแป๊บเดียว ชิล ๆ จบ
ตลกเนอะ ไอ้เรื่องที่ต้องเยอะ ดันไม่เยอะ ไอ้เรื่องที่ไม่ควรจะเยอะ เสือกเยอะ ฮา ๆ





อ่ะพอเข้าไป คุณหมอมา
คุณหมอก็เริ่มฉีดยาชา
โหย มันเป็นความเจ็บที่บรรยายไม่ถูกเลย แม่ง เจ็บมากอ่ะ
เอาเข็มมาแทงที่เนื้ออ่อนแถว ๆ ตาอ่ะ
ไปฉีดสิวบ่อยว่าเจ็บแล้วนะ ฉีดยาชาใกล้ตานี่เจ็บว่าร้อยเท่าอ่ะ
คุณหมอฉีดไป 2 เข็มก็เริ่มเอาเครื่องมือมาทำ
ปรากฎว่า
แม่งเจ็บบบบบบ..........
ก็ตะโกนว่าคุณหมอคะ เจ็บค่ะ
คุณหมอก็ตกใจว่ายังเจ็บอยู่เหรอ
คุณกลัวจนอุปทานไปเองรึเปล่า
นี่ฉีดให้ 2 เข็มแล้วนะ
เอิ่ม คุณหมอคะ ถ้ามันชาจริง หนูต้องไม่รู้สึกเลยสิคะ นี่หนูยังรู้สึกอยู่เลยค่ะ
คุณหมอเลยฉีดให้อีกเข็มนึง



หลังจากนั้นก็แค่รู้สึกตึง ๆ ตอนคุณหมอเริ่มเอาเข็มมาร้อยตรงหนังตาล่างของเรา กึ๋ย ๆ
ในใจตอนนั้น กลัวมาก กังวลมาก กลัวยามันชาไม่ครอบคลุม กลัวทำ ๆ ไปแล้วเจ็บเป็นบางที่ ซวยเลยนะ
แล้วเรื่องประกันอีก สรุปว่าไงฟระ ไม่เห็นส่งข่าวเลย


จริง ๆ เราคิดมาแล้วนะว่าขณะผ่าตัดเนี่ยเราจะทำอะไร
คือเราจะสวดมนต์และเอาสติมาจดจ่อที่ลมหายใจเข้า ออก ของเรา
ประมาณว่าผ่าตัดแล้วได้กุศลด้วยเฟ้ย
แต่พอถึงเวลา เจอเรื่องประกันกับความกลัวเจ็บเข้าไป
สติกระเจิงเลย สวดมนต์เนี่ย อยู่ในความคิดอยู่นะ แต่สวดไม่ได้จริง ๆ มันไม่มีสติขนาดนั้น
ทำให้แค่อานาปานสติ แต่ก็ทำได้ไม่ต่อเนื่อง





ทำ ๆ อยู่ก็หลุดคิดเรื่องกลัวเจ็บ กลัวผ่าตัดแล้วยังเป็นอยู่
กลัวไปสารพัด สติแตกมาก ทั้ง ๆ ที่ได้ฝึกมาแล้วบ้างนะ
ได้แต่ภาวนาให้มันชาจนเสร็จก่อนนะ
กำลังคิดว่าไอ้ยาคลายเครียดที่มันละลายหายไปกับใต้ลิ้นเราเนี่ย มันคลายความเครียดของเราแล้วเหรอวะเนี่ย ตรูยังวิตกจริต กลัวไปสารพัดอยู่เลย
รู้งี้ขอยาสลบไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องคิดไปสารพัดแบบนี้

แล้วเด็ดกว่านั้นคือ
ไอ้สิ่งที่เรากลัวมันกลายเป็นเรื่องจริง!!


ขณะผ่า ๆ อยู่นั้น
ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ
เราเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมา
เราร้อง แอ๊ะ ขึ้นมาเลยนะ สติแตกมาก นั่นไง ตูว่าแล้ว (แอบคิดในใจนะ)
นี่ความคิดตูดึงดูดความเจ็บมาหรือยังไงนี่
เราไม่ได้กลัวจนเจ็บขึ้นมาเองนะ แต่มันเจ็บจริง ๆ

ได้แต่ร้อง 2-3 แอ๊ะ ไม่กล้าขยับตัวเลย เพราะเครื่องมือสารพัดอยู่อยู่ติดกับตาเรา
ถ้าเราขยับหน้าแม้จะองศาเดียว อะไรมันอาจจะทะลุเข้าไปในตาเราก็เป็นได้
คุณหมอบอกว่าใกล้แล้ว ๆ เสร็จไป 90% แล้ว
คุณหมอเลยฉีดให้อีกเข็มนึง
แต่เข็มสุดท้ายนี่ตอนฉีดลงไปก็ไม่เจ็บนะ แค่รู้สึกตึง ๆ ว่ามีเข็มเจาะเข้าไปที่หน้าเท่านั้นเอง
หรือตูจะคิดไปเองว่ามันเจ็บจริง ๆ ฟระ
ไม่รู้ล่ะ ขออีกเข็มเพื่อความสบายใจก็โอเคละ

อ้อ
แล้วระหว่างผ่าตัด คุณหมอก็คุยกับคุณพยาบาลว่า
โอ้ว
ก้อนใหญ่มาก เดี๋ยวเก็บให้คนไข้ดูเป็นที่ระลึกดีกว่า
ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรดี ถ้าอยู่ที่ไต มันก็คือนิ่วนั่นเอง
แต่มันอยู่ในท่อน้ำตาเรา คงเรียกว่านิ่วได้เหมือนกันเนอะ
มันเหมือนเป็นขี้ตาจับตัวกันเป็นก้อนแล้วอุดตาท่อน้ำตาของเราน่ะ
คุณหมอเอาออกมาทั้งหมด 4 ก้อน!!!
จริง ๆ อาจจะเรียกว่า 5 ก้อนก็ได้ เพราะก้อนนึงมันใหญ่มาก เหมือน 2 ก้อนติดกัน
ไอ้ตัวร้ายเหล่านี้เองทำให้ท่อน้ำตาตูตัน
ตูจะเก็บมันไว้ชั่วลูก ชั่วหลานเลย เอ๊ะ จะมีลูกกะเค้ามั้ยเนี่ย ดูท่าทีแล้ว แค่หาสามียังยากเลย
เอาเป็นว่า ตูจะเก็บมันไว้ชั่วชีวิตตูแล้วกัน
เหมือนขี้มูกเลยเนอะ






หลังจากนั้นคุณหมอก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัดทุกคน
รวมถึงคนไข้ ที่นอนนิ่งสนิท ไม่สติแตก (หารู้ไม่ว่าความคิดแตกกระเจิงแต่ไม่กล้ากระดุกกระดิกต่างหารค่ะคุณหมอ)
แล้วคุณพยบาลก็เอาที่ปิดตามาปิดไว้ แล้วก็แกะหมวกคลุมผมออก
ให้เราเดินจากห้องผ่าตัดเพียงลำพัง (ไม่กี่ก้าวหรอก)
พอประตูอัตโนมัติของห้องผ่าตัดเลือนออกมา แล้วได้เห็นแม่เรายืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัด

วินาทีนั้น
รู้เลยว่า
การมีญาติอยู่ กำลังใจมันอัพขึ้นได้มากจริง ๆ
เพราะระหว่างผ่าตัด เรากลัวและกังวลมากมายล้านแปด
แต่เราพูดกับใครไม่ได้ บอกกับใครไม่ได้ ระบายให้ใครฟังก็ไม่ได้ ได้แต่เก็บกด อัดมันไว้ข้างใน
การผ่าเสร็จแล้วเห็นหน้าแม่เลย มันอุ่นใจอย่าบอกใคร
ไม่ต้องเก็บมันไว้อีก 1-2 ชั่วโมงกว่าแท็กซี่จะมาส่งถึงบ้าน





ก็เปลี่ยนจัดการเปลี่ยนชุดกลับแล้วรอค่าใช้จ่าย
ก็มีคุณพี่พยาบาลที่เมินเรานั่นแหละ เอายากับใบเสร็จมาให้เซ็น
พี่เค้าไม่ได้พูดเรื่องที่เราต้องจ่ายส่วนเกิน แต่มีคุณพยาบาลอีกท่านมาพูดแล้วบอกว่า
ถ้ามีส่วนเกินที่ประกันไม่คุ้มครอง ก็จะโทรมาแล้วให้โอนเงินมาที่ รพ อีกทีนะคะ
ก็ตอบรับไปว่าค่ะก่อนที่จะลงมาผ่าตัด
ณ จุดนี้ ถ้าผ่าตัดแล้วหาย เกินเท่าไหร่ก็จ่ายค่ะ
แต่ถ้าผ่าแล้วไม่หาย บาทนึงก็ไม่อยากจะจ่ายง่ะค่ะ ><

คุณพี่พยาบาลที่เมินเราท่านนี้ก็อธิบายวิธีการใช้ยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
ผิดกับเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วอย่างสิ้นเชิงที่เห็นเราเป็นตัวปัญหา หน้าเราเค้ายังไม่มองเลย ไม่รับไหว้เราด้วยซ้ำไป
แต่ก็นะ เราคงเป็นตัวปัญหาไปเพิ่มงานให้เค้า ก็ใจเขาใจเรา เค้าก็คงไม่อยากดีลกับประกัน มันยุ่งยากน่ะ ก็เข้าใจ

เราก็อยากมาผ่าตัดด้วยความเรียบร้อย ถึงได้โทรหาทั้ง รพ ให้ทำเรื่องให้ประกันจะได้ไม่มีปัญหา
แต่มันก็ดันมีปัญหาจนได้ จะให้เราทำยังไงล่ะน้า
ทำได้แต่ตั้งใจฟังวิธีการใช้ยาจากคุณพี่เค้าอย่างตั้งใจ และเซ็นในใบเสร็จที่เค้าจะเอาไปให้ประกัน
ซึ่งเราก็เพิ่งรู้ว่า รพ นี้ เค้าจะไม่ให้ copy ใบเสร็จกับคนไข้เลย
ว่าจะขอ copy ซักหน่อย แต่เดี๋ยวเค้าหาว่าเราเยอะอีก เลยไม่ได้ขอ แม่ก็ถามหาใบเสร็จจะมาดูรายละเอียดค่าผ่าตัด และค่าต่าง ๆ ซะหน่อย แต่ดันไม่มีอีก





เอาน่ะ
ถ้าประกันเค้าจ่ายหมด จะค่าอะไรเท่าไหร่ก็ไม่ต้องรู้มันหรอก
แต่บอกได้คร่าว ๆ ว่า 2 หมื่นกว่าบาท หนักไปทางค่าผ่าตัด กับการหมอมั้ง อันนึงหมื่นกว่า อีกอันนึง 5 พันกว่า
ส่วนยา ก็ได้ยาหยอดตามา 1 ขวด แล้วก็ cotton bud ปลอดเชื้อมาอีกหลายแพ็ค
แล้วก็ได้วิตามินซีมากิน คุณหมอท่านนี้บอกว่าไม่ต้องไปกินยาฆ่าเชื้อ (บางคนเรียกว่ายาแก้อักเสบ) มากนักหรอก
กินวิตามินซีให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานดีกว่า

ซึ่งความคิดเหมือนฝรั่งที่ออฟฟิศเราเลย
คือหมอฝรั่งเนี่ย เค้าไม่จ่ายพวกยาฆ่าเชื้อพร่ำเพรื่อเหมือนเมืองไทยนะ
ที่เอะอะเจ็บคอก็ได้ยาฆ่าเชื้อมาหลายแผง กินติดต่อกัน 5 วัน 7 วันจนหมด
เพราะเชื้อดีในร่างกายก็ถูกทำลายลงเช่นกัน

พวกลูกฝรั่งไปหาหมอไทยได้ยาฆ่าเชื้อมา เค้าไม่ให้ลูกเค้ากินนะ
เค้ายังบอกเลยว่า บ้านเค้า หมอจ่ายยาฆ่าเชื้อยากมาก นอกจากว่าเคสหนักจริง ๆ เพราะมันไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสียหายหมดเลย
คุณหายจริง แต่เชื้อดีคุณก็หายไปด้วย

ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่า หลังผ่าตัด กินแต่วิตามินซี ไม่ได้ยาฆ่าเขื้อมาเนี่ย มันก็ดีขึ้นมั้ย
แต่ก็เชื่อหมอนะ หมอเค้าเป็นหมอมาก่อนเราจะเกิดซะอีก คงเห็นคุณและโทษของยาฆ่าเชื้อมานักต่อนักแล้วเลยหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายให้
แล้วเคสเราคงเด็ก ๆ ไม่ต้องกินก็ดีว่างั้น





ตอนนี้เลยพยายามไม่เอาเชื้อเค้าร่างกาย
ไม่กินอะไรที่ทำให้ตัวเองเจ็บคอ หรือบ้านเราเรียกว่าร้อนใน
ซึ่งอาหารที่ทำให้เราร้อนในง่ายมากคือพวกของทอด ของอบ อะไรก็ตามเป็นมันกรอบ เราไม่กิน
แล้วก็กินอะไรเย็น ๆ ให้ร่างกาย บ้านเราคือน้ำสกัดย่านางที่ผสมกินกับน้ำเปล่า กินน้ำเปล่าเยอะ ๆ
เพราะน้ำก็มีฤทธิ์เย็น

หลังผ่าตัดมาแล้ว คุณหมอนัดเปิดตาอีกวันนึง
คุณหมอบอกว่าโชคดีที่มันไม่บวม แล้วคุณหมอก็ล้างแผลให้
จะบอกว่าคุณหมอหยอดยาชาลงไปแล้วล้างท่อ
แค่เอาเข็มมาแทงตรงแผล ยังไม่ทันดันน้ำตาเทียมลงก็เจ็บแล้ว
เพราะแผลมันยังสดอยู่ หยอดยาชาลงไปมันก็เลยยังไม่เข้า

ลองหยอดตา ยาก็ยังไม่ลงท่อน้ำตานะ
โทรไปถามคุณหมอ ๆ ท่านบอกว่าต้องรอประมาณ 2 อาทิตย์
ให้แผลมันหายอักเสบก่อนแล้วมาดูกันว่ามันลงรึเปล่า
ค่อยอุ่นใจหน่อย ตอนแรกนึกว่าผ่ามาแล้วมันจะหายเลย
แต่ดีหน่อยตรงที่ไม่มีหนองออกมาตลอดเวลาแล้ว เพราะไอ้นิ่วนั่นถูกเอาออกมาแล้ว

ผ่านมา 1 อาทิตย์ ดีใจมาก หยอดยาแล้วมันลงท่อน้ำตาแล้ว
แต่กว่ายามันจะเดินทางมาขมที่คอวันแรกที่ลงก็ 45 นาที
ตอนนี้ก็ประมาณ 5 นาทีกว่าจะขมที่คอ
แต่สำหรับคนปกติ เวลาต้องหยอดตา หยอดปุ๊บ 10 วินาทีก็จะรู้สึกขมที่คอแล้ว
ก็หวังว่าเราจะเป็นอย่างนั้นในเร็ววัน
ตอนนี้แผลภายนอก มองไม่เห็น
แต่ถ้าแบะตาล่างออกมาดูตรงท่อน้ำตาก็จะเห็นแผลที่โดนตัดเนื้อเพื่อขยายท่อน้ำตายังอยู่





วันแรกที่เปิดตา
ใต้ตาม่วงช้ำเหมือนคนไปเสริมจมูกเลย แต่เป็นข้างเดียว
แหม่ ถ้าเป็น 2 ข้าง ทุกคนคงนึกว่าไปเสริมดั้งมาแหง
ถ้าอำว่าเสริม ทุกคนคงเชื่อ แต่ทุกคนคงจะงงว่า เสริมอะไรของเมิงวะยังแบนเหมือนเดิม
เออ
จะบอกว่า
หลังจากผ่านประสบการณ์การผ่าตัดครั้งแรกนี้มา
ตั้งปณิธานตัวเองไว้เลยว่าจะไม่ขอผ่าเพื่อความงามเด็ดขาด
เพราะนี่ขนาดผ่าเพื่อรักษาโรคยังกลัวและเจ็บ แถมความอดทนต่ำขนาดนี้
แล้วถ้าผ่าเพื่อความงามมันจะขนาดไหน ใจไม่สู้นะ กลัวเจ็บ
ใครบอกว่าอยากสวยต้องอดทน เราไม่เอาด้วยหรอก
ถ้าสวยเกิน เดี๋ยวเลือกไม่ถูก
เลยยอมอยู่แบบไม่มีให้เลือกแบบนี้แหละ ดีแล้ว ฮา ๆ

อัพเดทค่ะ หลังจากผ่าตัดไป ต่อมน้ำตาก็ไม่อุดตันอีกค่ะ หายขาดค่า



Create Date : 01 กันยายน 2556
Last Update : 29 ตุลาคม 2565 20:09:09 น. 16 comments
Counter : 22189 Pageviews.

 
อ่านแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก ยังนึกอยุเลยว่าฉีดยาชาตรงใกล้ตาจะเจ็บขนาดไหน หายไวๆนะคะ


โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 3 กันยายน 2556 เวลา:20:03:44 น.  

 
Get well soon nahhh ^^ my cute friend


โดย: JoupJoup (Tinotony ) วันที่: 4 กันยายน 2556 เวลา:3:40:54 น.  

 
หายไวไวนะคะ^^

สู้ๆ


โดย: nobuta wo produce วันที่: 4 กันยายน 2556 เวลา:22:16:02 น.  

 
โรงบาลอะไรคะ แล้วสรุปมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายมั้ยคะ
คือพอดีกำลังจะไปผ่าเหมือนกัน เพิ่งไปตรวจมา หมอแนะนำให้ผ่าตัด
ค่าใช้จ่ายสูงมาก กำลังกลัวเรื่องค่าใช้จ่ายมากๆๆๆ


โดย: PumPui IP: 203.146.190.67 วันที่: 16 ตุลาคม 2556 เวลา:14:44:18 น.  

 
กะลังจะไปผ่า...
เข้าใจค่ะที่คุย ๆ มาทั้งหมด
ขอบคุณค่ะที่ให้ข้อมูล


โดย: คุณน้ำ IP: 118.172.244.52 วันที่: 3 พฤษภาคม 2557 เวลา:18:51:09 น.  

 
ขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ ป้าก็มีอาการแบบนี้ยังไม่รู้จะทำอย่างไร อ่านแล้วพอเห็นทาง(ที่ต้องเจ็บ)ที่อาจต้องเข้ารับการรักษา


โดย: ป้าเล็ก IP: 125.24.247.248 วันที่: 18 มิถุนายน 2557 เวลา:12:45:12 น.  

 
search หาข้อมูล เพราะกำลังจะไปผ่าและเป็นเหมือนกันเลยค่ะ เลยได้มาเจอ blog นี้ ขอบคุณมากๆนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์ ตอนนี้หายสนิทดีแล้วใช่มั๊ยค้าา :)


โดย: ซีค่ะ IP: 122.154.22.118 วันที่: 15 ตุลาคม 2557 เวลา:10:48:39 น.  

 
ตอนนี้ก็เป็นเหมือนกันค่ะ ไปหาหมอบอกว่าเป็นท่อน้ำตาอุดตัน มีขี้ตาลอดเลย เช็ดจนเจ็บตาหมดแล้ว เป็นมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ต้องผ่าตัดใช่ไหมค่ะ


โดย: จารุณี IP: 118.173.197.111 วันที่: 23 ธันวาคม 2557 เวลา:14:14:59 น.  

 
ดิฉันกำลังเป็นอยู่ค่ะ อยากทราบว่าผ่าแล้วหายขาดรึเปล่าค่ะ


โดย: คะน้าหมูกรอบ IP: 49.230.111.192 วันที่: 10 พฤษภาคม 2558 เวลา:11:40:38 น.  

 
ทุกคนคะ
ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้
เรากลับมาปกติค่ะ เหมือนผ่าออกแล้วจนถึงวันนี้ก็หายขาดค่ะ


โดย: หนูลีลี วันที่: 10 พฤษภาคม 2558 เวลา:18:17:25 น.  

 
ดิฉันเพิ่งไปผ่าตัดท่อน้ำตาอุดตันแบบส่องกล้องมาได้ 1อาทิตย์ยังไม่หายดีค่ะ ไม่รู้จะหายขาดหรือเปล่า คุณหมอนัด สองอาทิตย์ไปล้างท่อน้ำตาดูว่าไหลเข้าหรือเปล่า แต่ตอนนี้หยอดตารู้สึกขมที่คอแล้วจากที่ไม่มีความรู้สึกมาปีกว่า ดิฉันผ่าที่โรงพยาบาลรามาธิบดีคุณหมอที่นี่เก่งและพยาบาลน่ารักทุกคน ดิฉันให้ใบส่งตัวจากต่างจังหวัดใช้สิทธิประกันสังคมน่ะค่ะ ขอบคุณหนูลีลีน่ะค่ะ ที่ได้อ่านกระทู้คุณเลยได้ตัดสินใจผ่าตัดครั้งนี้ ทำให้เหมือนเกิดใหม่เลยเพราะโรคนี้เป็นโรคน่ารำคาญสำหรับคนทำงานอย่างเรา


โดย: จารุณี IP: 118.173.193.56 วันที่: 18 กันยายน 2558 เวลา:13:29:51 น.  

 
เป็นเหมือนกันคะ เพิ่งไปผ่าตัดแบบส่องกล้องมาเอง ไม่เจ็บอะไรเลย หมอนัดอีก 3 อาทิตย์คะ หมอบอกว่า ช่วงแรกๆน้ำตายังไหลอยู่แล้วมันก็ไหลจริง เอ่อ แล้วทำไปทำไมเนี่ย แต่ยังไงก็ ขอให้หาย ขอให้หาย เพี้ยง


โดย: Sampus IP: 192.99.14.36 วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:7:25:21 น.  

 
เป็นไงบ้างคะหลังจากผ่าตัดอยากรู้เพราะลูกชายอายุ12ปีเป็นอยู่คะอยากจะพาไปผ่าอยู่เหมือนกันสงสารลูกมากมีหนองออกมาตลอดเวลาเลยคะช่วยบอกหน่อยได้ใหมคะเบอร์081-1949778คะ


โดย: สายพิณ โกมลสิงห์ IP: 49.228.122.16 วันที่: 7 สิงหาคม 2559 เวลา:21:45:35 น.  

 
ท่อน้ำตาที่ระบายน้ำตาขาด ทั้งข้างบนและล่างคะ เกิดจากอุบัติเหตุคะ ก็ไปทำการรักษาต่อท่อระบายน้ำตาลเทียมมาคะ..แต่มีปัญหาที่ท่อไปขูดเนื้อตาเป็นคล้ายเนื้อเยื่องอกขึ้นมา ไปหาหมอๆให้ยายอดตาที่สารสเตรอยมาคะ..หยอดประมาณวันที่2 ช่วงเที่ยงมีเลือดไหลออกมา..ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่สันนิษฐานว่าเป็นเพราะยาที่หยอดรึป่าวจึงลดการหยอดลง จากเดิมเคยหยอดทุก 4 ชั่วโมงต่อวันก็ลดลง หยอดเพียงวันละ2ครั้ง คือเช้าและเย็น เลือดก็ไม่ไหลเหมือนตอนแรกแล้ว แต่เหมือนยาจะสลายเนื้อที่เคยงอกนั้น แหว่งไปบ้างแล้ว แต่ปัญหามีตามมาอีก โดยที่ไปหาหมอที่นัดดูอาการ คุณหมอบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีที่เนื้อเยื่อนั้นแหว่งไป..คุณหมอพูดเหมือนว่ากลัวท่อน้ำตาเทียมที่เสริมมานี้จะไปขูดตาขาวแทน ก็จะอันตรายมาก..กลุ้มใจและกังวลมากเลยคะ ใครมีข้อมูลหรือประสบการณ์ดีๆช่วยแนะนำหน่อยคะ เหมือนสร้างกุศลให้ตนเองช่วยเพื่อนร่วมโลกคนนี้สักคนนะคะ ขอบคุณมากๆเลยคะ🙏🏻🙏🏻😔


โดย: แอ๊ปเปิ้ล IP: 223.24.27.150 วันที่: 11 ธันวาคม 2559 เวลา:17:42:47 น.  

 
ค่าใช้จ่ายประมาณกี่บาทคะ


โดย: ภัคกี้ IP: 183.88.49.95 วันที่: 27 ธันวาคม 2562 เวลา:17:39:50 น.  

 
ขอบคุณมากที่ให้ข้อมูลค่ะ ดิฉันเป็นท่อนํ้าตาตันมาหลายปี ตอนแรกก็ไม่รู้คิดว่าเป็นภูมิแพ้
ไปหาหมอมาสามหมอกินยาก็ไม่หาย มันทรมานมาก มีขี้ตาทุกเช้า และเสียบุคลิกภาพมากหัวเราะก็นํ้าตาไหล และตาบวม
ความสวยหายหมด ดิฉันจะไปหาหมอแย่งท่อน้ำตาก่อนถ้าไม่หายก็คงจะผ่าตัดเหมือนคุณแอดมิสค่ะ.


โดย: กาญจนา เสริมปัญญา IP: 223.204.247.245 วันที่: 2 ตุลาคม 2565 เวลา:21:17:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.