Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
2 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

ท็อปฮิตสาเหตุ...งานไม่เดิน !!!

ท็อปฮิตสาเหตุ...งานไม่เดิน !!!

ท่านเป็นผู้หนึ่งหรือไม่ครับที่มักจะรู้สึกอยู่เสมอว่า วันหนึ่งๆ มีเวลาน้อยเหลือเกิน
อยากให้มีสัก 48 ชั่วโมงจะได้ทำงานเสร็จได้ทันเวลา เจ้านายไม่ด่า ลูกค้าไม่ตำหนิ ซัพพลายเออร์ไม่ตามเร่งรัด
เพื่อนร่วมงานไม่ร้องเรียนเกี่ยวกับงานที่ไม่เดิน ฯลฯ

วันนี้จึงรวบรวมและวิเคราะห์ เกี่ยวกับสาเหตุของคนทำงานในออฟฟิศแต่ละคนว่า
ทำไมจึงทำงานกันไม่เคยทัน เพื่อจะได้หาแนวทางไปรับมือกับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นครับ

ประการแรกที่ถือเป็นท็อปของสาเหตุก็คือ การถูกรบกวนการทำงานโดยการสื่อสารที่มากเกินไป
และที่สำคัญคือ ข้อมูลและการสื่อสารเหล่านั้น มักจะถาโถมเข้ามาโดยไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้ากันมาก่อน
จึงไม่ได้เผื่อเวลาใดๆ ไว้ทั้งสิ้นครับ

ยิ่งในโลกการสื่อสารไร้สายมาแรงขนาด นี้ ท่านนั่งอยู่เฉยๆ และติดป้ายห้ามรบกวนก็แล้ว
แต่ก็ยังตามกันมาถึงตัวท่านเลย ไม่ว่าจะเป็น SMS ข้อความต่างๆ อีเมล์ โทรศัพท์จากคนที่เกี่ยวข้อง
หรือแม้แต่การขอเข้ามาพบแบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งแต่ละครั้งที่ท่านได้ข้อมูลข่าวสารเหล่านี้
อย่างน้อยๆ ท่านก็ต้องเสียเวลาในการอ่าน ในการฟังข่าวสารต่างๆ ที่ได้รับ

หากมากันวันละ 4-5 ประเภท ประเภทละ 2-3 ครั้งก็หมดไปค่อนวันแล้วครับ
ซึ่งยังไม่นับรวมเวลาที่ท่านต้องโต้ตอบ รับมือกับประเด็นต่างๆ จากการสื่อสารแต่ละครั้งนั้น
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเกือบทั้งหมด เรียกว่านอกจากเสียเวลาแล้วยังปวดสมองอีกต่างหาก
งานประจำที่กองพะเนินบนโต๊ะจึงเคลียร์ไม่ค่อยจะออกครับ

หลายๆ ท่านบอกว่าพยายามจะหลีกเลี่ยงแล้วก็ตาม แต่บ่อยครั้งก็ไม่สามารถครับ
เนื่องจากอาจจะเป็นเรื่องด่วนจากเจ้านาย ลูกน้องตกระกำลำบาก เพื่อนร่วมงานมีประเด็นด่วนจะหารือ
ลูกค้าฉุนเฉียวมาจะร้องเรียน ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการขัดจังหวะ ในการทำงานของทุกท่านระหว่างวันทั้งสิ้น

โดยเฉพาะอีเมล์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกือบทุกคนตอบว่า ใช้เวลาในแต่ละวันจัดการกับเจ้าเมล์สารพัดมากมายเหล่านี้
ซึ่งจากที่คิดว่าจะเป็นเครื่องมือการสื่อสารชั้นดี กลับเป็นตัวสกัดกั้นการทำงานขององค์กรไปเสีย
ซึ่งแนะนำว่าควรจัดเวลาระหว่างวันเป็นช่วงๆ ในการเช็กเมล์ต่างๆ มิใช่ว่านั่งทำงานไป รอเมล์ไปทันที
และเมล์ก็จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาจนไม่ได้ทำงานประจำกัน อาจจะ 3 ครั้งต่อวัน
และเมล์ที่สแกนดูแล้วไม่ใช่เรื่องด่วน ก็เก็บไว้สิ้นวันเคลียร์กันครั้งหนึ่งครับ

ประการถัดมา ซึ่งได้รับฟีดแบ็กว่าเป็นสิ่งสกัดกั้นการทำงานอย่างมากคือ การเล่นเว็บ
ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็จะเชื่อมโยงกับเว็บตลอดเวลาที่ทำงานครับ
ทำให้ใช้เวลามากมายกับการเข้าไปในเว็บต่างๆ ที่ซ้ำร้ายก็คือส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานเลย
ไม่ว่าจะเป็นการโหลดข้อมูล รูปภาพ แชตกับเพื่อน อ่านข้อมูลในเว็บบอร์ด อ่านหนังสือนิตยสารออนไลน์
เว็บจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจในการทำงานไปด้วยประการฉะนี้


อีกสาเหตุหนึ่งที่ดูไม่ซีเรียส แต่จริงๆ สำคัญทีเดียวนั่นคือ
เพื่อนร่วมงานที่ชอบส่งเสียงดังหนวกหู รบกวนสมาธิในการทำงาน
ท่านอาจจะลองจินตนาการถึงเพื่อนร่วมงานของท่าน ที่พูดคุยโทรศัพท์เสียงดังอยู่เป็นนิตย์
ไม่ก็ตะโกนข้ามหัวสื่อสารกับคนที่เกี่ยวข้องอยู่ทุกบ่อย เปิดปิดตู้โต๊ะอุปกรณ์ต่างๆ ดังโครมครามทั้งวัน
ฟังเพลงตลอดเวลา หรือหนักกว่านั้นคือ ชอบฮัมเพลงร้องเพลงครางหงิงตลอดวันไม่หยุดไม่หย่อน
ท่านย่อมขาดสมาธิอย่างแรง และในที่สุดอาจจะประสาทเสียได้ นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่ท็อปฮิตทีเดียวครับ

เรื่องของเบรกพักกลางวัน พักตอนสาย บ่าย เย็น ดื่มกาแฟ ทานของว่าง ฯลฯ
ล้วนแล้วแต่ทำให้เสียเวลาการทำงานในแต่ละวัน ไปไม่น้อยกว่า 20-30% ซึ่งโดยทั่วไปแม้ว่าการพักเบรกช่วงต่างๆ
จะมีความจำเป็นที่จะทำให้เกิดความสดชื่น และกลับมาทำงานต่อได้อย่างแอ็กทีฟ
แต่ก็ต้องยอมรับว่าบ่อยครั้งมีการเบรกมากเกินความจำเป็น
และแต่ละครั้งมักจะติดลมบนพูดคุยชิตแชตกัน จนเวลาล่วงเลยไปกว่าจะตั้งหลักกลับมาทำงานก็แทบจะหมดเวลา
จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริหารหลายกิจการคำนึงถึง
และพยายามจะจัดให้เวลาเบรกดังกล่าวเป็นกิจจะลักษณะมากขึ้น

หรืออาจจะเป็นเรื่องของเจ้านายที่ ช่างพูด ช่างเล่า พูดไม่หยุดเบรกไม่อยู่
โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องงานอดิเรกที่ชอบทำ คุยเรื่องกอล์ฟทีหนึ่งโม้กันได้เป็นวันๆ
หรือคุยถึงเรื่องลูก เรื่องครอบครัวแล้วยาวเป็นชั่วโมง ลูกน้องก็ย่อมจะไม่กล้าขัด
เวลาจึงล่วงเลยไปเปล่าประโยชน์
กรณีนี้ต้องหลีกเลี่ยงประเด็นที่น่าสะพรึงกลัวดังกล่าว เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้านายท่านนั้นๆ
เพราะท่านจะทำงานไม่ทันและต้องกลับบ้านดึกโดยไม่ได้โอทีอีกต่างหาก

อีกประการหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องขำ แต่จากผลสำรวจมีเหตุการณ์เหล่านี้ เกิดในที่ทำงานเยอะมาก
และกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการสกัดกั้นการทำงานนั่นคือ เรื่องโรมานซ์หรือเฟลิร์ตในที่ทำงาน
ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะเพิ่มชีวิตชีวาให้องค์กรครับ
แต่แท้ที่จริงแล้วท่านที่มีประสบการณ์จะทราบว่าบั่นทอนกำลังกาย กำลังใจและเวลาในการทำงานขนาดไหน
เริ่มแต่หากดีๆ ต่อกันก็ใช้เวลาจีบกัน ส่งเมล์ SMS ถึงกัน แชตกันผ่านหน้าจอทั้งวัน ไม่เป็นอันทำอะไร
นั่งประชุมอยู่ด้วยกันก็ส่งสายตาหวานแหวว ไม่สนใจประเด็นการประชุมนัก
ที่ร้ายกว่านั้นคือ หากมีการแชร์อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก็จะมีประเด็นเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องทันที
จะไม่เห็นด้วยก็ไม่กล้าคัดค้านกลัวจะโกรธกัน
หรือหากไม่เห็นด้วย ก็จะเริ่มมีอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาใช้ในการประชุมปรึกษาหารือกัน
อาจจะกระฟัดกระเฟียด ฉุนเฉียว น้อยอกน้อยใจ ฯลฯ ทำให้งานแต่ละอย่างคืบคลานไปด้วยความยากลำบากครับ

และที่เกือบทุกกิจการระบุว่าเป็น สาเหตุของการสิ้นเปลืองทั้งเวลาและสมองอย่างมาก
คือการประชุมที่ไม่จำเป็น หลายท่านถึงกับกล่าวว่างานหลักของตนคือเข้าประชุม
รองลงมาคือค่อยมาจัดการกับงานที่ต้องรับผิดชอบ
เพราะแต่ละวันจะมีแต่ประชุมสารพัดหน่วยงานจนไม่เป็นอันทำอะไร วิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้
ทั้งที่หลายครั้งเรื่องที่หารือกันไม่ได้สลักสำคัญมากขนาดนั้น และการดำเนินการประชุมส่วนใหญ่ก็เชื่องช้า
เฉื่อยชา ไม่สามารถสรุปจบตามเจตนาได้ภายในเวลาที่กำหนด ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเสียไป

นอกจากนี้ก็จะเป็นประเด็นปลีกย่อย เช่น การจัดเลย์เอาต์ในที่ทำงานไม่ค่อยดีนัก ประสานได้ไม่เหมาะ
ระบบเทคโนโลยีในการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เสียหายติดขัดอยู่เสมอ เป็นต้น
ซึ่งจากสาเหตุหลักๆ ที่กล่าวไปทุกท่านลองพิจารณาดูว่า คล้ายคลึงกับที่ท่านกำลังประสบหรือไม่
และจะได้ดำเนินการหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อนำไปสู่ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้นในอนาคตครับ


โดย ผศ.ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค
บทความจาก //www.prachachat.net
ที่มา : //www.pattanakit.net




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2553
0 comments
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 20:34:12 น.
Counter : 1181 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.