Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
28 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

แนวทางบริหารคน ผ่านวัฒนธรรม


แนวทางบริหารคน ผ่านวัฒนธรรม 'อีริคสัน'

ค่านิยมบริหารองค์กรแบบ 'อีริคสัน' ยึดถือ 'มืออาชีพ-ยอมรับ-มุ่งมั่น'
● ผ่านการทำงานของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่ใช่ผู้คุมกฎแต่เป็นแม่บ้าน
● ใช้กิจกรรมเป็นสื่อระหว่างคนหลากหลายวัฒนธรรม
● แนะคนทำงาน HR ต้องรู้จักศาสตร์-ศิลป์ พร้อม 2 กลยุทธ์บริหารคนยุควิกฤต

การบริหารองค์กรที่ประกอบไปด้วยคนหลากหลายวัฒนธรรม อย่าง บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด
ภายใต้การบริหารงานของ 'จินตนา อาภาอดุล' ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
ใช้แนวทางค่านิยมองค์กร 3 ประการเป็นจุดเริ่มต้น หลักสำคัญทำตัวเสมือนเป็นแม่บ้านเข้าไปดูแลงานทุกส่วน
พร้อมใช้กิจกรรมเป็นสื่อในการดูแลคนต่างวัฒนธรรม

ค่านิยมองค์กร 'มืออาชีพ-ยอมรับ-มุ่งมั่น'

จินตนา กล่าวถึงแนวทางการบริหารคนของบริษัทว่า ค่านิยมในการบริหารงานของบริษัท
ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องทำมีด้วยกัน 3 เรื่อง คือ

1. ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
ในส่วนของ HR ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ ให้สามารถเดินหน้าไปได้นั้น
ความเป็นมืออาชีพ มีหลักการ เข้าใจการทำงาน และมีจรรยาบรรณถือเป็นสิ่งสำคัญ

2. การยอมรับและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
(Respect) อย่างงาน HR การแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน เริ่มจากเรื่องที่ฟังดูง่ายแต่ชีวิตจริงไม่ง่าย
เช่น เวลาที่พนักงานต้องการให้บริษัททำสิ่งใดสักอย่างฝ่าย HR ก็ต้องรับฟัง
ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ถูกใจพนักงานทุกคนทุกครั้ง
อย่างไรก็ดี หากเป็นสิ่งที่ฝ่าย HR ทำไม่ได้พนักงานก็ต้องยอมรับกับการตัดสินใจนั้นๆ ด้วย

3. ความมุ่งมั่นเพื่อทำให้ทุกวันดีขึ้น
ในแง่ของงาน HR จะต้องมีการพัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นตัวเองให้เกิดความคิดใหม่ๆ
เพราะไม่อยากให้ HR เป็นฝ่ายที่นิ่ง อย่าง ปีนี้ก็มีการทำโครงการ ECT Charity for Kids
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร โดยให้พนักงานของบริษัทนำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาบริจาค
เพื่อนำของที่ได้มาขายให้กับพนักงานคนอื่นๆ
ซึ่งรายได้จะนำไปบริจาคให้กับบ้านโฮมฮัก ส่วนของก็บริจาคให้กับบ้านครูน้อย

โดยกิจกรรมอันนี้ก็ทำปีนี้เป็นแรก ปีหน้าก็อาจจะเปลี่ยนเป็นกิจกรรมอย่างอื่นก็ได้
หรือกีฬาก็ไม่จำเป็นต้องมีทุกปี
หลายคนอาจจะมองว่าฝ่าย HR ไม่เป็นระเบียน
แต่จริงๆ แล้วมีการวางแผนไว้แล้วว่าที่ปรับเปลี่ยน ก็เพื่อต้องการให้มีความหลากหลาย


HR ไม่ใช่ผู้คุมกฎ แต่คือ 'แม่บ้าน'
จินตนา ยังได้เล่าถึงบทบาทของ HR ว่า
สำหรับฝ่าย HR แล้วถือว่ามีบทบาทค่อนข้างมากกับบริษัท เพราะ HR ของที่นี้ไม่ใช่แต่ผู้คุมกฎ
แต่ทำหน้าที่เสมือนเป็นแม่บ้านที่คอยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ให้กับทุกคนในองค์กร
เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และไม่ใช่บริหารงานอยู่แต่บนหอคอย
แต่พร้อมจะลงมาคลุกคลีกับพนักงาน
เพื่อนำสิ่งที่พนักงานเสนอหรือต้องการไปวางแผนการดำเนิน และปฏิบัติจริงต่อไป

ที่สำคัญยังเป็นบิวซิเนสพาร์ทเนอร์กับใครต่อใครด้วย คือ ต้องเข้าใจและสนใจในทิศทางธุรกิจ
และสามารถปรับแผนงานของ HR ให้สอดคล้องและอำนวยผลประโยชน์ทั้งต่อองค์กรและพนักงานได้ด้วย
อย่าง บริษัทได้คอนแทรกใหม่ฝ่าย HR ก็จะเข้าไปสอบถามว่าเขาต้องการได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า
หรือต้องการให้ HR ช่วยอะไร อันนี้เป็นการทำงานเชิงรุกทำให้การทำงานของฝ่าย HR ทุกวันไม่มีจำเจ

นอกจากนี้ HR ยังต้องสามารถเข้าใจแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานและผู้บริหาร
ในเรื่องธุรกิจและบุคลากรไปพร้อมๆ กันได้ มีความกระตือรือร้นที่จะแสวงหาความรู้ความเข้าใจ
มิใช่นั่งรอส่วนงานอื่นๆ มาให้ข้อมูลอยู่เสมอ


จินตนา กล่าวต่อว่า นอกจากค่านิยมในองค์กรทั้ง 3 ประการแล้ว
เครื่องมือสำคัญในการบริหารงานของ HR ของบริษัท คือ

1.สร้างบรรยากาศองค์กรที่เปิดกว้าง
เพื่อให้พนักงานสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ และกล้าแสดงออก (Open & Innovative Environment)

2.สนับสนุนให้พนักงานสามารถตัดสินใจในงานที่ตนรับผิดชอบภายใต้แนวทาง ที่ชัดเจนไม่สับสน
(Empowerment)

3.สร้างความชัดเจนในเรื่องเป้าหมายและความคาดหวัง (Clear Expectation & goal)
และมีการวัดผลการทำงานที่โปร่งใสและเป็นธรรมผ่านระบบการวัดผล
(IPM : Individual Performance Management) จะมีการทำวิจัยแบบสนทนากลุ่ม
โดยเรียนเชิญตัวแทนพนักงานทั่วไป และระดับหัวหน้างานเพื่อรับฟังความคิดเห็นในเรื่องทัศนคติ
และความคาดหวัง เพื่อนำผลที่ได้ไปวางแผนดำเนินงานต่อไป

4.สร้างค่านิยมขอองค์กรที่ให้คุณค่ากับผลการทำงาน (Performance-driven organization)
และยังคงไว้ซึ่งความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าในแง่ของวัฒนธรรมไทย
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องผลของการทำงาน และความสัมพันธ์ของคนในองค์กรควบคู่ กันไปด้วย

5.สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง (Self-learning organization)
โดยให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ไม่มีขีดจำกัด ผ่านกระบวนการที่บริษัทจัด
เตรียมไว้ให้คือการเรียนระบบออนไลน์ ซึ่งพนักงานเขาจะต้องกระตุ้นตัวเองในการเข้าไปเรียน
โดยเหตุผลที่ใช้การเรียนระบบออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันการจะเรียนรู้สิ่ง ใหม่ๆ
หากมานั่งรอจัดอบรมทำให้เสียเวลามากจะทำให้ตามความรู้ใหม่ๆ ไม่ทัน
อย่างไรก็ดี การเรียนในชั้นเรียนก็มีเหมือนกันแล้วแต่ความเหมาะสม

นอกจากนี้ ยังมีการใช้ HRMS (Human Resource Management System)
เป็นระบบการจัดการข้อมูลพนักงานที่ฝ่าย HR ใช้ร่วมกันกับพนักงาน และหัวหน้างาน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1.ESS (employer safe service) ซึ่งต่อไปพนักงานที่อยากจะเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง
เช่น ต้องการแจ้งที่อยู่ใหม่ก็สามารถเข้าไปไขได้เลย
และ 2.MSS (manager safe service) หากหัวหน้างานต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับลูกน้องของตัวเอง
ก็สามารถเข้าไป ดูได้เลย โดยไม่ต้องมาข้อดูข้อมูลจากฝ่าย HR


ใช้กิจกรรมเป็นสื่อ บริหารคนต่างวัฒนธรรม
จินตนา กล่าวถึงแนวทางการบริหารคนที่หลากหลายวัฒนธรรมว่า บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 250 คน
มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ดังนั้น การบริหารงานของฝ่าย HR ที่พูดกันเสมอมาคือ ไม่มีวัฒนธรรมไทย
ไม่มีวัฒนธรรมต่างชาติ มีแต่วัฒนธรรมอีริคสัน ซึ่งสร้างอยู่บนพื้นฐานค่านิยม 3 ตัวที่กล่าวมาแล้ว

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ใส่ใจในเรื่องวัฒนธรรม
หากต่างชาติที่เข้ามาทำงานไม่เคยรู้จักวัฒนธรรมของตะวันออก หรือไทยมาก่อน ก็จะส่งไปอบรมเรื่องวัฒนธรรม
ซึ่งก็ไม่ได้ส่งแต่ต่างชาติไปอบรมเท่านั้น มีการส่งคนไทยไปอบรมควบคู่กันด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการใช้เกมเข้ามาช่วยภายใต้โครงการแตกต่างไม่แตกแยก (Diversity Program)
ซึ่งโครงการนี้จะเน้นเรื่องของความหลากหลายในการอยู่ร่วมกัน และให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน
โดยใช้เกมเป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกัน

หรือการจัดประชุม Breakfast Meeting ซึ่งเป็นการรับประทานอาหารเช้าร่วมกันระหว่างผู้บริหาร
และพนักงานภายในองค์กร เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบเป็นกันเอง กิจกรรมนี้จะทำให้พนักงาน
สามารถพูดคุยกับผู้บริหารได้มากขึ้น และยังเป็นการลดช่องว่างระหว่างพนักงานกับผู้บริหาร

ที่สำคัญยังมีการจ้างบริษัทที่ปรึกษาข้างนอก มารับฟังปัญหาของพนักงานด้วยซึ่งทำมา 2-3 ปีแล้ว
ภายใต้โครงการ We-care ซึ่งพนักงานที่มีปัญหาไม่ว่าเรื่องของงาน หรือส่วนตัว
สามารถโทร Hot line ไปปรึกษาได้ โดยทางบริษัทที่ปรึกษาจะไม่แจ้งให้บริษัททราบว่ามีใครเข้ามาปรึกษา
และปรึกษาปัญหาเรื่องใด ซึ่งโครงการนี้เป็นที่พอใจของพนักงานเป็นอย่างมาก
เขามองว่าบริษัทใส่ใจเขาและครอบครัว เมื่อเขารู้สึกสบายใจเขาก็จะทำงานได้ดี

จินตนา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงการทำงาน HR ว่า คนที่จะเข้ามาทำงาน HR ได้เขาจะต้องรู้ทั้งศาสตร์และศิลปะ
คือศาสตร์รู้เรื่องกฎหมาย รู้ทฤษฎี ฯลฯ ส่วนศิลปะเป็นเรื่องที่ไม่สอนในตำราแต่เป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์
ต้องเป็นคนที่มีหัวที่ทันสมัยเปิดกว้าง ไม่ใช่เอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานของคนอื่นต้องรู้จักปรับตัว

พร้อมทั้งยังได้แนะนำแนวทางการบริหารองค์กรของฝ่าย HR ในยามวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบันว่า
หลักในการบริหารในช่วงนี้ คือ
1.HR ที่ดีจะต้องทำความเข้าใจกับพนักงานทุกคนถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น
และ 2.ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูงมากๆ เพราะภายใต้วิกฤตมีข้อจำกัดหลายๆ เรื่อง เช่น
จะทำบริหารอย่างไรในภาวะที่เงินเท่าเดิม แต่ต้องได้ผลเป็นที่พอใจของพนักงาน


ที่มา : //www.manager.co.th




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2553
1 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2553 20:22:51 น.
Counter : 1326 Pageviews.

 

บางทีเราทุกคนก็ต้องเจอกับความเครียด ท้อแท้ สิ้งหวัง
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!

 

โดย: da IP: 124.120.7.136 14 พฤษภาคม 2553 0:45:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.