แนวทางบริหารคน ผ่านวัฒนธรรม
แนวทางบริหารคน ผ่านวัฒนธรรม 'อีริคสัน'
ค่านิยมบริหารองค์กรแบบ 'อีริคสัน' ยึดถือ 'มืออาชีพ-ยอมรับ-มุ่งมั่น' ● ผ่านการทำงานของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่ใช่ผู้คุมกฎแต่เป็นแม่บ้าน ● ใช้กิจกรรมเป็นสื่อระหว่างคนหลากหลายวัฒนธรรม ● แนะคนทำงาน HR ต้องรู้จักศาสตร์-ศิลป์ พร้อม 2 กลยุทธ์บริหารคนยุควิกฤต การบริหารองค์กรที่ประกอบไปด้วยคนหลากหลายวัฒนธรรม อย่าง บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ 'จินตนา อาภาอดุล' ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ใช้แนวทางค่านิยมองค์กร 3 ประการเป็นจุดเริ่มต้น หลักสำคัญทำตัวเสมือนเป็นแม่บ้านเข้าไปดูแลงานทุกส่วน พร้อมใช้กิจกรรมเป็นสื่อในการดูแลคนต่างวัฒนธรรม ค่านิยมองค์กร 'มืออาชีพ-ยอมรับ-มุ่งมั่น' จินตนา กล่าวถึงแนวทางการบริหารคนของบริษัทว่า ค่านิยมในการบริหารงานของบริษัท ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องทำมีด้วยกัน 3 เรื่อง คือ
1. ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) ในส่วนของ HR ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ ให้สามารถเดินหน้าไปได้นั้น ความเป็นมืออาชีพ มีหลักการ เข้าใจการทำงาน และมีจรรยาบรรณถือเป็นสิ่งสำคัญ 2. การยอมรับและให้เกียรติซึ่งกันและกัน (Respect) อย่างงาน HR การแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน เริ่มจากเรื่องที่ฟังดูง่ายแต่ชีวิตจริงไม่ง่าย เช่น เวลาที่พนักงานต้องการให้บริษัททำสิ่งใดสักอย่างฝ่าย HR ก็ต้องรับฟัง ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ถูกใจพนักงานทุกคนทุกครั้ง อย่างไรก็ดี หากเป็นสิ่งที่ฝ่าย HR ทำไม่ได้พนักงานก็ต้องยอมรับกับการตัดสินใจนั้นๆ ด้วย 3. ความมุ่งมั่นเพื่อทำให้ทุกวันดีขึ้น ในแง่ของงาน HR จะต้องมีการพัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นตัวเองให้เกิดความคิดใหม่ๆ เพราะไม่อยากให้ HR เป็นฝ่ายที่นิ่ง อย่าง ปีนี้ก็มีการทำโครงการ ECT Charity for Kids ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร โดยให้พนักงานของบริษัทนำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาบริจาค เพื่อนำของที่ได้มาขายให้กับพนักงานคนอื่นๆ ซึ่งรายได้จะนำไปบริจาคให้กับบ้านโฮมฮัก ส่วนของก็บริจาคให้กับบ้านครูน้อย โดยกิจกรรมอันนี้ก็ทำปีนี้เป็นแรก ปีหน้าก็อาจจะเปลี่ยนเป็นกิจกรรมอย่างอื่นก็ได้ หรือกีฬาก็ไม่จำเป็นต้องมีทุกปี หลายคนอาจจะมองว่าฝ่าย HR ไม่เป็นระเบียน แต่จริงๆ แล้วมีการวางแผนไว้แล้วว่าที่ปรับเปลี่ยน ก็เพื่อต้องการให้มีความหลากหลาย
HR ไม่ใช่ผู้คุมกฎ แต่คือ 'แม่บ้าน' จินตนา ยังได้เล่าถึงบทบาทของ HR ว่า สำหรับฝ่าย HR แล้วถือว่ามีบทบาทค่อนข้างมากกับบริษัท เพราะ HR ของที่นี้ไม่ใช่แต่ผู้คุมกฎ แต่ทำหน้าที่เสมือนเป็นแม่บ้านที่คอยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ให้กับทุกคนในองค์กร เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และไม่ใช่บริหารงานอยู่แต่บนหอคอย แต่พร้อมจะลงมาคลุกคลีกับพนักงาน เพื่อนำสิ่งที่พนักงานเสนอหรือต้องการไปวางแผนการดำเนิน และปฏิบัติจริงต่อไป ที่สำคัญยังเป็นบิวซิเนสพาร์ทเนอร์กับใครต่อใครด้วย คือ ต้องเข้าใจและสนใจในทิศทางธุรกิจ และสามารถปรับแผนงานของ HR ให้สอดคล้องและอำนวยผลประโยชน์ทั้งต่อองค์กรและพนักงานได้ด้วย อย่าง บริษัทได้คอนแทรกใหม่ฝ่าย HR ก็จะเข้าไปสอบถามว่าเขาต้องการได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า หรือต้องการให้ HR ช่วยอะไร อันนี้เป็นการทำงานเชิงรุกทำให้การทำงานของฝ่าย HR ทุกวันไม่มีจำเจ นอกจากนี้ HR ยังต้องสามารถเข้าใจแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานและผู้บริหาร ในเรื่องธุรกิจและบุคลากรไปพร้อมๆ กันได้ มีความกระตือรือร้นที่จะแสวงหาความรู้ความเข้าใจ มิใช่นั่งรอส่วนงานอื่นๆ มาให้ข้อมูลอยู่เสมอ
จินตนา กล่าวต่อว่า นอกจากค่านิยมในองค์กรทั้ง 3 ประการแล้ว เครื่องมือสำคัญในการบริหารงานของ HR ของบริษัท คือ
1.สร้างบรรยากาศองค์กรที่เปิดกว้าง เพื่อให้พนักงานสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ และกล้าแสดงออก (Open & Innovative Environment) 2.สนับสนุนให้พนักงานสามารถตัดสินใจในงานที่ตนรับผิดชอบภายใต้แนวทาง ที่ชัดเจนไม่สับสน (Empowerment)
3.สร้างความชัดเจนในเรื่องเป้าหมายและความคาดหวัง (Clear Expectation & goal) และมีการวัดผลการทำงานที่โปร่งใสและเป็นธรรมผ่านระบบการวัดผล (IPM : Individual Performance Management) จะมีการทำวิจัยแบบสนทนากลุ่ม โดยเรียนเชิญตัวแทนพนักงานทั่วไป และระดับหัวหน้างานเพื่อรับฟังความคิดเห็นในเรื่องทัศนคติ และความคาดหวัง เพื่อนำผลที่ได้ไปวางแผนดำเนินงานต่อไป 4.สร้างค่านิยมขอองค์กรที่ให้คุณค่ากับผลการทำงาน (Performance-driven organization) และยังคงไว้ซึ่งความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าในแง่ของวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องผลของการทำงาน และความสัมพันธ์ของคนในองค์กรควบคู่ กันไปด้วย 5.สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง (Self-learning organization) โดยให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ไม่มีขีดจำกัด ผ่านกระบวนการที่บริษัทจัด เตรียมไว้ให้คือการเรียนระบบออนไลน์ ซึ่งพนักงานเขาจะต้องกระตุ้นตัวเองในการเข้าไปเรียน โดยเหตุผลที่ใช้การเรียนระบบออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันการจะเรียนรู้สิ่ง ใหม่ๆ หากมานั่งรอจัดอบรมทำให้เสียเวลามากจะทำให้ตามความรู้ใหม่ๆ ไม่ทัน อย่างไรก็ดี การเรียนในชั้นเรียนก็มีเหมือนกันแล้วแต่ความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีการใช้ HRMS (Human Resource Management System) เป็นระบบการจัดการข้อมูลพนักงานที่ฝ่าย HR ใช้ร่วมกันกับพนักงาน และหัวหน้างาน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ESS (employer safe service) ซึ่งต่อไปพนักงานที่อยากจะเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง เช่น ต้องการแจ้งที่อยู่ใหม่ก็สามารถเข้าไปไขได้เลย และ 2.MSS (manager safe service) หากหัวหน้างานต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับลูกน้องของตัวเอง ก็สามารถเข้าไป ดูได้เลย โดยไม่ต้องมาข้อดูข้อมูลจากฝ่าย HR ใช้กิจกรรมเป็นสื่อ บริหารคนต่างวัฒนธรรม จินตนา กล่าวถึงแนวทางการบริหารคนที่หลากหลายวัฒนธรรมว่า บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 250 คน มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ดังนั้น การบริหารงานของฝ่าย HR ที่พูดกันเสมอมาคือ ไม่มีวัฒนธรรมไทย ไม่มีวัฒนธรรมต่างชาติ มีแต่วัฒนธรรมอีริคสัน ซึ่งสร้างอยู่บนพื้นฐานค่านิยม 3 ตัวที่กล่าวมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ใส่ใจในเรื่องวัฒนธรรม หากต่างชาติที่เข้ามาทำงานไม่เคยรู้จักวัฒนธรรมของตะวันออก หรือไทยมาก่อน ก็จะส่งไปอบรมเรื่องวัฒนธรรม ซึ่งก็ไม่ได้ส่งแต่ต่างชาติไปอบรมเท่านั้น มีการส่งคนไทยไปอบรมควบคู่กันด้วย นอกจากนี้ ยังมีการใช้เกมเข้ามาช่วยภายใต้โครงการแตกต่างไม่แตกแยก (Diversity Program) ซึ่งโครงการนี้จะเน้นเรื่องของความหลากหลายในการอยู่ร่วมกัน และให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน โดยใช้เกมเป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกัน หรือการจัดประชุม Breakfast Meeting ซึ่งเป็นการรับประทานอาหารเช้าร่วมกันระหว่างผู้บริหาร และพนักงานภายในองค์กร เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบเป็นกันเอง กิจกรรมนี้จะทำให้พนักงาน สามารถพูดคุยกับผู้บริหารได้มากขึ้น และยังเป็นการลดช่องว่างระหว่างพนักงานกับผู้บริหาร ที่สำคัญยังมีการจ้างบริษัทที่ปรึกษาข้างนอก มารับฟังปัญหาของพนักงานด้วยซึ่งทำมา 2-3 ปีแล้ว ภายใต้โครงการ We-care ซึ่งพนักงานที่มีปัญหาไม่ว่าเรื่องของงาน หรือส่วนตัว สามารถโทร Hot line ไปปรึกษาได้ โดยทางบริษัทที่ปรึกษาจะไม่แจ้งให้บริษัททราบว่ามีใครเข้ามาปรึกษา และปรึกษาปัญหาเรื่องใด ซึ่งโครงการนี้เป็นที่พอใจของพนักงานเป็นอย่างมาก เขามองว่าบริษัทใส่ใจเขาและครอบครัว เมื่อเขารู้สึกสบายใจเขาก็จะทำงานได้ดี จินตนา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงการทำงาน HR ว่า คนที่จะเข้ามาทำงาน HR ได้เขาจะต้องรู้ทั้งศาสตร์และศิลปะ คือศาสตร์รู้เรื่องกฎหมาย รู้ทฤษฎี ฯลฯ ส่วนศิลปะเป็นเรื่องที่ไม่สอนในตำราแต่เป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ ต้องเป็นคนที่มีหัวที่ทันสมัยเปิดกว้าง ไม่ใช่เอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานของคนอื่นต้องรู้จักปรับตัว พร้อมทั้งยังได้แนะนำแนวทางการบริหารองค์กรของฝ่าย HR ในยามวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบันว่า หลักในการบริหารในช่วงนี้ คือ 1.HR ที่ดีจะต้องทำความเข้าใจกับพนักงานทุกคนถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น และ 2.ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูงมากๆ เพราะภายใต้วิกฤตมีข้อจำกัดหลายๆ เรื่อง เช่น จะทำบริหารอย่างไรในภาวะที่เงินเท่าเดิม แต่ต้องได้ผลเป็นที่พอใจของพนักงาน
ที่มา : //www.manager.co.th
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2553 20:22:51 น. |
Counter : 1326 Pageviews. |
|
|
|
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!