สูตรสำเร็จ วัฒนธรรมกลั่นองค์กรสร้างสุข
สูตรสำเร็จ 'สตาร์บัคส์' วัฒนธรรมกลั่นองค์กรสร้างสุข ค้นคำตอบการเพาะสายพันธุ์คนพันธุ์แท้ขององค์กรระดับโลก ๐ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "สตาร์บัคส์" สร้างประสบการณ์ในร้านกาแฟที่ลูกค้าติดหนึบ ๐ ปลูกฝังดีเอ็นเอด้วยบรรยากาศการทำงานพร้อมจูงใจด้วยวิธีการง่ายๆ ๐ เฟ้น "Role Model" ต้นแบบความคิด ชูธง "Leadership"ไม่ใช่แค่เก่ง แต่ต้องจุดประกายความฝันให้ผู้อื่นได้ การสร้างองค์กรแห่งความสุข เป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ได้รับความสนใจจาก องค์กรต่างๆ อย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากหากพนักงานทำงานด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คุณภาพของงานที่ออกมาจะ ดีไปด้วย แต่ในทางปฏิบัติ หลายองค์กรยังไม่มีความชัดเจน เพียงแต่ออกนโยบายโดยไม่มีการส่งเสริมอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม "สตาร์บัคส์" เป็นองค์กรระดับโลกที่มุ่งเน้นการสร้างความสุขในการทำงาน จนกลายเป็นวัฒนธรรม องค์กรที่ทุกคนซึมซับได้อย่างลึกซึ้ง และเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว
ตีกรอบ เพาะเมล็ดพันธุ์ ฟีลิกซ์ เดวาคูมารัน ไมเคิล กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ไทยแลนด์ กล่าวถึงแนวทางการสร้างความสุขภายให้กับคนสตาร์บัคส์ว่า แนวคิดหลักของบริษัท อยู่ที่การพยายามสร้างบรรยากาศในที่ทำงาน ให้เป็นเสมือนบ้านของพนักงานทุกคน ภายใต้กรอบวัฒนธรรมองค์กร 5 ประการ ประกอบด้วย
1. การปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานและลูกค้าอย่างเคารพ 2. การสร้างความสัมพันธ์อย่างมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของตนเอง 3. การมีส่วนร่วมในร้าน บริษัท และชุมชน 4. มีความรู้ในงานที่ตนทำและแบ่งปันความรู้ให้กับผู้อื่น และ5. คำนึงถึงผู้อื่นด้วยการดูแลตนเอง คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม แต่การปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร ต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นแรกของการคัดเลือกบุคลากร ที่เข้ามาทำงาน สำหรับพนักงานร้าน ต้องมีการอบรมขั้นพื้นฐานเพื่อสร้างบุคลิกการทำงานในร้าน และการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในบริษัท จากนั้น ต้องค้นหาการบริการที่เป็นสไตล์ของตนเอง เพื่อให้เกิดการบริการที่เป็นธรรมชาติของแต่ละบุคคล ซึ่งทำอย่างมีความสุขและสร้างความพอใจให้ลูกค้าได้ด้วย ยิ่งกว่านั้น ยังจูงใจให้พนักงานปฏิบัติตามด้วยการใช้การ์ดแทนวัฒนธรรมองค์กร 5 ประการ เพื่อให้พนักงานทุกระดับเขียนชื่นชม หากพบคนที่มีบุคลิกลักษณะสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้ผู้รับรู้สึกภูมิใจ แต่ไม่มีผลต่อการให้รางวัลหรือการขึ้นเงินเดือน แม้ว่าในวัฒนธรรมไทยอาจจะมองการให้การ์ดเป็นเรื่องเล็ก แต่ในระดับสากลเป็นสิ่งมีค่าทางจิตใจ และเป็นวิธีชื่นชมและให้กำลังใจกับคนทำงานที่ง่าย และลงทุนน้อยที่สุด ซึ่งสตาร์บัคส์นำมาใช้อย่างได้ผล ในขณะที่ การเปลี่ยนทัศนคติของคนเป็นเรื่องยาก จึงควรสร้างบรรยากาศการทำงานเสียก่อน แล้วจึงค่อยๆ หาจุดเด่นของแต่ละบุคคล เพื่อพัฒนาไปสู่การบริการที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งพื้นฐานของคนไทยค่อนข้างปรับตัวได้ดีและเป็นคนสนุกสนาน จึงเหมาะกับการทำงานบริการ "หนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรคือ การดูแลซึ่งกันและกันโดยบริษัทจะให้กาแฟพนักงาน ทุกเดือนคนละ 1 ถุง และสามารถดื่มกาแฟของทางร้านได้วันละ 2 แก้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เป็นอีกแนวทางที่จะปลูกฝังให้พนักงานซึมซับถึง วัฒนธรรมองค์กรที่ต้องการ จะหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียว" ฟีลิกซ์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม พัฒนาความรู้ ด้วย'คนต้นแบบ' ฟีลิกซ์ เล่าถึงการพัฒนาคนของสตาร์บัคส์ต่อไปว่า ความเคารพเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคนให้สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูงส่งมอบนโยบายให้กับผู้ปฏิบัติงาน หรือพนักงาน ในระดับล่าง ก็สามารถสื่อสารกับผู้บริหารได้ ในขณะที่การจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของพนักงานทุกระดับ ปีละ 2 ครั้ง เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุง และพัฒนากระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังเป็นองค์กรที่มุ่งสร้างผู้นำในด้านความรู้ จึงเน้นการกระตุ้นพนักงานให้อยากเรียนรู้ แทนการออกนโยบายซึ่งไม่ได้ผลในทางปฏิบัติ และวิธีการที่ได้ผลคือการสร้างบรรยากาศด้วยการสร้าง Role Mode เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้พนักงาน ผ่านการประกวด Coffee Ambassador ซึ่งมีผู้เข้าประกวดจากทั่วประเทศได้รับตำแหน่งปีละ 1 คน โดยต้องผ่านการทดสอบความรู้และการบริการ ซึ่งผู้ได้รับตำแหน่งต้องตระเวนถ่ายทอดความรู้เรื่องกาแฟ ให้กับพนักงานทั่ว ประเทศ "การได้รับตำแหน่ง Coffee Ambassador จะไม่มีเงินเป็นค่าตอบแทน แต่จะเป็นความภูมิใจ และเป็นการจุดประกายให้คนรุ่นใหม่อยากเรียนรู้อย่างจริงจัง ซึ่งผู้บริหารและพนักงานในแต่ละสาขา จะมีหน้าที่หาคนที่เป็นดาวเด่นในร้าน เพื่อพัฒนาพวกเขาเหล่านั้นมาแข่งในรายการนี้" ทั้งนี้ การสร้างองค์ความรู้ให้กับพนักงานไม่ได้จำกัดอยู่เพียง ความรู้ด้านกาแฟ แต่ พนักงานสามารถเรียนรู้ใสเรื่องต่างๆ ได้ โดยบริษัทจะมีการวัดความต้องการของพนักงานรายบุคคลว่า ต้องการพัฒนาความรู้ ด้านไหน เช่น พนักงานบางคนอาจจะอยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทจะอบรมให้ หรือการให้ไปเรียนกับสถาบันภาษาโดยบริษัทออกค่าใช้จ่าย ให้ทั้งหมด 'ผู้นำที่ดี' มีชัยไปกว่าครึ่ง นอกจากนี้ ความเป็นผู้นำ หรือ Leadership ที่ดี เป็นปัจจัยของความสำเร็จไม่ว่าจะอยู่ในสภาวการณ์เช่นไร ในมุมมองของสตาร์บัคส์คุณสมบัติของผู้นำที่ดีมี 3 ประการเด่นๆ
ข้อแรก ต้องสามารถจุดประกายความมุ่งหวังให้กับคนที่ทำงานร่วมด้วยได้ เพราะการมีความสามารถอย่างเดียวไม่พอ ต้องสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ อื่นได้ด้วย
ข้อสอง ต้องเป็นผู้รับฟังที่ดีและเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่า เสนอแนะข้อคิดเห็นได้
และข้อสาม ต้องมีการสำรวจอุปนิสัยที่ดีและไม่ดีของตนเองอยู่เสมอ เพราะการเป็นผู้นำจำเป็นต้องประเมินผู้อื่น และต้องเป็นตัวอย่างที่ดีก่อน ยกตัวอย่าง ในร้านหนึ่งมีการแบ่งฝ่ายของพนักงานเป็น 2 กลุ่ม ดังนั้นการเข้าไปแก้ปัญหาต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ซึ่งผู้เป็น Leadership ต้องรู้กาลเทศะที่จะพูดเพื่อรับฟัง ซึ่งการเลือกช่วงเวลาที่ทุกคนผ่อนคลาย ทำให้พร้อมจะรับฟังปัญหาและหาทางแก้ ได้ดีที่สุด ฟีลิกซ์ ย้ำถึงบทบาทของผู้บริหารในการสร้างองค์กรแห่งความสุขว่า การให้อิสระกับลูกน้องในการทำงานเป็นเรื่องจำเป็น เพราะผู้บริหารหลายคนยังคงจับผิดคนทำงาน ทำให้งานที่ออกมาไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น หัวหน้าต้องมีความเชื่อมั่น และปล่อยให้ผู้ปฏิบัติงานคิดเองทำเองเพื่อให้ เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็นการสร้างองค์ความรู้อย่างยั่งยืนในรูปแบบของตัวเอง ล่าสุด มีการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานในประเทศปี 2550 พบว่า 88% พอใจในการทำงานกับองค์กร ซึ่งเมื่อเทียบกับสตาร์บัคส์ทั่วโลกประเทศไทยอยู่ใน อันดับต้นๆ และ 70% ของพนักงานในประเทศพอใจที่ได้มีส่วนร่วมในองค์กร สำหรับความท้าทายต่อไปในการพัฒนาคนของสตาร์บัคส์ประเทศไทย ฟีลิกซ์ มองว่า เนื่องจากบริษัทมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องหันมามองการพัฒนาพนักงาน ให้มีความเป็นกันเอง เพื่อให้ที่ทำงานเป็นเหมือนบ้านที่เปิดต้อนรับลูกค้า และให้ความอบอุ่นกับผู้มาเยือนได้
ดังนั้น ไม่ว่า สตาร์บัคส์ จะเติบโตมากขึ้นเท่าใด จะต้องสร้างบรรยากาศให้เป็นเหมือนร้านเล็กๆ อันคงความอบอุ่นอยู่เสมอ การสร้างความสุขให้กับพนักงานของสตาร์บัคส์ประเทศไทย เป็นตัวอย่างที่บ่งบอกว่าการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีต้องมาจากใจ....
ที่มา : //www.manager.co.th
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 20:51:03 น. |
Counter : 1669 Pageviews. |
|
|
|
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!