อาทิตย์นี้ขอพาแฟนๆ ตามรอยพ่อไปชิมร้านเด็ดในอดีตระดับตำนานที่แตกสาขาออกไป ซึ่งผมโชคดีได้น้องบอลล์ เจ้าถิ่นหลังวังศุโขทัย จึงทำให้ผมสามารถตามรอยร้านข้าวต้มปลาสวนรื่นเจ้าเก่าจนพบ ร้านนี้มีชื่อว่า "ข้าวต้มปลาสวนรื่นสาขา 3"
สาขา 3 นี้เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว อยู่คนละมุมเมืองกับร้านเก่าที่แยกสวนรื่นฤดี ใกล้"ปากซอยจันทน์ 51" ประมาณห้องที่ 5 นับจากปากซอย ถึงจะเป็นสาขาใหม่แต่เจ้าของร้านคือคนเก่า ลวกปลามาตั้งแต่ยังหนุ่ม ขนาดหลับตาทำก็ยังได้ เดี๋ยวเรามาดูกันว่าเขาคือใคร
ก่อนอื่นขอบอกทางไปร้านนี้ สะดวกที่สุดคือขึ้น"ทางด่วนขั้นที่ 2 (ศรีรัช)"มาลงที่"ทางลงถนนจันทน์"ได้ทั้ง 2 ด้าน โดยถ้ามาจากบางโคล่และดาวคะนอง ให้ออกที่ทางลงถนนจันทน์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนจันทน์ได้เลย ส่วนถ้ามาจากทางต่างระดับพญาไท เมื่อออกทางลงถนนจันทน์แล้ว (จะมาลงที่ถนนเจริญราษฎร์)
พอมาถึงสี่แยกจะห้ามเลี้ยวขวาเข้าถนนจันทน์ ให้วิ่งตรงผ่านสี่แยกแล้วไปกลับรถ วิ่งย้อนกลับมาที่สี่แยกเดิมจึงจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนจันทน์ได้ จากนั้นวิ่งต่อไปอีกนิดเดียว สังเกต"ซอยจันทน์ 51" ด้านซ้ายมือ ร้านจะอยู่ริมถนนเลยซอย 51 ไปนิดเดียว อยู่ในตึกแถวคูหาเดียว มีโต๊ะตั้งอยู่ริมทางเท้านับสิบตัว ควรไปช่วงค่ำๆ จอดรถริมถนนได้เลย จุดสังเกตอีกฝั่งหนึ่งเยื้องๆ กันคือปั๊มปิโตรนาส
เจ้าของร้านข้าวต้มปลาสวนรื่นสาขา 3 คือ"คุณกิตติ สันติพันธ์" ใครที่เคยผูกปิ่นโตร้านข้าวต้มปลาสวนรื่นเจ้าเก่าริมถนนสุโขทัย ตรงแยกสวนรื่นฤดี เมื่อ 20 กว่าปีก่อน คงคุ้นหน้าคุ้นตาพ่อหนุ่มคนนี้แน่นอนเพราะช่วยแม่ทำร้านมาตลอด
ยำหนังปลากระเพาะปลากระเพาะปลากรอบไข่ปลา, ไข่ปลากะพง
กระเพาะปลากะพงสดๆ , หัวปลาเก๋า
|
บ้านนี้ทำข้าวต้มปลามาตั้งแต่รุ่นก๋ง พ่อของคุณกิตติคือเจ้าของร้าน"ข้าวต้มปลาสามเสน"หลังวังศุโขทัยอันโด่งดัง ซึ่งปัจจุบันมีพี่ชายเป็นผู้ว่าการ ส่วน"ข้าวต้มปลาสวนรื่น"ดั้งเดิมของแม่นั้น ตอนนี้พี่สาวดูแล ซึ่งย้ายร้านจากแถวสี่แยกสวนรื่น ออกไปอยู่ไม่ไกลที่ริมถนนราชสีมา ก่อนถึงสี่แยกร่วมจิตต์ ส่วนสาขา 2 นั้นเป็นของลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่ถนนลาดพร้าววังหิน ใกล้วัดลาดพร้าว
สาขา 3 ที่ผมมาชิม เปิดช่วงเย็นเช่นเคย ตั้งแต่ 5 โมงครึ่งไปจนถึงเที่ยงคืน นอกจากข้าวต้มปลาใส่ของทะเลหลากหลายชนิดแล้ว มีเมนูดังที่ลูกค้าสั่งกันแทบทุกโต๊ะ นั่นก็คือ"หม้อไฟทะเล" เอาของทะเลสดๆมาลวกเอง ยิ่งถ้าลวกแต่พอสุก เจ้าประคุณเอ๋ย สดหวานอร่อยหาไหนปาน
หม้อไฟร้านนี้ปรับเปลี่ยนเป็นหม้อไฟฟ้าทันสมัยแล้ว แค่ยกหม้อน้ำซุปมาเสียบปลั๊ก พอเดือดได้ที่ก็เริ่มมหกรรมการชิมได้เลย น้ำซุปนั้นมีให้เลือก 2 ชนิด คือ"น้ำซุปที่ทำข้าวต้มปลา" จะเรียกว่า"เกาเหลาหรือแกงจืด"ก็ได้ และอีกอย่างคือ"น้ำต้มยำ"
น้ำซุปปรุงแบบโบราณ มีรสมีชาติกลมกล่อมมาก มีส่วนผสมมากมาย ทั้งกระดูกปลา เอียเล้งหรือกระดูกสันหลังหมูชิ้นโตๆ คาตั้งหรือกระดูกหน้าแข้งหมู ทุบรากผักชีอีกทั้งกระเทียม ใส่ลงไปด้วย ให้ขอลองชิมน้ำซุปเปล่าๆ ไม่ต้องปรุง แล้วท่านจะต้องพูดว่าใช่เลย
ส่วนผมนั้นรู้สึกเปรี้ยวปาก เลยสั่ง"หม้อไฟรวมมิตรทะเลต้มยำ" ชุดพิเศษ 300 บาท (250 บาทก็มี) ปรุงรสมาให้เสร็จ ด้วยน้ำมะนาวของแท้ (จากสวนของญาติ จึงมีตลอดปี) และพริกขี้หนูสีเขียวเม็ดโตซอยเป็นแว่นๆ (ถ้าใช้พริกแดงจะเผ็ดเกินไป) น้ำต้มยำนี้รสชาติเปรี้ยวนำซดแล้วชื่นใจ
|
ส่วนของทะเลต่างๆ นั้น ไปคัดมาจากมหาชัย มีตั้งแต่"ปลากะพงสดๆ" ซึ่งจะคัดขนาดตัวละ 18 กิโลขึ้นไป เนื้อสดหนึบอร่อย ซึ่งขอบอกว่ากระเพาะปลากะพงสดๆ ใบใหญ่ๆ ชิ้นใหญ่ๆ นั้นเป็นของหายากต้องแย่งกัน ปกติจะไม่อยู่ในเมนูต้องสั่งต่างหาก ราคา 200-300 บาท นักชิมไม่เกี่ยงราคา ถ้ามีขนาดใหญ่เป็นพันบาท เสี่ยก็ยังสั่งลุยเลย
ส่วนที่ใส่ในหม้อไฟคือ"กระเพาะปลาเก๋า"ก็สดเด็ดเช่นกัน และยังมี"กระเพาะปลากรอบ"ที่ทั้งกรอบและสด กินแล้วติดใจ "ไข่ปลากะพง"ก็ห้ามพลาด "กุ้งแชบ๊วย"ตัวโตๆ เอามาลวกแต่พอสุก เนื้อสั่นระริกหวานสด "หนังปลาเก๋า"ก็นุ่มแสนนุ่ม อีกทั้งยังมี"แมงกะพรุน"และ"ปลาหมึกหอม"ตัวใหญ่ๆ หั่นมาชิ้นโตๆ อร่อยอีกเช่นกัน น่าเสียดายที่วันนั้นขาด"หอยนางรม"สดๆ ไปอีกอย่าง เพราะถ้าไม่สดจะไม่เอามาขาย
มี "หม้อไฟหัวปลาเก๋า"(200-250 บาท) ที่จะได้แทะทั้งเนื้อและเอ็นหนึบๆ ซึ่งเราสั่งให้ลวกเพิ่มมาใส่ในหม้อไฟอีกด้วย หรือจะอยากกินแต่"หม้อไฟเนื้อปลา"(200 บาท) ก็ได้เช่นกัน วันนั้นไม่มี"ผักตั้งโอ๋"(30 บาท) หอมๆ ซึ่งเข้ากันดีกับข้าวต้มปลา แต่ไม่เป็นไร"ผักกาดขาว"ก็แสนกรอบเช่นกัน ซึ่งน้ำจิ้มมีทั้งน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวเค็มๆ หอมๆ และน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวๆ
อีกอย่างที่ห้ามพลาดคือ"ยำทะเล" เลือกใส่เครื่องได้ตามใจชอบ (120-150-200 บาท) เราสั่งหนังปลาเก๋า ไข่ปลาและกระเพาะปลารวมทั้งกระเพาะปลากรอบ (ชอบมาก) ใส่กุ้งแห้ง ตั้งฉ่าย มะนาว พริก ให้เติม"ข่าซอย"เพิ่มได้ อยู่ในถ้วยตามโต๊ะแล้ว มีของดีอีกอย่างคือบะเต็งที่ไม่เหมือนเจ้าอื่น ทำจากหมูขาหน้ามันน้อย ผัดกับน้ำตาลโตนดรสจะไม่หวานแหลมแต่ออกหวานนวลๆ ซึ่งถ้าสั่งข้าวต้มจะไม่ใส่บะเต็ง แฟนๆ ต้องแจ้งความประสงค์ถึงจะใส่ให้
นอกจากยำและหม้อไฟแล้ว จะทำเป็น "ลวกจิ้ม เกาเหลา ข้าวต้มและต้มยำ" ได้ทั้งนั้น ซึ่งข้าวต้มมีตั้งแต่ ชามละ 50-60 ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 150 บาท อย่าลืมแกล้มด้วย"เต้าหู้ทอด"(25 บาท) เป็นแผ่นกรอบๆ ของคู่กับข้าวต้มปลา
ร้านเก่าแก่อย่างนี้ไม่ไปลองไม่ได้แล้ว แต่อย่าเผลอไปวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็แล้วกัน เขามักจะหยุด แต่บางครั้งก็ไม่หยุด ทางที่ดีโทร.ถามก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ
ข้อมูลร้าน
ข้าวต้มปลาสวนรื่น สาขา3 โดย คุณกิตติ สันติพันธ์
ที่ตั้ง 264/8 ใกล้ปากซอยจันทน์ 51 ถ.จันทน์ วัดพระยาไกร บางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120 โทร. 08-1421-7992
เปิดบริการ 17.30 - 24.00 น. ทุกวัน หยุด วันนักขัตฤกษ์ (โทร.สอบถามก่อนว่าเปิดขายหรือไม่)
แนะนำ หม้อไฟรวมมิตรทะเล (เกาเหลาหรือต้มยำ) ยำทะเล ลวกจิ้ม เกาเหลา ข้าวต้มและต้มยำ เลือกใส่ของทะเลหลากหลาย