กันยายน 2557

 
1
3
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
17
19
21
22
23
24
25
27
29
30
 
 
All Blog
ข่าวร้ายที่รอคอย ตอน สอบตกวิชาชีวิต 5

ยอมรับความตาย..

" อาจารย์วรพงษ์ แน่ใจแล้วหรือว่าจะไม่รับ การทำเคมีบำบัด และการฉายรังสี..? " หมอวิชัยถาม วรพงษ์ ด้วยสีหน้าจริงจัง " ผมตัดสินใจแล้วครับหมอ.. " วรพงษ์ ตอบคำถาม หมอวิชัย ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ราบเรียบ " แล้วอาจารย์ ทราบดีใช่ใหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้..? " หมอวิชัย ถามต่อ " ผมทราบครับ หมอ " วรพงษ์ ตอบกลับ " เรื่องนี้ทางผมกับภรรยา พุดคุยกันแล้วและมีความเข้าใจกันดี ครับ " หมอวิชัย ถอนหายใจยาวแล้้วพูดว่า " ตกลงครับ ตามสิทธิของคนไข้ย่อมสามารถเลือก การรักษาที่ผู้ป่วยต้องการได้ แต่หมออยากจะให้ อาจารย์วรพงษ์ อย่าพึ่งเลิกกินยาที่หมอแนะนำจะได้ใหมครับ อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง.." หมอวิชัย กล่าว " ขอบคุณครับหมอ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง.." วรพงษ์ พูดพร้อมยกมือขึ้นไหว้ หมอวิชัย อย่างนอบน้อม แล้วหันมายิ้มน้อยๆให้กับ แพรพรรณ

สัญญาลูกผู้ชาย

ที่บ้านเด็กๆทั้งสองยังต้องวุ่นวายกับการทำการบ้าน วรพงษ์ ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า การเรียนทำให้เราได้รู้ และทำให้เราฉลาดทันโลก ความรู้บนโลกใบนี้มีมากมายมหาศาล ในชั่วชีวิตคนหนึ่งคนคงไม่สามารถ เรียนรู้ได้หมดทุกสิ่งทุกอย่างแน่ๆ และหากเป้นไปอย่างที่พระชรารูปนั้นพุดกับเขาแล้วละก้อ  มันก็หมายความว่า หากเขายังไม่ไปถึงที่สุดแห่งทุกข์ภายในชาตินี้ เขาก็คงต้องกลับมาเรียนรู้ วิชาทางโลกใหม่ มาเริ่มต้นใหม่เหมือนกับลูกๆของเขาทั้งสอง ไม่รู้จบแน่ และสุดท้ายก้ต้องพบกับเรื่องทั้งดีและร้าย เหมือนกับที่ตัวเขาเองกำลังประสบอยู่นี่เอง คิดแล้ว วรพงษ์ ก็เกิดอาการเสียวสันหลังวาบอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

" พ่อครับๆ " เสียง น้องพี ลูกชายเขาเรียก วรพงษ์ หันไปมองที่เด็กชายที่กำลังถือสมุดการบ้านเดินเข้ามาหาเขา " พ่อ ช่วยดูการบ้านข้อนี้ให้พี หน่อยครับไม่รู้ว่า พีทำถูกหรือเปล่า..?" วรพงษ์ ยิ้มให้ลุกชายพร้อมเอื้อมมือไปดึงแขนของลูกชายเข้ามาหาตนเองเบาๆ " อืม..เก่งมากลูก ทำถูกแล้วครับ " ด้วยโจทย์คณิตศาสตร์ ของเด็กประถมต้นที่เหมือนเป็นขนมหวานของ วรพงษ์ เขายืนยันกับลูกชาย เด็กชายทำท่าโล่งอกแล้วยิ้มกับผู้เป็นพ่อ " พี แค่ไม่แน่ใจครับ แต่ก็คิดว่าทำถูกแน่ๆ.." วรพงษ์ ยิ้มแล้วพูดกับลูกชายว่า " พี ไปเรียก น้องพลอย มานี่หน่อยสิ..พ่อมีอะไรอยากจะพูดให้ลูกๆฟัง.."  " เรื่องอะไรฮะ พ่อ..? " เด็กชายถามกลับ " เรื่องสำตัญหน่ะลูก ไปเรียกน้องมาด้วยสิ.." " โอเค ครับพ่อ " เด้กชาย รีบวิ่งไปเรียกน้องสาวที่กำลังทำการบ้านอยู่ในห้องถัดไป..

 วรพงษ์ ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มพุดกับเด็กๆอย่างไรดี แต่เขาตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าวันนี้ จะต้องปูพื้นเรื่องราวบางอย่างให้ลูกๆได้รับรู้บ้าง.." มาแล้วๆ " น้องพี จูงมือ น้องพลอย มาพบกับพ่อของพวกเขาในห้องนั่งเล่น " พ่อจะพาพวกเราไปเล่นนอกบ้านหรือคะ..?" เด็กหญิงร้องทักอย่างมีความหวังว่าพ่อจะพาพวกเขาออกไปเที่ยวนอกบ้านเสียที หลังจากที่ไม่ค่อยมีเวลาไปไหนด้วยกันมานานมากแล้ว.. วรพงษ์ ยิ้มอย่างใจดีแล้วพูดว่า " ไม่ใช่ๆหรอกลูก แต่พ่อสัญญาว่า หากลูกๆตั้งใจฟังสิ่งที่พ่อพูดจบแล้ว พ่อจะพาลูกๆออกไปเล่นนอกบ้านกัน.." " เย้ๆ พ่อจะพาเราไปเล่นนอกบ้านแล้ว เย้.." เด็กหญิงร้องอย่างดีใจ " ลูก รู้ใช่ใหมว่าพ่อกำลังไม่สบายอยู่..?" วรพงษ์ พูดเปิดเรื่อง " รู้ครับ แม่บอกว่าพ่อทำงานหนักมากก็เลยป่วยอยู่แล้วห้ามไม่ให้พวกเรากวนพ่อครับ ต้องให้พ่อพักผ่อนมากๆจะได้หายเร็วๆ.." เด็กชายตอบกลับ วรพงษ์ ยิ้มแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวลุกชายและลูกสาวเบาๆ  " ใช่..ไช่..พ่อกำลังป่วยอยู่ แต่ไม่นานก็คงจะหายเอง แล้ว..แล้ว น้องพีจำได้ไหมตอนที่พ่อต้องไปทำงานที่ อเมริกา พ่อต้องไปหลายๆเดือน.." " จำได้ฮะพ่อ ตอนนั้นพ่อไปทำงานนานจัง ดีที่คุณแม่ มีคุณปู่กับคุณย่า มาเยี่ยม พี กับแม่บ่อยๆ.." เด็กชายรีบตอบ " แล้วถ้าเร็วๆนี้ พ่อจะต้องไปทำงานที่อื่นนานๆอีก พี จะช่วยอะไรพ่อสักอย่างได้ไหมครับ..? " วรพงษ์ ถามลูกชายกลับ " พ่อจะให้พีช่วยอะไรฮะ..?" เด้กชาย ถามขมวดคิ้วใส่ผู้เป็นพ่อ " ก็..แค่น้องพี รับปากพ่อว่าหากพ่อไปทำงานที่อื่นนานๆ น้องพี จะต้องช่วยพ่อดูแลคุณแม่และน้องแทนพ่อให้ดี.. จะทำได้ใหม..?" วรพงษ์ พูดกับลูกชาย แล้วรู้สึกว่ามันมีอะไรมาจุกตรงอก ทำให้เขาพูดไม่ออก " พ่อจะไปนานแค่ไหนฮะ..?" เด็กชายย้อนถาม วรพงษ์ นิ่งอึ้งไปสักครู่แล้วถามลูกชายอีกครั้งว่า " พ่อถามน้องพีว่า ลูกจะช่วยดูแลแม่กับน้องให้ดีจะทำได้ไหม.." " ทำได้ฮะพ่อ.." "รับปากพ่อแล้วนะลูก " วรพงษ์ ขอคำยืนยันจากลูกชาย " ทำได้ฮะพ่อ.." เด็กชายยืนยันกลับ " ลูกผู้ชาย เมื่อพูดแล้วต้องรักษาคำพูดให้ได้นะ " วรพงษ์ถามกลับ

กอดลูกอุ่นถึงหัวใจ

" อีกไม่นาน คุณแม่ก็จะแก่ลงเหมือนคุณปู่คุณย่า น้องพีจะต้องช่วยแม่ดูแลน้อง ปกป้องแม่และน้อง ไม่รังแกน้อง และอย่าทำให้แม่ต้องเสียใจนะลูก.." วรพงษ์ กล่าวย้ำ " ผมรับปากพ่อฮะ.."เด็กชายรับปากผู้เป้นพ่ออย่างหนักแน่น แววตาของเด็กชาย ฉายแววเด็ดเดี่ยวไม่ผิดกับดวงตาของเขา แม้แต่น้อย.. วรพงษ์ ดึงลูกทั้งสองเข้ามาโอบกอดอย่างกับว่าการกอดครั้งนี้จะเป็นการกอดครั้งสุดท้ายของเขา ในใจของเขาอบอวลไปด้วยความรักลูกๆสุดหัวใจ วรพงษ์ ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่อัดอั้นออกมาได้ เขาปลดปล่อยมันออกมาอย่างเบาๆ เนื่องจากกลัวว่าลูกๆจะตกใจ แต่เหตุการณ์นี้ไม่รอดพ้นสายตาของ แพรพรรณ ที่แอบมองอยู่ที่มุมห้องใกล้ๆไปได้ แพรพรรณ สะกดกลั้นน้ำตาตนเองไม่ให้ออกมาแสดงความอ่อนแอ ให้ใครๆเห็นเธอต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในครอบครับต่อไป หากสามีของเธอต้องโชคร้ายพ่ายแพ้โรคร้ายนี้ไปจริงๆ

เริ่มสอบวิชาชีวิต

วรพงษ์ ปฏิเสธ การรักษาโรคมะเร็งด้วยสารเคมี และการฉายรังสี โดยใช้การักษาแบบทางเลือกที่มีเพื่อนๆ หรือ คนสนิทแนะนำ แต่เขากลับไม่รู้สึกกลัวความตายเหมือนเมื่อก่อน เขาเริ่มยอมรับความจริงได้มากขึ้น มีการดิ้นรนน้อยลง มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นจิตใจสงบสุขมากขึ้น แม้จะต้องเจ็บปวดกับโรคร้ายเป็นครั้งคราวก็ตาม เขามีเวลาไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อรูปเดิมที่เคยให้ข้อคิดชีวิตเขาบ่อยๆ และก็ไม่ลืมจะพาภรรยาและลูกๆไปด้วยเสมอ..

วรพงษ์ ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่มหาวิทยาลัย โดยไม่อยากจะเป็นภาระแก่องค์กร แล้วหันมาศึกษา ธรรมะ อย่างจริงจัง เลี้ยงครอบครัวด้วยการเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ซึ่งสามารถวางแผนการทำงานให้เหมาะกับชีวิตของเขาได้ และยังเสียสละเวลาไปเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งตามโรงพยาบาลต่างๆอีกมากมาย ในขณะเดียวกันก้ปฏิบัติธรรม อย่างไม่ย่อท้อ แม้จะโดน ทดสอบ ด้วยปัจจัยทั้งภายในภายนอกร่างกายของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ ข้อสอบยากๆ ที่อาจจะต้องเดิมพันด้วยชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นได้ของเขาตลอดเวลา

ในวันนี้ วรพงษ์ มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับลมหายใจที่เป็นเหมือนเพื่อนแท้ที่ไม่รู้จะต้องจากกันไปเมื่อไหร่ มีความสุขกับสิ่งที่กำลังเกิด ดับ ปล่อยวางกับชีวิตได้มากกว่าเดิม มีความฉลาดวางเฉย กับ ธรรมะ ที่แสดงตัวตนตามกกเกณฑ์ของะรรมชาติของมัน อย่างผู้ที่อยู่เหนือทุกข์ เขายังต้องเรียนรู้ วิชาชีวิต ที่กำลังดำเนินไปอย่างไม่รู้จบ หมดเวลาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เฝ้าคอยข่าวร้าย ที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างไม่สะดุ้งกลัวอีกแล้ว เพราะไม่อยากจะเป็น โมฆะบรุษ หรือเป็นผู้ที่ สอบตกวิชาชีวิต อีกต่อไป..


หมายเหตุ ชื่อและสถานที่ของตัวละคร เป็นสิ่งที่ผู้เขียน สมมุติขึ้นมาเพื่อความสมจริงเท่านั้น หากบังเอิญไปตรงหรือพ้องกับบุคคลใดๆทางผู้เขียนต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย




Create Date : 28 กันยายน 2557
Last Update : 28 กันยายน 2557 15:35:47 น.
Counter : 1752 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]