Group Blog All Blog
|
ข่าวร้ายที่รอคอย ตอน สอบตกวิชาชีวิต ภายในห้องสีขาวสว่าง มีเพียงเสียงของอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดังสลับกันเป็นระยะๆ ม่านที่ปิดสนิททำให้ วรพงษ์ ต้องค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เขารู้สึกว่าวันนี้เขาอยากจะตื่นให้เร็วกว่าทุกๆวัน ในใจก็คิดว่าวันนี้น่าจะมีข่าวดีมาให้เขาได้รับรู้บ้าง หลังจากอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เขาต้องนอนแผ่อยู่บนเตียงคนไข้ด้วยอาการหมดเรี่ยวหมดแรง ไปเสียดื้อๆทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขายังวิ่งวุ่นอยู่กับการสอนหนังสือ อยู่ที่มหาวิทยาลัย แล้วอยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าโลกดับไป จนมารู้สึกตัวที่ โรงพยาบาลแห่งนี้.. " อาจารย์ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทางมหาลัยจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างเต็มที่ " เสียงของผู้บริหารท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่เขาทำงานอยู่พูดขึ้น " ส่วนเรื่องงานสอน ผมจะให้ อาจารย์ มาโนช รับผิดชอบแทนไปก่อน จนกว่าอาจารย์จะหายป่วยนะ " วรพงษ์พยายามยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณเจ้าของเสียงนั้น แต่เขาแทบขยับแขนตัวเองไม่ได้เลย.. วรพงษ์ ยังไม่รู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคอะไร เขาพึ่งอายุเพียงสี่สิบต้นๆเท่านั้น และ ไม่เคยเจ็บป่วยหนักๆมาก่อนเลยเลย หน้าที่การงานของเขากำลังไปได้สวย กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งจากอาจารย์สอนหนังสือธรรมดา ไปเป็นหัวหน้าแผนกในไม่ช้านี้ เพราะเขาเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกา มาเมื่อปีกว่าๆนี่เอง และทางผู้ใหญ่ก็สนับสนุนเขาเพราะเป็นคนไฟแรง มีความทุ่มเทกับหน้าที่อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับคำชมอยู่บ่อยครั้ง.. " ก๊อกๆ " เสียงเคาะประตูดังขึ้น มีคุณหมอพร้อมกับพยาบาลเดินเข้ามา " ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ " คุณหมอทักทายอย่างเป็นมิตร เขายิ้มตอบแล้วเอ่ยปากถามกลับว่า " เป็นไงครับ ผลการตรวจร่างกายผมเป็นอย่างไรบ้างครับ หมอ " หมอเอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ในห้องมานั่งอยู่ข้างเตียง แล้วสั่งให้พยาบาลปรับเตียงของ วรพงษ์ ขึ้นมาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วพูดว่า " ผลการตรวจออกมาชัดเจนแล้วครับ คุณวรพงษ์ คุณอย่าพึ่งตกใจนะครับ คุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือด ระยะที่สามครับ " วรพงษ์ นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ พยายามกดข่มอาการหวาดกลัวของตนเองเอาไว้อย่างเต็มที่ ในใจคิดว่า บ้าน่า มะเร็งบ้าบออะไร หมอดูผลตรวจผิดหรือเปล่า " จริงหรือครับหมอ หมอตรวจผลดีแล้วหรือครับ..? " เขาถามอย่างไม่เกรงใจ " แน่นอนแล้วครับ ที่ผมมาบอกเพราะอยากให้คนไข้ทราบว่า คุณป่วยเป็นโรคอะไร และจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้องครับ " ผมจะฝากข้อมูลและรายละเอียดไว้กับญาติคนไข้นะครับ ถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถติดต่อหมอได้ตลอดเวลาครับ อย่าพึ่งเสียกำลังใจนะครับ โรคนี้ยังสามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ..เอ่อ แล้วญาติคนไข้ไปไหนครับ" " ภรรยาผมเขาไปส่งลูกๆที่โรงเรียนครับ " วรพงษ์ ตอบพยายามทำเสียงให้เป็นปรกติที่สุด คุณหมอขอตัวออกไปดูแลคนไข้คนอื่นต่อ แต่ วรพงษ์ กลับรู้สึกว่าในห้องนี้มันร้อนเหลือเกิน เหงื่อไหลออกทางฝ่ามือทั้งสองข้าง ทั้งที่เครื่องปรับอากาศเปิดไว้เย็นฉ่ำ คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวอย่างกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขากันแน่นะ นี่เป็นเรื่องจริงใช่ใหม..? เขาจะต้องตายแล้วหรือนี่ แล้วพ่อแม่ของเขาจะอยู่อย่างไร ใครจะเป็นคนดูแลยามแก่เฒ่า..แล้วครอบครัวของเขา อนาคตของลูกๆ เล่า ภรรยาของเขาจะรับภาระได้ไหวหรือ อนาคต การงาน เงินทอง ใครจะหาเติมให้พอกับความต้องการ... " พี่พงษ์ " เสียงเรียกชื่อเขาดังเข้ามาใกล้ๆจนเขาต้อง หยุดพายุความคิดที่กำลังรุมเร้าเขาไว้ชั่วขณะ... " พี่เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดมากเลย.." แพรพรรณ ภรรยาของวรพงษ์ถามพร้อมกับเข้ามาจับมือเขาไว้ " เปล่าหรอกแพร พี่โอเค " " แล้วคุณหมอเข้ามาหรือยัง..? เห็นว่าหมอจะเข้ามาพบเช้านี้ " วรพงษ์ นิ่งไปชั่วครู่แล้วพูดว่า " คุณหมอเข้ามาพบพี่แล้วหละ แพร " " แล้วหมอว่าอย่างไรบ้างคะ..? " วรพงษ์ ไม่ตอบคำถามของภรรยา แต่เขาดึงตัวภรรยา เข้ามากอดด้วยแรงเท่าที่เขามีอยู่... " แพร ฟังพี่ดีๆนะ.. หมอบอกว่าพี่เป็นมะเร็งระยะที่สาม.." แพรพรรณ ฟังด้วยความนิ่งเงียบ " พี่ อาจจะได้อยู่กับแพรได้อีกไม่นาน.." " พี่พงษ์.. " " ตอนนี้พี่สับสนไปหมด ..มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับพี่เลย ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเราเลย.." น้ำตาลูกผู้ชายของวรพงษ์ เอ่อขึ้นด้วยความคับแค้นใจ เสียงพูดของเขาสั่นเครือไปหมด ความฝันความหวังของเขามันพังทะลายหมดแล้วในวันนี้.. " แพร เชื่อว่าพี่พงษ์จะต้องหาย..ทำใจดีๆนะคะ " ภรรยาเขาพูดปลอบใจพร้อมบรรจง เอามือทั้งสองข้างยกใบหน้าของสามีหล่อนขึ้นช้าๆ สายตาของเธอจ้องลงลึกไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเขา วรพงษ์มองสบสายตาของแพรพรรณ แอบเห็นความหวั่นไหวปนเข้มแข็ง ของเธอ " อย่าบอกให้เด็กๆรู้เรื่องนี้นะ.." วรพงษ์ พูดเบาๆ " พี่ ยังไม่อยากให้ลูกๆรู้ เขายังเด็กเกินไป..พี่สงสารเขา " " ค่ะ พี่พงษ์ " แพรพรรณ ตอบให้ วรพงษ์ คลายความกังวล.. เวลาจากวินาทีนี้ของ วรพงษ์ จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาก็เป็นเหมือนคนอีกหลายแสนหลายล้านคน ที่ยังไม่เคยเตรียมใจรอรับความเปลี่ยนแปลงของชีวิต แบบฟ้าผ่า เช่นนี้ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดในอดีต ความพากเพียร อดออมเอาเงินที่พอมี ส่งเสียตนเองเล่าเรียนจนจบการศึกษาสูงสุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำได้ เขาทำได้สำเร็จแม้จะต้องแลกกับ ความสุขในครอบครัวและในส่วนอื่นๆไปบ้างแต่เขามองว่ามันคุ้ม กับอนาคตที่รออยู่ข้างหน้า แต่สิ่งที่กำลังรอเขาอยู่อาจจะมาไม่ถึงเสียแล้ว อนาคตไม่เคยมาถึงมันเป็นเพียง ภาพฝัน ที่ทำให้เขามีกำลังใจต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิมเท่านั้น.. ภาพของคนที่เข้มแข็ง ขยันหมั่นเพียร เป็นที่รักของครอบครัว เพื่อนฝูง ลูกศิษย์ เจ้านาย ยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา เขาเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้อุปสรรคใดในชีวิตการเรียน การทำงาน เขาผ่านมันมาได้ทั้งหมด แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม แต่ครั้งนี้สิมันยากเกินจะบรรยาย แล้วชีวิตของเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร จะจัดการกับวันเวลาที่มีจากนี้อย่างไรกัน..?
|
นายสมมุติ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?] Link |