Group Blog All Blog
|
ข่าวร้ายที่รอคอย ตอน ร้องไห้บนแจกัน..3 ความเหมือนเดิม..ที่ไม่เหมือนเดิม ยี่สิบนาฬิกา ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้.. " ยังคิดถึงเขาอยู่อีกหรือลูก..? " เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างหลัง คาร่า หันไปมองเจ้าของเสียง " คุณพ่อ.. " " ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คุณลี เขาบอกพ่อหมดแล้ว.." ผู้บริหารสูงวัยเดินเข้ายืนข้างๆ คาร่า.. " มาร์ค เขาเป็นคนใจแข็ง เด็ดเดี่ยว ลูกก็รู้ไม่ใช่หรือ..? " ผู้เป็นพ่อพูดพลางหันหน้าไปจ้องตาบุตรสาว " ค่ะ หนูรู้ดี แต่.. " หญิงสาวพูดไม่จบ " แต่ก็ลืมเขาไม่ได้..ใช่ใหม..? " คังจู พูดแทรกขึ้นมา "ลูกเอ๋ย.. พ่อไม่เข้าใจความรักของหนุ่มสาวสมัยนี้จริงๆ.. " คนเป็นพ่อพูดพลางส่ายหน้า ถอนหายใจยาว ท่านประธานคัง ซีอีโอของเคเอสปิโตรเคมิคอล หลับตาย้อนคิดไปเมื่อสองปีก่อน ภาพของวิศวกรหนุ่มที่ลุกขึ้นทักท้วงอย่างแข็งขัน ถึงแผนการผลิตที่ผิดพลาดของโรงงานใหม่ ที่ช่วยให้เคเอส รอดพ้นจากการโดนลูกค้ารายใหญ่ปรับเป็นเงินจำนวนมหาศาลอย่างเฉียดฉิว.. ภาพวันที่ชายหนุ่มปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งสำคัญและรายได้ก้อนโตในองค์กรของเขา ยักษ์ใหญ่แห่งวงการปิโตรเคมีของเอเชียแปซิฟิค เพียงเพราะเหตุผลว่า เขายังไม่คู่ควร.. และภาพความแห่งความสนิทสนมในฐานะ เพื่อนชายคนสนิท ของคาร่า " ทำไมลูกไม่ลองเปิดใจ ให้โอกาสหนุ่มเกาหลีดีๆ ที่เข้าแถวรอให้ลูกชี้ตัวตั้งมากมาย.. " " คนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมคู่ควรกับลูก มีตั้งเยอะแยะ.." ท่านประธานพูดเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวคนเดียวของเขาอย่างทะนุถนอม " มันก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ คุณพ่อเลือกคุณแม่นั่นแหละค่ะ " คาร่า ตอบย้อนกลับไป ประธานคังจู ถึงกับนิ่งอึ้งไป เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาว.. " แล้ว..เขายังดีกับลูกอยู่หรือเปล่า.. ? " ผู้เป็นพ่อถามต่อ " มาร์ค เขายังทำดีกับ คาร่า เหมือนเดิมค่ะ " หญิงสาวตอบ " เพียงแต่ คาร่า รู้สึกว่าในความเหมือนเดิมของเขา มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.." หญิงสาวพูดพลางซบหน้าลงบนอกของผู้เป็นพ่อ น้ำเสียงสั่นเครือ ผู้เป็นพ่อทอด วงแขนไปโอบกอดลูกสาว พร้อมตบที่ศีรษะเบาๆเป็นเชิงปลุกปลอบ สมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ นับตั้งแต่ภรรยาของเขาจากไปเมื่อเกือบสิบปีก่อน.. รางวัลที่ว่างเปล่า รตา มาถึงที่ทำงานแต่เช้า เดินยิ้มทักทายทีมงานอย่างอารมณ์ดี แม้จะเลยเวลาประชุมเช้าแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เห็นวี่แววของ มานพ จะเข้ามาที่ทำงาน " พี่มานพ เข้าไปในไซต์งานหรือคะพี่เอ.. ? " ประเสริฐ ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ " เอ่อ.. ตา ผมลืมบอกไปว่า มานพ เขาไปอเมริกา ตั้งแต่คืนวันเสาร์ " " อเมริกา ไปทำไมคะ..? " รตา รีบถามกลับ " อืม.. ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากนักนะ แต่คุณก็รู้ไม่ใช่หรือว่า มานพ เขาไม่ใช่พนักงานของเราเต็มตัว เขาเป็นเซ็คกันเม้นต์ เป็นมือปืนรับจ้างที่เราจ้างมาเท่านั้น.. " ประเสริฐ พูดต่อ " ทราบค่ะ แต่.. พี่มานพไม่ได้แจ้งล่วงหน้านี่คะ.. ? " รตา ถามต่อ " ใช่ เขาไม่จำเป็นต้องแจ้งเรา เพราะในสัญญาจ้าง เขามีสิทธ์หยุดพักได้เมื่อทำงานครบสามเดือน โดยลาพักได้ครั้งละสองวีค " รตา หลับตาถอนหายใจเบาๆ " สองสัปดาห์.." รตา นึกในใจ " จากสี่สิบแปดชั่วโมงกลายเป็นสิบสี่วัน.. ที่ฉันจะไม่ได้เจอคุณ" รตา เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างหง่อยๆ แต่เธอก็ต้องเรียกสติกลับมาก่อน " ทำงานๆๆๆ อย่าฟุ้งซ่านนะ เดี๋ยวเขาก็กลับมาเองแหละ.. " เธอคิดในใจ.. แล้วเธอก็สะดุ้ง เมื่อเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานดังขึ้น.. " ค่ะ..พี่เอ" " ตา คุณเข้ามาที่ห้องผมหน่อย " รตา เดินเข้ามาในห้องของหัวหน้าเธอ.. " พี่เอ มีอะไรหรือเปล่าคะ..? " รตา ถาม" ผมมีเข่าวดีจะแจ้งให้คุณทราบ " " ข่าวดีอะไรคะ ..? " เธอถามต่อ " ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากท่านรองโกมุท ท่านอยากให้ผมไปช่วยงานที่สำนักงานใหญ่ " " ยินดีด้วยนะคะพี่เอ สงสัยพี่เอจะได้เลื่อนตำแหน่งแน่ๆเลยค่ะ.. " รตา ยิ้มอย่างจริงใจ.. " ขอบคุณนะ แต่มันไม่ใช่ข่าวดีของผมคนเดียวหรอกนะ.. มันเป็นของคุณด้วย.. " " ข่าวดีของตา ด้วยหรือคะ..? " รตา ถาม " ใช่ เพราะคนที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการแผนกของเราคนต่อไป ก็คือ..คุณ " รตา ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย " ผู้จัดการแผนกคนใหม่.. " เธอรำพึงเบาๆ " ผู้ใหญ่ท่านเห็นผลงานของคุณแล้วรู้สึกประทับใจ เลยอยากจะให้โอกาสคุณได้พิสูจน์ฝีมือ.." " และสำหรับตัวผม ไม่มีข้อสงสัยในความสามารถของคุณเลย คนที่ทุ่มเททำงานอย่างคุณ สมควรได้รับรางวัล.. ผมขอฝากทีมของเราเอาไว้กับคุณ.. ขอให้คุณดูแลพวกเขาต่อจากผม.. " ประเสริฐ พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พร้อมพยักหน้าและยิ้มน้อยๆ " ขอบคุณพี่เอ ที่ให้โอกาสกับตาคะ ตาจะทำให้มันให้ดีที่สุดคะพี่เอ.. " " แม้คำสั่งจากเอชอาร์จะยังไม่ประกาศ แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้ คุณเข้ามาเรียนรู้งานจากผมได้เลย ผมจะโค๊ชชิ่งให้คุณเอง.." ประเสริฐ ยิ้มอย่างใจดี รตา ยกมือไหว้ขอบคุณ และเดินออกมาจากห้องของหัวหน้าด้วยความรู้สึกยินดี แต่เมื่อเธอเดินผ่านโต๊ะทำงานที่ปราศจากร่างของ มานพ เธอกลับรู้สึกว่า หากเขารู้ข่าวนี้ เขาจะร่วมยินดีกับเธอหรือเปล่าหนอ..? รางวัลแห่งการทำงานนี้ นอกจากพ่อและแม่ของเธอแล้ว คงจะมีคนไม่กี่คนในโลกที่พร้อมจะแสดงความยินดีกับเธอ หนึ่งในนั้นเธออยากจะให้เป็นเขา ถ้าเขาอยู่ด้วยก็คงจะดีไม่น้อย รางวัลนี้มันอาจจะดูน่าภาคภูมิใจ แต่ทำไมในใจเธอถึงรู้สึกว่า มันว่างเปล่าเหลือเกิน.. ฟ้าลิขิต.. " ได้โปรดช่วยเธอด้วย... พระเจ้าได้โปรดประทานความเมตตาต่อเธอด้วย.." เสียงรำ่ไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร ดังกึกก้องวนเวียนในหัวของ มานพ ซ้ำไปซ้ำ้มา มานพ สะดุ้งตื่น เหงื่อกาฬผุดแตกเป็นเม็ดเต็มใบหน้าของเขา ฝันอีกแล้วเหรอ.. มานพ ยกตัวเองลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้ามาล้างหน้าในห้องน้ำ เสียงเคาะประตูดังขึ้น " เชิญครับ.. " เขาส่งเสียงบอก " ตื่นแล้วหรือคะ " เสียงนางพยาบาลเอ่ยถาม " ครับ " เขาตอบสั้นๆ " คุณหมอ วิลสัน บอกว่าเย็นนี้คุณก็กลับไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้แล้วค่ะ " เธอยิ้มใจดี " ขอบคุณครับ.. " เขาตอบพร้อมยิ้มน้อยๆให้กับเธอ " ตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว อาการของ สเตฟานี่ แย่ลงเรื่อยๆครับ นี่ถ้าไม่ได้เลือดจากคุณเธอคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงวันนี้ " หมอวิลสัน กล่าวกับ มานพ ที่แสดงสีหน้าเป็นกังวล.. " แล้วโอกาส ที่เธอจะหายจากโรคนี้มีเท่าไหร่ครับหมอ..? " เขาถามด้วยความอยากรู้ " น้อยมากครับ เหลือไม่ถึง ยี่สิบเปอร์เซนต์ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถเพาะเซลล์เลือดของเธอได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของเธอด้วยครับ " หมอวิลสัน บอก " แล้วถ้าตอนนี้ ผมจะขอพบเธอจะได้ไหมครับ..? " ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อไป " อ๋อ.. ได้แน่นอน ก็คุณเป็นพ่อบุญธรรมของเธอนี่น่า.. " หมอวิลสัน ยิ้มใจดี มานพ กล่าวขอบคุณ แล้วพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักฟื้นเด็ก ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พยายามแสดงสีหน้าสดชื่นก่อนเคาะประตู.. " ใครคะ..? " เสียงคนข้างในร้องถาม " "นี่ฉันเอง มาร์ค.. " " คุณพ่อ..." เสียงเด็กหญิงร้องออกมาอยา่งดีใจ เมื่อได้เห็นใบหน้าของ มานพ โพล่ออกมาจากหลังประตู มานพ โผเข้ากอด สเตฟานี่ สาวน้อยผิวสีวัยเจ็ดขวบเศษ " รู้สึกดีขึ้นหรือยัง สาวน้อยของฉัน.." มานพ กล่าวถามเด็กหญิง " ดีขึ้นแล้วค่ะ แดดดี้.. แต่เมื่อไหร่หนูจะได้กลับบ้านคะ..? " เด็กหญิงเรียกร้อง " พรุ่งนี้ฉันจะมารับเธอกลับบ้านเองนะ ไม่ต้องกลัว.. " มานพ บอกพลางเอามือลูบที่หัวเธอเบาๆ.. " แต่คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่ก่อนนะเด็กน้อย.." มานพ พูดพลางก้มหน้าไปจุ่มพิตที่หน้าผากของเธอเบาๆ.. " ค่ะ คุณพ่อ.." พ่อแม่ของ สเตฟานี่ เสียชีวิตลงพร้อมๆกันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อห้าปีก่อน เด็กน้อยดวงแข็งเธอรอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นได้อย่างปาฏิหาริย์.. แต่ก็โชคร้ายสองชั้นเมื่อเธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ แถมยังเสียเลือดอย่างมากจนเกือบจะเอาตัวไม่รอด กว่าจะรู้ว่าเธอมีกรุ๊ปเลือดพิเเศษไม่เหมือนใคร ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ทางโรงพยาบาลประกาศขอรับบริจาคเลือดกรุ๊ปนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากไม่มีสำรองในคลังเลือด และที่สำคัญเธอไม่มีญาติเหลืออยู่เลย.. มานพ หนุ่มวิศวกรฝึกหัดของบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในรัฐนั้น มาฝึกงานที่เมืองนี้พอดี เขาได้รับข่าวจากทางวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จึงเดินทางมาร่วมบริจาคเลือด ที่โรงพยาบาลร่วมกับคนที่มีกรุ๊ปเลือดใกล้เคียงกับเธออีกสามสิบคน .. แล้วก็เหมือนฟ้าลิขิต เลือดของ มานพ เป็นเคสเดียวที่เข้ากับเลือดของ สเตฟานี่ได้.. ทำให้หมอและพยาบาลแปลกใจอย่างมากที่ เลือดของหนุ่มชาวเอเชีย สามารถต่อชีวิตให้กับเด็กน้อยผิวสีผู้โชคร้ายได้.. นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มานพ ก็ขอเป็นเป็น พ่อบุญธรรมของ สเตฟานี่ ตามหลักเกณฑ์ของรัฐนี้ นอกจาก สเตฟานี่จะมีเลือดกลุ่มพิเศษแล้ว เธอยังมีอาการจากความผิดปรกติของเม็ดเลือดอีกด้วย ซึ่งทำให้ มานพ จะต้องถ่ายเลือดให้เธออยู่เป็นประจำ ซึ่งเขาก็ยินดีทำอย่างยิ่ง " เมื่อไหร่คุณจะกลับมาหาหนูอีกค่ะ..?" เด็กน้อยถามตาละห้อย.. " ไม่นานหรอกนะจ๊ะสาวน้อย ฉันจะโทรมาหาเธอทุกคืนวันศุกร์เหมือนเดิมนะ " เขาบอก " ผมฝากดูแล สเตฟ ด้วยนะครับ คุณแมรี่.. " " ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณมานพ เด็กๆทุกคนที่นี่จะได้รับการดูแลอย่างดีและเท่าเทียมกันแน่อนค่ะ " มีสซีสแม่รี่ เจ้าหน้าที่บ้านเด็กกำพร้าประจำเมืองกล่าวยืนยัน " ฉันต้องไปแล้วนะ ฉันจะคิดถึงเธอทุกๆวัน " มานพ โน้มตัวลงไปพูดกับ สเตฟานี่ ใกล้ๆ " แล้วรีบกลับมานะคะ คุณพ่อ.. " เด็กน้อยพูดพลางเอามือปาดน้ำตาที่แก้ม " แน่นอนจ่ะ ฉันรักหนูนะ สเตฟานี่ " มานพ กลั้นใจไม่ให้เธอเห็นดวงตาที่เริ่มร้อนผ่าวของเขา ด้วยการหันหน้าหนีแล้วรีบเดินจากมา ก่อนจะหันไปโบกมืออำลาอีกครั้ง.. พบกันครึ่งทาง มานพ กลับมาทำงานในสภาพที่อิดโรยเล็กน้อย เป็นเพราะต้องเดินทางไกลหลายชั่วโมง ข่าวการเลื่อนตำแหน่งของ รตา เขารู้จากอีเมล์ของบริษัท และตั้งใจจะไปกล่าวแสดงความยินดีกับเธอด้วยตัวเอง แต่วันนี้ รตา ไม่อยู่ในห้องทำงาน เขาจึงส่งเมล์ แสดงความยินดีไปเป็นการส่วนตัว วันนี้ รตา ยุ่งมากจนไม่มีเวลาอ่านเมล์ที่เขาส่งมาให้ กว่าจะได้อ่านก็เป็นเวลาที่เขากลับไปที่พักแล้ว สรุปคือวันนี้ เขาและเธอไม่ได้เจอกัน เพียงแต่ทำได้แค่ส่งเมล์หากันเท่านั้น.. " เดือนหน้า เราจะมีโปรเจคใหม่ ที่ทางเคเอสเป็นเจ้าของงาน และเราจะเป็นทีมซับพอร์ต ที่คอยสนับสนุนเรื่องข้อมูลทางเทคนิคให้กับเขา จนกว่าดีลนี้จะสำเร็จ.." รตา กล่าวในที่ประชุมเช้ากับทีมงาน " โปรเจคนี้สำคัญมาก เพราะลูกค้าตั้งวงเงินการันตีเอาไว้สูง หากเกิดข้อผิดพลาด ทั้งทางเคเอส และทางเรานอกจากจะสูญเม็ดงินหลายล้านดอลล่าแล้ว เราทั้งสองบริษัทจะเสียเครดิตในอุตสาหกรรมนี้ไปด้วย " รตา กล่าวเน้นย้ำ " ฉันจึงต้องขอความร่วมมือจากพวกเราให้ร่วมกันพลักดันให้ โครงการนี้สำเร็จให้ได้ และผู้ใหญ่ก็ไว้ใจให้ทีมของเราเป็นหัวเรือในเรื่องนี้ " มานพ แอบมองท่าทีที่แข็งขันของ รตา แล้วอดชื่นชมเล็กๆอยู่ในใจไม่ได้ แววตาที่มุ่งมั่นของเธอช่างดูน่าเกรงขาม ช่างผิดกับใบหน้าที่ดูอ่อนหวาน รูปร่างที่บอบบางของเธอยิ่งนัก.. เข้าตำรา ทั้งสวยทั้งเก่ง.. " เอาไงก็เอากันครับ หัวหน้า.. " มานพ ออกเสียงเชียร์เธอเชิงเย้าเล็กๆ จนทุกคนในทีประชุมได้ยินกันหมด รตา ซ่อนความเขินอายเอาไว้เต็มที่ แล้วกล่าวออกมาสั้นๆว่า " ขอบคุณนะคะ ที่ให้ความร่วมมือ " " คุณคาร่า ส่งเอกสารพร้อมรายละเอียดของโครงการมาให้แล้วคะ่ พี่มานพ " รตา กล่าวกับ มานพ ในห้องทำงานของเธอ " งานนี้ คาร่า ถึงกับลงมือเองแสดงว่าต้องสำคัญจริงๆ " เขาคิดในใจ " อืม.. แล้วจะให้ผมช่วยอะไรก็บอกได้นะครับ หัวหน้า.." มานพพูดพร้อมอมยิ้ม " อย่างแรก ก็ช่วยเลิกเรียก ตา ว่าหัวหน้าก่อนดีไหมคะ " เธอย้อนกลับ มานพ แบบเรียบๆ " ตา ไม่ใช่หัวหน้าพี่มานพนะคะ และที่สำคัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษโครงการ ก็ไม่ใช่ลูกน้องของใครด้วยค่ะ " " โอเคๆ ผมจะเลิกเรียกตาว่าหัวหน้า แต่ตา ก็ต้องเลิกเรียกชื่อตำแหน่งยืดยาวนี่ของผมเหมือนกัน ตกลงนะ " เขาเสนอ " ตกลงค่ะ พบกันครึ่งทาง " เขาและเธอยิ้มกว้างให้กันอย่างจริงใจ.. ดูเหมือนว่าสถานะการณ์ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน จะพัฒนาขึ้นตามลำดับ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า เมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอน กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ท่ามกลางความอบอวนของมิตรภาพ ที่กำลังเบ่งบาน... |
นายสมมุติ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?] Link |