กรกฏาคม 2562

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
22 กรกฏาคม 2562
All Blog
ใจหาย..ไปเลย

เชื่อเหลือเกินว่า

คงมีหลายคนต้องเคยถามคำถามหนึ่งกับตัวเอง

คำถามนั้นก็คือ ..ตกลงวันนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร..?


หลายคนมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น...

บางคนบอกว่าอยู่เพื่อลูก..

บางคนบอกว่า ฉันจะอยู่เพื่อพ่อแม่ บุพการี..ผู้มีพระคุณ..

อยู่เพื่อสานต่อความฝันของคนอื่นให้เป็นจริง..

บางคนอาจจะบอกว่า มีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เรารัก..


แต่ก็มีหลายคนที่เลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง..

อยู่เพื่อตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริง..

อยู่เพื่อทำหน้าที่ ภาระกิจที่สำคัญ..

อยู่เพื่อสานต่อความสำเร็จ อยู่เพื่อสร้างชื่อของตัวเขาเอง

อยู่เพื่อให้โลกได้รู้จัก..



และไม่ว่าเราจะ เลือก ว่าเราจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรก็ตาม

ที่แน่ๆเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของ ความเสียสละหรือความเห็นแก่ตัว..

และไม่ว่าเราจะใช้หลักการ หรือ ความเชื่ออะไรในการดำเนินชีวิตก็ตาม 

ไม่มีถูกไม่มีผิดแน่นอน

มีอย่างเดียวเท่านั้นที่เรารู้ว่า ถ้าเราได้ทำมันแล้ว เรามีความสุข..


ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองหรือเพื่อคนอื่นก็ตาม..

เราต้อง มาตรวัตความสุข มาจับวัดเสมอ..


หากทำไปแล้วไม่มีความสุข จะทนทำไปทำไม..?



เพราะ สุขเวทนา เป็นสิ่งที่มนุษย์สามัญทุกผู้ทุกนามไข้วคว้าเพื่อเอามาก่ายกอด

เอาความสุขมาปลอบประโลมจิตใจ 

เอาความสุขมาราดรดหัวใจให้ชุ่มชื่น 

ไม่ว่า ความสุข มันจะเดินทางมาในรูปแบบใดก็ตาม

สุขที่ถูกถ่ายทอดผ่านทางกายสัมผัส ผ่านตา หู จมูก ลิ้น หรือสุขทางใจ..


การที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็สุขด้วย ปลื้มปริ่ม อิ่มใจ

สุขเมื่อได้ยินคำหวานชื่น ระรื่นหู รัญจวนใจ

สุขด้วยรสที่ปลายลิ้นอันปราณีต เลิศล้ำ 

สุขเพราะกายสัมผัส อบอุ่น เนิบนาบตรึงใจด้วยไออุ่น..

หรือจะสุขเพราะธรรมรส สุขทางใจ สุขอันละเอียดอ่อน ยากจะหาสุขใดมาเทียบเทียม..



เราปราถนา ความสุขที่เป็นนิรันดร์ 

จะเรียกได้ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อ ความสุข ก็คงไม่ผิดนัก

หากจะต้องตายในวันนี้เวลานี้ ก็ขออนุญาตตายอย่างมีความสุข

ดีกว่านอนตายอย่างทุกข์ทรมาน..



แล้วเราจะดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ของเราต่อไปอย่างไรให้มีความสุข..?

ตอบยาก..

เพราะมาตรฐานความสุขของคนเรามันไม่เท่ากัน..



บางคนขอแค่มีกินอิ่มนอนอุ่นทุกมื้อทุกวัน มันก็สุดยอดของความสุขแล้ว..

แต่บางคนต่อให้กินเหลาเข้าภัตาคารชั้นเลิศทุกวัน ก็ยังรู้สึกเฉยๆ


บางคนนอนบนแคร่ พื้นไม้กระดาน ก็สุขสบายหนักหนา..

ในขณะบางคนนอนฟูก เตียงหลุยส์แสนนุ่ม ก็เหมือนนอนบนตะแกรงปิ้งย่าง 

บางคนมีบ้านหลังเท่าแมวนอนดิ้นตาย ยังสุขยิ่งกว่าคนนอนคอนโดหรูริมทะเลเสียอีก


หมายความว่า สุขทางกาย เป็นของไม่จริง ยึดถือเป็นมาตรฐานไม่ได้เลย..


อยากมีความสุขแท้ ต้องเริ่มที่ใจสุข

เมื่อใจสุขทุกข์ก็เข้าไม่ถึง  เข้ามายึดพื้นที่ความสุขไม่ได้

แต่กว่าจะทำใจให้เป็นสุขได้นั้น คงต้องใช้เวลาบ้าง

กว่าจะปรับมุมมอง ทำความเข้าใจชีวิต เข้าสู่ความเป็นธรรมดา 

ขึ้นอยู่ที่ คุณภาพจิตใจ ของแต่ละคนล้วนๆ สอนกันยาก ต้องทำกันเอง..



รู้จักเพียงพอ ความพอเพียง ลดความทะยานอยาก

รู้จักให้อภัยแก่ตนเอง และผู้อื่น ยอมปล่อยมือไม่ยอมเสียเวลาไปจองเวรใคร

รู้จักให้ทาน มีใจเสียสละ ยอมขาดทุนบ้าง เหมือนขอกันกิน ไม่ใช่เรื่องใหญ่..

รู้จักพาตนเองไปสมาคมกับผู้รู้ นักปราชญ์ อ่านหนังสือดีๆ

ลองทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง แบบไม่หวังผลตอบแทน..

รู้จักปล่อย และ วาง อะไรๆให้มันง่ายๆ ไม่ตามไปเอาเรื่องเอาราวกับอะไรๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ฯลฯ....


คนที่ปรับเปลี่ยนมุมมองของชีวิตได้แบบนี้ 

ความทุกข์จะไม่ค่อยมาถามหา

ทุกวันคืนของเขา จะเป็นวันคืนของความสุข 

ลมหายใจเข้าออก มีแต่ความเบาสบาย ความร้อนใจจะเริ่มเจือจางหายไป



นี่เป็นความสุขขั้นแรกๆ ที่เราทุกคนควรจะต้องเจอให้ได้ในชีวิตนี้..

เป็นเหมือนบันไดขั้นที่หนึ่งของการ เลือกที่จะมีชีวิตแบบ นิรทุกข์ 



แม้ใจจะเปี่ยมสุข แต่ก็อย่าลืมว่า

ร่างกายเรา ก็ยังต้องเสื่อมโทรมถดถอยไปตามอำนาจของกาลเวลา..

ไม่มีใครต้านทานได้ มีเกิด ย่อมมีแก่ เจ็บแล้วก็ตาย เป็นทุกข์ทางกาย

คนที่เคยหล่อ สวย รวยเก่งแค่ไหน สุดท้ายไม่พ้นตาย..

ชีวิตที่ผ่านมาเหมือนฝันไป แปีบเดียวก็ต้องตื่นจากฝันอยู่ดี..

จะฝันดีมาทั้งชีวิต หรือจะฝันร้ายโศกเศร้าเคล้าน้ำตามาตลอดเรื่อง 

สุดท้ายทุกคนก็ต้องจบ ยุติบทบาทกันตรงนี้..



ใจหาย เสียดายเวลา..

เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยได้เตรียมตัวเตรียมใจ..

ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรา ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้..




สุดท้ายต้องทิ้งมันทั้งความสุข ความทุกข์เอาไว้ตรงนี้

เหมือนเรือที่ถ่อถึงฝั่งแล้ว คงไม่มีใครบ้าพอที่จะแบกเรือขึ้นบกไปด้วย..

คงมีแค่บาปและบุญเท่านั้นที่เป็นเหมือนเงาติดตามตัวไป..


ผู้บรรลุธรรม ท่านจึงไม่ให้ ราคา กับทั้งความสุขและความทุกข์เลย

ทั้งสุขและทุกข์เป็นเหมือน ของเล่น ที่เอาไว้ดูและเรียนรู้เท่านั้น

ไม่สามารถทำให้จิตใจท่านเหล่านั้นหวั่นไหวได้เลย..

เหมือนคนไม่มีหัวใจให้กับอะไรๆอีกแล้ว หมดใจกับของลวงโลก..ของปลอม..

ดำรงชีวิตที่เหลือแต่ การกระทำ แต่ไม่มี ผู้กระทำ อีกต่อไป..

มีชีวิตเหมือนรอสัญญานเลิกงาน หมดเรื่องต้องทำแล้ว หมดภาระแล้ว..


แต่ถ้าเป็นเราๆท่าน เมื่อเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง

ต่อให้เตรียวตัวเตรียมใจมาดีแค่ไหน สุดท้ายคงไม่พ้น หวาดหวั่นหวั่นไหว

ใจคงหาย ไปจากตัวตน หล่นไปไหนก็ไม่รู้..

แค่จะระลึกถึง ความสุข ความดี ที่เคยสร้างสมในชีวิตที่ผ่านมา..

ก็ยังไม่รู้เลยว่า กำลังสติ จะมาช่วยได้ทันหรือเปล่า..

สุดท้ายแล้ว ก็อาจจะต้องกลับมา ตั้งคำถามเดิมๆ กับตัวเองอีกไม่รู้จบ..ตลอดกาล..


ขอขอบคุณเจ้าของรูปสวยๆทุกรูปครับ

 



Create Date : 22 กรกฎาคม 2562
Last Update : 23 กรกฎาคม 2562 3:46:04 น.
Counter : 993 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]