มกราคม 2561

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
หยิบข่าวเล่าธรรม ตอน สู่แสงสุดท้ายเพราะใจสั่งมา







ในช่วงปลายปีที่แล้ว

คงไม่มีข่าวไหนที่สร้าง แรงสั่นสะเทือน ให้กับหัวใจของคนไทยให้คึกคัก

มากไปกว่าข่าวของนักร้องร็อคเกอร์หนุ่ม ตูน บอดี้สแลม ที่สร้าง ปรากฏการณ์แปลกใหม่

ให้กับ สังคมอุดมอัตตา แบบไทยๆ ให้กลับมามีสีสันกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกครั้ง

กับโครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อระดมทุนหาเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ

ตามที่เป็นข่าว เพื่อมอบโอกาสให้แก่ผู้ป่วยอีกหลายแสนคนที่ยังรอความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

เมื่อเรามีหมอดีหมอเก่ง ก็ต้องมีเครื่องมือดีๆ ที่ทันสมัยด้วย



เป็นการสร้างกุศลใหญ่ โดยการเสียสละสุขภาพแรงกายและแรงใจของตนเอง 

เพื่อจะทำในสิ่งที่ คนอื่นทำได้ยาก และ และต้องใช้ความพากเพียรอย่างยิ่งยวด



เม็ดเหงื่อและความบอบช้ำของสังขารร่างกายของ ตูน บอดี้สแลม

ได้ผลิดอกออกผลเป็น ความสำเร็จเกินเป้าหมายเกินความคาดหวัง ของตนเองและทีมงาน

ให้ชื่นอกชื่นใจ แม้จะมีอุปสรรคร้อยแปดคอยขัดขวางท้าทายจิตใจอยู่ทุกย่างก้าวของเขา


แม้มีเรื่องราว ดราม่า น้อยใหญ่ตั้งแต่โครงการนี้ ได้หลุดออกมาจาก ปาก ของตูนเอง..

แต่สุดท้าย มันก็จบ.. 


แม้ว่ามันจะยังเหลือ เชื้อควันไฟ ให้เราได้เสพมันมาเป็นระยะๆก็ตามที

เป็นเรื่องธรรมดา คนจะทำความดีมันก็ย่อมจะมีอุปสรรค แบบ มารไม่มีบารมีไม่ปรากฏ ฉะนั้น..



และหากจะเอ่ยอ้างในทางธรรมะ ที่หนุ่มตูนได้ปฏิบัติ ในเรื่องนี้

คงไม่พ้นเรื่อง ความเสียสละ ที่เราท่านทั้งหลายย่อมเข้าใจได้ง่ายๆไม่ยากเย็น

ความเพียร ความอุตสาหะไม่ท้อแท้ ทำงานจนเสร็จ ไม่ทอดทิ้งกลางทาง



และ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ขันติ ความอดทนอดกลั้น

การไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อ โลกธรรมคำคน ที่โจมตีเสมือนคลื่นน้อยใหญ่ถาโถมเข้าหา เรือลำเล็ก

ลูกแล้วลูกเล่า ไม่เว้นแม้แต่ จิตใจ ของตนเอง 

ที่มันชักชวนให้เขา ยอมแพ้ ครั้งแล้วครั้งเล่า..



ด้วยสัญลักษณ์ ชี้นิ้วขึ้นบนฟ้า เป็นเสมือน สัญญา ที่เขาจะต้องไปให้ถึงจุดที่เหนือสุดของประเทศ

ที่สำคัญมันคือ การอยู่เหนือความแตกต่างของความคิด

เป็นการการร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวของคนไทย อีกครั้ง

เป็นเหมือนการเดินตามหา แสงสุดท้าย ที่หายากเย็น 

เพื่อที่จะได้จับต้องมันให้สำเร็จสักครั้งในชีวิต



และอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผู้เขียนอยากจะนำมาเล่าในเชิงธรรมะให้อ่านขบคิดกัน

เป็นเรื่องของ ร็อคเกอร์หนุ่ม อีกท่านหนึ่งที่กลายเป็นข่าวโด่งดังในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา

เสก โลโซ หรือ เสกสรรค์ ศุขพิมาย 

นักร้องหนุ่มที่เป็นไอดอลขวัญใจของวัยรุ่นไทยมานานนับทศวรรต

ด้วยบุคลิกภาพที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น ไม่เหมือนใคร 

บทเพลงที่เขาร้องก็ถ่ายทอด ความเป็นตัวของตัวเอง ออกมาแบบไม่ได้ปกปิดเสแสร้ง 

รวมถึงภาพลักษณ์และไลฟ์สไตล์ที่ใครๆก็อาจจะมองเขาว่าเป็น แบดบอย ของวงการ

เพราะที่ผ่านมาชื่อของเขาก็มักจะปรากฏ โลดแล่นอยู่บน พื้นที่ข่าวทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ให้เราได้ฮือฮาอยู่เป็นประจำ



ไม่ว่าจะเป็นการแสดงบนเวที ที่เสก โลโซ ก็แสดงอินเนอร์ของศิลปินแนวร็อคแอนด์โรล์

ออกมาให้แฟนๆหน้าเวที ได้เสพสัมผัส วิถีแห่งร็อคเกอร์ อยู่เป็นประจำ

หรือจะเป็นเรื่องราวชีวิตส่วนตัวที่หวือหวา โลดโผน ฮาร์ดคอร์

จนแทบจะต้อง ติดเรท ก่อนรับรู้รับฟังกันเลยทีเดียว  

เพราะชื่อของเขามักจะมักจะถูกมองว่า เป็นบุคคลที่ถูกจับตามองในเรื่อง นักร้องและยาเสพติด

ดังที่เราได้เคยได้อ่านเรื่องราวของเขาอยู่เนืองๆ



ในเรื่องทำมาหากิน เสกก็เป็น คนกล้าคิดกล้าทำ เป็นศิลปินนักร้องที่กล้าแหวกแนว

ที่จะทำธุรกิจจนทำให้เราฮือฮามาแล้ว ทั้งเรื่องจะทำทีมฟุตบอล 

ทำโทรศัพท์มือถือในแบรนด์ของตัวเอง หรือการจะเปิดร้านสะดวกซื้อ แข่งกับขาใหญ่ในตลาด



ด้วยพรสวรรค์และความพากเพียร ทำให้ชื่อของเสก โลโซ เป็นที่รู้จักในวงการเพลง

จากเด็กบ้านนอกธรรมดา ก้าวสู่เส้นทาง ซุปเปอร์สตาร์ แถวหน้าของเมืองไทย



ชีวิตของเสก ถ้าหากเป็น นักรบ ก็ผ่านทั้งศึกเหนือเสือใต้มาแล้วโชกโชน

แต่หากเป็น นักรัก ก็มีลูกเล่นลีลาไม่แพ้ขุนแผนในวรรณคดี 

หรือในวังวน นักเลง เขาก็ขีดเขียนบรรเลงชีวิตตนเองให้คนรอบข้างได้รับรู้ ได้สัมผัสมาแล้ว



แน่นอน ชีวิตทุกคนต้องเคยก้าวพลาด เคยเดินผิดทาง 

เสก ก็เป็นแค่คนธรรมดาที่เคยทำผิดพลาดพลั้งมาก่อน จะโดยตั้งใจ หรือ ประมาท ก็ตามที

แต่คนที่พร้อมให้โอกาสแก่เขาก็มีไม่น้อย แต่หลายคนก็ตั้งท่ารังเกียจ

แต่ด้วยความเป็นร็อคสตาร์ คำว่า ฉันไม่แคร์ ก็เลยเป็นคำเอาไว้ปลุกปลอบใจตัวเขาเองตลอดมา

ความสุขหรือความทุกข์ในชีวิตเขา เขาเลือกเอง เขาขอลิขิตชีวิตตนเอง แบบ ใจสั่งมา



สองร็อคเกอร์ สองสไตล์ สองวิถี สองแนวทาง

ที่เขียนมาไม่ใช่ว่าจะเลือกที่จะรักเลือกสรรเสริญ ตูน หรือเลือกที่จะตำหนิ เสก

เพราะ เราจะเอามาตรฐานของเรา ไปตีค่าตีราคาของใครไม่ได้เลย 

มันคนละบริบท คนละกรรม คนละวาระ ต่างคนต่างทำ

ไม่ใช่ให้มองว่า ใครดีใครเลว กว่ากัน



แต่อยากให้เอา ชีวิตและการกระทำ ของทั้งสองท่านนี้เอาไปเป็น บทเรียน

เอาไปเป็น ครู สอนตน



ชีวิตมีสองด้านเสมอ ไม่ว่าเขาจะเป็นแค่ คนเดินดิน หรือจะเป็น ซุปเปอร์สตาร์

หัดเรียนรู้จิตใจและกิเลสฝ่ายดีและฝ่ายเลวในตัวตนของเรา อยู่เสมอจะดีไม่น้อย

ตูน บอดี้สแลม เลือกที่จะเดินตามหา แสงสุดท้าย ในจิตใจตน ค้นหาตนเอง

เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นๆ 

เสก โลโช ก็เลือกเดินทางตาม ความเชื่อและศรัทธา ของเขาแบบ เมื่อใจสั่งมาข้าก็จัดไป..



ในโลกของธรรมะ ย่อมไม่มีใครผิดใครถูก 

เพราะมีแต่ ธรรมชาติแห่งความปรุงแต่ง ที่กำลังก่อตัวขึ้นในเบื้องต้น ดำเนินไปในท่ามกลาง

และสุดท้ายก็ต้องจอด ต้องจบ แยกย้ายกันไปในที่สุด

ไม่มีเคยอะไรที่เป็น ของจริง สักอย่าง   มีแต่เราที่หลงเข้าไปยึด เข้าไปถือมันเองทั้งนั้น..



ชีวิตของเรา หากจะเอาไปเปรียบเทียบกับชีวิตของเหล่าซุปเปอร์สตาร์ ก็ไม่น่าจะผิดอะไร

พวกเขามี ความฝันมีความเชื่อ ของเขา เราก็มีเหมือนกัน..

แต่เราจะเลือกเดินทางไหน ก็เป็นสิทธิ์ของเรา 



การทำดีนั้น ดี ทำชั่วนั้น ชั่ว จริงแท้แน่นอน สุดแท้แต่เราจะเลือกเดิน

ว่าจะส่งชีวิตของเราเข้าไปสู่ แสงสุดท้ายแบบใจสั่งมา แบบพี่เสก พี่ตูน

หรือจะ ยอมจากโลกนี้ไปแบบ โลว์โปรไฟล์ ไร้คุณค่า มันก็เรื่องของเรา เราลิขิตเอง..



ขอขอบคุณเจ้าของรูปสวยๆทุกรูปครับ




Create Date : 20 มกราคม 2561
Last Update : 20 มกราคม 2561 15:18:22 น.
Counter : 1153 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]