กรกฏาคม 2560

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
16 กรกฏาคม 2560
All Blog
หมื่นคำลา




ตอนที่ผู้เขียนตั้งใจจะลงมือพิมพ์บทความนี้

ก็เป็นเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะข้ามวันใหม่อีกแล้ว

ไม่ใช่ว่านอนไม่หลับนะครับ 

แต่แค่มีกำลังใจอยากจะเขียนอะไรให้ คนชอบนอนดึก อ่านดูเล่นๆ



เมื่อก่อนนั้นผู้เขียนเคยคิดว่า การปฏิบัติธรรม นั้นเป็นเรื่องการการเข้าวัดเข้าวา

ไปฟังหลวงพ่อหลวงตาเทศนาธรรมะ แล้วก็นั่งหลับตา ทำสมาธิสวดมนต์

เป็นเรื่องของคนแก่คนเฒ่า ไม่ใช่เรื่องของเด็กๆคนหนุ่มคนสาวอย่างเราในสมัยนั้น..


ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่า ชาวพุทธคืออะไร..?

และเราจะต้องปฏิบัติตนอย่างไรให้สมกับการเป็น พุทธศาสนิกชน 



ภาพที่วนเวียนอยู่ในความคิดคำนึงเกี่ยวกับพระกับเจ้า เป็นเรื่องของ ความขลัง

ความศักดิ์สิทธิ์ การรดน้ำมนต์ การปลุกเสก พระเหรียญเก่าๆที่อุตสาห์นำมาคล้องคอ

ก็เพื่อป้องกันผีสาง ตามความเชื่อแบบเด็กๆซะนี่..


ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานบุญ งานแต่ง งานตาย ก็กลายเป็นวาระแห่งการรวมมิตรพวกลิงทะโมน

หาได้เป็นเรื่องน่าโศกเศร้า หรือน่าสำรวมจิตใจไม่



ศีลห้าข้อ ที่พอจะท่องจำได้ ก็เป็นแบบจำผิดจำถูกสลับข้อ สลับคำมั่วไปหมด

เพราะท่องจำกันมาแบบนกแก้วนกขุนทองแท้ๆ ไม่เคยเข้าใจถึงความหมายของมันจริงๆ



หรือแม้แต่ตอนที่คุณยายของผู้เขียนเสียชีวิต ขณะนั้นผู้เขียนได้อายุประมาณสิบขวบ

คุณแม่ของผู้เขียนได้ขอร้องให้ผู้เขียนกับญาติวัยเดียวกันให้ บวชหน้าไฟ ให้คุณยาย

ขอร้องแกมบังคับ เพื่อเป็นการทำบุญให้ยายในฐานะหลานชาย

ผู้เขียนก็แค่นึกสนุก อยากลองเป็นเณรดูบ้างแค่นั้น 

จึงตกลงรับปากอย่างง่ายดาย..



แล้วก็รู้ว่า ชุดยูนิฟอร์มของพระเณร นั้นไม่สนุกเลยที่จะสวมใส่

แถมยังโดนดุอยู่บ่อยๆว่า ให้สำรวม อย่ากระดุกกระดิกเกาโน้นเกานี่จนดูไม่น่าศรัทธา



แต่เมื่อโตขึ้นพ้นผ่านช่วงวันวัยแห่งความซุกซน

ความทรงจำเก่าๆ กับภาพแห่งความสนุกสนานกลายเป็นแค่ร่องรอยของความสุข

เด็กน้อยที่เติบโตผ่านท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของชีวิต

จากคุณยาย ต่อมาก็เป็นน้าชายคนสนิท ต่อมาก็เป็นคุนลุงพี่ชายของแม่

ล้มหายตายจากไป ผลัดใบหล่นร่วงไปทีละคนๆ..



และแล้วก็มาถึงคนที่ใกล้ตัวที่สุดอย่าง คุณพ่อ ซึ่งก็ไม่พ้นกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ

ก็มาจากไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ..



ความเข้าใจชีวิตที่เพิ่มพูนขึ้นผ่านการเรียนรู้จากการสูญเสีย

ทำให้เกิดคำถามในใจว่า อีกไม่นานก็คงเป็นคราวของเรา เหมือนกันสินะ..



เมื่อเริ่มคิดได่ว่า ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน..

ความเป็นจริงคือ เราต้องตายแน่ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว..



ถามตัวเองว่า ยังเหลือ งาน อะไรอีกที่เราควรทำก่อนตาย แล้วเรายังไม่ได้ทำ..



อารมณ์นั้นไม่ได้คิดกลัวตายแต่อย่างใด..

เพียงแต่เริ่มคิด เสียดาย วันเวลาที่ผ่านมา วันเวลาที่เราใช้จ่ายมันอย่างสุรุ่ยสุร่ายที่สุด..

นึกแล้วก็น่าเขกกระโหลกตัวเองแรงๆ ที่มัวแต่ทำภาระกิจที่หาสาระแก่ชีวิตไม่ค่อยได้..

ไปดิ้นรนค้นหาความมั่งคั่งทางกาย แต่จิตใจกลับสั่นคลอนหวั่นไหวเสียยิ่งกว่า 

เศษทรายในพายุหมุน..



กว่าจะจับจุดได้ เริ่มพอมองเห็นว่า สาระของชีวิต อยู่ที่ตรงไหนก็แทบจะแก่เกินแกง

เพิ่งมารู้ตัวว่า ของดี อยู่ใกล้ๆตัวนี่เอง หาได้อยู่ที่ไหนไม่..

ธรรมะ ความเป็นจริงของชีวิต สัจธรรม ที่แท้มันอยู่กับเรามานมนาน..

อยู่กับเราทุกลมหายใจ..



ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เอาน่า.. ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่ม

คิดเสียว่า ที่ผ่านมาเรายังโง่อยู่มาก โง่ที่ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร..



มาถึงวันนี้ คำว่าพุทธะ คำว่าศาสนิกชน ได้เพิ่มความพยายามที่จะเป็นนักเรียนที่ตั้งอกตั้งใจ

ไม่ดื้อรั้น ไม่เกี่ยงความรู้ที่ ครูชีวิต ที่ชื่อว่า สังขารร่างกายจิตใจ นี้

เขาจะสอนวิชาอะไรให้เรา ก็เอาทั้งหมด..


ยอมวางความรู้ชุดเก่าๆที่เคยสั่งสมมาทั้งชีวิต กองเอาไว้ตรงหน้า

แล้วก็เปิดใจรับ ความเป็นเช่นนั้น ให้เข้ามาฝากฝังในจิตวิญญาณ

เผื่อสักวันจะได้หายโง่เหมือนกับครูบาอาจารย์ทางธรรมท่านอื่นๆบ้าง..



ชีวิตที่ผ่านมา แล้วก็กำลังผันผ่านไป รวดเร็วเหมือนสายลม

หากรู้ว่า ความตาย จะมาปรากฏ มาชักชวนให้ทิ้งภพภูมิแห่งนี้ไป ในวินาทีนี้..

ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรแล้ว..



ถ้าจะเสียดาย ก็คงเป็นแค่เพียง เรื่องที่ยังไม่ได้บอกลา ครอบครัว คนรัก เพื่อนเก่า..

ผู้มีพระคุณ ที่เคยอบรมเลี้ยงดู ที่เคยให้ความรักความเข้าใจตลอดมา..



หากเป็นไปได้ก็อยากจะเดินไปเคาะประตูหน้าบ้าน เพื่อบอกลา ทุกคน..

ไปขอบคุณ ไปโอบกอด ไปก้มกราบครูอาจารย์ ไปขอบใจไมตรีแห่งมิตรภาพ

ให้ถึงหูของทุกคน ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่ทอดทิ้งกัน




แต่พระยามัจจุราชท่านจะยอมให้ทำอย่างนั้นหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้..



เพราะเพียงแค่ หนึ่งคำลา หนึ่งลมหายใจ ก็ยังไม่อาจไปต่อรองกับเขาได้..

นับประสาอะไรกับการที่จะไป พรั่งพรูสายน้ำแห่งคำร่ำลา ให้หมดเปลืองเวลาทำงานของท่าน..



เพราะไม่ว่าเราจะรักจะหวังดีต่อกันแค่ไหน  สุดท้ายก็ต้องจากกันไปอยู่ดี..

หมื่นคำลา หรือจะสู้เพียง หนึ่งวินาที่ แห่งความสำเร็จ ที่พากเพียรฝึกฝนอบรมจิตใจตนเอง

ให้ก้าวผ่านพรมแดนแห่งโลกสมมุติ เข้าสู่ความร่มเย็นแห่งกระแสพระนิพพานได้..

จนปลดภาระ ปลดความโง่เขลา ที่พันธนาการ จองจำชีวิตเรามาชั่วกัปป์ชั่วกัลป์..

จะไม่ดีกว่าหรือ..?




ขอขอบคุณเจ้าของรูปสวยๆทุกรูปครับ




Create Date : 16 กรกฎาคม 2560
Last Update : 16 กรกฎาคม 2560 2:40:49 น.
Counter : 2089 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]