กันยายน 2557

 
1
3
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
17
19
21
22
23
24
25
27
29
30
 
 
All Blog
ข่าวร้ายที่รอคอย ตอน สอบตกวิชาชีวิต 3

 " ผลเลือดของ อาจารย์วรพงษ์ ไม่ดีเลยครับ..เซลล์มะเร็งเติบโตเร็วกว่าที่ผมคาดไว้.." หมอวิชัย พูดกับ แพรพรรณ พร้อมชี้ให้ดูผลการตรวจเลือดในแผ่นกระดาษ สีหน้าที่แสดงถึงความกังวลใจจนต้องยกมือขึ้นมาลูบคางตนเองเบาๆ ทำให้ แพรพรรณ ต้องรีบเอ่ยถามนายแพทย์ผู้รักษาสามีของตนอย่างร้อนรนใจ " แล้ว..แล้วเราจะทำอย่างไรต่อคะหมอ " หมอวิชัย ถอนหายใจยาวพร้อมพูดว่า " ทีแรก ผมจะลองให้ อาจารย์วรพงษ์ ทานยาต้านการเติบโตของมะเร็งไปชั่วคราวก่อน แต่ดูแล้วเห็นจะไม่ทันการครับ เราคงต้องใช้ ยาแรง กับคนไข้ดู.. แต่.." " แต่อะไรคะ คุณหมอ " แพรพรรณ ถามอย่างร้อนใจ " แต่การใช้ยาแรง พวกการฉายรังสี หรือ การใช้เคมีบำบัด จะมีผลต่อคนไข้ไม่มากก็น้อย ครับ และผลการรักษาอาจจะไม่ได้ผลเต็มที่นักหากร่างกายของตนไข้เกิดต่อต้าน สารเคมีที่เราต้องเอาไปทำลายเซลล์มะเร็ง และอาจทำให้เซลล์ที่ดีบางส่วนของร่างกายต้องตายลงไปด้วย " แพรพรรณ ฟังแล้วรู้สึกว่าทางเลือกของเธอมีน้อยเหลือเกิน และไม่แน่ใจว่า สามีของเธอจะยินดีรับการรักษาแบบนี้หรือไม่..

หมดทางเลือก

วรพงษ์ นอนนิ่งฟัง แพรพรรณ อธิบายเรื่องที่ หมอวิชัย แนะนำอย่างไร้คำถาม เพราะเขารู้ดีว่าเวลานี้ร่างกายของเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นี่แค่กลับไปทำงานยังไม่ถึงสองอาทิตย์ เขายังต้องถูกหามเข้าโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเลแบบนี้ แล้วเขาจะมีทางเลือกอื่นอีกหรือ..? " พี่กลัวนะแพร..พี่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างนี้มาก่อน..พี่เคยรู้มาว่าคนที่รักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีนี้ เจ็บปวดทรมานมาก พี่ไม่รู้ว่าพี่จะทนไหวหรือเปล่า.." วรพงษ์ พูดแบบคนหมดหนทาง แพรพรรณ ได้ยินแล้วถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกสงสารสามีขึ้นมาอย่างจับใจ คนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรอย่าง วรพงษ์ กลับเอ่ยปากยอมรับความจริงที่กำลังเผชิญหน้าอย่างหวาดหวั่น เธอไม่รู้ว่าสรรหาคำพูดใดมาปลอบประโลมใจสามีหล่อนนอกจาก ยื่นมือทั้งสองช้างไปเกาะกุมมือที่ซีดเผือกของสามีเธอไว้ พร้อมพูดว่า " ถ้าพี่พงษ์ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำก็ได้นะคะ แพรจะไปบอกคุณหมอให้เอง.." " ไม่ต้องหรอกแพร.. พี่จะลองดู..ดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย.."

ทุกขเวทนาที่ไม่เคยเจอ

ภายหลังการรักษาโดยเคมีบำบัด และการฉายรังสี ไม่นานนัก วรพงษ์ มีอาการคลื่นใส้อาเจียนอย่างหนักจนคุณหมอและพยาบาลต้องให้ยาระงับอาการเป็นการใหญ่ วรพงษ์ รู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนเหมือนโดนไฟแผดเผารับรู้ถึงความทุกทรมานอย่างมาก เจ็บปวดไปทั่วร่างกายจนต้องร้องโอดโอยอย่างไม่อายใคร แพรพรรณ แม้จะทำใจมาล่วงหน้าหลายวันยังอดสงสารสามีของเธอไม่ได้ น้ำตาแห่งความทุกข์ของเธอหลั่งไหลมาไม่ขาดสายแม้ปากจะพร่ำพรรณาให้กำลังใจสามีอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนเวลาแห่งความทุกข์ทรมานของ วรพงษ์ มันช่างยาวนานยิ่งนัก จนเธออยากจะไปเป็นคนที่เจ็บปวดแทนหากเลือกได้ เธอจะไม่เกี่ยงงอนที่จะขอแบ่งความเจ็บปวดทรมานของสามีมาไว้ที่ตัวเธอบ้าง..

อาการของ วรพงษ์ เริ่มสงบลง มีแสดงอาการบ้างห่างๆนานๆครั้ง ทำให้หัวใจของ แพรพรรณ ได้พักผ่อนคลายความกังวลใจได้บ้าง เธอมองสามีที่หลับไหล อย่างสลดหดหู่ ในใจพาลคิดว่าหาก วรพงษ์ต้องจากเธอและลูกๆไป เธอจะทำอย่างไรดี ความคิดแบบนี้ไม่เคยปรากฏในสมองของเธอมาก่อนเลย แต่เวลานี้สถานการณ์แบบนี้ทำให้เธออดหวั่นใจลึกๆไม่ได้เลย..

นี่หรือตัวเรา

สามวันต่อมา วรพงษ์ เริ่มจะมีอาการดีขึ้นอาการอาเจียนเริ่มหายไปแต่ความรู้สึกเจ็บปวดยังมีอยู่ พอมีแรงที่จะเดินเข้าห้องน้ำเองได้บ้าง แพรพรรณ ใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นสามีของเธอเริ่มกลับมาทำกิจกรรมส่วนตัวได้บ้างแล้ว " แพรๆ " วรพงษ์ ร้องเรียก แพรรพรรณ เสียงดังในห้องน้ำ แพรพรรณ รีบวิ่งเข้าไปดูสามีอย่างตกใจ " แพร ดูสิผมของพี่.." วรพงษ์ ยื่นมือที่กำเส้นผมเป็นกระจุกของตนให้ภรรยาดู " ผมพี่ร่วงเยอะมาก น่าจะเป็นผลจากการฉายแสง " แพรพรรณ มองดู วรพงษ์ ที่ผมบนศีรษะ ร่วงจนบางเป็นหย่อมๆ แล้วถามเชิงเย้าว่า " พี่พงษ์อายหรือคะ " " พี่ไม่อายหรอกแพร แค่ดูตัวเองในกระจกแล้ว แปลกๆปรกติผมพี่ก็น้อยอยู่แล้ว เดี๋ยวมันคงหมดหัวแน่ " แพรพรรณ ยิ้มน้อยๆแล้วพูดว่า " เดี๋ยวผมมันก็งอกขึ้นใหม่ค่ะ หากพี่พงษ์ร่างกายแข็งแรงแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวหมดหล่อนะคะ " วรพงษ์ พูดแย้ง แพรรพรณ ว่า " พี่ไม่ห่วงเรื่องความหล่อหรือไม่หล่อแล้ว แค่ขอให้พี่หายจากโรคนี้ ก็คงไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้วหล่ะ ดูสิน้ำหนักพี่ลดลงไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้  สภาพไม่เหลือความเป็นครูอาจารย์เลย นี่ถ้าหัวต้องล้านอีกคงจะน่าเกลียดมากกว่าน่าดูแน่.." วรพงษ์ มองร่างกายของตนในกระจกเงา ชายหนุ่มร่างกายผอมบาง ใบหน้าคล้ำกร้าน ดูช่างไม่มีสง่าราศีเอาซะเลย นี่ถ้าเราไม่ป่วยเราจะได้เห็นตัวเราในรูปแบบนี้ไหมนะ..วรพงษ์ คิดอยู่ในใจ

พักกายพักใจ

ทางที่ทำงานของ วรพงษ์ อนุญาตให้เขาลาป่วยได้จนกว่าจะกลับมาทำงานได้ตามปรกติ ผู้บังคับบัญชาของเขาเข้าใจและเห็นใจในความโชคร้ายที่ วรพงษ์ ด็อกเตอร์หนุ่มไฟแรง และครอบครัวต้องประสบ และยังจ่ายเงินเดือนให้ตามปรกติ นั่นเป็นเพราะความดีที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ให้กับการทำงานจนเป็นที่ยอมรับต่อผู้บริหาร และเพื่อนๆอาจารย์ด้วยกันนั้นเอง..

ในสวนหย่อมของโรงพยาบาล วรพงษ์ ในชุดผู้ป่วยนั่งรถเข็นแบบนั่งโดยมี แพรพรรณ เป็นคนเข็นให้ช้าๆ วรพงษ์ เรียกร้องให้ภรรยาช่วยพาเขาเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกบ้างหลังจากที่หมกตัวอยุ่แต่ในห้องพักอยู่หลายวัน โดยแพทย์ที่รักษาก็อนุญาตให้เขาออกมาข้างนอกได้ แต่มีข้อแม้ว่าอย่าเข้าไปในที่มีผู้คนแออัด เพราะอาจจะติดเชื้อทางการสัมผัสและจะเจ็บป่วยได้ง่าย..

ในสวนหย่อมยามเย็น สายลมอ่อนๆโชยมาต้องผิวกายแผ่วๆ วรพงษ์ ไม่ได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้นานเท่าไหร่แล้ว ชีวิตเขาทุ่มเทให้กับงานที่เขารัก และเชื่อว่างานหนักไม่เคยทำร้ายใคร ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้ามีความหมายมากกว่าการมาเดินกินลมชมวิวแบบนี้แน่ แม้กับลูกน้อยทั้งสองเองเขาก็แทบไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเขาสักเท่าไหร่ บ่อยครั้งที่กลับมาถึงบ้านเด็กๆก็เข้านอนกันหมดแล้ว หากตอนนี้ลูกๆของเขามาอยู่ที่นี่ เด็กๆก็คงจะสนุกสนานกับผืนหญ้าเขียวๆแบบนี้แน่..

เด็กน้อยกับผีเสื้อ

" แม่คะๆ เร็วๆค่ะ มันจะบินหนีไปแล้ว.." เสียงเด็กน้อยร้องเรียกแม่ของตนแว่วผ่านมาเข้าหูของ วรพงษ์ " อย่าวิ่งสิลูกเดี๋ยวหกล้มหรอก.." ผู้เป็นแม่ร้องตามหลังเด็กน้อย " แม่ขา เจ้าตัวนี้มันสวยมากเลย หนูจะขอจับมันเอาไว้ที่ห้องได้หรือเปล่าคะ " เด็กหญิงขอคุณแม่ของเธอ " ไม่ได้หรอกลูก คุณหมอเขาไม่ให้เอาแมลงเข้าไปในห้องนะลูก " ผู้เป็นแม่บอก " แต่ตัวนี้มันไม่ใช่แมลงนะคะ มันเป็นผีเสื้อต่างหาก.."เด็กน้อยแย้ง " ผีเสื้อมันก็เป็นแมลงชนิดหนึ่งนะลูก และมันก็ควรอยู่ในสวนดอกไม้กว้างๆมากกว่าอยู่ในห้องแคบๆนะลูก.." แต่หนูรักมันนะคะ.." เด็กน้อยอ้อนต่อ " แต่พวกดอกไม้ก็รักผีเสื้อเหมือนกันนะลูก หากมันต้องจากกันดอกไม้มันก็คงเสียใจแน่ๆ ลูกอยากให้ดอกไม้ร้องให้หรือ.." " ไม่คะ หนูไม่อยากให้ดอกไม้เสียใจคะ " เด็กน้อยพูดเสียงอ่อย " ดีแล้วจะลูก แม่รู้ว่าลูกก็ชอบดอกไม้สวยๆใช่ใหม..?" ผู้เป็นแม่ถาม " ใช่ค่ะ " " ดอกไม้ถ้าไม่มีผีเสื้อ ก็จะไม่มีคนช่วยผสมพันธุ์ให้ พวกดอกไม้ก้จะค่อยๆตายไปทีละดอกทีละดอก แล้วลูกรู้หรือไม่ว่า ผีเสื้อมันอายุสั้นมาก แค่ไม่กี่วันมันก็ต้องตาย มันเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ของมันให้สมบูรณ์ แล้วถึงมันต้องตายแต่มันก็รู้ว่า งานของมันจบแล้ว ทำหน้าที่ของมันเสร็จแล้ว.." เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ให้สมบูรณ์หรือ..? วรพงษ์ ได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ของเด้กน้อยพูดแล้ว สงสัยนัก ผี้เสื้อยังเกิดมาทำหน้าที่ของมันก่อนตาย แล้วเราหล่ะต้องทำอะไรบ้างก่อนตาย..? แล้วงานอะไรที่เรายังทำไม่เสร็จ จริงๆแล้วคนเราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่อะไรกันนะ.. หรือเกิดมาเพื่อที่จะต้องมาเจ็บป่วยแล้วก็ต้องตายเหมือนที่เรากำลังเจออยู่อย่างนั้นหรือ..?




Create Date : 20 กันยายน 2557
Last Update : 21 กันยายน 2557 0:28:35 น.
Counter : 1296 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]