|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
กินอย่างประหยัด
ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ ได้มีสารคดีเกี่ยวกับพระกรณียกิจมากมายทางโทรทัศน์ รวมไปถึงสัมภาษณ์ผู้ที่เคยทำงานรับใช้พระองค์ท่าน เช่น หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ซึ่งมีคำสอนหลายๆ อันที่ผมว่าเราน่าจะเอามาใช้ แต่ก่อนอื่นเรามาดูพระประวัติโดยย่อของท่านกัน
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เป็นพระธิดาพระองค์แรกในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระนามแรกประสูติตามที่โรงพยาบาลตั้งถวายคือ May ซึ่งเป็นเดือนที่พระองค์ประสูติ ต่อมาเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามว่า หม่อมเจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนา มหิดล (คำว่า "วัฒนา" ในพระนาม ทรงตั้งตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี) หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายแก่ประเทศชาติ เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีโครงการในพระอุปถัมภ์หลายร้อยโครงการ ทั้งด้านการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ การแพทย์และการสาธารณสุข การต่างประเทศ การศาสนา และอื่น ๆ ทั้งนี้พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการเขียน ด้านการกีฬา และด้านการถ่ายภาพ
พระองค์ทรงมีพระอาการผิดปกติเกี่ยวกับพระนาภี (ท้อง) และได้เข้าประทับรักษาพระอาการประชวร ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 พระอาการประชวรได้ทรุดลงตามลำดับ และสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 02.54 น. สิริพระชนมายุ 84 พรรษา
พระประวัติอ้างอิงจาก //th.wikipedia.org
หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยท่านตามเสด็จไปดูงาน ท่านมักได้รับคำสอนที่ว่า เวลาทานอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารราคาถูก แำพง อาหารแบบไหนก็ตามต้องทานให้หมด บุฟเฟ่ต์ก็เช่นกันตักมาแล้วต้องทานให้หมด ไม่ใช่คิดว่าเสียเงินแล้วต้องตัก เยอะๆ
ถ้าพูดถึงคำสอนที่ชอบ คงไม่พ้นการ "กินอย่างประหยัด" กินอย่างประหยัดไม่ได้หมายถึงห้ามกินอาหารราคาแำพง แต่หมายถึง ซื้อมาแล้วกินให้หมด ไม่ว่าอาหารนั้นจะราคาถูกหรือแำพงก็ตาม ลองคิดดูเล่นๆ ว่า 1 คนกินข้าวเหลือ 1 คำ ถ้า 1 ล้านคน ก็ 1 ล้านคำ ในโลกนี้ยังมีคนอดอยากอีกมาก เราควรนึกถึงจุดนี้ด้วย ไม่ควรกินเหลือทิ้งขว้าง
แต่ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยทานข้าวแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เห็นแล้วก็เสียดายแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอ้พวกที่ชอบบอกว่า "ข้าเป็นคนดี รักพระเจ้าพี่นาง" แต่ไม่นำคำสอนท่านมาใช้ ที่คุนหมิงเห็นหลายคนละ เจริญจริงๆ ท่าน...
โทษของการกินเหลือ เท่าที่ผมสรุปได้ 1.สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ - เนื่องจากสั่งอาหารมามากเกินความต้องการ (ห่อกลับบ้านได้ก็จะดีครับ สำหรับข้อนี้) 2.อาหารเหลือส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน - มาจากก๊าซในอาหารที่ทานไม่หมด 3.อาจโดนปรับ - บางแห่งมีกฎข้อนี้ แต่เราอาจไม่ทันได้สังเกต โดยเฉพาะพวกบุฟเฟ่ต์
Create Date : 05 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2551 13:23:04 น. |
|
37 comments
|
Counter : 2130 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ดอยปุย วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:22:26 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:40:40 น. |
|
|
|
โดย: Takaw (Takaw ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:09:27 น. |
|
|
|
โดย: คนขับช้า วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:38:03 น. |
|
|
|
โดย: =Lord Gary= วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:19:46 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:30:51 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:47:08 น. |
|
|
|
โดย: zalitalin วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:14:15 น. |
|
|
|
โดย: ladysamui วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:39:53 น. |
|
|
|
โดย: Cheerfully วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:53:18 น. |
|
|
|
โดย: รวิษฎา วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:05:29 น. |
|
|
|
โดย: nanalove วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:21:57 น. |
|
|
|
โดย: mingxing วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:38:48 น. |
|
|
|
โดย: SunBlog วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:05:16 น. |
|
|
|
โดย: mamminnie วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:13:59 น. |
|
|
|
โดย: พัท (Il Maze ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:30:42 น. |
|
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:39:40 น. |
|
|
|
โดย: น้องเบจัง วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:31:32 น. |
|
|
|
โดย: นู๋แป๋ว (nupaew ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:45:27 น. |
|
|
|
โดย: joblovenuk วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:30:15 น. |
|
|
|
โดย: Seabed วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:30:37 น. |
|
|
|
โดย: boPenguin วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:40:00 น. |
|
|
|
โดย: โลมาตกกระ วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:45:48 น. |
|
|
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:09:53 น. |
|
|
|
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:27:07 น. |
|
|
|
โดย: นายต่อ Ver. ต่างแดน (toor36 ) วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:19:11 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:03:17 น. |
|
|
|
โดย: Hobbit วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:03:36 น. |
|
|
|
โดย: zalitalin วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:49:00 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:50:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ค่อยจะดีเท่าไร
อย่างข้าวกล่อง ถ้าอยู่บ้าน
จะกินได้สองรอบเลย
กินไม่หมดเก็บเข้าตู้ไว้ก่อน
แต่ถ้าไปทำงานบางที
กินไม่หมดก็คือกินไม่หมดอ่ะ
แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่กินของแพงอยู่แล้ว
มื้อละ 20 บาทขาดตัว น้ำไปกดตู้
เอาที่ทำงานแทน