Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
28 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

20080428 วิพากษ์ CHELSEA vs MAN UTD

สวัสดีครับ ก็ผิดหวังกันไปสำหรับแฟนๆเร้ดอาร์มี่ที่คอยชมคอยเชียร์อย่างใจจดใจจ่อกันนะครับ ทั้งๆที่ท่านเซอร์ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่าจะบุกไปอัดเชลซี คว้าแชมป์คาสแตมฟอร์ด บริดจ์แท้ๆ แต่กลับส่งนักเตะก้ำกึ่งลงสนามอีกแล้ว แล้วก็พบกันฝันร้ายจากลูกจุดโทษท้ายเกมทำให้พ่ายแพ้ไปอีกจนได้ นี่เท่ากับว่าสี่นัดหลังสุดในลีก เราเก็บชัยชนะได้แค่หนึ่งนัดเท่านั้น ทำให้สิบสองแต้มเต็มๆ คว้ามาได้เพียงแค่ห้าแต้ม หากจะอนุญาตให้นับรวมเกมเยือนคัมป์นูเข้าไปด้วย ก็จะกลายเป็นห้านัดหลังสุด ชนะหนึ่ง เสมอสาม แพ้หนึ่ง เครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่มเทิ่มสำหรับทีมในตอนนี้ก็คือ นี่คือฟอร์มของทีมที่กำลังลุ้นสองแชมป์จริงหรือ?



ผมอาจจะเป็นคนส่วนน้อย ที่มีมุมมองเห็นด้วยต่อการจัดตัวและการวางแผนการเล่นของท่านเซอร์มาตลอดในช่วงเดือนสุดท้ายของการแข่งขันนี้ หลายคนโดยอาจจะเป็นแฟนๆส่วนมากเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมีสิทธิ์ที่จะคิดว่าท่านเซอร์ตัดสินใจผิด ซึ่งแต่ละคนก็มีสิทธิ์คิดไปตามมุมมองของตนเอง สำหรับผม คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เกมนี้น่าจะเป็นตัวสำรองค่อนทีมค่อนข้างแน่ และจะมาเน้นรับด้วย ก็คือการลอกเกมแพลนที่คัมป์นูมาเล่นอีกครั้งนั่นเอง เพียงแต่จะเปลี่ยนผู้เล่นมาเป็นชุดผสม นั่นก็เพราะเงื่อนไขในการลงแข่งมันต่างกันเหลือหลายนั่นเอง ระหว่างจ่าฝูง และรองจ่าฝูง

ยูไนเต็ดนั้น ต้องเดินทางกลับจากสเปน ได้พักสองวัน เดินทางมาลอนดอนเพื่อลงเตะ ก่อนจะเดินทางกลับแมนเชสเตอร์ ได้พักอีกสองวัน เพื่อจะลงเตะชี้ชะตากับบาร์เซโลน่า ในขณะที่เชลซี เดินทางกลับจากลิเวอร์พูล พักสามวัน รอเตะกับแมนฯยูฯ ก่อนจะได้พักอีกสามวัน เพื่อรอเปิดบ้านรับลิเวอร์พูลอีกนัด ความสดค่อนข้างต่างกันพอสมควร ในขณะที่เงื่อนไขของผลลัพธ์ก็ต่างกัน ยูไนเต็ดต้องการเพียงผลเสมอ ก็เพียงพอต่อการเอ้อระเหยลอยชายต่อไปเรื่อยๆเพื่อคว้าแชมป์ ในขณะที่เชลซี หากยังต้องการถ้วยใบนี้ ก็ต้องสามแต้มเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่นให้เดินแต่อย่างใด

บนเงื่อนไขดังกล่าวนั้นเอง ที่ส่งผลให้การจัดตัวของท่านเซอร์ดูแปลกๆไปในหลายๆนัดที่ผ่านมา ซึ่งผมมองว่า เกมชี้ชะตาบอลลีกแมทช์แรกนั้น ท่านเซอร์ทำสำเร็จไปแล้ว ด้วยการเฉือนชนะอาร์เซนอลหวุดหวิด 2:1 เมื่อสองสัปดาห์ก่อน พร้อมทั้งสามารถทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศถ้วยหูโตได้สำเร็จ ทำให้ท่านเซอร์อาจจะมองว่า เขาสามารถที่จะเลือก สามารถที่จะวางแผนการเล่น วางแผนเกมในช่วงคาบเกี่ยวบอลยุโรปรอบรองกับบาร์เซโลน่าได้ง่ายขึ้น ในขณะที่เชลซีกลับต้องเคร่งเครียดกับผลการแข่งขันมากกว่าเราเยอะ ในช่วงที่ผ่านมา เพราะต้องคอยกวดไล่ยูไนเต็ดอยู่เต็มที่ และนั่นก็คือความแตกต่างที่ส่งผลต่อการจัดตัวและผลลัพธ์ในแต่ละเกมที่ผ่านๆไปในช่วงนี้นั่นเองครับ




ผมเองออกจะประหลาดใจพอสมควร เมื่อเห็นการจัดตัวในแผงหลัง ที่เลือกใช้ซิลแวสตร์ แทนที่จะเป็นเอวร่า เพื่อพักเอวร่าไว้ในรอบรองนัดที่สองเป็นการเลี่ยงใบเหลือง แต่นั่นก็สื่อให้เห็นว่า เกมกับบาร์ซ่า ท่านเซอร์มั่นใจว่า ต้องใช้เอวร่าเท่านั้น ในการหยุดเมสซี่และเดโก้ทางกราบ เอวร่าจึงได้พักในเกมนี้ ส่วนแผงกลาง เห็นชื่อเฟล็ทเชอร์ ก็แปลกใจมากเช่นกันที่ทีมแพทย์ยูไนเต็ด เร่งรักษาอาการบาดเจ็บจากหกสัปดาห์ กลายเป็นแค่สามสัปดาห์เท่านั้น ทำให้เมื่อวันเสาร์ เกมตรงกลางกลายเป็น คาร์ริค-เฟล็ทเชอร์-แอนนี่ มีตัวริมเส้นคือ กิ๊กส์ และนานี่ ให้รูนี่ย์เป็นหน้าเป้าคนเดียว ส่วนเชลซีนั้น ปราศจากแลมพาร์ด ที่ยังคงโศกเศร้าอยู่อย่างมาก ที่เหลือก็เป็นชุดใหญ่เท่าที่จะจัดได้

รูปเกมในครึ่งแรกนั้น หากไม่นับว่าต้องเปลี่ยนตัวนอกแผนเนื่องจากวิดิชโดนเข่าลอยจนเลือดกลบปากและมีอาการเมาเข่า ทำให้ต้องขยับบราวน์มายืนเซ็นเตอร์ และส่งฮาร์กรีฟส์ลงมาเป็นแบ๊คขวา รูปเกมโดยทั่วไป ยูไนเต็ดเน้นเกมรับมาก ดูไม่ต่างกับเกมที่คัมป์นูเลยด้วยซ้ำ เกมสวนกลับปราศจากพิษสงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคำสั่งจากผู้วางแผนนั้น ก็คือเน้นรัดกุมไว้ก่อน และไม่เสี่ยงเด็ดขาด ทำให้แผงหลังเชลซี รับมือกับลูกโจมตีสวนกลับได้ง่ายดาย เพราะยูไนเต็ดขึ้นมาเพียงสองสามคนเท่านั้น เลือกที่จะประกบและดักทางวิ่งได้ง่าย และเกมก็น่าจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดเก้าสิบนาที หากว่าบัลลัคไม่แอบสอดมาโหม่งเข้าเสาสองในนาทีสุดท้ายก่อนทดเวลา ที่ทำให้ยูไนเต็ดต้องปรับกระบวนในครึ่งหลังอย่างเสียไม่ได้

เมื่อเริ่มครึ่งหลัง ยูไนเต็ดมาปรับกระบวนเกมใหม่เล็กน้อยแต่ดูเหมือนเชลซีจะเปลี่ยนตัวเองไปมากกว่า จากการที่โหมบุกเพื่อทะลวงประตูให้ได้ในครึ่งแรก เมื่อทำสำเร็จ เชลซีก็กลับมาเล่นเกมจังหวะและเน้นแน่นอนมากขึ้นในครึ่งหลัง ยูไนเต็ดที่พร้อมเปิดเกมรุกมากขึ้นเพื่อหวังตีเสมอ จึงมีโอกาสครองบอลรุกเข้าใส่มากขึ้นเล็กน้อย และเริ่มดันเกมได้สูงขึ้นบ้าง แต่ประตูตีเสมอกลับได้มาจากความผิดพลาดของเชลซีทั้งดุ้น เมื่อเล่นฟรีคิกเร็วในแดนตัวเองทั้งๆที่เพื่อนยังไม่พร้อม ทำให้คาร์วัลโญ่ต้องรีบแปบอลคืนเช็ก แต่รูนี่ย์กลับโฉบเข้าตัดบอลไปได้ ก่อนจะเลี้ยงตะลุยเข้าไปยิงหนีมือเช็กได้สำเร็จ ทั้งๆที่มีอาการเจ็บท้องน้อยจนเดินไม่สะดวกอยู่ตลอดตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังมา



หลังจากนั้น เกมของทั้งคู่ก็กลับมาสูสีกันอีกครั้ง ผลัดกันรุกและรับอย่างสนุก ยูไนเต็ดกลับมาเล่นเกมรัดกุม และเหนียวแน่นอีกครั้ง ส่วนเชลซี ก็โหมเกมบุกเป็นระลอกๆ เกมสวนกลับของยูไนเต็ดเริ่มคายพิษสงมากขึ้น เมื่อโรนัลโด้ถูกส่งลงมาแทนรูนี่ย์ที่เจ็บ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนนอกแผนการที่วางไว้อีกแล้ว และส่งโอเชียลงมาแทนแอนนี่ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร จะเจ็บ หรือต้องการถนอมตัวก็ไม่ทราบ แต่จุดมุ่งหมายหนึ่งแน่ๆจากโอเชีย ก็คือ ลงมาเน้นแพ็คเกมตรงกลางมากขึ้นนั่นเอง เชลซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งอาเนลก้าลงมาแทนแฟร์เรย์ร่า เพื่อเติมเกมบุก แต่ยังทำอะไรแผงหลังยูไนเต็ดไม่ได้ จึงต้องส่งเชว่าลงมาแทนกาลูในช่วงสิบนาทีสุดท้าย

และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อคาร์ริคเข้าไปปิดทางเปิดลูกครอสจากกราบของเอสเซียง ผู้กำกับเส้นโบกธงเป็นสัญญาณว่าบอลถูกมือคาร์ริค ผู้ตัดสินจึงเป่าเป็นจุดโทษให้เชลซี ซึ่งบัลลัคสังหารเข้าไปไม่เหลือ เกมหลังจากนั้น ยูไนเต็ดเปิดเกมรุกบุกใส่ทันทีแบบไม่เหลืออะไรแล้ว เชลซีส่งมาเกเลเล่ลงมาโฮลด์บอลแทน โจ โคล ซึ่งเชลซีเองต้องสกัดบอลออกจากเส้นประตูถึงสองครั้งสองคราด้วยกันจากแอชลี่ย์ โคล และเชฟเชนโก้ จบเกมแบบทะลักจุดเดือดด้วยสามแต้มของเชลซี และทำให้แต้มรวมมาเท่ากันที่ 81 คะแนน โดยยูไนเต็ดมีลูกได้เสียดีกว่าอยู่เพียบ ทำให้อีกสองเกมที่เหลือ มือที่กำหูถ้วยอยู่ตอนนี้ก็ยังอยู่ในแขนเสื้อสีแดง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะพลาดอีกไม่ได้แล้ว เพราะถ้าพลาดอีก นั่นน่าจะเป็นการยื่นถ้วยให้เชลซีถือแน่นอนครับ



หลังเกม ผมค่อนข้างอึ้งๆเล็กน้อย เมื่อผลมาพลิกไปเป็นอีกอย่างในห้านาทีสุดท้าย ทั้งๆที่เรียกได้ว่า เราคุมทุกอย่างแทบจะอยู่ในกำมือตัวเองแล้วแท้ๆ นักเตะทุกคนทำงานได้ดีมาก อดทน และทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่เว้นแม้แต่ซิลแวสตร์ที่ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ทั้งๆที่เพิ่งได้ลงเป็นนัดที่สองเองมั้งในฤดูกาลนี้ บราวน์ และฮาร์กรีฟส์ก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ริโอและน้าซาร์เซฟเยี่ยมๆได้ตลอด ลูกที่เสียให้บัลลัคนั้นไม่ใช่ความผิดของแผงหลังเลย เมื่อบัลลัคแอบย่องมาเงียบๆจากนอกกรอบ โดยไม่มีมิดฟิลด์ตามมาด้วย ฮาร์กรีฟส์เองก็ประกบกาลูในกรอบอยู่แล้ว ทำให้ไม่เห็นบัลลัคที่สอดมาข้างหลัง ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นความผิดมิดฟิลด์ครับ ที่ปล่อยให้บัลลัคหลุดรอดสายตามาได้

เกมในนัดนี้ผมคงโทษอะไรไม่ได้ นอกจากความโชคร้ายเท่านั้น เพราะการเสียจุดโทษในลักษณะนี้ มันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ และเราก็ทำได้ดีที่สุดแล้ว เมื่อมองว่าเกมหนักกว่านี้ ยังรออยู่ในอีกสองวันให้หลังเท่านั้น ที่เวลาพักแทบจะไม่พอด้วยซ้ำ เพื่อคืนเรี่ยวแรงให้นักเตะได้กลับมาฟิตเต็มๆ เกมของเราจึงเน้นรัดกุมไว้ก่อน ไม่ได้ไม่เป็นไร ถ้าได้ถือเป็นกำไร และที่สำคัญ ผมว่านักเตะทุกคนก็ทำได้เต็มที่แล้วครับ ถ้าไม่มีลูกโทษลูกนั้น เราก็คงไปตำหนิใครไม่ได้แล้วแหละ ผมว่าอย่าเอาผลที่เกิดขึ้นหลังเกมมาวิจารณ์การจัดตัวที่เกิดขึ้นก่อนเกมเลยครับ เพราะถ้าเกิดยูไนเต็ดดันบุกมาชนะได้ ก็คงจะมีแต่คนชื่นชมท่านเซอร์ ว่าจัดทีมเก่ง เลือกแท็คติคเก่ง แต่พอผลออกมาแบบนี้ ก็มาบอกว่า ท่านเซอร์ตัดสินใจผิดซะอย่างนั้น




บนเงื่อนไขที่ผมเกริ่นไว้ก่อนข้างบนๆนี้ไงครับ ร้อยทั้งร้อย ทุกๆคนรู้กันอยู่แล้วว่าเงื่อนไขเดียวของเชลซีในเกมนี้คือชัยชนะเท่านั้น เพื่อต่อลมหายใจในการลุ้นแชมป์ของตัวเองออกไป เขาต้องบุกแน่ๆ หนักแน่ๆ อันนั้นผมว่าทุกๆคนรู้ และทุกๆคนก็รู้อีกเช่นกันว่า เกมวันอังคารกับบาร์ซ่าก็ยังห้าสิบ-ห้าสิบ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และทุกๆคนก็น่าจะรู้อีกแหละครับ ว่า บาร์ซ่าให้ข่าวออกมาก่อนเกมคอรุนญ่า ว่าพักตัวหลักแน่นอนเพื่อจะรอโซ้ยกับแมนฯยูฯ บนสามเงื่อนไขนี้ ผมเอง ถ้าเป็นกุนซือยูไนเต็ด ก็คงจัดทีมแบบท่านเซอร์นี่แหละครับ ถึงแพ้เกมนี้ เราก็ยังนำเชลซีด้วยครึ่งแต้มที่รู้ๆกันอยู่ และที่สำคัญ ผู้เล่นหลายคน ก็ยังจะสดอยู่ เพื่อดวลกับบาร์ซ่าในอีกสองวันให้หลังครับ ภาระที่สำคัญที่สุดที่ผมอ่านใจท่านเซอร์ก็คือ การจัดสรรทรัพยากรที่มี ให้ดีที่สุด ให้ลงตัวที่สุด และเสียหายน้อยที่สุด โดยที่ยังสามารถเล่นฟุตบอลได้ตามตารางการแข่งขันที่ชุกชุมนี้ได้อย่างมีลุ้นทุกๆนัด และผมก็มองว่า เกมกับเชลซีที่เพิ่งผ่านไปนั้น ก็มีลุ้นเต็มๆมิใช่หรือ หากไม่มีโชคร้ายดังกล่าว เราคงแฮปปี้กันไปแล้ว

เชลซีเองก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาแบกรับความกดดันได้ดีมากๆ ในเกมหนักๆที่ชี้เป็นชี้ตายการลุ้นแชมป์เช่นนี้ ผู้เล่นสตาร์ดังหลายๆคน ผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาเพียบ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องความกดดัน การเข้าหาบอล การไล่แย่งบอล และการเดินเกมรุกของพลพรรคสิงห์โตน้ำเงินคราม ทำได้น่ากลัวดีมาก โดยเฉพาะการทะลุทะลวงของโจ โคลและเอสเซียง มิเกลเองก็เด่นพอตัวตรงกลางสนาม ในแนวรับ จอห์น เทอร์รี่ และแอชลี่ย์ โคลคือพระเอกของเกม การเล่นของเชลซีที่โดดเด่นมากๆในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากแพสชั่นที่จะเล่นเพื่อแลมพาร์ด เพื่อแม่ของเขาที่เพิ่งจากโลกนี้ไปครับ แพสชั่นนี้ยังถูกแสดงออกมาในเกมหลายต่อหลายครั้ง ทั้งจากการทุ่มเท ความขยัน และกล้าแกร่งของผู้เล่นเชลซีหลายๆคน และนั่นก็เป็นอีกจุดที่อาจจะทำให้เทพีแห่งโชค เลือกที่จะหันหน้ามามองฝั่งสีน้ำเงินมากกว่าสีแดงในวันนั้น





ส่วนยูไนเต็ดเองคงต้องยอมรับว่า ความพ่ายแพ้นัดนี้ ส่วนหนึ่งก็คือเชลซีนั้นมีความมุ่งมั่นกว่าอย่างเห็นได้ชัดในการบุกเพื่อเล่นบอล เพื่อทำประตู ในขณะที่ยูไนเต็ดการเล่นเกมรับนั่นไม่ใช่จุดเด่นของทีมมาแต่ไหนแต่ไร การที่ท่านเซอร์ปรับแต่งทีมมาเพื่อเล่นเกมรับได้ขนาดนี้ ก็ต้องถือว่าทำได้ดีมากๆอยู่แล้ว ผมเองยังมองว่าหากปรับทีมนี้อีกสักหน่อย ให้สามารถเล่นรับได้ดีอย่างนี้ และสวนกลับได้คมๆกว่านี้ ทีมนี้จะน่ากลัวขึ้นมากครับ เพราะเกมนี้ กิ๊กส์ดูจะช้าเกินไปเยอะ ส่วนนานี่ ก็เร็วไม่รอเพื่อนฝูงเลย มันน่าจะจับมาฟิวชั่นกันจริงๆครับคู่นี้ ส่วนแอนนี่ก็มาๆหายๆ สามคนนี้ สนับสนุนรูนี่ย์ข้างหน้าได้น้อยเกินไป แกนรุกของเรา ยังมีปัญหาอย่างมากในการสวนกลับ เวลาเล่นหมากรับเต็มตัวแบบนี้จริงๆครับ แต่ถ้าเป็นหมากรับแล้วโต้ธรรมดา ที่กองกลางยังคงได้เล่นในเกมตัวเอง อันนี้ผมว่าสบาย แต่ถ้าเป็นเกมรับเต็มๆแบบที่กองกลางต้องเล่นเกมรับด้วย แล้วใช้ตัวรุกเดินหมากสวนกลับแค่สองสามคน อันนั้นเรายังอ่อนชั้นเชิงในการสวนกลับอยู่พอสมควรเลย

ส่วนการแก้เกมในวันนั้น ผมมองว่า การแก้เกมของกุนซือทั้งคู่ ยังไม่เสริมจินตนาการในการแก้เกมเท่าไหร่ครับ ของยูไนเต็ดดันเป็นการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า วิดิชเจ็บ รูนี่ย์เจ็บ ไม่มีทางเลือก ต้องถอดออกมา แล้วส่งตัวอื่นลงไป ผมถือว่านี่เป็นผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการวางหมากแก้เกมเลยทีเดียว ฮาร์โก้ต้องลงไปเล่นแบ๊ค ในขณะที่โรนัลโด้แทนที่จะได้เล่นร่วมกับรูนี่ย์ กลับต้องมาแทนกันซะได้ การแก้เกมมันเสียไปหมดแล้วจากการเจ็บของสองตัวหลัก ทำให้โอเชียต้องถูกส่งลงมาแพ็คเกมอีกคน ในขณะที่เชลซีเอง แกรนท์ ไม่ได้แก้แท็คติคอะไรเลย การเปลี่ยนตัวเพื่อเปิดเกมบุก ก็ไม่ได้แก้ไขรายละเอียดของเกมมาด้วย เป็นเพียงการเติมตัวรุกลงมาเท่านั้น ยิ่งเราเห็นว่า อาเนลก้าได้บอลนับครั้งได้ เชว่าต้องมาเล่นแบ๊คด้วยซ้ำ นั่นยิ่งตอกย้ำว่า ทำไม เชลซีถึงปิดเกมตัวเองไม่ได้ ในหลายๆนัด กลับถูกทะลวงประตูในนาทีสุดท้ายเป็นประจำ หากวันนี้ ไม่มี อ. โคล หรือเชว่า มาสกัดลูกใดลูกหนึ่งออกจากเส้น เชลซีคงน้ำตาตกไปแล้วครับ



สำหรับเกมต่อๆไป หลังจากเกมนี้ ผมคงไม่ขอพูดถึงล่วงหน้าอีกแล้ว ตั้งแต่เริ่มพูดถึงโปรแกรมที่เหลือรวมทั้งความน่าจะเป็น อะไรพวกนั้น เกมมันไม่ชนะเลยครับพับผ่าซีเอ้า.... เอาเป็นว่า ผมจะคุยแต่เรื่องเกมที่แข่งแล้วดีกว่านะครับ แหะ แหะ



สงบใจ




 

Create Date : 28 เมษายน 2551
3 comments
Last Update : 28 เมษายน 2551 9:47:53 น.
Counter : 454 Pageviews.

 

เข้ามาดู อิอิ

 

โดย: danya 28 เมษายน 2551 9:55:13 น.  

 

เศร้า เฮ้อ เสียดาย

 

โดย: อามู่ IP: 124.120.177.78 28 เมษายน 2551 11:07:58 น.  

 

ตามมาอ่านบล็อกครับ

นัดนี้ไม่ได้ดูสด พอคาดเดารูปแบบได้ แต่ผลออกมาไม่ได้อย่างที่อยากให้เป็นซะนี่..... เลยต้องลุ้นหนักเลย

 

โดย: proofman IP: 58.10.149.96 29 เมษายน 2551 14:31:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.