Bloggang.com : สงบใจ : ---ของเก่า 9 พฤษภาคม 2550--- เทียบฟอร์ม ชุดปัจจุบัน กับ ชุดสามแชมป์

---ของเก่า 9 พฤษภาคม 2550--- เทียบฟอร์ม ชุดปัจจุบัน กับ ชุดสามแชมป์

จากฤดูกาลที่ผ่านมาของทัพนักเตะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ถึงแม้จะคว้าแชมป์ได้หนึ่งถ้วย หรือ ดับเบิ้ล ก็ตาม แต่หากเรามองลงไปถึงคุณภาพทีม และแนวทางการเล่น รวมทั้งจิตใจของผู้เล่น ผู้จัดการทีมแล้ว เราคงต้องยอมรับว่า ทีมของเรา ยังคงต้องมีการปรับเปลี่ยนในอีกหลายๆจุด ซึ่งจะเป็นการง่ายกว่า หากเราจะมองให้เป็นรูปธรรม ด้วยการนำทีมชุดนี้ ไปเปรียบเทียบกับชุดทริปเปิ้ลแชมป์ปี 1999 ซึ่งทำผลงานได้อย่างสุดยอด ดังที่ผมจะได้วิพากษ์ให้ลองได้พิจารณากันครับ

1. ผู้รักษาประตู
1999 เป็น ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล
สำรอง : ฟาน เดอ ฮาว
2007 เป็น เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
สำรอง : คุสแซ็ค

ชื่อชั้น และเกียรติยศ ของฟาน เดอร์ ซาร์ คงไม่มีอะไรต้องมาวิจารณ์กัน แต่หากเทียบกับ ชไมเคิ่ลแล้ว ฝีไม้ลายมือโดยเฉพาะลูกมหัศจรรย์ ก็ดูจะด้อยกว่าเจ้ายักษ์เดนส์อยู่เล็กๆ เพียงแต่ว่า ด้วยฝีมือระดับ ฟาน เดอร์ ซาร์ แล้ว ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดูดีที่สุดในปัจจุบันแล้วครับ ไม่ต้องหาใครมาทดแทน ขอเพียงแค่ ผู้รักษาประตูมือสอง ที่แว่วๆว่า จะได้ ฟอสเตอร์ กลับจากการยืมตัว มา สแตนด์บาย แทนคุสแซ็คที่น่าจะกลับต้นสังกัดเขาไปในฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว หากเรามองว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ เหลืออายุการใช้งานอีกไม่นาน และ ฟอสเตอร์ ก็ได้ฝึกปรือฝีมือจนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษได้แล้วด้วย

ในใจผมหวังเพียงว่า การที่ฟอสเตอร์ต้องมาสำรอง ฟาน เดอร์ ซาร์ นั้น อาจจะทำให้เกิดอาการฟอร์มตก เพราะไม่ได้ลงสนามหรือเปล่าเท่านั้นเอง ซึ่งหากท่านเซอร์เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก็น่าจะสลับสับเปลี่ยนทั้งคู่ ให้ได้มีโอกาสลงสนามอยู่อย่างสม่ำเสมอ น่าจะช่วยได้ แถมเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับแผงหลังไปด้วยในตัว จะได้ไม่เกิดความสับสน เวลาต้องมายืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงครับ

สรุป: ฟาน เดอร์ ซาร์ ดีแล้ว หาแค่อะไหล่ชั้นดีเท่านั้น (ฟอสเตอร์ไงครับ)

2. แผงกองหลัง
1999 เป็น เออร์วิน ยอห์นเซ่น สตัม เนวิลล์
สำรอง : ฮิกเก้นบ๊อตท่อม, ฟิล เนวิลล์, เมย์, เบิร์ก
2007 เป็น เอวร่า วิดิช ริโอ เนวิลล์
สำรอง : บราวน์, ไฮน์เซ่, โอเช, ซิลแวสตร์

แผงหลังชุดปัจจุบันของเรานี่น่าจะเป็นชุดที่ดีที่สุด เท่าที่ท่านเซอร์ได้เคยทำทีมเรามาเลยนะครับ โดยที่ เอวร่า และ แกรี่ เนวิลล์ นั้น มีความหนักหน่วง แม่นยำ ห้าวหาญ แถมเติมเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม ถือเป็นคู่ฟูลแบ๊กที่น่าจะดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเชียร์มาก็ว่าได้ หากเราไม่นับช่วงปลายๆฤดูกาลที่หลายๆคน กลับมาจากอาการบาดเจ็บแล้วยังรีดฟอร์มเก่งออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควรนะครับ

ส่วนคู่เซ็นเตอร์นั้น ท่านเซอร์เอง ถึงกับเคยโปรยเอาไว้ว่า น่าจะเป็นคู่ที่ดีสูสีกันกับคู่ของ บรูซ และ พัลลิสเตอร์ อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ หากมองในด้านความเร็วในการวิ่งด้วย ทั้งคู่สามารถป้องกันลูกกลางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม แถมมีทีเด็ดในการขึ้นทำประตูจากกลางอากาศหน้าปากประตูคู่ต่อสู้ ในลูกตั้งเตะอีกด้วย

วิดิช มีความห้าวหาญ แกร่งกร้าว และสู้ไม่ถอย เป็นตัวชนตัวแรกที่ดีมาก แบ่งเบาภาระของริโอไปได้เยอะ โดยที่ริโอ มีสายตาในการอ่านเกมค่อนข้างเฉียบคม ทดแทนสปีดที่อาจด้อยกว่าวิดิช แต่สามารถดักทางคู่ต่อสู้ได้ดี คอยเก็บบอลจากการเข้าสกัดของวิดิชได้ยอดเยี่ยม

โดยรวมแล้ว ผมมองว่าแผงหลังชุดนี้ดีกว่าชุดปี 1999 ครับ เพียงแต่ตัวสำรองของชุดนี้ มีเพียง ไฮน์เซ่ เท่านั้นที่พอจะฝากผีฝากไข้ในระยะยาวได้ (ซึ่งบาดเจ็บยาววววว หายมาก็ฟอร์มตก) ซิลแวสตร์เองก็ฟอร์มตกมหาศาล แถมเจ็บยาวอีกด้วย ในขณะที่ชุดปี 99 นั้น มีเดวิด เมย์, ฟิล เนวิลล์, เฮนนิ่ง เบิร์ก ที่พอจะขึ้นมาทดแทนตัวหลักได้ โดยที่กองเชียร์ไม่ต้องหวาดเสียวหัวใจนัก

สรุป : ผมมองว่าเราควรมีกองหลังอาชีพ เป็นอะไหล่สำรองอีกคนหนึ่งครับ (ยิ่งถ้าคิดว่า ฟอร์มของไฮน์เซ่ กับซิลแวสตร์ จะกู่ไม่กลับ) โดยหากเป็นประเภทที่ยืนได้ทั้งเซ็นเตอร์ และฟูลแบ๊กได้ด้วย ก็ยิ่งดี หรือถ้าจะเอาบราวน์มาใช้ ก็ต้องเคี่ยวกันหนักหน่อยในช่วงปิดซีซั่นนี้ครับ ให้นิ่ง ให้หนักหน่วงขึ้น และอ่านเกมคู่ต่อสู้ให้ได้ดีกว่านี้ (หัวทิ่มประจำ... เซ็ง) หรือไม่งั้น ต้องดึงปีเก้ที่โชว์ฟอร์มได้ดีกลับมาซะทีแล้วล่ะครับ แต่ต้องเอามาปรับตัวกับบอลอังกฤษอีกระยะหนึ่ง

3. แผงกองกลาง
1999 กิ๊กส์ สโคลส์ คีน เบ๊คแฮม
สำรอง : บลอมควิสต์, บัตต์, กรีนนิ่ง, มัลไรน์, ครอยฟ์, แช้ดวิค
2007 กิ๊กส์ สโคลส์ คาร์ริค โรนัลโด้
สำรอง : เฟล็ทเชอร์, ริชาร์ดสัน, ปาร์ค

ผมมองว่า เป็นตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้เราสะดุดไปบ้าง ในนัดที่เราไม่ควรสะดุด อันนี้ น่าจะเนื่องมาจากการที่ผู้เล่นตัวหลักของเราในชุดปัจจุบัน สองคน จากสี่คน เป็นผู้เล่นในวัยร่วงโรย ไม่สามารถยืนระยะบดบี้กับคู่แข่งได้ตลอดติดต่อกันทุกๆสัปดาห์ อีกทั้งการที่เรามองกันว่า โรนัลโด้ดีกว่าเบ๊คแฮม ตรงนี้ก็เป็นอีกภาพลวงตา ที่ผมเองเห็นว่า โอเค โรนัลโด้อาจเก่งกว่าเบ๊คแฮมจริงครับ แต่ในแง่การสร้างประโยชน์ให้ทีม การสร้างความสมดุลให้ปีกทั้งสองข้าง และ สร้างความหลากหลายในการรุกนั้น โรนัลโด้เป็นรองเบ๊คแฮมเยอะครับ

การที่มีโรนัลโด้ในทีม ทำให้มิติการรุกของปีกสองข้างซ้ายขวา เป็นไปในทางเดียวกัน คือ กระชากลากเลื้อยเข้าไปจ่าย หรือยิงประตู ในขณะที่ถ้าเป็นเบ๊คแฮม จะมีเพิ่มอีกสองสามมิติ นั่นคือ จากการตั้งรับ เบ๊คแฮมสามารถรับบอลมาแล้ววางบอลยาวข้ามแดนกลางสนามอย่างแม่นยำให้คู่กองหน้าเข้าทำประตูได้ หรือเมื่อเขาได้บอลทางกราบ ก็สามารถเลือกที่จะตัดเข้าใน เพื่อจ่าย, เพื่อยิงลูกโค้งที่ถนัด หรืออาจจะเปิดเรียดเข้าไปที่กรอบโทษให้แถวสองเข้ามายิง, เปิดครอสเข้าปากประตูให้คู่กองหน้าโถมเข้าโหม่ง หรือแม้แต่ เลาะเข้าไปเอาฟาล์วหน้ากรอบ เพื่อจัดการลูกฟรีคิกที่ตนถนัด ทั้งนี้มาจากการที่เบ๊คแฮมมีความสามารถในการวางน้ำหนักและทิศทางบอลได้แม่นยำ แทบจะเป็นผู้เล่นแถวหน้าของโลกด้วยซ้ำในเรื่องการวางบอล

เมื่อแผงกลางปัจจุบัน ความหลากหลายน้อยลง รวมทั้งอายุอานามมากขึ้น การยืนระยะ และเปลี่ยนแนวทางการรุก จึงทำได้ไม่เต็มที่นัก ในขณะที่ตัวสำรองในชุดปัจจุบันเองนั้น ก็ขึ้นมาทดแทนได้ไม่เต็มประสิทธิภาพของตัวจริง ทำให้ในหลายๆนัด เราจะเห็นว่า เกมรุกดูตื้อๆเนือยๆ เจาะไม่เข้า โดนบีบอยู่แค่กลางสนาม แต่ไม่ว่าจะแก้เกมอย่างไร ก็ยังตื้อๆไปจนจบเกมนั่นแหละครับ โดยอาจจะมีในบางนัดที่อาศัยใจสู้ และพลังฮึด เข้าบดบี้ซะจนแผงหลังคู่ต่อสู้ เป๋ไปเอง และผิดพลาดให้เราได้ประตูในช่วงท้ายๆ

คาร์ริกนั้นเป็นตัวตัดเกมไม่ได้แน่นอน เพราะขาดความเร็ว และความหนักหน่วงในการเข้าสกัด แต่เพราะอ่านเกมได้ขาด ทำให้เขาสามารถเป็นผู้เชื่อมเกม และทำเกมรุกกลางสนามชั้นดีได้หากได้ประสบการณ์ตรงนี้เพิ่มอีกสักปีสองปี แต่จะให้ถึงกับเป็นจอมทัพบัญชาการเกมได้หรือไม่ ตรงนั้นต้องดูกันครับว่าอีกปีสองปี เขาจะพัฒนาได้ถึงระดับไหน
เฟล็ทเชอร์ จะเป็นตัวรับชั้นดีได้ ก็ต่อเมื่อเขาพัฒนาความหนักหน่วง ความเด็ดขาด และความหนาขึ้นมา ที่สำคัญที่เขายังขาดอยู่ก็คือ การมองเกม อ่านเกม เพื่อคาดการณ์สถานการณ์คู่ต่อสู้ให้ทันอยู่ตลอด ให้ดูกัตตูโซ่ เป็นตัวอย่าง การที่บอลตกตรงไหน จะเจอกั๊ตตลอด แค่ถามว่าเขาทำได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะการอ่านเกมอันชาญฉลาด และพาตัวเองไปอยู่ถูกที่ถูกเวลา ในขณะที่เฟล็ทเชอร์เองจะเห็นว่าต้องวิ่งไล่บอลตลอดเวลา หากวันไหนเล่นดี จะดูเหมือนว่าขยันและทุ่มเทมาก เห็นเขาวิ่งหาบอลตลอด แต่หากวันใดเล่นไม่ดี ให้วิ่งแทบตายก็ไม่เจอบอลครับ และนั่นเอง ที่ทำให้บางนัด เราสงสัยกันว่า เฟล็ทช์หายไปไหน อยู่ในสนามด้วยเหรอ
ปาร์ค น่าจะเป็นตัวแทนกิ๊กส์ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากต้องการเป็นตัวตายตัวแทน ปาร์คต้องมีความเยือกเย็นมีลูกล่อลูกชนและชั้นเชิงที่แพรวพราวกว่านี้ จะอาศัยเฉพาะความเร็วและการจิ้มบอล กระชากหนีไปตลอด ก็คงไปได้อีกไม่ไกล จะโดนจับทาง ปิดทางวิ่งได้ง่ายๆครับ
ริชาร์ดสัน ไม่มีทีเด็ดอะไรสักอย่าง อาศัยความขยัน ความเร็ว ความมุ่งมั่นเข้าสู้ ซึ่งหากยังไม่พัฒนาตัวเองขึ้นอีกสองถึงสามระดับในช่วงปีสองปีนี้ เขาคงเป็นได้อย่างมากแค่ตัวสำรองหรือตัวโรเตชั่นอันดับรองๆในการลงแข่งขันรายการภายในประเทศเท่านั้น
ส่วนโรนัลโด้ เราคงได้แต่หวังว่า เขาจะอยู่กับทีมให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพัฒนาความหลากหลายในตัวเองกับการเล่นเป็นทีมเวิร์ค โดยเฉพาะให้เปิดบอลให้เพื่อนได้แม่นๆ แค่นี้ก็สุดยอดของโด้แล้วครับ

สรุป : หากเรายังต้องการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องต่อไปในอีกสามสี่ปีข้างหน้า เราต้องมองหาตัวทดแทนจริงๆจังๆของ สโคลส์ และกิ๊กส์ ได้แล้วครับ ซึ่งผมมองว่า เราต้องการปีกธรรมชาติที่ครอส และจ่ายบอลแม่นๆ กับ กองกลางตัวรับดีๆ ครับ
อาจเป็น นานี่ ที่แว่วๆ ว่าถูกอกถูกใจท่านเซอร์เป็นยิ่งนัก (แต่จริงๆ ผมว่า กั๊มพส์ หรือ ดัฟฟ์ ก็ไม่เลวนะครับ ไม่ต้องปรับตัวด้วย) กับ ฮากรีฟส์ ที่มีข่าวโยงกับเราตลอด (อันนี้ โจอี้ บาร์ตัน ผมก็ชอบนะ แต่อาจจะซาดิสม์ไปนิด หรือจะเอาเดวิด เบนท์ลีย์ ก็เข้าท่านะครับ)

4. กองหน้า
1999 ยอร์ค โคล
สำรอง โซลชา, เชอริงแฮม
2007 รูนี่ย์ ซาฮา
สำรอง สมิธ, อีเกิ้ลส์

กองหน้าของเรา ผมมองว่าไม่ได้ด้อยกว่าทีมใหญ่ทีมอื่นเท่าไหร่นัก เพียงแต่ว่า กองหน้าของเราตอนนี้เป็นสไตล์ที่เน้นการครองบอลได้ พักบอลได้ เก็บบอลไว้กับตัว หรือพาบอลไปกับตัวก็ได้ และยิงได้คม มากกว่าจะเป็นแบบ FOX IN THE BOX ซึ่งดูแล้วก็ไม่ค่อยต่างกับคู่หูคู่ฮา ยอร์ค กะ โคล เท่าไหร่ เราจะสังเกตได้ว่า ท่านเซอร์จะชอบสไตล์กองหน้าแบบนี้มากกว่าสไตล์เข้าฮอส

คิง โคลนั้นถูกท่านเซอร์ปรับจากจอมเข้าฮอส มาเป็นพึ่งพาตนเองได้ด้วย โดยใช้เวลากว่าสองปีนะครับ ส่วนรุด หลังจากสองสามปีที่พยายามปรับให้เข้ากับแผน (หรือปรับแผนให้เข้ากับเขา... งง) ท่านเซอร์ก็คงรู้สึกว่าไปกันไม่ได้ แถมยังทะเลาะกันอีก เลยปล่อยให้ไปได้ดิบได้ดีที่สเปน (เหมือนใครหว่า... อ๋อ ฟอร์ลันนั่นเอง)

ในขณะที่ซาฮา เนื่องจากบาดเจ็บบ่อยเหลือเกิน ลงมาสามสี่นัด เจ็บอีกแล้ว เลยไม่สามารถงัดฟอร์มหรูออกมาใช้ได้เลยในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ส่วนสมิธ ก็โชคร้ายอย่างที่สุด ที่ขาหักไป และกลับมาก็ยังคงต้องใช้เวลาจูนเครื่องอีกพักใหญ่ แถมจะเล่นหนักๆ แบบออริจินัลสไตล์ได้หรือเปล่า ก็ยังไม่ทราบ และอีเกิ้ลส์เองก็ยังขาดประสบการณ์ ที่จะช่วยให้เอาตัวรอดในเกมใหญ่ๆอยู่

สรุป : หากคิดว่าจะปล่อยซาฮา เพราะหลังๆมานี่ค่อนข้างกระเสาะกระแสะเหลือเกิน ก็ต้องหาตัวทดแทน ซึ่งถ้าสามารถดึงตัวรอสซี่กลับมาได้ น่าจะช่วยได้เยอะ แต่ก็ยังคงต้องการตัวสับเปลี่ยนที่มีประสบการณ์จริงๆเพิ่มอีกคนอยู่ดี ซึ่งหากได้โคลเซ่, เตเบส หรือ เบอร์บาตอฟ นี่ ผมถือว่าสุดยอดเลยครับ จะช่วยเพิ่มมิติเกมรุกภาคอากาศ หรือภาคพื้นดินได้อีกเยอะเลยด้วย

การที่ผมมองว่า ทีมต้องเพิ่มกองหลังอีกคน เพิ่มกลางรับอีกหนึ่ง ปีกอีกหนึ่ง รวมทั้งหากองหน้ามาเพิ่มนั้น ก็เพราะหากสังเกตให้ดีๆ ดูกันยาวๆตั้งแต่ต้นฤดูกาลแล้วนั้น จะเห็นได้ชัดว่า เรายังมีขนาดทีมที่เล็กเกินไป เมื่อเทียบกับอีกสามบิ๊กทีมในลีก

ลิเวอร์พูล สามารถโรเตชั่นได้ถึง เก้าสิบเก้าเกมติดต่อกัน และ มีตัวขึ้นมาทดแทนอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายๆรายได้ดีกว่าเรา ถึงแม้พวกเขาจะยังทำผลงานได้ไม่คงเส้นคงวาในลีกก็ตาม

อาร์เซนอล ขนาดว่า ขาด อองรี กับ ฟานเพอร์ซี่ สองแกนรุกหลักของทีมไป ทีมยังเล่นเกมรุกได้ไหลลื่น น่ากลัวขนาดนี้ ขาดเพียงแต่จังหวะจบสกอร์ที่ยังไม่เฉียบคม เด็ดขาดเท่านั้น

เชลซี ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดพวกเขาขาดเทอร์รี่ กับเช็ค และ คูดิชินี่ ร่วมๆเดือนกว่า สองเดือน ร็อบเบนก็กระเสาะกระแสะ โจ โคล ก็เจ็บยาว ใช้เอสเซียงเล่นแทนแทบทุกตำแหน่ง ก็ยังได้ลุ้นสี่แชมป์มาจนถึงสองนัดสุดท้ายได้ เพราะขุมกำลังสำรองของพวกเขา มีทั้ง ไรท์ ฟิลลิปส์, กาลู, มาเกเลเล่, เฌเรมี่, ดิยาร์ร่า นี่ยังไม่นับ ตัวบังคับอย่างบัลลัค กับ เชฟเชนโก้ ที่คุณอบราโมวิชแกประเคนมาให้ปวดหัวเล่นอีกนะครับ

ในขณะที่เรา หากไม่นับตัวหลัก ก็จะเหลือที่ชื่อชั้นถึงจริงๆ ในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล (เป็นตัวทีมชาติ ถึงแม้อาจจะไม่ใช่ตัวหลักก็ตาม) เพียงแค่ สมิธ (เจ็บยาว), ไฮน์เซ่ (เจ็บยาว + ฟอร์มตก), ซิลแวสตร์ (เจ็บยาว + ฟอร์มตก อีกคน), โอเช ที่ยังไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว แกเล่นตำแหน่งไหนกันแน่, ปาร์ค (ทีมชาติเกาหลีใต้นะครับ) กับ เฟล็ทเชอร์ (เอ่อ กัปตันทีมชาติสก๊อตนะครับ) เท่านั้นเอง ซึ่งเดี้ยงยาวไปสาม เหลือแค่สาม ที่มาเดี้ยงตอนปลายอีกหนึ่ง มันถึงทำให้เราไม่สามารถทดแทนตัวหลักได้เต็มประสิทธิภาพไงครับ ยิ่งถ้าเราสมมติว่า หากฤดูกาลนี้ สโคลส์ เจ็บต้องพักสักสามสี่วีค สลับกับ โรนัลโด้ หรือ รูนี่ย์ เอาแค่นี้ ผมว่าเราก็คงหน้ามืดแล้วล่ะครับ ที่จะเล่นให้ได้คงเส้นคงวาต่อเนื่องจนจบฤดูกาลโดยการนำเดี่ยวเช่นนี้

ผมขอปิดท้ายด้วย “สิ่งที่ผมจะทำ หากผมเป็นผู้จัดการทีมแมนยูไนเต็ด” ตามมุมมองของผมดังนี้นะครับ

ให้รีดฟอร์มของ ไฮน์เซ่ กับ ซิลแวสตร์ ให้กลับมาสุดยอดได้ยาวๆอีกครั้ง
พา บราวน์ กับโอเช ไปเคี่ยวให้นิ่ง แข็งแกร่ง และ มีทีเด็ดมากกว่านี้
ให้ ปาร์ค กับโรนัลโด้ เสริมเขี้ยวเล็บความหลากหลายในการเล่นให้มากขึ้น มากขึ้น
ให้ เฟล็ทเชอร์ เสริมพละกำลัง และเข้าเรียนหลักสูตรการอ่านเกมและเสริมเซนส์บอล
ฟื้นฟูสมรรถภาพของสมิธ และ ซาฮา ให้แข็งแกร่งดังเดิม
คัดผู้เล่นในทีมปัจจุบันที่มีแวว มาฝึกๆๆๆๆ ให้มีการยิงลูกนิ่งได้แม่นยำ เฉียบขาด สักสองคน

จากนั้น เสริมทัพครับ และ ปรับผู้เล่นใหม่ให้เข้ากับระบบทีม และบอลอังกฤษ ให้เร็วที่สุด
1. ดึง ปีเก้ กลับมา
2. ดึง รอสซี่ กลับมา
3. ซื้อ ฮากรีฟส์มาให้ได้ หรือไม่ก็หาตัวตัดเกมกึ๋นเหนียวๆหน่อยมาเสริมทีม
4. ซื้อ นานี่ หรือปีกธรรมชาติคนอื่นมาทดแทนกิ๊กส์ หรือ มากดดันอาตี๋ปาร์ค
5. ซื้อ เบอร์บาตอฟ/โคลเซ่/เตเบส คนใดคนหนึ่ง มาเพิ่มมิติในการเข้าทำ

แหม ถ้าทำได้ตามเป้าประสงค์นี้ล่ะก็ ความหวังสาม หรือ สี่แชมป์ ผมว่าได้ลุ้นกันยาวๆอีกแล้วล่ะครับ

หากท่านใด มีมุมมองที่ต่างออกไป ก็เข้ามาแลกเปลี่ยน พูดคุยกันนะครับ สนุกดีออก ได้ลับสมองไปในตัวครับ ขอบคุณครับ

อ้อ ลืมบอกไปอย่างหนึ่งครับ ตอนนี้ เริ่มตีข่าวกันแล้วว่า
1. ฮากรีฟส์ โดนโก่งราคาจาก 18 เป็น 20 ล้านปอนด์ ทำให้ท่านเซอร์ เกิดอาการลังเลที่จะจ่าย เพราะรู้สึกเหมือนถูกบาเยิร์นหลอกดึงเกม และโก่งราคาเกินพอดี (ถ้าจะรอให้หมดสัญญาก่อน ก็คงแก่พอดีละครับ รายนี้)
2. นานี่ วัยยี่สิบ ที่จะหมดสัญญาในปีหน้า ตกเป็นเป้าหมายแรกๆ ของทีมเร้ด เดวิล และมีการเตรียมตั้งโต๊ะเจรจาแล้ว
3. เบล มีข่าวว่าปีศาจแดงกำลังเอาโครงการเจรจากับเบล มาปัดฝุ่นอีกครั้ง โดยใช้กิ๊กส์เป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ เพราะ เบลเองก็ปลื้มกิ๊กส์อยู่ไม่ใช่น้อย ในนามทีมชาติเดียวกัน
4. เบอร์บาตอฟ ก็อยู่ในข่ายที่ท่านเซอร์จะฉกมา โดยที่ ทางสเปอร์เอง หากได้สิบล้านพร้อมซาฮา ก็อาจเปลี่ยนใจ และก็ได้เริ่มหาตัวตายตัวแทนแล้ว แว่วว่าเป็น คารัชโชโล่ ของปาแลร์โม่
5. สตีฟ ซิดเวลล์ ที่ไม่ยอมต่อสัญญากับเรดดิ้ง ก็มีข่าวว่า ท่านเซอร์ได้ยื่นข้อเสนอให้เขาแล้ว เพื่อหวังตัดหน้าเชลซี (ไม่มีค่าตัวนะครับ หมดสัญญาปีนี้แล้ว)
6. ส่วนตอร์เรส ที่เริ่มเล่นข่าวเหลือเกินนั้น ผมมองว่าเป็นข่าวเต้ามากกว่า เพราะนักเตะเองก็ปฏิเสธที่จะย้ายทีมมาตลอด

Create Date : 07 กันยายน 2550

Last Update : 7 กันยายน 2550 7:50:21 น.

0 comments

Counter : 353 Pageviews.