Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
20090312 วิพากษ์ MAN. UNITED vs INTER MILAN

WE’RE ON THE ROAD… TO ROME


สวัสดีครับ ไม่ได้พบกันระยะหนึ่ง เพราะไม่มีถ่ายทอดสด เอฟ เอ คัพ หวังว่าทุกๆท่านคงสบายดีและสบายใจกันอยู่นะครับ อย่างน้อยก็ในเช้าวันนี้ ที่เราไม่ตกรถขบวนสู่โรม หลังจากหงส์แดงและสิงห์บลูได้ตีตั๋วขึ้นรถไปก่อนเราแล้ว ช่วงนี้ผมอาจจะหายๆไปบ้าง ก็เนื่องจากงานชุกเป็นพิเศษ ยิ่งเดือนนี้เดือนหน้าคือรอยต่อปีงบประมาณของบริษัท ทำให้ทุกๆคนหัวกระเซิงกันหมดเลย ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง หวังว่าเมื่องานเริ่มซาๆลงไป ก็คงจะได้เข้ามาพูดคุยกันถี่ขึ้นเหมือนเดิมนะครับ

การจัดทัพในวันนี้ ท่านเซอร์มีปัญหาตำแหน่งเดียว นั่นคือแบ๊คขวา ที่ไม่มีตัวสแตนด์บายโอเชียเพราะดันมาเจ็บพร้อมๆกันสามคน ส่วนตำแหน่งกองหน้าหากใครได้ชมก่อนเกมสักสิบนาที จะเห็นว่าเบอร์บาตอฟมีอาการเจ็บข้อเท้าตอนวอร์ม และต้องกลับเข้าอุโมงค์ไป ก่อนจะออกมาเล่นได้ แต่ก็อยู่ในสภาพไม่ปึ้กเท่าไหร่ ทีมชีตที่ออกมานั้น ท่านเซอร์ยังคงวางใจน้าซาร์เฝ้าเสา แผงแบ๊กโฟร์เป็นโอเชีย, ริโอ, วิดิช และเอวร่า คู่มิดฟิลด์ตัวกลางเป็นสโคลส์ และคาร์ริค ริมเส้นสองข้างวางโรนัลโด้และกิ๊กส์คอยทะลวง มีรูนี่ย์และดิมี่ยืนเป็นหน้าคู่
ส่วนทางลูกทีมจ่ามูนั้น มีปัญหาหนักอกกว่าเยอะ เมื่อแผงหลังบาดเจ็บไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังเข็นวอลเตอร์ ซามูเอล ลงมาบัญชาเกมได้ก็นับว่าเป็นสิ่งดีๆที่มองหาเจอในเกมนี้ ผลจากเกมโนสกอร์ที่จูซเซ็ปเป้ เมียซซ่านั้น ทำให้อินเตอร์ไม่ต้องเน้นเกมรุกมากนัก จึงปรับหมากมาเล่นรัดกุมไว้ก่อน โดยส่งอิบราฮิโมวิชยืนหน้าคู่บาโลเตลลี่ เก็บอาเดรียโน่ไว้ข้างสนาม เซซ่าร์ยังคงเฝ้าเสาต่อไป แผงแบ๊กโฟร์ประกอบด้วย ดั๊กลาส ไมค่อน, อิบัน คอร์โดบา, วอลเตอร์ ซามูเอล และ ดาวิเด้ ซานต้อน มีกัมบิอาสโซ่เป็นตัวรับหน้าแผงหลัง มิดฟิลด์กลางสนามที่ถ่างมายืนริมเส้นสองคนใช้ปาทริค วิเอร่า และ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ มีเดยัน สแตนโควิชเป็นตัวรุกหลังคู่กองหน้า


รูปเกมที่กุนซือทั้งคู่วางแผนมานั้น ตอนเริ่มเกม เราจะพบว่ายูไนเต็ดพยายามตั้งลำให้ได้เร็วและตั้งเกมรุกเข้าใส่ทันที น่าจะเพราะเห็นแล้วว่านัดแรก อินเตอร์มิได้สร้างปัญหาให้แผงหลังเราต้องลำบากมากมายเท่าไหร่นัก แถมนัดนี้ การส่งผู้เล่นลงมาเป็นตัวจริงยังดูจะรุกไม่เต็มสูบด้วย ลูกทีมท่านเซอร์จึงเริ่มบดทันทีโดยที่อินเตอร์พยายามดึงจังหวะให้ช้าลงแต่หลังเริ่มเกมได้แค่สี่นาที เจ้าบ้านก็บดจนมาได้เตะมุมสองครั้งติดๆกัน และจากลูกคอร์เนอร์ที่สองนั้นเอง ที่กิ๊กส์เปิดมาให้วิดิชสลัดวิเอร่ามาโหม่งตุงตาข่ายได้ตั้งแต่โอกาสทำประตูเพียงครั้งแรก ซึ่งนี่แหละครับ ที่สร้างปัญหาให้ผม เพราะหลังจากนั้น แท็คติคที่วางมาของทั้งสองทีมก็เปลี่ยนไปหมดเลย ผมยิ่งต้องถ่างตาดูหนักขึ้น อินเตอร์ต้องพยายามเร่งเกมขึ้นมา ในชณะที่ยูไนเต็ดก็ผ่อนการโหมเกมรุกลง เปลี่ยนมาเป็นการเล่นจังหวะฉาบฉวยและโจมตีเร็วมากขึ้น

ลูกที่อินเตอร์เสียลูกแรกนั้น ผมอยากบอกว่าเป็นการประมาทของอินเตอร์เองครับ ซึ่งผิดวิสัยแท็คติคจ่ามูอย่างมาก เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าผู้เล่นของยูไนเต็ดที่เล่นลูกหัวจากเซ็ตพีซได้ดีที่สุดก็คือวิดิชและโรนัลโด้ แต่กลับจิ้มเอาวิเอร่าที่ไม่ได้ถนัดการขึ้นโหม่งมาคุมวิดิช ผมว่าเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงมากๆ และก็ถูกลงโทษอย่างเจ็บแสบที่สุด วิดิชนั้นมีการนัดแนะกับริโอก่อนหน้าจะเตะก็จริง แต่สุดท้ายก็ผละออกมาประกบกับวิเอร่า หากดูดีๆจะพบว่า วิเอร่านั้นสามารถเบียดวิดิชขึ้นมาอยู่ข้างหน้าได้แล้วแต่จังหวะสุดท้าย วิดิชที่อยู่ข้างหลังกลับสอดเข้ามาปาดหน้าขึ้นโหม่งก่อนวิเอร่าได้อย่างเหลือเชื่อ กลายเป็นวิเอร่าถูกปาดหน้าโหม่งไปซะเฉยๆ เล่นเอาเจ้าตัวทำหน้าไม่ถูกและมูรินโญ่เองก็เซ็งไม่แพ้กัน เพราะการเสียประตูในลักษณะนี้ ปกติจะไม่ใช่วิสัยที่มูรินโญ่จะยอมรับได้เลยนะครับในสมัยคุมเชลซี



พอมีประตูเร็วเกิดขึ้นโดยเป็นของเจ้าบ้าน ก็นับว่าผิดแผนที่มูรินโญ่วางไว้อย่างสิ้นเชิง ทำให้อินเตอร์ต้องเปลี่ยนแท็คติคอย่างช่วยไม่ได้ และการที่รูปแบบที่เสียประตูไปนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าอินเตอร์มีปัญหาในการป้องกันลูกเปิดจากกราบ ทำให้บรรดานักเตะเจ้าบ้านเน้นวางบอลออกปีกกันกระจาย เพื่อลากไปเปิดที่เส้นหลัง เพียงแต่อินเตอร์เองหลังจากเสียประตูไปก็สามารถตั้งด่านสกัดเกมริมเส้นได้เป็นอย่างดี ทำให้การลากเข้าไปเปิดริมเส้นได้สำเร็จของเจ้าบ้านเกิดขึ้นในเปอร์เซนต์ที่ไม่มากนัก ในขณะเดียวกัน อินเตอร์ที่พยายามเร่งเกมของตัวเอง เร่งสปีดเกมตัวเองขึ้นมานั้น กลับทำได้เพียงแค่การเปิดบอลเข้ามาให้อิบราที่อยู่คนเดียวข้างหน้าขึ้นเล่น ซึ่งเจ้าบ้านสามารถป้องกันได้ไม่ยากนัก จ่ามูจึงต้องปรับหมากเล็กน้อย ด้วยการให้บาโลเตลลี่ถ่างออกมาทางโอเชียมากขึ้นจนกลายเป็นผู้เล่นริมเส้น อิบราถอยต่ำลงมาเป็นตัวพักบอลและให้กองกลางสอดขึ้นมาเล่นต่อ วิเอร่าถ่างออกมาทางเอวร่าเพื่อขึ้นเกมรุกริมเส้นร่วมกับไมค่อน ปล่อยตรงกลางให้กัมบิอาสโซ่และซาเน็ตติคุมเกม

การปรับหมากแบบนี้ถือว่าได้ผลชะงัด และสามารถพลิกเกมกลับมาอยู่ฝั่งอินเตอร์ได้มากขึ้น อิบราเมื่อถอยลงต่ำมาพักบอลก็จะดึงวิดิชหรือริโอออกจากตำแหน่งให้ลอยขึ้นสูงตามมาได้บ้าง และการสกัดอิบราตรงตำแหน่งนั้น หากบอลจังหวะสองไม่เป็นใจ กลางอินเตอร์ก็สามารถโจมตีเร็วเข้าช่องได้ทันที ซึ่งทำให้อินเตอร์มีจังหวะจบหลายครั้งแต่ไม่คมพอจะเปลี่ยนเป็นประตู กลับยิงออกไปเองซะมาก แผงหลังเจ้าถิ่นต้องหยุดการเล่นลักษณะนี้ด้วยการทำฟาล์วแต่เนิ่นๆ ซึ่งนั่นทำให้โอเชียมีปัญหาในการคุมบาโลเตลลี่พอควรเพราะต้องหยุดด้วยการทำฟาล์วบ่อยครั้งจนกรรมการต้องเตือน เกมรุกของเจ้าบ้านช่วงนี้ต้องปรับเกมนิดหน่อย เพราะกลางต้องยืนต่ำลง ไม่สามารถเติมสูงได้เหมือนช่วงต้นๆ แต่ช่องว่างทางริมเส้นก็มีมากทำให้จ่ายบอลยาวออกปีกได้บ่อยๆ และกิ๊กส์เองก็มีพื้นที่ลากเลื้อยทั้งตรงกลางและริมเส้นสวยๆหลายต่อหลายครั้ง แต่จังหวะต่อบอลเข้าจบของเจ้าบ้านเองก็ไม่คมพอเช่นกัน

ยูไนเต็ดเล่นเกมรุกในเกมนี้แบบยืดหยุ่นมากๆ หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีทั้งการใช้เกมรุกริมเส้นลากเข้าไปสุดเส้นหลังเพื่อเปิด หรือหักตัดเข้าในไปเล่นบอลชิ่งหนึ่งสอง หรือดึงบอลกลับเข้าแดนตัวเองเคาะไปมาเพื่อขุดบ่อล่อปลาให้อินเตอร์ขึ้นมาไล่สูงและจ่ายยัดกลับเข้าไปลึกในแดนอินเตอร์ การเล่นลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะเราได้ประตูออกนำไปก่อนนั่นเองครับ ซึ่งประตูนี้กดดันอินเตอร์มากกว่าเราเยอะ ถึงผู้บรรยายจะบอกว่าอินเตอร์ขอแค่ลูกเดียวก็จะเข้ารอบด้วยอเวย์โกล์ แต่นาทีนั้นไอ้ที่ขอแค่ประตูเดียวนี่แหละที่กดดันอินเตอร์ ไม่ใช่กดดันเรา ไอ้ประตูเดียวนี่แหละครับ ที่บังคับให้อินเตอร์ต้องเปิดเกมรุกโดยที่ผู้เล่นที่วางลงมาไม่ได้ถูกวางแท็คติคมาเปิดเกมรุกด้วยซ้ำ ทำให้ต้องใช้การปรับหมากเข้ามาช่วย และนั่นก็เท่ากับไปเข้าทางบอลเจ้าบ้านนั่นเอง

ในขณะที่อินเตอร์เองนั้นคงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเปิดเกมรุกเข้าใส่เพื่อหวังอเวย์โกล์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกันครับ เพราะยูไนเต็ดเองก็รอจังหวะสวนงามๆอยู่เช่นกัน ทำให้อินเตอร์เองออกอาการรุกก็ไม่เต็มสูบ จะรับก็ไม่ได้ เพราะต้องการประตู ลักษณะเกมแบบนี้ หากเป็นสมัยก่อน ยูไนเต็ดคงบุกสวนกระจายแน่ๆ แต่ในขณะนี้ ยูไนเต็ดเองก็ถูกปรับจูนมาจากจุดนั้นมากแล้ว ความอดทนในเกมมีสูงมากขึ้น ความเข้าใจในเกมของแต่ละคนสูงขึ้น รวมทั้งวินัยในการเล่นก็มีสูงขึ้น การที่มีกิ๊กส์กับสโคลส์ลงมาคอยประคองจังหวะของน้องๆก็เพราะสาเหตุนี้ เพื่อไม่ให้ลืมหน้าที่ของตัวเอง นั่นคืออดทน รอจังหวะ และรุกอย่างมีระบบมีแบบแผน ไม่ใช่หลับหูหลับตายัดเข้าไป แต่ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังมีหลายจังหวะ ที่ยังให้บอลกันไม่ดีโดยเฉพาะตรงกลาง จนถูกฉก ถูกตัดบอลเอาไปทำเสียวได้หลายครั้ง ซึ่งก็ต้องชมครับ ที่ลูกทีมไม่มีอาการลนลาน หรือด่าทอกัน แต่กลับช่วยกันลงมาตั้งรับตามหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่รังเกียจรังงอนแต่อย่างใด ตรงนี้แหละครับ ที่ผมมองว่ามีความอดทน มีความเข้าใจเกม และมีวินัยมากขึ้นกว่าชุดอื่นๆ ตอบสนองแท็คติคโค้ชได้เป็นรูปธรรมกว่า


พอเข้าสู่ครึ่งหลังอินเตอร์ของจ่ามูปรับหมากก่อน ด้วยการส่งซัลลี่ย์ มุนตารี่ลงมาแทนปาทริค วิเอร่า และขยับมุนตารี่ขึ้นมาเล่นสูงขึ้น เกมรุกของอินเตอร์หลังเสียงนกหวีดเริ่มครึ่งหลังนั้นมาได้ดีทีเดียว และบาโลเตลลี่ก็ได้ส่องก่อนแต่ออกข้างไปอีก สถานการณ์พลิกกลับอีกครั้ง เมื่ออินเตอร์เผลอแค่แว่บเดียวเท่านั้นเอง กิ๊กส์ลากตัดจากขวาเลาะหน้ากรอบมาฝั่งซ้ายก่อนจ่ายให้รูนี่ย์ที่ขยับขึ้นเกมมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย รูนี่ย์หาจังหวะโยนเข้ากลางจนได้และเป็นโรนัลโด้ที่แอบสอดเข้ามาโหม่งตัดหน้าเซซ่าร์เข้าไปประตูไปในเวลาแค่สี่นาทีหลังเริ่มครึ่งหลัง พอเกิดประตูนี้ขึ้น เกมของเจ้าบ้านก็กลายเป็นเกมปิดประตูตีแมวอย่างเป็นรูปธรรมไปในที่สุด

ยูไนเต็ดเปิดโอกาสให้อินเตอร์ได้ครองเกมมากขึ้น โดยที่ตัวเองปักหลักต่ำในแดนของตน ขยับให้รูนี่ย์และโรนัลโด้ถอยลงมาร่วมเล่นเกมรับริมเส้นอย่างเต็มที่ซึ่งทั้งคู่ก็ทำได้ดี ส่วนจังหวะสวนกลับนั้นก็วางกิ๊กส์และโรนัลโด้เป็นตัวลากบอลกินแดนขึ้นหน้า รวมทั้งให้รูนี่ย์และโรนัลโด้สวนเติมขึ้นไปรับบอลทางริมเส้นลึกเข้าไปในแดนอินเตอร์ โดยมีเบอร์บาตอฟเป็นตัวฟรีในการพักบอลและหาช่องสอดเข้าไปเล่น เกมมาถึงตรงนี้ก็ไม่มีแท็คติคอะไรให้พูดถึงมากนักแล้ว อินเตอร์เปิดหน้าแลกเต็มที่ แต่เกมรับก็ยังคงยืนหยัดป้องกันได้ดีอยู่ ทำให้เกมของยูไนเต็ดออกอาการอึดอัดมากขึ้นในครึ่งหลัง เพราะยังคงฝ่าด่านกำแพงอินเตอร์เข้าไปไม่ค่อยได้ จังหวะที่ฝ่าเข้าไปได้ก็ยังมีเซซ่าร์ขวางอยู่อีกคน ซึ่งเซซ่าร์เกมนี้ก็ดับฝันของโอเชียได้อีกในครึ่งแรก มาครึ่งหลังก็หยุดเบอร์บาตอฟในระยะเผาขนได้อีกครั้ง รวมทั้งลูกฟรีคิก ลูกยิงไกลทั้งจากรูนี่ย์ จากโรนัลโด้ เฮียแกปัดออกไปได้หมดจดทีเดียว


อินเตอร์พยายามปรับอีกด้วยการเติมอาเดรียโน่ลงมาแทนสแตนโกวิช และก็เกือบได้ประตูทันที อาเดรียโน่ได้เอี้ยวตัววอลเลย์ลูกครอสของกัมบิอาสโซ่ หลุดมือน้าซาร์แล้ว แต่ถูกปฏิเสธโดยเสาสองอย่างน่าเสียดาย ซึ่งก่อนหน้านี้ ในครึ่งแรก อิบราก็พุ่งโหม่งเดี่ยวๆจากลูกเปิดฟรีคิก แต่บอลเจ้ากรรมดันกระดอนพื้นไปชนคานเด้งออกไปก่อน แสดงให้เห็นว่านอกจากจะไม่คมพอแล้ว (จากการยิงออกข้างประตูหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ครึ่งแรก ทั้งๆที่เป็นลูกจ่อๆก็มี) อินเตอร์เกมนี้ยังไม่ได้พกโชคมาด้วยอีกต่างหาก สกอร์จึงยังตามหลังอยู่สองเม็ดต่อไป อินเตอร์เมื่อเจาะไม่ผ่านกำแพงเหล็กของยูไนเต็ดเข้ามายิงได้ง่ายๆเสียที จึงเริ่มหันมายิงไกลบ้าง เล่นลูกเปิดเข้ามาบ้าง แต่ก็ถูกน้าซาร์เก็บกินได้หมด

จ่ามูปรับอีกครั้ง ส่งหลุยส์ ฟิโก้ ลงมาแทน บาโลเตลลี่ ที่มีปัญหาในการหลุดการทำฟาล์วจากโอเชียไม่ได้ พร้อมๆกับที่ท่านเซอร์ส่งอันแดร์สันลงมาแทนสโคลส์ ฟิโก้ลงมาก็ขยับมาเติมเกมริมเส้นทางขวา ตอนนี้อิบรามีอิสระมากขึ้น ขยับมาเล่นทางโอเชียบ้าง ตรงกลางบ้าง สลับกันเล่นกับอาเดรียโน่บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถฝ่าด่านอรหันต์กำแพงเหล็กเข้าไปได้ ในขณะที่อันแดร์สันลงมาก็ช่วยกรองบอลตรงกลางได้และเก็บบอล ครองบอลกินเวลา กินแดนได้บ่อยขึ้น รวมทั้งสามารถต่อบอลเล่นกับตัวรุกได้ซึ่งเพิ่มมิติการรุกเข้าไปอีก ถึงจะยิงไม่เวิร์คแต่ก็เป็นการเผาเวลามากยิ่งขึ้น เพราะมีทั้งกิ๊กส์, โรนัลโด้, อันแดร์สัน ที่คอยเก็บบอล ลากหนี เลาะหาที่ว่างไปเรื่อยๆได้ดี อินเตอร์ต้องทำฟาล์วบ่อยขึ้นเพื่อแย่งเอาบอลมาให้เร็วที่สุด ท่านเซอร์ปรับเกมช่วงท้ายโดยส่งปาร์คลงมาบด ใช้ความสดเข้าบี้อินเตอร์ ซึ่งก็เป็นไฮไลต์สุดท้ายก่อนนกหวัดหมดเวลาจะดังขึ้น


นัดนี้ หากจะให้คะแนนกัน มาดูฝั่งอินเตอร์กันก่อน ผมให้เซซ่าร์เด่นที่สุด จากการป้องกันลูกยิงจ่อๆสองครั้ง รวมทั้งลูกยิงไกลอีกนับไม่ถ้วน ถัดจากเซซ่าร์แล้ว ผมยังมองไปที่ไมค่อน ที่เติมเกมได้ดุดันผิดจากนัดแรกอย่างสิ้นเชิง น่าจะเพราะปรับมาเล่นเกมรุกมากขึ้น มีกัมบิอาสโซ่ ที่มีส่วนร่วมกับเกมตลอดทั้งรับ และ...รุก วอลเตอร์ ซามูเอล นี่ผมว่ามีเขาทำให้เกมรับอินเตอร์ดูดีขึ้นมา หากเขาไม่ฟิตแล้วต้องส่งริวาสลงมาแทน หรือถอยกัมบิอาสโซ่ลงมายืน ก็คงดูไม่จืด ส่วนลูกที่เสียไป ลูกแรกคงต้องโทษทั้งทีมครับ ที่จัดหน้าที่เกมรับกันไม่ดี ลูกที่สองน่าจะเป็นความผิดของฟูลแบ๊คมากกว่า ที่ปิดทางเปิดบอลของรูนี่ย์ไม่ได้ ส่วนโรนัลโด้แกโถมมาจากข้างนอกมาแล้ว เซ็นเตอร์เองคงป้องกันลำบาก นึกถึงจังหวะที่โด้พุ่งข้ามกรอบโทษมาโหม่งในเกมโรม่าปีก่อนสิครับ มาแบบนั้น ใครจะกันได้

ส่วนทางฝั่งปิศาจแดงแรงฤทธิ์ เกมนี้ นอกจากกิ๊กส์เอง ที่เด่นมากๆแล้ว ในการลากเลื้อยทำเกมตรงกลางสนาม และริมเส้น ผมยังเต็มใจยกให้วิดิชอีกคน ที่แกไล่ชนเรียงตัวเลย ไล่ตั้งแต่อิบรา, อาเดรียโน่, บาโลเตลลี่ สแตนโกวิช เฮียแกกินเรียบ ในขณะที่รูนี่ย์เองต้องเห็นใจแกครับ แกลงมาเกมนี้เหมือนลงมาเล่นตามแท็คติคโค้ชเพื่อประคองเกมริมเส้น มากกว่าที่จะลงมาเล่นแบบกองหน้าที่มีอิสระในการวิ่งในการจบสกอร์ตามที่ตัวเองถนัด ส่วนเบอร์บาตอฟที่ติดอาการบาดเจ็บจากการวอร์มก่อนเกม ก็เร่งตัวเองไม่ขึ้นเอาซะเลย แต่การครองบอลและเล่นกับบอลยังคงเปี่ยมไปด้วยความติสท์เหมือนเคย โอเชียถึงแม้จะถูกดูแคลนว่าหยุดบาโลเตลลี่ไม่ได้จนต้องทำฟาล์วตลอด แต่ผมกลับมองว่านั่นแหละ คือการหยุดบาโลเตลลี่ในสไตล์จับฉ่ายครับ เพราะสุดท้าย บาโลเตลลี่ก็ผ่านโอเชียไปไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าโอเชียจะใช้วิธีหยุดบาโลเตลลี่แบบเคลียร์ๆ หรือต้องใช้การฟาล์ว แต่ผลลัพธ์ก็คือ เขาหยุดบาโลเตลลี่ได้ไม่ใช่หรือ


หลังเกมครับ การขึ้นรถบัสไปเที่ยวกรุงโรมครั้งนี้ หลังจากเราจอดแวะป้ายที่มิลาน ก็สามารถกลับขึ้นรถเดินทางต่อไปได้สำเร็จ จากนี้ไป ก็ต้องลุ้นว่า รถบัสคันนี้ จะแวะจอดส่งเราที่ไหนอีก และเราจะกลับขึ้นรถอีกได้ไหม แต่นั่น มันก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวอยู่เมื่อดูจากวันนี้ เพราะเกมที่ใกล้ตัวเราที่สุดคือเกมแดงเดือดในค่ำวันเสาร์นี้ครับ การเปิดบ้านรับมือหงส์แดงยามที่อะไรๆก็ลงตัวเข้าฝัก นับว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างมาก ทั้งสองทีมต่างอยู่ในห้วงที่กำลังคึกถึงขีดสุด หลังร่ายเพลงเตะสะเด่าวงการลูกหนังมาหมาดๆ จึงเป็นที่จับตามองไปทั่วโลกว่า ผลลัพธ์เกมนี้ จะลงเอยอย่างไร

แต่ผมเอง คงมิอาจเอื้อมที่จะวิพากษ์ก่อนเกม เอาเป็นว่า ผมจะคอยลุ้นด้วยใจจดใจจ่ออย่างที่สุด แล้วมาพบกันวันจันทร์ กับ บทวิพากษ์หลังแดงเดือดครับ


สงบใจ



Create Date : 12 มีนาคม 2552
Last Update : 12 มีนาคม 2552 13:22:16 น. 1 comments
Counter : 678 Pageviews.

 
รักเธอ


โดย: m IP: 122.154.129.55 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:12:23:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.