Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
20091019 วิพากษ์ MAN UNITED vs BOLTON

ขิงแก่...เผ็ดๆร้อนๆแสบๆคันๆ


สวัสดีครับ มาพบกันหลังจากพักเบรกทีมชาติไปสองสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นเป็นช่วงวัดใจกันก็ว่าได้ ว่ากันว่า ช่วงพักเบรกทีมชาติกลับมาเนี่ยจะก่อให้เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาหลายระลอก ซึ่งระลอกแรกก็คือ อาการล้าของพวกดาวดังทีมชาติ ซึ่งก็ต้องทดสอบความฟิตกันไปก่อนจะลงเตะสัปดาห์นี้ ระลอกที่สองที่หนักหนาสาหัสขึ้นมาหน่อยก็คืออาการบาดเจ็บนั่นเอง และคราวนี้ เวย์น รูนี่ย์ ก็มีอาการบาดเจ็บติดตัวกลับมาด้วย ทำให้ถูกพักไปในเกมนี้ ส่วนระลอกเล็กๆที่ตามมาประปรายนั่นก็คือ อาการจิตหลุด สมาธิแตกซ่าน หลังเกมทีมชาตินั่นเองครับ ดังจะเห็นได้จากนักเตะหลายๆคนในหลายๆทีมใหญ่ที่ออกอาการเป๋ๆไปบ้างเหมือนความมุ่งมั่นจะตกๆลงไป หลังจากเร่งเครื่องเร่งฟอร์มมาหลายๆนัดติดต่อกัน แต่ของแมนฯยูไนเต็ดน่ะเหรอครับ ออกอาการก่อนเพื่อนเค้าเลย ตั้งแต่นัดฉะแมวดำนั่นแล้ว หลังจากเร่งฟอร์มกันจนเครื่องร้อนฉ่าชนะติดๆกันมาแปดนัดรวด ก็ถึงคราวเครื่องรวนไปก่อนเพื่อน และนัดนี้ ก็เป็นนัดที่จะรีเทิร์นกลับมา หลังจากเห็นสิงห์สำอางเครื่องดับไปก่อนหน้านี้หมาดๆ

การจัดทัพนัดนี้ เนื่องจากว่ามีภารกิจสำคัญสองนัดติดๆถัดจากนัดนี้ อันได้แก่การต้องออกไปเที่ยวรัสเซีย เยือนซีเอสเคเอ มอสโก ในถ้วยเมียดุ(หูยาน) ในวันพุธ ต่อด้วยการออกไปเยือนสมรภูมิแดงเดือดในเย็นวันอาทิตย์ ทำให้ท่านเซอร์ต้องคิดหนักกับการจัดตัวในเกมนี้ อันดับแรกเลยท่านเซอร์พักรูนี่ย์ที่มีอาการเจ็บ ตามด้วยพักเฟล็ทเชอร์ และวิดิชออกจากเกม ส่งน้าซาร์ลงมาเฝ้าเสาแทนฟอสเตอร์ที่พักหลังๆเริ่มทำตัวได้น่าถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมากๆ แม้จะเล่นได้ดีในเกมทีมชาติก็ตาม ส่วนแผงหลังวันนี้ จัดแกรี่ เนวิลล์ ลงมาเป็นแบ๊คขวา ทางซ้ายเป็นปาทริซ เอวร่า คู่เซ็นเตอร์จัดเอแวนส์ และริโอ เฟอร์ดินานด์ คู่มิดฟิลด์กลางสนามเลือกไมเคิล คาร์ริค และอันแดร์สัน มีวาเลนเซียทางขวา กับกิ๊กส์ทางซ้าย คู่หน้าใช้บริการ ไมเคิล โอเว่น และดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ นับได้ว่าเป็นทีมขิงแก่อย่างเห็นได้ชัด ไม่ทราบว่าได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศแถวไหนนะครับ นี่ยังมีแอบเปลี่ยนสโคลส์ลงมาอีก สงสัยกะให้เป็นทีมขิงแก่เต็มๆล่ะครับงานนี้

ส่วนทางฝั่งทีมเยือน โบลตัน ของแกรี่ เม็กสัน แค่เห็นชื่อผู้รักษาประตู ความผวาก็มาเยือน นี่คือยัสเคไลเน่น คนเดิมครับพี่น้อง คนที่แฟนผีอย่างเราชอบเรียกว่า เยสเข้ นั่นแหละ แถมด้วยศูนย์หน้าตัวเดียว แต่ไม่เปลี่ยวหัวใจ เควิน เดวี่ส์ ที่ถึงแม้ความสูงใหญ่จะเป็นรองเอแวนส์ และริโอ แต่จุดเด่นของเดวี่ส์ก็อย่างที่ทราบๆกันดี นั่นคือ เทคตัวโหม่งได้ดีมากๆ และไม่ค่อยจะเสียเหลี่ยมให้กองหลังตัวประกบในจังหวะเทคโหม่ง ลักษณะคล้ายๆกับทิม เคฮิลล์ของเอฟเวอร์ตันเป๊ะๆ นอกจากนั้น ทีมที่แม่นยำในเซ็ตพีซอย่างโบลตันยังมี แม็ทธิว เทย์เลอร์ ที่สามารถปั่นป่วนแนวรับในลูกตั้งเตะรวมทั้งสังหารฟรีคิกได้เอง นอกจากนี้ ยังมีริคาร์โด้ การ์ดเนอร์ กับ แกรี่ เคฮิลล์ ที่สามารถสร้างแรงกดดันในกลางสนามได้ทั้งนั้น

เริ่มเกมขึ้นมาเพียงไม่นาน ยูไนเต็ดก็มาได้ประตูออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ เพียงแค่นาทีที่ห้าเท่านั้น เมื่อกิ๊กส์แทนที่จะรับบอลบริเวณริมกรอบเขตโทษทางซ้าย แต่กิ๊กส์เลือกที่จะหันหลังป้ายบอลจังหวะเดียวให้ไหลไปทางสุดเส้นหลัง และมีเอวร่าที่ควบแซงตัวประกบไปรับแล้วเปิดเข้ามาในกรอบ ไมเคิล โอเว่นสบโอกาสพุ่งเข้ามาขวิดต่ำๆ บอลเหมือนจะหลุดเสาสองแต่ จากการแฉลบหัวโอเว่นนั้นเอง ทำให้บอลเปลี่ยนทางเล็กน้อย และแซ็ท ไนท์ ที่ง้างจะสกัดจึงปรับเหลี่ยมไม่ทัน บอลปลิ้นขาตัวเองหลุดมาเสียบหน้าต่างเสาสองชนิดที่ผมเองยังงงๆในทีแรก ทำให้เจ้าบ้านออกนำตั้งแต่ไก่โห่ทีเดียว

หลังจากนั้น เกมของเจ้าถิ่นเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ป๋าเห็นว่าเกมของโบลตันวางมิดฟิลด์ตรงกลางสนามมาถึงสามคน กับตัวริมเส้นอีกสองคน จึงเน้นให้แอนนี่และคาร์ริคปักหลักกรองบอลตรงกลางมากเป็นพิเศษ และเน้นการขึ้นเกมทางริมเส้นเป็นหลัก เมื่อเล่นไปเล่นมา เกมของเจ้าบ้านจึงสามารถครอบครองจังหวะเกมไว้ได้มากกว่าเยอะ การที่มีแอนนี่และคาร์ริคคอยกดรูปเกมตรงกลางสนามของโบลตันไว้ ทำให้โบลตันต้องขึ้นเกมจากการสาดบอลให้เควิน เดวี่ส์ เก็บบอลข้างหน้า ซึ่งก็กดดันทั้งเอแวนส์ และริโอได้มากเหลือเกิน ทั้งๆที่มีคนเดียว แต่เป็นจุดแข็งเต็มที่ของเดวี่ส์เขาล่ะ ช่วงแรกเกมของโบลตันมีจังหวะหวาดเสียวสุดๆครั้งหนึ่ง เมื่อเทย์เลอร์ได้ช่องเปิดบอลจากกราบเข้ามา เดวี่ส์ขึ้นเทคคนเดียวโล่งๆหน้ากรอบเพียงห้าหกหลาเท่านั้น ผมอุทานทันที ชิกหัยแล้วววว แต่ปรากฏว่าเดวี่ส์โขกผิดเหลี่ยมไปนิด ลูกจึงพุ่งย้อนออกนอกกรอบไปเยอะ ลูกนี้คือสัญญาณเตือนดังๆของเดวี่ส์ที่มีต่อแผงกองหลังเราครับ

รูปเกมของฝั่งเจ้าบ้านกดดันได้ดีกว่ามาก การเน้นการขึ้นเกมริมเส้นเป็นหลัก โดยมีฟูลแบ๊กตะกละตะกลามกินไม่รู้จักอิ่ม(ชอบเติม) ทั้งสองฝั่งอย่างเอวร่า และแกรี่ เนวิลล์ ทำให้เกมของปีกธรรมชาติอย่างกิ๊กส์ และวาเลนเซีย มีทางเลือกในการเล่นมากมาย สำหรับกิ๊กส์นั่นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อเจ้าตัวผ่านประสบการณ์โชกโชนทางกราบซ้ายมากว่าสิบห้าปีเข้าไปแล้วในเกมระดับท็อปของประเทศและยุโรป อีกทั้งถูกเพิ่มเติมความเขี้ยวด้วยการเล่นตรงกลางร่วมๆสองสามปีทำให้ได้วิสัยทัศน์และการมองเกมในภาพรวมมากกว่าปีกธรรมดาๆทั่วไป ยิ่งเมื่อปีนี้ถูกโยกกลับมาเป็นปีกซ้ายตามถนัดอีกครั้ง กิ๊กส์จึงได้ทั้งความเก๋าเกมในฐานะปีกธรรมชาติ และการอ่านเกมมองเกมในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลางมาขยำรวมกัน กิ๊กส์ในวันนี้จึงกลายสภาพเป็นมิดฟิลด์ริมเส้นอย่างเต็มตัว ไม่ใช่ปีกธรรมชาติเพียวๆอีกต่อไปแล้ว ยิ่งได้ตัวเติมอย่างเอวร่ามาช่วย ยิ่งทำให้กิ๊กส์สามารถร่ายเพลงเตะได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ ตรงนี้ครับ ทำให้ตัวริมเส้นของโบลตันทำอะไรไม่สะดวก ได้แต่คอยช่วยรอง ช่วยซ้อนกับฟูลแบ๊กจนไม่ได้เล่นเกมรุกเท่าไหร่

ส่วนวาเลนเซียนะเหรอ เกมนี้ทุกๆคนคงได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ที่ผมเองบอกมาตลอดว่า วาเลนเซียในสีเสื้อยูไนเต็ด จะทำผลงานได้ดีก็ต่อเมื่อมีฟูลแบ๊ก หรือตัวเติมช่วยที่ดี ที่รู้ใจ มาช่วยกดดันแบ๊กฝั่งตรงข้าม เพราะอะไรครับ เพราะกับยูไนเต็ดนั้น วาเลนเซียจะไม่ได้มีพื้นที่ให้เล่นมากมายเหมือนสมัยลากเลื้อยให้วีแกนแน่นอน แต่เขาจะถูกปิดพื้นที่ ปิดช่องว่างมากขึ้น แต่เกมนี้ เมื่อได้แกรี่ ที่ก็ได้ไฟเขียวจากเบื้องบนให้ลงมาเติมช่วยเต็มที่ เข้ามาช่วยนั้น เราก็เห็นได้ว่า แกรี่ที่เป็นแบ๊กขวาผูกขาดมากว่าสิบปีของเรา ช่วยปีกได้ตรงไหนบ้าง ภาพที่เราเคยเห็นแกรี่วิ่งสอดหลังเบ๊คแฮมก็เกลับมากิดขึ้นในเกมนี้บ่อยๆ ภาพที่เห็นเบ๊คแฮมหุบแล้วแกรี่หลุดไปสุดเส้น ภาพที่แกรี่เติมมาดึงตัวประกบไปทีเดียวสองคนให้ปีกหลุดไปโล่งๆ ภาพเหล่านั้นมันเหมือนถูกรีไวนด์กลับมาในวันนี้อีกครั้ง กับแกรี่ และวาเลนเซีย

ประตูที่สองที่เราทำได้ก็มาจากคู่หูคู่นี้แหละครับ วาเลนเซียควบบอลหักเข้าในมาทางกรอบเขตโทษด้านขวา พร้อมด้วยตัวประกบสามสี่คนมาเป็นพรวน แต่แกรี่วิ่งเติมมาทางขวาสอดทะลุเข้าไปในกรอบ วาเลนเซียป้ายบอลขึ้นให้ทันที แกรี่ดึงตัวประกบไปได้เพียบก่อนจะแปะคืนเข้ากลางให้วาเลนเซียโล่งๆ วาเลนเซียจับก่อนจะยิงทันที บอลพุ่งเสียบโคนเสาใกล้อย่างสวยงามเป็นประตูเปิดตัวในลีกของวาเลนเซียในนาทีที่ 33 และเป็นประตูคลายความกดดันให้เจ้าบ้านได้สำเร็จ หลังจากนั้น เกมของโบลตันก็ช็อตไปดื้อๆ ปล่อยให้เจ้าบ้านไล่ขย่มอย่างไม่ลืมหูลืมตา เดือดร้อนถึงยัสเคไลเน่นต้องงัดซูเปอร์เซฟออกมาโชว์อย่างต่อเนื่องจนไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว

การประสานงานในช่วงปลายครึ่งแรกของเจ้าบ้านน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ การขึงเกม การถ่ายบอล และไล่เพรสซิ่งเอาบอลคืนมา รวมทั้งปักหลักยันลูกสาดยาวของทีมเยือน โดยรวมนับว่าเจ้าบ้านทำผลงานได้ดีมากๆ รอเพียงว่าเมื่อไหร่จะเกิดประตูที่สามก็เท่านั้น เกมนี้ ลี ชุง ยอง ของโบลตันที่ฟอร์มจัดจ้านมากๆในช่วงนี้ กลับไม่สามารถคายพิษสงอะไรได้เลย เพราะถูกเอวร่าและกิ๊กส์กดด้วยเกมรุกตลอด กลายเป็นว่า โบลตันต้องพึ่งเกมทางซ้ายเป็นหลัก ในช่วงที่แกรี่เติมสูงและลงไม่ทันจากพิษสงความชราของเจ้าตัวนั่นเอง ทำให้การ์ดเนอร์มักจะสวนมาทางด้านนี้ในจังหวะสวนกลับ และฝากบอลขึ้นหน้าให้เดวี่ส์ แต่ก็ยังถูกเจ้าบ้านป้องกันไว้ได้ตลอด โดยมีน้าซาร์เป็นปราการด่านสุดท้ายที่เชื่อใจได้อีกคน

รูปเกมในครึ่งหลัง เจ้าบ้านยังเปิดฉากด้วยการครองเกมรุกเหมือนเดิม แต่ลดดีกรีความดุดันลงมาบ้าง ในขณะที่โบลตันเองดูมีความพยายามที่จะตั้งหลักกลับมาให้ได้เหมือนกัน เมื่อลี ชุง ยอง ทำเกมไม่ได้เลย เม็กสันจึงต้องถอดออกและส่ง อิวาน คลาสนิช ลงมาแทนตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง เกมรุกของเจ้าบ้านยังคงหวุดหวิดๆจะได้ลูกที่สาม แต่ยัสเคไลเน่นยังเหนียวแน่นเป็นตังเม ไม่ยอมพลาดให้อีก ผมล่ะนึกเคืองหมอนี่จริงๆ ตั้งหลายลูกแล้วที่หมอนี่เซฟแบบไม่น่าเชื่อได้ขนาดนั้นเนี่ย แล้วอันดับต่อมา เม็กสันก็ส่งมาร์ก เดวี่ส์ ลงมาแทน ทาเมียร์ โคเฮน เมื่อผ่านครึ่งหลังไปได้ครึ่งทาง เกมมาถึงตรงนี้ โบลตันเริ่มมีพิษสงมากขึ้นเรื่อยๆ เกมของอิวาน คลาสนิช ที่คลาสค่อนข้างสูงกว่าลี ชุง ยองพอสมควร ทำให้รูปเกมทางฝั่งขวาของโบลตันดูดีขึ้นมามาก คลาสนิชไม่ต้องเร็ว ไม่ต้องวิ่งมาก แต่ความนิ่งและการอ่านเกมของเขา ส่งผลดีต่อเกมของโบลตันมากกว่าเดิมเยอะทีเดียว

เกมของโบลตันในจังหวะสวนกลับ อาจจะช้าลงจากคลาสนิช แต่ได้ลูกแน่นอนมาแทนที่ รู้จักดึง รู้จักผ่อน และเปิดบอลได้เปรียบ ตรงนี้เกมของโบลตันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เจ้าบ้านยังคลำเป้าที่สามไม่เจอเสียที และสิ่งที่ผมกังวลก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อโบลตันหลุดขึ้นมาทางขวา ก่อนจะเปิดเรียดเข้ากลางมา ลูกนี้ผมล่ะอยากเขกหัวน้าแกรี่จริงๆครับ แกไปเอาสตั๊ดเขี่ยลูกเปิดออกจากกรอบ แทนที่จะเตะทิ้งๆไปซะไกลๆ แต่อย่างว่า อาจจะเป็นเพราะแกแก่แล้วตั้งหลักไม่ทันก็ได้ เลยขอแค่สกัดให้พ้นๆทางไปก่อน แล้วบอลเจ้ากรรมก็ดันไปเข้าทางนักเตะโบลตันคนเดิมที่ได้จังหวะเปิดใหม่ ทีนี้ บอลโค้งข้ามมาถึงเทย์เลอร์ที่โดดขึ้นเทคกับ...เอ่อ.... เอวร่าครับ แล้วพี่ติ๊กจะไหวเร้อ.....ก็โดนจนได้ เทย์เลอร์โขกเต็มหัวส่งบอลย้อนทางไปเสียบเสาแรก ตีตื้นให้ทีมเยือนไล่ตามมาเป็น 2:1 ในนาทีที่ 75

ผมไม่แน่ใจว่าลูกนี้จะโยนบาปให้ใครดี (ต้องหาตัวผู้รับผิดชอบครับ จะได้รู้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหน) เริ่มจากบอลทะลักมาเร็วมากจากตรงกลางสนาม ที่ที่แอนนี่ควรจะเป็นคนต้องหยุดยั้ง นั่นคือจังหวะแรก พอหลุดมาทางถึงหน้ากรอบก็ป้ายออกทางกราบขวา ในขณะที่แกรี่ดันหุบเข้ามาใน สลับกับที่ริโอถ่างออกไปซ้อนตัวเปิดบอล อันนี้อาจจะเกิดจากการคุมคนในจังหวะแรก พอเขาสลับตำแหน่งเราเลยไปหลงสลับตำแหน่งตามคนที่ตามคุมอยู่ ซึ่งจังหวะเกมมันคงเร็วเกินกว่าจะตั้งสติกันได้ทัน แต่ก็ถือได้ว่าโบลตันทำจังหวะนี้ได้ดี ดึงเอาริโอไปปิดข้างนอก ในขณะที่หน้ากรอบ เราเหลือผู้เล่นตัวสูงแค่คนเดียว คือ เอแวนส์ ส่วนอีกสองคนเป็นเอวร่า กับแกรี่ กรรม... แล้วแกรี่นี่ก็น่าเขกกะโหลกจริงๆ ลูกที่เอาสตั๊ดไปแปะบอลในจังหวะแรกนั้น มันเจ็บกระดองใจผมจริงๆ ถ้าได้เตะทิ้งๆไปซะคงตั้งหลักได้ดีกว่านี้แหละ นี่คือจุดเปลี่ยนของเกมเกมนี้อย่างแท้จริงครับ

หลังจากได้ประตูตีตื้น เกมของโบลตันก็ดีขึ้นทันตาเห็น สวนทางกับเจ้าบ้าน ที่โอนไปเอนมาขึ้นเรื่อยๆ โบลตันตอนนี้หลับหูหลับตาโยน เรายังมีเสียวเลยครับ กองหลังถูกเดวี่ส์ค้ำไปค้ำมาซะจนออกอาการบ่อยๆ เม็กสันเปลี่ยนเอาคริส บาแช่มลงมาแทน ฟาบริซ มูอัมบ้า และก็เล่นรักบี้กันตั้งแต่นั้น สำหรับผู้เล่นโบลตัน ท่านเซอร์เริ่มนั่งไม่ติดต้องส่งโอเชลงมาแทนเอวร่า เพื่อช่วยป้องกันการโจมตีด้วยของกองกำลังทางอากาศของโบลตัน และเอาเว็ลเบ็คลงมาแทนโอเว่น เพื่อช่วยเก็บบอลข้างหน้า เนื่องจากโอเว่นไม่ใช่ศูนย์หน้าสไตล์เก็บบอลดึงเวลานั่นเอง แถมยังต้องเก็บตัวไว้อีกต่างหาก เพราะตอนนี้ รูนี่ย์ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาในเกมหน้าได้เลยหรือไม่ สุดท้ายป๋าก็ต้องส่งสโคลส์มาเก็บบอลตรงกลางแทนแอนนี่ เพื่อกำกับเวลาเมื่อเราได้บอล ช่วงท้ายเราหลังพิงเชือกจริงๆ หวุดหวิดจะเสียประตูหลายครั้ง ครั้งหนึ่งก็ที่การ์ดเนอร์เทคขึ้นสู้น้าซาร์แล้วเอามือไม้มาเล่นรบกวน แคล็ตเท่นเบิร์กจึงเป่าฟาล์วให้ ลูกนี้ก็รอด ลูกสุดท้ายที่โหม่งจ่อๆก็ดันตรงตัวน้าซาร์อีก จบเกมจึงเป็นสามแต้มแบบหายใจไม่ทั่วท้องของเจ้าบ้านในที่สุด

เฮ้อ..........ผมถอนหายใจยาวหลังจบเกม นี่จะให้มันชนะแบบกองเชียร์สบายอกสบายใจไม่ได้เลยรึ ต้องมีดราม่าประกอบทุกครั้งไปแบบนี้มันเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายนะพี่ท่าน เหมือนที่ป๋าบอกครับ เราทำตัวเองให้เหนื่อยแท้ๆ ไม่ใช่โบลตันเลย คืออันนี้ก็ไม่ได้ดูถูกโบลตันแต่อย่างใด เพราะโบลตันทำงานได้ดีมากๆแล้ว โดยเฉพาะท้ายครึ่งหลัง แต่ในความหมายผมคือ ถ้าเราเน้นมากกว่านี้ ปิดสกอร์เฉียบคมกว่านี้ เราคงเล่นได้สบายอกสบายใจ และโบลตันก็คงกลับมาสู่เกมไม่ได้ง่ายๆแบบนี้ แล้วเป็นไงครับ พอเขาคัมแบ๊กมาได้ เราก็แทบรากเลือด ยังดีที่แคล็ตเท่นเบิร์กเป่าลูกนั้นเป็นฟาล์ว ลองคิดดูนะครับ ถ้าท่านเปาไม่อยู่ในมุมที่เห็นได้ชัดๆ ผมว่าเราอาจเสียอีกสองแต้มไปแล้วก็เป็นได้ และจากแนวโน้มของเกมอาจจะเป็นการเสียถึงสามแต้มเลยด้วยซ้ำ เมื่อถูกบอมบ์แหลกลาญต่อเนื่องขนาดนั้นในช่วงท้ายครึ่งหลัง

แต่ก็เอาเถอะครับ ในเกมที่เน้นขิงแก่กันเต็มไปหมด เราทำได้ขนาดนี้ก็นับว่าดีแล้ว เทียบกับที่เชลซีและลิเวอร์พูลพานพบในวันเดียวกัน ของเรานับว่าเป็น...เรื่องเล็กน้อย ไปในพริบตา เกมที่จัดทั้งแกรี่, กิ๊กส์, โอเว่น, ริโอ, รวมทั้งเติมสโคลส์ลงไปอีก รวมกับน้าซาร์ที่เฉี่ยวๆสี่สิบรอมร่อ นี่มันเหมือนทีมบ้านพักคนชราทีมหนึ่งของอิตาลีก็ไม่ปาน แต่เมื่อมองไปยังหนทางข้างหน้า ผมว่านี่เป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่ามากๆของป๋าครับ วิดิช, เฟล็ทเชอร์, รูนี่ย์ ได้พักมาเต็มๆ สโคลส์, โอเช ได้เล่นไม่กี่นาทีในช่วงท้าย โอเว่นไม่ต้องอยู่จนครบเกม นานี่ไม่ได้ลง (อันนี้ดีใจอ่ะ ไม่ต้องลงนานๆได้ไหม) เราคงออกไปเยือนแดนหมีขาวได้อย่างไม่บอบช้ำมากนัก และคาดหวังว่าจะกลับมาได้แบบไม่บอบช้ำเช่นกัน หวังว่าผลการแข่งวันคืนวันพุธคงเข้าทางเราด้วย จะได้ทำให้งานต่างๆมันง่ายขึ้นในสุดสัปดาห์หน้า

เกมนี้ ต้องชมกิ๊กส์อีกครั้ง ที่กลับมาวาดลวดลายได้เด็ดขาดสะท้านทรวง เมื่อรวมกับลีลาของเทพเบอร์บาตอฟที่เพิ่งปล่อยของไปในเกมทีมชาติ ก็ยิ่งทำให้เกมการประสานงานข้างหน้า น่ากลัวไม่ใช่น้อย นี่ยังดีที่โอเว่นอาจจะยังจูนไม่ค่อยติดในจังหวะให้บอลสุดท้าย หากจูนติดกันสามคนก็รับรอง ได้เชียร์กันสะเด่าไปเลยคุณน้องแน่ๆครับ แถมการที่แกรี่เติมเกมริมเส้นให้เห็นวันนี้ก็นับเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องทั้งหลาย ไม่ว่าโอเช, ราฟาเอล แม้แต่บราวน์ ได้เรียนรู้วิธีการเติม วิธีการเล่นร่วมกับปีกอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้แกรี่จะลงไม่ค่อยทันเพราะอายุอานามเป็นอุปสรรค แต่การเติมเกมที่เป็นจุดเด่นของเจ้าตัวก็นับว่าช่วยวาเลนเซียได้เยอะมากๆ นี่ผมดันคิดไปว่า หากย้อนวัยแกรี่ลงมาเหลือสัก 27-28 มาเล่นคู่วาเลนเซียวันนี้ เกมจะสะเด่าขนาดไหน อย่าไปนับตอนคู่กับเจ๊ตโด้ เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรแกรี่เลย เจ๊ตโด้เขาไม่ต้องการประสานงานกับแบ๊ค แค่ต้องการตัวมาดึงกองหลังเท่านั้นเอง แต่โดยธรรมชาติแล้ว ประสิทธิภาพของมิดฟิลด์ริมเส้นจะเกิดประโยชน์สูงสุด ก็ต้องประสานงานกับฟูลแบ๊กที่เข้าขารู้ใจกันเท่านั้นครับ

เอาล่ะครับ วันนี้ ผมคงยกแมน ออฟ เดอะ แมทช์ ให้กิ๊กส์ อีกครั้ง แต่คราวนี้ เอาไปคู่กับเบอร์บาตอฟนะตัวเอง เพราะเล่นประสานงานกันได้แจ่มมากๆ ตลอดทั้งเกมเลยทีเดียว ก็ได้แต่หวังว่า ทั้งคู่จะรักษาความฟิต และความมุ่งมั่น รวมทั้งฟอร์มการเล่นของตัวเอง ให้ต่อเนื่องยาวนาน เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวเร้ด อาร์มี่ จะได้เชียร์กันอย่างสบายอกสบายใจกว่านี้นะครับ


แล้วมาลุ้นกันครับ

สงบใจ



Create Date : 19 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 10:54:11 น. 1 comments
Counter : 440 Pageviews.

 
ลุ้นแทบตาย


โดย: โจนบ้ากับป้าแก่ๆ วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:13:24:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.