Bloggang.com : สงบใจ : ---ของเก่า 17 พฤษภาคม 2550--- ชิงชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ 2007 ก่อนเกมครับ

---ของเก่า 17 พฤษภาคม 2550--- ชิงชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ 2007 ก่อนเกมครับ

ข่าวร้ายของฝั่งแมนยูไนเต็ดก่อนเลยก็คือ แกรี่ เนวิลล์ ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จะไม่สามารถลงช่วยทีมได้อย่างแน่นอน จนกว่าจะถึงช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น ส่วน หลุยส์ ซาฮา ก็มีอาการบาดเจ็บกำเริบขึ้นมาทุกๆสัปดาห์เว้นสัปดาห์ จนท่านเซอร์จะไม่เอาลงเล่นค่อนข้างแน่นอนแล้วครับ เพราะเหนื่อยกับการลุ้นอาการของเฮียปลาดุกมาก

สำหรับในรายของ เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า ทั้งสองรายซึ่งคัมแบ๊คกลับมาจากอาการบาดเจ็บแล้ว แต่จากการลงสนามล่าสุด เท่าที่เราได้เห็นกัน วิดิช ยังคงความเหนียวแน่นอยู่ครับ แต่เรื่องความฟิต ในวันนั้นยังไม่เต็มร้อยก็จริง แต่ในวันพรุ่งนี้ เขาอาจจะเรียกความฟิตกลับมาเต็มที่แล้วก็ได้ ซึ่งผมมองว่า ยังไงๆ วิดิชก็น่าจะไว้ใจได้ดีกว่า เมื่อมายืนกับริโอ เป็นคู่เซ็นเตอร์ครับ

ในขณะที่เอวร่า หลังจากหายกลับมานั้น นอกจากต้องเรียกความฟิตแล้ว ผมว่ายังต้องเรียกฟอร์มเก่งกลับมาด้วยครับ สองนัดล่าสุดที่ได้รับโอกาสให้ลงสนามมา เอวร่ากลับโชว์ฟอร์มได้ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ จ่ายบอลเสียบ่อยมาก และไม่ค่อยทันเกมของเพื่อนๆ น่าจะเป็นเพราะหายไปนาน ทำให้ความเข้าใจในเกมกับเพื่อนๆพลอยหายไปด้วย ยังดีที่ในเกมรับเขายังพอไว้ใจได้ หากได้ซ้อมกับเพื่อนๆมากขึ้น เขาก็น่าจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงได้ไม่ยากครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------

นายด่านรักษาประตู ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งแน่นอนครับ สำหรับนายทวารชาวดัทช์ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซึ่งถึงแม้หลังๆจะออกมาทุบบอลเข้าทางคู่ต่อสู้บ่อยๆ แต่ผมมองว่า นั่นเป็นเพราะ ฟาน เดอร์ ซาร์ เองก็กังวลกับแผงหลังในช่วงนั้น ที่เป็นชุดจตุรเทพค่อนแผง ทำให้หลายๆครั้งออกอาการลังเล หรือออกมาตัดแบบไม่เต็มร้อย บางครั้งอาจทำให้เขาถึงกับไม่กล้าตัดสินใจรับลูกยิง เพราะเกรงว่าหากกระฉอกออกมา แผงหลังชุดจตุรเทพ อาจเหวอได้ ทำให้ตัดสินใจชกแทน ซึ่งกลายเป็นไปเข้าทางคู่ต่อสู้ซะงั้น แต่เมื่อได้แผงหลังคู่เซ็นเตอร์เทพแท้ กลับมายืนบงการเกมรับ ก็น่าจะทำให้ ฟาน เดอร์ ซาร์ เบาใจลงไปได้เยอะ และน่าจะสามารถโชว์ฟอร์มได้เต็มที่ ไร้กังวลอีกครั้งครับ

ส่วนของเชลซีนี่ เช็คเข้าวินมาแบบไม่ต้องคิดเลยครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

ฟูลแบ๊กฝั่งขวา ผมยังมองว่า บราวน์ ดีกว่า โอเช ครับ เนื่องจากประสบการณ์การยืนเป็นกองหลังมาตลอดของ บราวน์ ทำให้มีความนิ่งมากกว่า โอเช ซึ่งมักจะยืนเป็นกองกลางบ้าง หลังบ้าง ผู้รักษาประตูบ้าง กองหน้าบ้าง จึงน่าจะทำให้ โอเช ออกลูกกั๊กในบางจังหวะ และหากสังเกตกันดีๆ เวลาโอเชจ่ายบอลเนี่ย จะดูลนลานก่อนจะจ่ายยังไงไม่ทราบครับ และถึงแม้การเติมเกมรุกของ โอเช อาจจะดีกว่าบราวน์ แต่ในเกมแบบนี้ ผมเลือกความแน่นอนในเกมรับมากกว่าครับ ซึ่งในสองสามนัดล่าสุด บราวน์เองก็แสดงให้เห็นแล้วว่า หากองค์ลง เขาก็สามารถเป็นแมนออฟเดอะแมทช์ได้เช่นกัน ถึงวันนั้น หากบราวน์ได้ลงจริง ก็ขอให้องค์ลงด้วยละกันนะครับ

การที่บราวน์ยืนเป็นแบ๊กขวานั้น ทำให้มีโอกาสสูงที่เขาจะต้องมาดวลกันกับ โจ โคล หรือ อาจจะเป็น ร๊อบเบน หากเข็นลงสนามมาได้ ซึ่งผมมองว่า การเจอกับปีกความเร็วจัดๆ และเทคนิคสูงเช่นนี้ ไม่ควรให้แบ๊กเติมเกมบุกพร่ำเพรื่อครับ เวลาโดนสวนนี่ลิ้นห้อยแน่ๆ ซึ่งหากบราวน์ไม่ต้องเติมเกมสูงแล้ว ผมว่าเขาจะคอยประคองได้ดีกว่า โอเช แน่ๆครับ และหากหลุด หรือหลังหักไป (ซึ่งเป็นอยู่บ่อยๆ) ก็ยังมีเซ็นเตอร์คอยซ้อนให้

ส่วนฝั่งซ้ายก็อย่างที่บอกไป เอวร่านั้นเด่นกว่าไฮน์เซ่แน่ๆ ในเรื่องการเติมเกมรุก แต่เกมรับเขาก็ไม่ใช่ย่อย เพียงแต่ไม่ได้ออกแนวฮาร์ดคอร์อย่างไฮน์เซ่เท่านั้น และผมมองว่าเกมนี้ ปีกซ้ายและขวาของเชลซีน่าจะเป็นตัวขึ้นเกมรุก และความเร็วของปีกเชลซีก็ไม่ใช่รถไฟไทย แต่ออกแนวไฮสปีด ดังนั้น ความเร็วของเอวร่าน่าจะมีประโยชน์มากกว่าความหนักความซาดิสม์ของไฮน์เซ่ครับ

ทางฝั่งของเอวร่าเองนั้น ผมว่าน่าจะได้พบกับ ไรท์ ฟิลลิปส์มากกว่า เพราะในเกมที่เชลซีต้องการความวูบวาบอย่างนี้ ไรท์ ฟิลลิปส์ น่าจะสร้างสีสัน และโอกาสให้เชลซีได้ดีกว่าการใช้ ดิยาร์ร่า ครับ และหากเชลซีใช้ ไรท์ ฟิลลิปส์ จริงๆ ผมว่าเรายิ่งต้องเอาเอวร่ามาไล่บอลครับ เพราะไฮน์เซ่จะช้ากว่าเอวร่าอยู่เยอะ ยิ่งทางแบ๊กขวาเราช้าอยู่แล้ว หากทางซ้ายก็ช้าอีกคน ผมว่าคู่เซ็นเตอร์ และ น้าซาร์ เราจะเจองานหนักเกินไปครับ ดังนั้นในมุมนี้ ผมขอเลือก เอวร่า ครับ

คู่เซ็นเตอร์ คงไม่มีใครปฏิเสธความเหนียวแน่น และความลงตัวของ ริโอ กับ วิดิช อีกแล้วครับ ในชั่วโมงนี้ คู่นี้ถือเป็นคู่ที่ดีที่สุดแล้ว เทียบได้กับ เทอร์รี่ และ คาร์วัลโญ่ เลยครับ แถมยังมีดีที่ลูกกลางอากาศเวลาได้ลูกตั้งเตะอีกด้วย หากวิดิชฟิตเต็มร้อย ผมว่าเขาไม่น่าพลาดการออกสตาร์ทเป็นสิบเอ็ดตัวจริงแน่นอนครับ

ยิ่งการที่เชลซี น่าจะใช้ดร็อกบา กับกาลูมายืนเป็นกองหน้าด้วยแล้ว และทั้งสองคนก็มีดีที่ความคล่องตัว ความแข็งแกร่ง พลิกบอลได้ดี ยิงได้ทุกจังหวะ อีกทั้งลูกโหม่งก็เด่น (อะไรจะเก่งขนาดนั้น) ทำให้ผมมองว่าคู่เซ็นเตอร์คงต้องเน้นที่ความแข็งแกร่ง และความหนักหน่วงในการเข้าสกัดทางวิ่งตั้งแต่แรก รวมทั้งเข้าเบียดปะทะไม่ให้พลิกบอลได้ถนัดเวลาได้บอล ซึ่งวิดิชเองค่อนข้างเด่นในเรื่องนี้ และการมีริโอ ซึ่งมีเซนส์การอ่านบอลที่ดี คอยเก็บตกอยู่ข้างหลังอีกที น่าจะช่วยผ่อนแรงไปได้เยอะครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

มาพูดถึงแผงกลางกันบ้างครับ จากการที่เชลซีไร้คาร์วัลโญ่ ยืนบงการเกมรับคู่กับเทอร์รี่ น่าจะทำให้มูรินโญ่ต้องถอยเอสเซียงลงมาเล่นแทน ซึ่งนั่นจะทำให้กลางของเชลซีขาดความหนักหน่วงลงไปพอสมควร และการเสีย เอสเซียง ไปยืนเกมรับนั้นยิ่งทำให้ขาดตัวตัดเกมที่มีประสิทธิภาพลงไป น่าจะทำให้แมนยูไนเต็ดเล่นเกมแดนกลางได้ง่ายขึ้น เพราะรูปแบบการเล่นในแดนกลางของเขลซีนั้น จะเน้นการครองบอลไว้ก่อน ถ่ายบอลกันไปมา เท้าถึงเท้า แล้วจึงหาจังหวะจ่ายให้ปีกสองข้าง หรือจ่ายทะลุช่อง จ่ายตัดหลังแบ๊ก ให้กองหน้าหรือปีก โฉบเข้าไปหาบอล
ซึ่งหากเชลซีไร้เอสเซียงในแดนกลาง น่าจะทำให้การตัดเกมรุกของแมนยูไนเต็ด ทำได้ยากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เปอร์เซนต์การครองบอลของเชลซีลดลง และไปทำให้แมนยูไนเต็ดได้บุกมากขึ้นด้วย

แลมพาร์ดเองเป็นตัวรุกธรรมชาติ เล่นเป็นตัวรับไม่ค่อยถนัดนักและจะเสียประโยชน์เขาไปเปล่าๆ ส่วนมาเกเลเล่ ก็มีจุดอ่อนที่สภาพร่างกายและสังขารที่ร่วงโรยลงไป แต่ถึงยังไง มาเกเลเล่ ก็เป็นตัวรับธรรมชาติ ซึ่งทางบอลและเซนส์บอลตรงนี้จะมีประโยชน์มากครับ สามารถเข้ามาทดแทนสภาพร่างกายที่ด้อยลงไปได้มาก ซึ่งมูรินโญ่คงจะไม่เสี่ยงเอามิเกล ซึ่งดูแล้วยังทำหน้าที่นี้ได้ไม่เด่นเท่าไหร่ แถมอารมณ์ก็ร้อน มายืนเป็นตัวรับแทนมาเกเลเล่แน่ๆ ดูแล้วน่าจะใช้ แลมพ์ กับ มาเกเลเล่ มากกว่าครับ

ซึ่งการที่กลางของเชลซีต้องยวบลงไปนั้นเอง น่าจะทำให้มูรินโญ่ต้องเลือกใช้ความจัดจ้านทางริมเส้นเข้ามาทดแทนครับ โดยการใช้ โจ โคล กับ ไรท์ ฟิลลิปส์ ซึ่งพากันโชว์ฟอร์มเด่นในนัดที่เพิ่งเซิ้งกันไป (หากยังจำกันได้) ยิ่งถ้าหากเชลซีสามารถเรียกความฟิตให้ร๊อบเบนได้จริง ก็ยิ่งน่ากลัวครับ เราอาจได้เห็น ทั้งสามคนคือ ร๊อบเบน โจโคล และ ไรท์ฟิลลิปส์ ยืนเป็นแผงตัวรุกอยู่ข้างหลัง ดร็อกบา แล้วถอดกาลูออกมาก็ได้ ซึ่งนั่นจะยิ่งเพิ่มอาวุธหนักให้เชลซีมากขึ้นไปอีก

ผมจึงมองว่า แมนยูไนเต็ดควรจะจัดกลางสามคน ให้ยืนต่ำหน่อย เพื่อครองเกม และคอนโทรลจังหวะบอลในแดนกลางให้ได้เต็มที่ ไม่ต้องลอยสูงมาก เพื่อตัดเกมรุกของเชลซีให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยประคองและชลอเกมรุกทางริมเส้นของเชลซี ให้ลำเลียงได้ช้าลง ซึ่งน่าจะใช้ สโคลส์, คาร์ริค และ เฟล็ทเชอร์ ยืนเป็นแผงมิดฟิลด์สามคน แต่ในรูปเกมจริง อาจให้เฟล็ทเชอร์ คอยค้ำสูงกว่านิดๆ และอาจเป็นตัวฟรีในแนวดังกล่าว เพื่อชลอ และตัดเกม ก่อนมาถึงสโคลส์ และ คาร์ริค

ในการเดินเกมแดนกลางนั้น เนื่องจากกองกลางของเชลซี ซึ่งน่าจะใช้ แลมพาร์ด กับ มาเกเลเล่ น่าจะเน้นที่ความแน่นอน และการครองเกม มากกว่าการใช้ความเร็วเข้าทำ หรือการเพรสซิ่ง ซึ่งไม่ใช่สไตล์การเล่นของกองกลางเชลซี ดังนั้น การสกัดกั้นเกมกลางสนาม และตัดเกม ทำลายเกมของเชลซี ที่ไม่ได้เน้นความเร็วเช่นนี้ น่าจะเข้าทางของเฟล็ทเชอร์ได้ไม่ยาก ดังที่เราได้เห็นกันมาในหลายๆนัดว่า เฟล็ทเชอร์จะโชว์ฟอร์มได้ดีในเกมที่การเคลื่อนบอลของคู่ต่อสู้ไม่ได้เน้นความเร็ว หรือไม่ได้เน้นเพรสซิ่ง เฟล็ทเชอร์จะมีเวลาไล่บอล และเข้าสกัดบอลครับ หลายครั้งที่เกมลักษณะนี้ ทำให้เขาเด่นขึ้นมากลบรัศมีมดฟิลด์คนอื่นๆไปเลย ซึ่งหากจะทำให้ได้ดีตรงจุดนี้จริงๆแล้ว ต้องให้เฟล็ทเชอร์ตัดเกมทำลายเกม ไม่ให้มิดฟิลด์ของเชลซีจ่ายบอลออกปีกได้ถนัด จะเป็นการตัดเส้นทางรุกของเชลซีได้ดีที่สุดครับ

ส่วนการทำหน้าที่ของ สโคลส์ กับ คาร์ริค นั้น นอกจากคอยเก็บบอลจากการเข้าตัดเกม ทำลายเกมของ เฟล็ทเชอร์แล้ว ทั้งคู่ ก็คงต้องมีส่วนร่วมในการตัดเกมเองบ้างครับ และเมื่อได้บอล สโคลส์ กับ คาร์ริค ต้องใช้จุดเด่นของทีมตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะมัวมาถ่ายบอล หรือต่อบอลสั้น ทำชิ่งหนึ่งสอง ค่อยๆรุกคืบเข้าไป ไม่ทันกินแน่ๆ แต่จะต้องหาช่องจ่ายให้บรรดาแผงกองหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อให้แผงกองหน้ามีพื้นที่ในการเข้าโจมตี ก่อนที่แผงหลังของเชลซีจะประจำตำแหน่งได้ทัน จะจ่ายตัดหลังแบ๊กสองข้าง หรือแทงทะลุไปตรงๆ หรือจะใช้การครอสแรงๆของสโคลส์ ได้ทั้งนั้น ขอแค่พอได้บอลแล้ว กองหน้าส่ายหาที่ว่างให้ได้ มิดฟิลด์ก็จ่ายบอลได้เสียเข้าไปตามช่องที่เจอ ให้กองหน้าหาทางเข้าไปทำ ส่วนตัวเองก็ไปประคองอยู่ที่แถวสอง เพื่อดักเก็บบอลที่อาจถูกตัดกลับมา หรือรอยิงแถวสองก็ได้ครับ

นี่ น่าจะเป็นโอกาสเข้าทำที่หวังผลได้ที่สุดแล้ว กับเกมที่เชลซีเอง น่าจะมาเน้นแพ็คเกมแดนกลางกับหลังครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับแผงกองหน้า ผมเห็นว่านัดนี้ ควรใช้ความเร็ว และความคล่องตัว เข้าบดบี้กับแผงหลังของเชลซี โดยเฉพาะทางฝั่งขวาของเชลซี ที่แฟร์เรร่า ยืนอยู่ บวกกับ เอสเซียง ที่น่าจะยืนเซ็นเตอร์ ทางฝั่งของ แฟร์เรร่า ด้วย ที่ไม่ใช่เซ็นเตอร์แท้ๆ ความเร็ว และความคล่องตัวของบรรดากองหน้าของยูไนเต็ด น่าจะสร้างปัญหาให้เชลซีได้พอสมควร

และอีกจุดหนึ่งก็คือ เชลซีนั้นมีจุดเด่นในการประกบตัวผู้เล่นได้ค่อนข้างดี และสกัดบอล เคลียร์บอล ของคู่ต่อสู้ไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในกรอบโทษได้ดีมาก ทำให้ผมมองว่า กองหน้าตัวเป้า ที่คอยรับบอลมาทำในกรอบเขตโทษ จะไม่น่าใช้ได้ผลนักในนัดนี้ น่าจะมองไปที่การใช้ความเร็วเข้าทำจากกองหน้าทั้งสามตัว และให้สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งการยืนไปตลอดทั้งเกม น่าจะได้ผลดีกว่าครับ โดยน่าจะเป็น โรนัลโด้ รูนี่ย์ และ กิ๊กส์ ส่วนสมิธนั้น ในเกมนี้ ผมคงให้เขาเป็นสำรองไปก่อนครับ

แต่ผมยังพอมองเห็นจุดอ่อนอีกจุดหนึ่งของแผงหลังเชลซีชุดนี้ นั่นคือการประกบผู้เล่นในเวลาขึ้นโหม่งครับ กองหลังเชลซีที่ขึ้นชื่อนักหนา ในการประกบผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่ให้พลิกบอลหรือทำทางได้ถนัด กลับมามีรูรั่วใหญ่มากในการขึ้นประกบลูกโหม่งครับ เมื่อไร้คาร์วัลโญ่มาคู่เทอร์รี่ เพียงแต่ จุดอ่อนนี้ ก็เป็นจุดอ่อนของแมนยูไนเต็ดเหมือนกัน (เฮ้อ อุตส่าห์หาเจอ แต่ใช้ไม่ได้) ทั้งนี้เพราะแมนยูไนเต็ด ขาดแคลนตัวเปิดป้อนชั้นดีมาตั้งแต่ เบ๊คแฮมได้สะบัดก้นงามๆออกไปสู่สเปนแล้ว ทำให้เกมรุกด้วยการเปิดจากกราบ หรือเปิดจากกลางสนามของยูไนเต็ด กลายเป็นไร้พิษสงไปทันที

สุดท้ายก็คงต้องให้แผงหน้าสามตัวของเรา ใช้จุดเด่นที่มีอยู่ ซึ่งก็คือ ความเร็ว, ความคล่องตัว และการพาบอลไปกับตัวได้ทุกคน วิ่งทำทางเข้าโจมตีแผงหลังของเชลซีอยู่เรื่อยๆ โดยไม่ต้อง FIX ตำแหน่งตายตัว ทั้งนี้ เพื่อสร้างความสับสน และ เปิดความหลากหลายในการเข้าโจมตีนั่นเอง และการเข้าโจมตีนั้น ต้องสามัคคีกันไปนะครับ ไม่ใช่ปล่อยให้ลุยไปเดี่ยวๆ ก็ไปเข้าทางแผงหลังเขาอีก แต่ต้องไปอย่างน้อยสองคน ไปเป็นแผงสามคนได้ยิ่งดี จะยิ่งทำให้แผงหลังของเชลซีพะวักพะวนมากขึ้น เปิดช่องให้กองหน้าเรามีพื้นที่มากขึ้นนั่นเองครับ ซึ่งสุดท้าย หากขึ้นไปแล้วตันจริงๆ ก็สามารถจ่ายคืนมาที่แถวสองให้สโคลส์มารอยิงจากตรงนั้นก็ยังได้ครับ

อีกทั้ง สองแนวรุกด้านข้าง ซึ่งก็คือ โรนัลโด้ กับ กิ๊กส์ นั้น น่าจะต้องมีภาระเพิ่มมากขึ้นอีกอย่าง นั่นคือ ชลอเกมริมเส้นของเชลซีตั้งแต่ในแดนของพวกเขา ไม่ให้ได้โอกาสโต้กลับเร็ว ยิ่งในขณะที่แบ๊กของเราขึ้นมาเติมเกม ยิ่งต้องหยุดให้ได้ ฟาล์วเป็นฟาล์ว เพราะถ้าเกิดปีกสองข้างเขาสลัดหลุดไปได้ เร็วๆทั้งนั้นครับ แถมแต่ละคน ยิงคมใช่เล่นที่ไหน ทั้ง โคล, ไรท์ฟิลลิปส์ หรือ ร๊อบเบน อันตรายๆทั้งนั้น อาจจะเลือกจ่าย หรือเลี้ยงจี้เข้าไปหาช่องยิงเลยก็ได้ ผมถึงเน้นนักหนาว่า ไม่อยากเห็นแบ๊กเราเติมเกมบุกพร่ำเพรื่อไงครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ซึ่ง หากจะนำข้อคิดเห็นข้างบน มาจัดตัวผู้เล่น ก็น่าจะเป็นแบบนี้ครับ

ฟาน เดอร์ ซาร์

บราวน์ ริโอ วิดิช เอวร่า

สโคลส์ คาร์ริค เฟล็ทเชอร์

โรนัลโด้ รูนี่ย์ กิ๊กส์

สำรอง: คุสแซ็ค, ไฮน์เซ่, โอเช, สมิธ, โซลชา

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ส่วนของเชลซี หากไร้เงาร๊อบเบน

ดร็อกบา

กาลู

โจ โคล แลมพาร์ด มาเกเลเล่ ไรท์ ฟิลลิปส์

บริดจ์ เทอร์รี่ เอสเซียง แฟร์เรร่า

เช็ค

สำรอง: คูดิชินี่, ร๊อบเบน, มิเกล, แอชลี่ย์ โคล, เบน ซาฮาร์

แต่หากร๊อบเบนฟิตเต็มถังได้ล่ะก็ อาจกลายเป็น

ดร็อกบา

ร๊อบเบน โจ โคล ไรท์ ฟิลลิปส์

แลมพาร์ด มาเกเลเล่

บริดจ์ เทอร์รี่ เอสเซียง แฟร์เรร่า

เช็ค

สำรอง: คูดิชินี่, กาลู, มิเกล, แอชลี่ย์ โคล, เบน ซาฮาร์

เห็นแล้วสยองแทนแผงหลังนะครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก็เป็นมุมมองการ วิพากษ์ ส่วนตัวของผมเองนะครับ

ส่วนการที่ใคร โดยเฉพาะแฟนๆเชลซี จะเห็นต่างออกไป

หรือจะหาแนวทางแก้เกมผมมายังไงก็ลองเข้ามาคุยกันนะครับ

สนุกดีออก

แล้วพบกัน ในบทวิพากษ์ หลังเกม ครับ

Create Date : 07 กันยายน 2550

Last Update : 7 กันยายน 2550 7:54:27 น.

0 comments

Counter : 229 Pageviews.