---ของเก่า 30 เมษายน 2550--- มิลาน กับ แมนยู ก่อนเกมครับ

ได้ทราบจากทางต่างประเทศมาว่า ทางมิลานจะดร็อป จิลาร์ดิโน่ ซึ่งยังคงฝืดติดต่อกันไม่หาย และจะดันอินซากี้ ที่เรียกความฟิตกลับมาได้แล้ว ลงยืนเป็นหน้าเป้า ตามสไตล์ 4-3-2-1 หรือ คริสต์มาส ทรี นั่นเอง ซึ่งพอจะลงให้เห็นรูปเห็นร่างได้ดังนี้ครับ

อินซากี้

กาก้า เซดอร์ฟ

อัมโบรซินี่ ปิร์โล่ กัตตูโซ่

แยนคูลอฟสกี้ โบเนร่า เนสต้า อ๊อตโด้

ดีด้า


ทั้งนี้ ทั้งนั้น ผมชักรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีครับ เพราะว่า เจ้าปิ๊บโป้ นีเป็นเหมือนของแสลงสำหรับปิศาจแดงอยู่เนืองๆ ไม่ว่าเค้าจะสังกัดเสื้อสีใดก็ตาม แต่มักทำประตูปิศาจแดงได้บ่อยๆครับ ในยูซีแอลรอบที่ผ่านมา ก็เพิ่งสอยตาข่าย บาเยิร์น มิวนิค มาได้เช่นกัน ก็ได้แต่หวังว่า อายุอานามที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสปีดที่อาจตกลงไปบ้าง รวมถึงความฟิตที่ไม่น่าเต็มร้อย น่าจะทำให้เจ้าปิ๊บโป้ ไม่สามารถยืนระยะวิ่งอย่างเต็มที่ได้ตลอด 90 นาทีไหวนะครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การที่กาก้าได้พักมาอีกแล้วครับ พักมาอีกแล้ว ทำให้เกมนี้ กาก้า น่าจะวิ่งได้เป็นม้าเหมือนนัดที่แล้วอีกเหมือนเดิม ซึ่งบวกกับการมีอินซากี้ยืนค้ำเป็นหน้าเป้า และมีเซดอร์ฟ ยืนคู่กันกับกาก้า แถมกัตตูโซ่ น่าจะฟิตกลับมาได้ ผมมองว่า เกมนี้รูปเกมการบุกของมิลาน จะวูบวาบ น่ากลัวมากกว่าเดิมแน่นอนครับ (อย่างน้อย อินซากี้ คงไม่ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่ในสนาม เหมือนที่ จิลาร์ได้เคยทำมาแล้ว)

แต่ยังมีข้อดีอยู่บ้าง หนึ่งก็คือ การที่มัลดินี่ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บหัวเข่ารบกวน ทำให้ไม่น่าจะมีชื่อเป็นตัวจริงในวันเปิดบ้านพบปิศาจแดงแห่งเกาะอังกฤษ ซึ่งจะต้องใช้ โบเนร่าลงแทน และเราๆท่านๆก็ได้เห็นกันแล้ว ว่า โบเนร่า ยังคงเทียบกันไม่ได้กับมัลดินี่ ที่จะยืนหยัดต้านทานกระแสเกมรุกอันดุดันของแมนยูไนเต็ด ได้อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง

อีกข้อหนึ่งก็คือ ดีด้า ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งต่อไป ทั้งๆที่ยังคงมีอาการไม่มั่นใจในการยืนเฝ้าเสาติดต่อกันมาหลายนัด โดยล่าสุด นัดเฉือนเอาชนะโตริโน่ นั้น ดีด้าก็ยังหลุดๆ อยู่เรื่อยๆนะครับ ซึ่งจุดนี้ ตำนานผู้รักษาประตูของมิลาน (คูดิชินี่, เอ่อ คนละคนกับเชลซีนะครับ) ยังเอ่ยปากว่า “ความไม่มั่นคงของจิตใจ เป็นเรื่องปรกติที่ผู้รักษาประตูจะเผชิญอยู่เรื่อยๆ แต่มันก็จะหายไปเองได้ในไม่นาน ผิดกับดีด้า ที่ความไม่มั่นใจยังคงอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะหายไป”


นั่นก็คือ มิลานที่น่าจะเป็นในวันพุธนี้ จะมีความหลากหลาย และน่ากลัวขึ้นในเกมรุก เพราะพวกเขาจะลงสนามเพื่อชัยชนะเท่านั้น คิดอย่างอื่นไปไม่ได้ อีกทั้งการที่พวกเขามีอินซากี้ลงสนาม และมีกัตตูโซ่ ที่น่าจะฟิตลงสนามได้ ยังทำให้พวกเขาเดินเกมรุกได้อย่างมั่นคงมากขึ้นอีกด้วย โดยไม่ต้องพะวงเกมรับมากนัก เพราะมีกัตตูโซ่ตัดเกมอยู่ที่กลางสนาม

แต่พวกเขาก็ต้องขาดมัลดินี่ ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงในแผงหลังแน่นอน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า มิลานเองนั้น เลือกที่จะปิดจุดอ่อนนี้อย่างไร ซึ่งผมมองว่า มิลานคงไม่มีทางเลือก นอกจากใช้กัตตูโซ่ ตัดเกมตั้งแต่กลางสนาม ให้บอลมาถึงหลังน้อยที่สุด และเลือกที่จะบุก เพื่อกรุยทางสู่ชัยชนะ และเป็นการปิดจุดอ่อนของแผงหลังไปในตัว



ข้ามมาทางฝั่งยูไนเต็ดกันบ้างครับ (หากไม่มีใครเจ็บเพิ่มนะครับ)

นัดนี้ผู้รักษาประตูก็จะยังคงเป็น ฟาน เดอร์ ซาร์ แน่นอน

ฟูลแบ๊กนั้นด้านซ้ายเอวร่าติดโทษแบน ก็น่าจะเป็นไฮน์เซ่ หรือริชาร์ดสัน ซึ่งได้ลองลงมายืนดูบ้างแล้ว ส่วนด้านขวานั้น หากแกรี่กลับมาไม่ได้ ก็จะยังคงเป็นโอเช

คู่เซ็นเตอร์ถ้าไม่ได้ ริโอ ก็คงเป็น ไฮน์เซ่ กับ บราวน์

จะเห็นว่าแผงกองหลังของยูไนเต็ด ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เพราะต้องทดสอบแกรี่ กับริโอ ว่าจะผ่านความฟิตลงเล่นหรือไม่ เอาเป็นว่า ผมจะวิพากษ์ ในกรณีที่ทั้งคู่ลงไม่ได้ เพื่อเป็น เวอร์ส เคส ก็แล้วกันนะครับ

การวางตัว น่าจะเป็น 4-3-3 สูตรที่เคยใช้ได้ผลกับมิลานครับ


กิ๊กส์ รูนี่ย์ โรนัลโด้

สโคลส์ คาร์ริค เฟล็ทเชอร์

ริชาร์ดสัน (ไฮน์เซ่) ไฮน์เซ่( บราวน์)บราวน์ (ริโอ) โอเช (แกรี่)

ฟาน เดอร์ ซาร์

จะเห็นได้ว่า ในกรณีที่เลวร้ายสุดๆ เราจะเห็นเทพบุตรแห่งความเสียวยืนเป็นแบ๊กโฟร์ ได้แก่ ริชาร์ดสัน ไฮน์เซ่ บราวน์ และ โอเช อันนี้ล่ะครับ ที่แฟนๆแมนยูไนเต็ด ต้องเตรียมยาแก้หัวใจวายเอาไว้ล่วงหน้าเยอะๆเลยครับ ยิ่งถ้ามิลานได้อินซากี้มาลุยด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วงมาก

ส่วนกลางและหน้า ยังคงเอกลักษณ์ความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ด้วยตัวตัดเกม(เฉพาะเกมยุโรป) ที่ได้พักมาเต็มๆอย่างเฟล็ทเชอร์ คอยเป็นลูกหาบสโคลส์ ไม่ให้สโคลส์ต้องออกลูกหนักเกินไป อันอาจทำให้แกเป็นบุรุษที่โชคร้ายที่สุดในโลก ด้วยการพาทีมเข้าชิงยุโรปสองครั้ง และตัวเองโดนแบนทั้งสองครั้ง แกคงเศร้ามากนะครับ ส่วนคาร์ริคคอยเชื่อมและสกรีนเกม ให้สโคลส์บัญชาการเกมรุกได้เต็มตัว

แผงหน้า ควรปล่อยให้ทั้งสามได้วิ่งอย่างมีอิสระเต็มที่ เพื่อดึงแผงหลัง และพากองหลังมิลานไปทัวร์รอบๆซานซิโร่ให้เหนื่อยตั้งแต่ครึ่งแรก เพื่อให้งานในช่วงครึ่งหลังง่ายขึ้น

วินัยที่ต้องกวดขันให้ผู้เล่นแมนยูไนเต็ดก็คือ แผงหลังห้ามหลงตำแหน่งเด็ดขาด และห้ามเสียฟาล์วในกรอบโทษ รวมทั้งในระยะได้ลุ้น หากจำเป็น ให้เบรกเกมตั้งแต่แดนกลางโดยเฟล็ทเชอร์ คาร์ริค และ เอ่อ สโคลส์ (อย่าแรงเกินนะครับ) ซึ่งจะทำให้เรามีเวลาตั้งหลักและดูแลการยืนแนวรับได้ดีขึ้น อีกอย่างก็คือ เฟล็ทเชอร์ กับคาร์ริค ต้องสกรีนเกมรุกของมิลานให้ได้มากๆ เพื่อผ่อนแรงแผงหลัง ส่วนกองหน้า ขอคมๆหน่อยก็น่าจะเพียงพอแล้วต่อการทำประตู

ขออีกนิด เวลาได้ฟรีคิก เฮียโด้ใจเย็นๆนิดนึงนะครับ ให้พี่กิ๊กสืเปิดสาดเข้าหน้าโกล์จะมีลุ้นกว่า เพราะแผงหลังมิลานและโกล์ ดูจะไม่ค่อยพรีเฟอร์ลูกครอสสักเท่าไหร่ เราน่าจะมีโอกาสครับ

โอกาสที่จะคว้าชัยชนะ
อันแรกเลยต้อง วินัยในการเล่น ไม่หลงตำแหน่ง มีการสื่อสารที่ดีตลอดเวลา กองกลางสกรีนเกมรุกคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด หากต้องตัดเกม ให้ตัดตั้งแต่แดนกลาง เพื่อป้องกันฟรีคิกในระยะหวังผลของปิร์โล่ และก่อกวนการวิ่งทำเกมของกาก้าให้มากที่สุด อาจจะใช้เฟล็ทเชอร์ก็ได้ แต่ต้องก่อกวนสุดๆนะครับ เพื่อไม่ให้จอมทัพบราซิลเลี่ยนทำเกมได้ถนัด

กองหน้าต้องวิ่งพล่านหาจังหวะทะลุทะลวง สลับตำแหน่ง ลงมาล้วงบอล พาบอลลุยขึ้นไปด้วยตนเองจากกลางสนาม และวิ่งทำทางตลอดเวลา พูดง่ายๆก็คือ เป็นทุกอย่างในการบุก ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการประจำตำแหน่ง อันอาจทำให้แผงหลังมิลานป้องกันได้ง่ายขึ้น




สุดท้าย ลูกทีมของท่านเซอร์จะทำได้หรือไม่ พวกเรา เหล่าเร้ด อาร์มี่ ต้องตามลุ้นกันหน่อย ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง และยังคงหวัง ว่าในท้ายที่สุด เราจะสมหวังดังใจกันอีกครั้ง อย่าลืม ยาแก้หัวใจวายเฉียบพลัน หนึ่งกระปุก พกไว้ใกล้ตัวด้วยครับ

พบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ

Create Date : 06 กันยายน 2550		0 comments
Last Update : 6 กันยายน 2550 10:35:56 น.
Counter : 473 Pageviews.
Share Tweet