20090430 วิพากษ์ MAN. UNITED vs ARSENAL in UCL Semifinal 1 leg
ถึงจะแค่หนึ่งประตู แต่ก็สู้ได้อย่างสุดยอด
สวัสดีครับ ทุกๆท่าน มาพบกันตามนัดเช่นเคย กับวิพากษ์หลังเกม ซึ่งคราวนี้เป็นเกมกลางสัปดาห์ และถึงคิวของศึกยุโรปถ้วยใหญ่รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เจ้าบ้านเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับอาคันตุกะจากลอนดอน ด้วยแฟนบอล 74,733 คน (อ้างอิงจาก manutd.com เกมนี้เป็นเกมที่มีเดิมพันค่อนข้างสูงสำหรับทั้งสองทีม ฝั่งหนึ่งก็เพื่อป้องกันแชมป์นี้ให้ได้เป็นสโมสรแรก หลังจกเริ่มยุคใหม่ของ UCL มาสิบกว่าปี ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็คือเดิมพันคว้าแชมป์ให้ได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร และจะเป็นสโมสรแรกของลอนดอน ที่คว้าถ้วยใบนี้ได้สำเร็จ เมื่อผ่านพ้นไปครึ่งทาง ปรากฏว่าผลลัพธ์ก็เหลื่อมมาทางฝั่งแชมป์เก่าพอสมควร ซึ่งจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้เลยครับ
เกมนี้ ท่านเซอร์เรามีเรื่องปวดตับน้อยลงเยอะครับ ตัวหลักๆทยอยกลับมามากขึ้น และเริ่มหมุนเวียนผู้เล่นกันได้ดีขึ้น ทำให้ความฟิตของตัวหลักเริ่มทดแทนกันนัดต่อนัดได้อย่างเหมาะสม น้าซาร์ยังคงได้โอกาสลงเฝ้าเสาตามปกติ ฟูลแบ๊คด้านขวาป๋ายังเลือกประสบการณ์ของโอเชีย มากกว่าจะเลือกความสดของราฟาเอล ดา ซิลวา มีปาทริซ เอวร่าลงยืนฟูลแบ๊คทางซ้าย คู่เซ็นเตอร์ใช้ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช วันนี้ท่านเซอร์มาด้วยไลน์ 4-3-3 ตรงกลางนั้น มิดฟิลด์ตัวรับมีไมเคิล คาร์ริค กับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ วางอันแดร์สันลงมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรุก ข้างหน้าสามตัวให้เวย์น รูนี่ย์ทำเกมทางด้านซ้าย ทางด้านขวาเลือก โรนัลโด้ และมีการพลิกโผให้ คาร์ลอส เตเวซ ลงตัวจริงแต่แรกมายืนตรงกลางแทนที่จะเป็น ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ
ส่วนทางด้านอาร์เซน่อล วันนี้อาร์เซน เวนเกอร์ยังคงต้องปวดเซ่งจี๊ต่อไปจากอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักหลายๆราย ไม่ว่า ฟาน เพอร์ซี่ย์, โทมัส โรซิคกี้, วิลเลียม กัลลาส, กาเอล กลิชี่ แถมอังเดร อาร์ชาวินยังติดคัพไท ลงไม่ได้อีก แต่ยังดีที่ได้อัลมูเนีย ฟิตกลับมาเฝ้าเสาในนัดนี้ และเซ็นเตอร์ก็ได้มิคาเอล ซิลแวสตร์ อดีตเด็กผี ฟิตลงมาจับคู่กับโคโล่ ตูเร่ ฟูลแบ๊คด้านขวาได้บาการี่ ซาญ่า ซ้ายมีคีแรน กิ๊บส์ ตรงกลางสนาม มิดฟิลด์ตัวรับเวนเกอร์นั้นเลือก อเล็กซ์ ซง จับคู่กับ วาสซิริกี้ อาบู ดิยาบี้ ดันเอา เชส ฟาเบรกาส ขึ้นไปเล่นตัวรุก ข้างหน้าสามคนวาง ซามีร์ นาสรี่ ทางซ้าย และธีโอ วัลคอตต์ ทางขวา เลือก เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ เล่นบทหน้าเป้า
ลงสนามมา ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ครับ เมื่อทั้งสองทีมเซ็ตเกมเร็วเข้าใส่กันทันที โดยยูไนเต็ด เจ้าบ้านที่วันนี้มุ่งมั่นเป็นพิเศษ ดูจะเข้าถึงบอลได้เร็วกว่า และเพรสซิ่งเกมของผู้มาเยือนได้ดีกว่า ทำให้สามารถครองเกมได้ตั้งแต่หัววัน และมีโอกาสบวกประตูตั้งแต่นาทีแรกจากเวย์น รูนี่ย์ โดยลูกโยนจากกราบขวา ดีที่อัลมูเนียวันนี้มาเหนียวเป็นพิเศษ สามารถถอยกลับไปบินปัดได้ปลายมือ ก่อนที่ลูกโหม่งของน้องหมูจะย้อยเสียบสามเหลี่ยมเสาแรก เกมของเจ้าบ้านดุดัน อันตรายกว่าอย่างชัดเจน ทั้งโอกาสการครองบอล และการทำประตู เวย์น รูนี่ย์ สามารถกดซาญ่าไม่ให้ขึ้นเกมริมเส้นมาช่วยวัลคอตต์ได้ ส่วนโรนัลโด้ก็ยังกดกิ๊บส์ไว้ได้ตลอดครึ่งแรก การวางแท็คติคของท่านเซอร์นั้น นักเตะสามารถตอบสนองได้ดี และเล่นได้เป็นธรรมชาติมากขึ้นในวันนี้
การวางแอนนี่เป็นกลางรุก (หรือกลางรับสูงลิบ//ฮ่าฮ่าฮ่า) และมีดาร์เรน เฟล็ทเชอร์คอยเก็บกวาดเป็นลูกหาบให้คาร์ริค เรียกได้ว่า สามารถตัดการลำเลียงบอลของอาร์เซน่อลได้อย่างชะงัดทีเดียว เกมของปืนโต ที่มักจะเริ่มต้นจากแดนหลังอย่างเป็นระบบ ก็ไม่สามารถทำได้ตามถนัด เตเวซ, รูนี่ย์ และแอนนี่ คือด่านแรก ที่เข้าเพรสซิ่งเร็วในจังหวะที่แผงหลังของอาร์เซน่อลกำลังเริ่มตั้งทรงบอลขึ้นหน้า เมื่อหลังไม่สามารถขึ้นเกมสู่กลางได้ตามแท็คติคที่คุ้นเคย กลับถูกบีบให้ต้องออกบอลเร็วตลอด และหลายครั้งถูกบังคับให้โยนขึ้นหน้าแทน การต่อบอลจึงไม่ไหลลื่น และทำให้เชสต้องลงมาเล่นต่ำกว่าแดนกลางสนาม ซึ่งลดอันตรายของเกมรุกอาร์เซน่อลได้มาก การเคลื่อนที่หาที่ว่างของทุกๆคนก็แทบไม่มีที่ติ เมื่อสามารถสลัดหนีการเพรสซิ่งของผู้มาเยือนได้แทบตลอด และมีช่องว่างให้จ่ายบอล ถ่ายบอลไปมา ซึ่งแสดงถึงการเคลื่อนที่หาที่ว่างและการเปิดพื้นที่ของผู้เล่น ทำได้ดีมากๆ
การกดดันเร็วของเจ้าบ้านในทุกๆตำแหน่ง ไล่ตั้งแต่เตเวซ, แอนนี่, รูนี่ย์ ยังช่วยให้กลางเจ้าบ้านเล่นได้ง่าย บอลที่หลุดมาถึงแดนกลางสนามได้ ยังมีเฟล็ทช์คอยเก็บกวาดอีกแถวหนึ่ง และมีคาร์ริคคอยซ้อนในจังหวะสอง แท็คติคนี้ ทำให้คาร์ริคแทบจะหายไปจากเกมในครึ่งแรก เพราะเฟล็ทช์คอยไล่เก็บกวาดได้แทบจะเรียบวุธตั้งแต่แรกเลย แต่คาร์ริคก็กลับมามีส่วนอย่างมากในประตูชัยของเกมนี้ เมื่อแอนนี่วางคอร์เนอร์หลุดมาเสาสอง คาร์ริคเก็บบอลได้ก่อนจะล็อคกระชากเข้าหาเส้นหลัง แล้วเปิดเข้ากลางแฉลบเท้าซิลแวสตร์หลุดมาถึงเสาสอง โอเชียตวัดยิงไม่ต้องจับด้วยอีขวา ลูกหลุดปลายมืออัลมูเนียที่ปัดไม่พ้น เสยเพดานตาข่าย ซึ่งการออกนำเร็วตั้งแต่นาที 17 ยิ่งทำให้เจ้าบ้านเล่นอย่างมั่นใจ หลังจากที่พยายามแล้วพยายามเล่าก็ไม่สามารถฝ่าซูเปอร์เซฟของอัลมูเนียได้เสียที
อาร์เซน่อลยังไม่สามารถแก้แท็คติคเจ้าบ้านได้ ทำให้ถูกไล่ขย่มอยู่ข้างเดียวจนล่วงมาเกือบครึ่งชั่วโมง จึงจะตั้งหลักได้บ้าง แต่ก็มีเพียงลูกยิงของเชสจากหน้ากรอบที่น้าซาร์ล้มตัวตะครุบเข้าซองได้เพียงลูกเดียว ที่น่าหวาดเสียวที่สุดของผู้มาเยือนในครึ่งแรกนี้ ฟูลแบ๊คยูไนเต็ดนั้น เกมนี้เล่นได้ค่อนข้างสบาย อาร์เซน่อลมิได้เน้นโจมตีทางกราบเท่าไหร่ วัลคอตต์มีโอกาสลากเจาะเอวร่าแทบนับครั้งได้ ส่วนนาสรี่ก็ไม่ได้ขึ้นลงตามกราบเลย กลับหุบเข้ามาเล่นข้างในซะมาก ทำให้เกมริมเส้นของเจ้าบ้านสามารถโจมตีซาญ่า และกิ๊บส์ ที่ทั้งคู่ยืนต่ำได้สะดวกกว่าปกติ โดยไม่ต้องพะวงเกมรับมากนัก เกมรุกของอาร์เซน่อล ใช้จังหวะค่อนข้างเปลืองแถมยังเน้นการให้บอลที่บายอร์มากเกินไป เมื่อบายอร์ถูกคู่เซ็นเตอร์ประกบติดตลอดเวลา ก็ทำให้โอกาสของเจ้าตัวแทบหาไม่เจอ เกมในครึ่งแรกโอกาสเป็นของเจ้าบ้านอย่างเต็มที่ เพียงแต่อัลมูเนียปฏิเสธไว้ได้ทั้งหมด มีเพียงลูกของโอเชียเท่านั้น ที่หลุดรอดผ่านไปได้
เริ่มครึ่งหลัง ยังไม่มีการเปลี่ยนตัว แต่ยูไนเต็ดดูจะผ่อนสปีดเกมลงเล็กน้อย และเปิดโอกาสให้อาร์เซน่อลได้ทำเกมเพิ่มขึ้นมาบ้างเป็นระยะๆ แอนนี่ และเฟล็ทเชอร์ ยังคงเป็นกุญแจสำคัญตรงกลางสนาม ที่คอยไล่สกัดเพรสซิ่งบีบพื้นที่ แย่งบอลจากอาร์เซน่อลทุกๆจังหวะ โดยมีคาร์ริคคอยเก็บตกหน้าแผงหลังเช่นเดิม นาสรี่และวัลคอตต์เริ่มจะเซ็ตเกมกับเชสได้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทะลุเข้าไปถึงพื้นที่อันตรายได้เลย ติดแผงหลังเราหมด เกมรุกฝั่งเจ้าบ้านเริ่มผ่อนคลายความกดดันลงเรื่อยๆ ประกอบกับทางเวนเกอร์เองก็เริ่มปิดทางรุกได้ดีขึ้น กิ๊บส์อ่านทางบอลและปิดโรนัลโด้ในการดวลเดี่ยวได้ดีขึ้น อเล็กซ์ ซง ถอยร่นลงมายืนรับหน้าแผง ช่วยให้โอกาสเข้าทำของเจ้าบ้านลดลงไปได้พอสมควร ประกอบกับการเล่นที่ต้องอาศัยสปีดเยอะ การเคลื่อนที่เยอะ เตเวซโดนใบเหลืองจากการชาร์จใส่อัลมูเนียตั้งแต่ครึ่งแรก ท่านเซอร์คิดสะระตะแล้ว จึงขยับปรับหมากก่อน
ในนาทีที่ 66 ก็ส่งกิ๊กส์ลงมาแทนแอนนี่ และเบอร์บาตอฟลงมาแทนเตเวซ เล่นเอาเจ้าตัวที่กำลังเล่นได้เข้าฟอร์ม ส่ายหัวด่อกแด่กเลยทีเดียว นอกจากเปลี่ยนตัวสองคนแล้วก็มีการปรับไลน์ไปพร้อมกัน ด้วยการขยับรูนี่ย์มายืนทางด้านขวา กิ๊กส์ยืนด้านซ้าย ดันโรนัลโด้ขึ้นหน้า และให้เบอร์บาตอฟเล่นอยู่ข้างหลังโรนัลโด้ในตำแหน่งหน้าต่ำ ซึ่งเท่ากับเป็นการฉีกหนีการแก้เกมรับมือของเวนเกอร์ในครึ่งหลังนั่นเอง โดยท่านเซอร์น่าจะคาดหวังให้ทีมนั้นปรับโหมดมาเล่นเกมชิงจังหวะและให้บอลทะลุทะลวงมากขึ้น แต่จะลดความผิดพลาดในการให้บอลในแดนหน้าลง ด้วยการครองบอลกับตัวมากขึ้น หลังจากแอนนี่นั้นเริ่มเร่งเกมตัวเองในช่วงครึ่งหลังขึ้นมาอีกในหลายๆจังหวะ และเกมข้างหน้าก็เริ่มจะเสียความแม่นยำในเกมรุกที่กำลังลงตัวลงไปเรื่อยๆผิดจากครึ่งแรกที่ยังลงตัว แม่นยำ ไหลลื่นดีมากๆ หลังจากกิ๊กส์และเบอร์บาตอฟลงมา เกมก็ถูกปรับมาเล่นอีกแบบหนึ่ง กองกลางขึ้นเติมเกมรุกน้อยลง แต่จะให้กิ๊กส์กับเบอร์บาตอฟเป็นตัวครองบอล ดึงตัวประกบและจ่ายบอลสวนขึ้นหน้าให้รูนี่ย์ และโรนัลโด้โฉบไปทำ ซึ่งก็ทำได้ดีตามแท็คติคครับ เฟล็ทช์ และคาร์ริคเอง จะขึ้นเติมตามจังหวะเท่านั้น เกมนี้ดูท่าทางคาร์ริคจะได้งานง่ายเกินไปจนเจ้าตัวหลุดสมาธิ จ่ายผิดพลาดกลางสนามบ่อยๆ ตรงนี้คงต้องโทษเฟล็ทเชอร์ครับ//ฮ่าฮ่าฮ่า ที่เล่นเป็นพระเอกตรงกลางจนคาร์ริคแทบไม่ต้องทำงานเกมรับเท่าไหร่ นานๆจะเห็นโผล่มาสักที ช่วงหลังๆนี่เฮียเฟล็ทช์เองก็เล่นดีซะจนบางทีลืมตัว มีจังหวะหนึ่งดึงบอลม้วนกลับ แต่ถูกแหย่ไปได้ บอลถูกจ่ายสวนให้บายอร์สอดเข้ามาเร็ว ทำเอาริโอต้องผวาวิ่งแซงกลับไปแหย่ออกข้างสนาม ทันใดนั้น ริโอก็หันมาค้อนตาเขียวใส่เฟล็ทช์ทันที ทำเอาเจ้าตัวต้องโบกไม้โบกมือขอโทษยกใหญ่
เวนเกอร์ทยอยปรับหมากบ้าง ด้วยการส่งเบนด์เนอร์ลงมาแทนวัลคอตต์ ตามด้วยดูดู้ลงมาแทนบายอร์ในช่วงปลายๆเกม แต่ไม่ได้ทำให้รูปเกมดีขึ้นมาเท่าไหร่ แถมเบนด์เนอร์ยังมาทำให้บอลเสียในแดนหน้ามากขึ้นอีกต่างหาก ตอนนี้ยูไนเต็ดพยายามอย่างยิ่งที่จะควานหาประตูที่สองเพื่อทำให้งานนัดหน้าที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมง่ายขึ้น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ โอกาสใกล้เคียงที่สุดคงเป็นลูกลำหน้าเพียงนิดเดียวแบบล้ำแค่ปลายเท้าของกิ๊กส์ที่แปเข้าไปในช่วงท้าย กับลูกยิงไกลของโรนัลโด้ที่ติดคานอย่างจัง ช่วงท้ายๆท่านเซอร์ต้องส่งอีแวนส์ลงมาแทนริโอที่เจ็บซี่โครงจากการปะทะสองครั้งติดๆกันในช่วงท้าย ซึ่งก็เพิ่มความเสียวใจได้เล้กน้อย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนแล้วจนรอดจบเกมก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ทำให้เจ้าบ้านได้สกอร์ตุนในมือหนึ่งเม็ด โดยไม่เสียอเวย์โกล์ ก่อนจะยกพลไปลอนดอนในวันอังคารหน้า
หลังจากจบเกม จะว่าผมโลภมากก็ได้ครับ ทั้งๆที่ก่อนเกมนั้น แฟนๆผีหลายๆท่าน (ผมเองด้วยครับ...ยกมือ) ก็หวาดผวากับฟอร์มช่วงหลังของอาร์เซน่อลเหลือเกิน โดยเฉพาะเชส ที่เพิ่งเหมายิงสองเม็ด แต่ด้วยฟอร์มของเราที่ก็เพิ่งอัดน้องไก่มาห้าเม็ดหมาดๆ ทำให้คาดว่า เกมนี้น่าจะแลกกันสนุก โดยที่เวนเกอร์น่าจะเปิดเกมรุกเต็มที่ เพื่อปิดจุดอ่อนที่ไม่สมบูรณ์ในแผงหลังของตน แต่เมื่อรูปเกมที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นแทบจะวันเวย์บุกของเจ้าบ้าน และโอกาสยิงมากมาย เข้ากรอบเกินกว่าสิบครั้ง ในขณะที่อาร์เซน่อลได้ยิงไม่กี่ครั้ง เข้ากรอบแค่ครั้งเดียว อาการโลภก็เกิดขึ้นกับผม แหม...มันน่าจะสามสี่ลูกนะเนี่ย... แต่ก็เอาเถอะครับ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายแรกสุดของท่านเซอร์ในเกมนี้ ก็คือ ไม่เสียอเวย์โกล์ให้เวนเกอร์นะครับ ซึ่งก็ถือว่าเราทำได้สำเร็จตามเป้า
การที่เราสามารถเล่นครองเกมได้เหนือกว่าอาร์เซน่อล นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น หากยังจำกันได้ เกมเอฟ เอ คัพ นัดชิง สองสามปีก่อนกับอาร์เซน่อล เราก็เคยทำอย่างนี้ได้มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นยิงเขาไม่เข้า ก็เลยต้องมาแพ้ดวลเป้านิ่งในตอนจบ สำหรับเกมนี้ หากจะมีอะไรผิดจากความคาดหมายของผมไปบ้าง ก็คงเป็นรูปเกมที่เกิดขึ้นตลอดเก้าสิบนาทีนั่นแหละครับ ที่อาร์เซน่อลไม่สามารถครอบครองเกมได้ และไม่สามารถเดินเกมได้ไหลลื่น แม่นยำ และทะลุทะลวง เหมือนที่เคยเห็นจนชินตา ตรงนี้ก็ต้องชมเซอร์อเล็กซ์ครับ ที่วางหมากมาใช้ในเกมได้ดีกว่า ถูกต้องกว่า และสัมฤทธิผลตามต้องการ
ผู้เล่นที่ต้องชมเชยเป็นพิเศษ นอกจากโอเชียที่ยิงประตูชัยแบบกองหน้าต้องอายแล้ว (ไม่ฟลุ้คนะ ที่ยิงหงส์ก็ยิงเสยเพดานแบบนี้เลย สองลูกแล้ว) ก็คงต้องเป็นรูนี่ย์ ที่เล่นทางกราบซ้ายได้สะเด่าไปเลย สามารถสอดประสาน และทดแทนตำแหน่งเอวร่าได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เอวร่าขึ้น-รูนี่ย์ ประคอง เอวร่าทะลุ-รูนี่ย์ถอย เอวร่าหลุด-รูนี่ย์ตาม เอวร่าลงไม่ทัน-รูนี่ย์ก็ยืนตำแหน่งให้ และตรงนี้ น่าจะเป็นคำตอบในใจท่านเซอร์ ในการปรับทัพครั้งต่อๆไปของทีมด้วย ซึ่งประโยชน์ของรูนี่ย์นั้น ผมมองว่าเขายืนด้านซ้ายนี่แหละดีที่สุด นอกจากจะหนีตัวประกบไซส์ใหญ่ๆถึกๆอย่างพวกเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้แล้ว ยังสามารถใช้ความเร็วได้เต็มที่ มีพื้นที่ให้เล่นมากมาย แถมยังตัดเข้ากลางมายิงตามสไตล์ตัวเองได้ถนัดถนี่อีกด้วย
นอกจากรูนี่ย์แล้ว ผมอยากชมเฟล็ทเชอร์เป็นอย่างมาก และแอนนี่ด้วย ที่ครึ่งแรกร่ายฟอร์มร่วมกันได้ดีในสายตาผม ทั้งคู่อาจจะเล่นในบทบาทเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันที่ตำแหน่งที่แอนนี่อยู่สูงกว่า เฟล็ทช์ยืนต่ำกว่า แต่เป็นสองด่าน ที่คอยปัดกวาดก่อนจะหลุดมาถึงแผงหลัง ที่ก็ยังมีคาร์ริคยืนห้อยอยู่อีกคน สองคนนี้เก็บกวาดเกมรุกของอาร์เซน่อลได้หมดจดมากๆ ทำให้คาร์ริคเกมนี้ค่อนข้างเงียบๆไปเลย เพียงแต่แอนนี่นั้น ยังขาดความมั่นใจในการยิงแถวสองอยู่ หลายๆจังหวะ ที่หากเปลี่ยนแอนนี่เป็นสโคลส์ในเกมนี้ คงเห็นการส่องไกลได้ลุ้นไม่ต่ำกว่าสี่ห้าลูกแน่นอน ส่วนโรนัลโด้ เกมนี้ดูจะถูกกรรมการจ้องจับผิดตลอดเกม ไม่ว่าล้มจริงล้มเล่น จึงทำให้เจ้าตัวออกจะหงุดหงิดตลอดทั้งเกม แต่โดยรวมถือว่าทำผลงานได้ดีครับ มีจังหวะยิงสวยๆหลายครั้ง
ถ้าจะบอกว่าโอเชียและเอวร่าเล่นได้ดีในเกมนี้ ก็คงไม่ถูกต้องทั้งหมด อันที่จริงแล้ว ก็ต้องยอมรับด้วยว่า อาร์เซน่อลนั้น ไม่ได้โจมตีทางริมเส้นมากนักจะดีกว่า การเติมของฟูลแบ๊คมาประสานปีกทางกราบสองฝั่ง ที่เคยเป็นอาวุธหนักคอยถ่างแนวรับคู่ต่อสู้ให้เปิดพื้นที่ออกมานั้น เกมนี้กลับมีให้เห็นน้อยมากๆ แต่ไปเน้นขึ้นเกมมาตรงกลางที่มีอาเดบายอร์เป็นหน้าเป้ามากกว่า ซึ่งทำให้ฟูลแบ๊คของเรามีงานหนักน้อยลง สามารถเข้ามาช่วยรอง ช่วยซ้อนแผงหลังได้มากขึ้น ยิ่งนาสรี่หุบเข้ามาเล่นบ่อยเท่าไหร่ งานโอเชียยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น ยิ่งวัลคอตต์ไม่มีซาญ่ามาช่วย งานเอวร่าและรูนี่ย์ยิ่งเบาตัว ตรงนี้ต้องคิดครับ ว่าทำไมเวนเกอร์ถึงปิดจุดแข็งของตัวเองเอาไว้อย่างนั้น เป็นไปได้ไหม...ว่าเกมของเรากับสเปอร์สในครึ่งหลังก่อนหน้านี้ บวกกับแผงหลังที่ไม่เพอร์เฟคท์ของตัว จะทำให้เวนเกอร์ระแวง และเลือกที่จะเพลย์เซฟไว้ก่อน ด้วยการจงใจปิดพื้นที่ด้านข้าง ไม่เปิดแลกให้ยูไนเต็ดได้มีช่องโจมตีอย่างสะดวกใจนักทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เวนเกอร์เองก็เป็นคนให้ข่าวว่า จะเปิดหน้าแลกด้วยซ้ำไป
เมื่อเวนเกอร์มาเพลย์เซฟในช่วงแรกๆเพื่อดูลาดเลากอ่นนั้น ก็พบว่า ไลน์ของเจ้าบ้านหนึ่ง, สปีดเกมหนึ่ง, การเคลื่อนที่ของผู้เล่นหนึ่ง และการขึ้นเกมรุกทางริมเส้นอีกหนึ่ง เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า วันนี้ยูไนเต็ดมาเพื่อประตู, ประตู และประตูเท่านั้น ยิ่งเห็นทิศทางและแนวทางการเล่นของเจ้าบ้านออกมาแบบนั้น อาจจะยิ่งทำให้เวนเกอร์ต้องระมัดระวังมากขึ้นไปอีก การที่ซาญ่าไม่ค่อยบุก ก็เพราะต้องระแวดระวังรูนี่ย์ การที่กิ๊บส์ไม่ขึ้นเลย ก็เพราะห่วงโรนัลโด้ ส่วนซงและดิยาบี้ ก็ต้องสาละวนไล่บอลจากการทำเกมของเจ้าบ้านง่วนไปหมด ตรงนี้อาจจะพิสูจน์ได้ไม่ยาก เพราะเมื่อกิ๊กส์ และเบอร์บาตอฟลงมา สปีดเกมก็ลดลง ความวูบวาบและจัดจ้านตามริมเส้นก็ลดลง ตอนนั้นเอง ที่อาร์เซน่อลเริ่มที่จะครอบครองเกม และทำเกมรุกได้ต่อเนื่องอย่างจริงๆจังๆ แต่ก็เสียดาย ที่วัลคอตต์กลับถูกถอดออกเร็วไปหน่อย และกลายเป็นเบนด์เนอร์ ที่ถูกส่งลงมาค้ำคู่บายอร์ ซึ่งผมมองว่าทำให้เกมรุกของอาร์เซน่อลลดความอันตรายในการเข้าทำลงไปพอสมควร
เกมนี้ผมค่อนข้างเห็นใจเตเวซ การที่ได้โอกาสลงเป็นตัวจริงเกมใหญ่ๆแบบนี้ และทำผลงานได้ดีต่อเนื่องเป็นเกมที่สอง น่าจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้เจ้าตัวมากขึ้น แต่อาจจะเพราะโดนใบเหลืองไปแล้ว และแนวทางการเล่นของเจ้าตัวก็เสี่ยงกับเหลืองที่สองไม่น้อย ตรงนั้นอาจเป็นเหตุผลที่ต้องถอดออก แต่ผมก็มองอีกแง่ไว้ด้วยเช่นกัน นั่นคือป๋าอาจจะพยายามป้องกันอาการเหนื่อยล้าของนักเตะทุกๆคน เพื่อถนอมเอาไว้เปลี่ยนเกมในนัดต่อๆไป ยิ่งตอนนี้เหลือแค่เจ็ดเกมเท่านั้น ซีซั่นนี้ก็จะจบลงแล้ว แอนนี่ และ เตเวซยังคงความสำคัญในแท็คติคป๋าแน่นอน จึงต้องเก็บความสดไว้บ้าง ส่วนริโอ อันนี้ต้องตามข่าวกันหน่อย ว่าเจ็บขนาดไหน ล่าสุดก็คือเจ้าตัวไม่ได้นั่งดูเพื่อนเล่นต่อด้วยซ้ำ แต่ขึ้นรถพยาบาลไปสแกนอาการบาดเจ็บทันที ต้องรอเช็คข่าวครับ แต่ที่ผมคาดไว้ก็คือ เกมกับโบโร่ ริโอน่าจะไม่ถูกส่งลงสนาม ต่อให้ฟิตผ่าน แต่ก็น่าจะถูกเก็บไว้แค่ม้านั่งสำรอง เตรียมให้พร้อมเต็มร้อย สำหรับเลกสองสัปดาห์หน้ามากกว่า
ทางฝั่งผู้มาเยือน นอกจากอัลมูเนีย ที่ผมอยากให้เป็น MOM ซะจริงๆแล้ว ก็มีอีกสองคน ที่เด่นมากๆ คือตูเร่ ที่ใช้ความเร็ววิ่งสกัด วิ่งปิดทางบอลได้แทบตลอด ลดทอนโอกาสเข้าทำของเจ้าบ้านได้เยอะทีเดียว อีกคนคือ คีแรน กิ๊บส์ ครับ ถึงจะมีหลุด มีลื่น มีสับสนไปบ้าง แต่หากเทียบว่าอายุ 19 แล้วต้องมาชนมาดวลกับนักเตะบัลลง ดอร์คนล่าสุดแล้ว ก็ต้องขอยกย่องเจ้าตัวจริงๆ การอ่านทางบอล สปีดในการเข้าปิดทาง และบล็อกลูกยิง ลูกเปิด ลูกโยน ของโรนัลโด้ แกทำได้ดีจริงๆ ทำให้โรนัลโด้ไม่สามารถเล่นคนเดียวผ่านไปได้ง่ายๆ ต้องมีเฟล็ทช์บ้าง โอเชียบ้าง เตเวซบ้าง เข้ามาช่วย จึงจะสามารถเล่นทะลุทะลวงเข้าไปได้
หลังจากจบเกมนี้ นอกจากริโอที่ต้องตรวจสอบอาการแล้ว (ถึงผมจะคาดว่าป๋าไม่น่าเสี่ยงเอาลงมาวันเสาร์นี้ก็เถอะ) ยังต้องเช็คความฟิตของเฟล็ทเชอร์ ที่วิ่งเป็นม้าทั้งเกมอีกคน รูนี่ย์และโรนัลโด้ ก็คงต้องทะนุถนอมกันหน่อย ช่วงเจ็ดเกมที่เหลือ ผมหวังว่าจะไม่ได้เห็นพวกนี้ต้องลงเต็มเก้าสิบนาทีทุกๆนัดนะครับ แต่ควรจะหมุนเวียน สับเปลี่ยนกันไป ตามความเหมาะสมของแต่ละเกม เพื่อให้ตัวหลักๆสามารถยืนระยะได้ตลอดเจ็ดนัดที่เหลือนี้ ซึ่งผมคาดหมายว่า นอกจากแผงหลังสี่คนกับโกล์ ที่อาจจะหมุนเวียนเล็กๆน้อยๆแล้ว ผู้เล่นตรงกลางและแนวรุกรวมหกตำแหน่งครับ ที่น่าจะต้องสลับหน้ากันไปตลอดเจ็ดนัดที่เหลือ โดยชุดใหญ่เต็มสูบ อาจจะถูกหย่อนลงในเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมสัปดาห์หน้า นอกนั้น น่าจะเป็นชุดผสมครับ
ผู้เล่นที่มีแนวโน้มจะถูกเวียนตรงกลางก็จะมี คาร์ริค, เฟล็ทเชอร์, อันแดร์สัน, กิ๊กส์, ปาร์ค, สโคลส์ และกิ๊บสันอาจได้สอดแทรกเข้ามา รวมแล้ว เจ็ดคน กับสามตำแหน่งตรงกลาง ส่วนแนวรุกสามตำแหน่ง (บนพื้นฐาน 4-3-3) ก็น่าจะมีเตเวซ, เบอร์บาตอฟ, รูนี่ย์, โรนัลโด้, นานี่...อืมมมม์, บวกตัวสอดแทรกอย่างมาเคด้า และเว็ลเบ็ค รวมแล้วก็ อีกเจ็ดคน ทั้งหมด 14 คน ในการหมุนเวียน 6 ตำแหน่ง ซึ่งผมมองว่า หากท่านเซอร์บริหารจัดการได้ถูกต้อง เหมาะสม และไม่มีเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้น เราก็น่าจะมีผลการแข่งขันที่ดีตลอดเส้นทางที่เหลือครับ
แล้วมาลุ้นกันนะครับ
สงบใจ
ปล. พรุ่งนี้วันหยุด (แต่ผมจะไปถอนฟันกราม T_T) จึงคาดว่าอาจไม่ได้เข้ามาทักทายกัน ก็คงมีวันนี้วันเดียวนะครับ ที่ผมจะมีโอกาสเข้ามาตามกระทู้ ส่วนสัปดาห์หน้า วันจันทร์ ก็คงเป็นวิพากษ์หลังเกมโบโร่ ตามด้วยวันพุธ วิพากษ์บทสรุปรอบรองฯ UCL นัดที่สองของเรา แล้วพบกันครับ
Create Date : 30 เมษายน 2552 |
Last Update : 30 เมษายน 2552 10:27:14 น. |
|
3 comments
|
Counter : 715 Pageviews. |
 |
|
|