Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
10 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
---ของเก่า 21 สิงหาคม 2550--- In Fergie, We Trust

สวัสดีครับ วันนี้ ไม่ขอวิพากษ์ แต่จะขออนุญาตบ่น แล้วก็บ่นๆๆๆๆ เมื่อเห็นกระทู้ของแฟนผี

หลายๆท่าน วางหราอยู่ในบอร์ดพันทิป สาเหตุที่จะต้องบ่นก็เพราะว่า ผมเองเป็นแฟนแมนยู

มาตั้งแต่สมัยหนีตกชั้น สมัยแพ้แมน ซิตี้ 5-1 สมัยที่กล้าๆชนะอาร์เซนอล ลิเวอร์พูล แต่ใน

ขณะเดียวกันก็กล้าๆแพ้ เซาท์ 6-3 แพ้ นิวคาสเซิล 5-0 ซึ่งผมเอง และแฟนๆแมนยูหลายๆท่าน

ที่เคยเชียร์มาแต่นมนาน ย่อมเข้าใจธรรมชาติของฟุตบอลได้ดี และมักจะมีความอดทนมากกว่านี้

เมื่อการที่ทีมรัก ประสบเคราะห์กรรม อยู่ในห้วงแห่งความหดหู่เช่นนี้ แทนที่แฟนๆอย่างพวกเรา

จะให้กำลังใจ เอาใจช่วยให้ฝ่าฟันไปได้ กลับมีหลายๆท่าน ออกมาต่อว่า รวมทั้งวิจารณ์ทีมกับ

นักเตะอย่างเสียๆหายๆ โดยไม่ได้ดูถึงเนื้อแท้ หรือสาเหตุแห่งความล้มเหลวของทีมในช่วงที่

ผ่านมาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้



ในอดีต ตั้งแต่ผมเริ่มเชียร์แมนยู ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความสมหวัง ผ่านความผิดหวังมานับ

ครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกๆครั้ง ผู้ชายคนที่ชื่อว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรค นำพาทีม

ของเรากลับมายืนขึ้นใหม่ได้ทุกครั้ง


คราวนี้ก็เช่นกัน ผมเองไม่เข้าใจว่า สาเหตุหลักๆ มันก็เห็นกันอยู่ทนโท่อยู่แล้ว ทำไมหลายๆคนยังมัวหลง ยึดติดกับทีมชุดเดิมๆ ที่อายุอานามก็ไม่สามารถลงเล่นเป็นตัวหลักได้ทุกนัดเช่นนี้ นักเตะอย่างแกรี่ เนวิลล์, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์ อายุสามสิบกว่าๆแล้ว และการลงเล่นฟุตบอลในสไตล์ของแมนยู เป็นการลงเล่นที่ต้องใช้พละกำลัง ความแข็งแกร่ง และความฟิตของร่างกายสูง เนื่องจากเป็นฟุตบอลในรูปแบบเกมรุกอย่างเต็มตัว ต้องวิ่ง ต้องเบียด ต้องชนคู่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา

การรักษาสภาพร่างกายให้สดอยู่ทุกนัด จึงแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว สำหรับนักเตะในวัยเกือบๆสามสิบห้าอย่างทั้งสามคน แกรี่ เริ่มเจ็บบ่อยขึ้น แต่ละครั้งก็นานขึ้น สโคลส์ หลังจากมีปัญหาที่ดวงตา ก็ไม่มีหมอที่ไหนการันตีได้ว่า ปัญหาจะไม่กลับมาอีก และหากมันกลับมา สโคลส์ก็จะห่างหายไปอีกเป็นเดือนๆแน่นอน สำหรับกิ๊กส์เอง ความเชื่องช้าเริ่มเข้ามาเยือนมากขึ้น อาการเลี้ยงติด เลี้ยงสะดุด มีให้เห็นมากขึ้น นั่นแสดงถึงสภาพร่างกายที่ไม่สามารถสั่งได้ตามใจฉันเริ่มเข้ามาถามหาเขาแล้ว


ทั้งสามคนที่ว่ามา ตามการวางแผนในระยะยาวของเฟอร์กูสัน น่าจะต้องถูกสลับสับเปลี่ยนกันพัก สลับกันเป็นตัวจริง เพื่อรักษาร่างกายให้สามารถยืนหยัด ประคองรุ่นน้องให้ก้าวขึ้นมาทดแทนในอนาคต อย่างน้อยช่วงปีสองปีนี้ ทั้งสามคน คงไม่ได้ลงเป็นตัวจริงทุกนัดไปแน่นอน โดยเฟอร์กูสัน น่าจะส่งอันแดร์สัน, นานี่, ฮาร์กรีฟส์ สลับกันลงมาจับจังหวะเกม เรียนรู้การเดินเกมรุก และการให้บอล การทำทาง รวมถึงการเจาะทำชิ่งทะลุตามช่องคู่ต่อสู้เพื่อเข้าทำ ตามระบบที่เราได้วางไว้แล้ว

ทุกๆท่านอาจจะเคยจำได้ ว่าสมัยก่อน เมื่อชาร์ปเริ่มเจ็บออดๆแอดๆ ก็มีการดันกิ๊กส์ ลงมาเป็นตัวลากเลื้อยทดแทน ซึ่งก็ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะสามารถขึ้นมาได้อย่างเต็มตัว ยาป สตัมเอง ก็เคยผ่านช่วงที่เล่นไม่เข้าขากับคู่เซ็นเตอร์ของเขาเช่นกัน จนมาลงตัวก้เป็นเดือนๆ ในขณะที่ รอย คีน ก็เริ่มต้นด้วยการให้ พอล อินซ์ คอยประคองอยู่เป็นเดือน กว่าจะเริ่มฉายแววโดดเด่น และอินซ์ ก็มีไบรอัน ร็อบสัน ประคองให้เป็นปีๆ มาถึงสโคลส์ เขาขึ้นมาทีหลังบัตต์ด้วยซ้ำ ทั้งคู่ถูกมอบหมายให้ยืนคู่กับคีน และกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เป็นปีเช่นกัน จนสุดท้าย สโคลส์สามารถเบียดบัตต์เป็นตัวจริงคู่กับคีนได้ในที่สุด

ที่กล่าวมา ไม่ใช่ต้องการหาข้อแก้ตัวให้กับความพ่ายแพ้ที่ผ่านมา แต่ต้องการจะบอกว่า ในเมื่อสถานการณ์มันเปลี่ยนไป การขาดหายไปของรูนี่ย์ พร้อมๆกับการถูกแบนของโรนัลโด้ โดยไม่จำเป็นต้องมองว่า ทั้งสองเป็นตัวสำคัญของทีม เอาแค่มองว่า ทั้งคู่สามารถเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีแล้ว สามารถสอดประสานทำเกมรุกกับทีมได้อย่างลงตัวแล้ว แต่เมื่อขาดทั้งคู่ไป ทำให้แนวรุกของเราทำเกมสะดุด ไม่ต่อเนื่อง และขาดความอันตรายลงไปไม่น้อย เมื่อต้องใช้นานี่ กับ เตเวซ ที่ยังจูนเครื่องกับเพื่อนไม่ติด ต้องลงสนามมาทดแทน

และที่ผมขัดใจกับหลายๆกระทู้มากก็คือ ผมไม่เชื่อว่า รูนี่ย์ กับ เตเวซ จะเล่นคู่กันไม่ได้ ในความเห็นผม ทั้งคู่จะต้องเป็นตัวจริงพร้อมกัน หากสภาพร่างกายสมบูรณ์ ทั้งนี้ ท่านเซอร์เองก็ออกมาพูดแล้วว่า เขาอยากเห็นทั้งคู่ลงเล่นด้วยกัน เขาเองก็เชื่อว่า สไตล์คล้ายๆกันของทั้งคู่ จะไม่ส่งผลเสียต่อทีม แต่น่าจะสามารถปั่นป่วนแผงหลังคู่ต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ในจินตนาการของเขามันสุดยอดมาก แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็น และจากคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ผมคาดหมายได้เลยว่า แผนการเล่นของท่านเซอร์นั้น น่าจะส่งทั้งคู่เป็นกองหน้าคู่กัน แต่การมีอันแดร์สันเข้ามาในทีมด้วย อีกทั้ง คาร์ริค ฮาร์กรีฟส์ นานี่ โรนัลโด้ นั่นพอทำให้ผมคาดการณ์ได้เลาๆถึงรูปร่างหน้าตาของการจัดทัพในอนาคต หลังจากผู้เล่นเหล่านี้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักอย่างเต็มตัว

นั่นก็คือ ตามความคิดผม เตเวซ กับรูนี่ย์ จะเป็นหน้าคู่ ที่มีอิสระในการวิ่งทำทางบริเวณกรอบโทษ กองกลาง น่าจะดันเอาคาร์ริคเป็นตัวเชื่อมเกมเต็มตัว ในบทบาทที่จะไม่ใช่จอมทัพของทีม แต่เป็นตัวประสานระหว่างหลังถึงหน้า ให้เกมเป็นไปอย่างราบรื่น โดยมี โรนัลโด้ กับนานี่ ขนาบอยู่ทั้งสองข้าง และมี ฮาร์กรีฟส์ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับอย่างเต็มตัว สำหรับอันแดร์สัน เนื่องจากเล่นหน้าต่ำ หรือมิดฟิลด์ตัวรุกอยู่แล้ว ดังนั้น การสลับสับเปลี่ยนเขา จะเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ในแนวรุก ไม่ว่าจะทดแทน กองหน้า หรือคาร์ริค หรือปีกทั้งสองข้าง แล้วแต่รูปเกมที่ต้องการใช้และความจำเป็นในแต่ละนัด ซึ่งในมุมมนี้ ผมถือว่าอันแดร์สันไม่ใช่สำรองครับ แต่เป็นตัวเลือกในการจัทีมตามสถานการณ์มากกว่า

ทีนี้ จากสถานการ์ที่เป็นไป ตั้งแต่ปลายฤดูกาลที่แล้ว หลายทีมเริ่มหันมาแพ็คเกมเมื่อเจอกับยูไนเต็ด ทำให้เราเริ่มประสบกับความยากลำบากในการเจาะตามช่องเข้าทำ แต่เมื่อเรามีโรนัลโด้ กับ รูนี่ย์ ที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง และวิ่งลากเลื้อยปั่นป่วนแนวรับได้เรื่อยๆ ก็ทำให้เรามีโอกาสได้ฟรีคิก ได้ลูกโทษ จากการเข้าสกัดของผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเมื่อต่อเนื่องมาถึงฤดูกาลนี้ เราจะเห็นว่า นอกจากแพ็คเกมแล้ว คู่ต่อสู้ยังไม่ยอมทำฟาล์วในพื้นที่อันตรายอีกต่างหาก นั่นยิ่งทำให้งานของท่านเซอร์ยิ่งยากขึ้นไปอีก

ไหนจะการที่ผู้เล่นหน้าใหม่ยังจูนเครื่องไม่ติด ไหนจะต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ตั้งใจมาแพ็คเกม เล่นเกมอดทนกับเรา แค่สองสาเหตุนี้ ก็ทำให้งานลำบากขึ้นไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แต่ว่า ผมขอให้เราอย่าลืมข้อเท็จจริงที่ว่า ทั้งหมดนี้ เป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เป็นสถานการณ์ที่นอกเหนือการวางแผนของท่านเซอร์ การดันเอานักเตะใหม่ๆลงสนามพร้อมกันในตำแหน่งสำคัญๆ โดยยังไม่เข้าขากับเพื่อนร่วมทีม เป็นอะไรที่ทำให้เกมไม่ไหลลื่น ไม่เป็นธรรมชาติ และติดๆขัดๆขาดๆเกินๆ อยู่แทบจะตลอดเวลา และเราไม่มีทางเลือกอื่นครับ

เรื่องการเปิดเข้าทำจากกราบ หรือจากหลัง เลิกฝันไปได้เลย ในเมื่อคุณบุกกดดันเข้าใส่อยู่ตลอด คู่แข่งเองก็ยืนตั้งแถวรอรับอย่างพร้อมเพรียงและพร้อมใจกัน ต่อให้เป็นปีเตอร์ เคราช์มายืน ผมก็ว่ายากที่จะได้ประตูในลักษณะนี้ เพราะไม่ได้ขึ้นโหม่งสบายๆ หรือเข้าชาร์จสบายๆ แต่จะถูกเบียดถูกพิง ถูกแซะตลอดเวลา อย่าลืมว่า การรุกเข้ากดดันของเรา ทำให้แทบจะตลอดเวลา จะมีผู้เล่นฝั่งตรงข้าม ไม่ต่ำกว่าหกเจ็ดคน อยู่ในกรอบโทษ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะเปิดป้อนเข้าไปครับ

ดังนั้น สิ่งที่หลายๆท่านออกความเห็นที่ถูกต้องมากกว่า นั่นก็คือ เราต้องรู้จักยืดหยุ่นเกม เมื่อคุณวิ่งไปเจอกำแพง คุณต้องถอยหลังออกมา ดูซิ ว่ากำแพงมันยาวแค่ไหน สูงแค่ไหน มีช่องตรงไหน มีรอยแตกที่ใดหรือเปล่า เพื่อจะวิ่งเข้าไปให้ถูกจุด เมื่อเราเจอคู่ต่อสู้แพ็คเกมรับแน่น การตะบี้ตะบันกดดันเข้าไป ก็เหมือนการเตะบอลใส่กำแพง ยิ่งนาน พื้นที่ยิ่งปิด เจาะไม่เข้า แบ๊คก็ต้องเติม เมื่อเติม หลังก็ค่อยๆลอยขึ้น คู่ต่อสู้รอเพียงว่า จะแย่งบอลได้เมื่อไหร่ ก็ค่อยสวนกลับ แล้วเราก็โดนมาสองเม็ดในลักษณะนั้น แต่ถ้ารวมถึงปีที่แล้วช่วงปลายๆ ก็โดนมาหลายเม็ดแล้วนะครับ


หนทางที่ควรจะทำก็คือ การรู้จักยืดหยุ่น เมื่อพื้นที่ปิด คุณต้องถอยเกมออกมา เปิดพื้นที่ให้กว้างขึ้น อาจจะไม่ถึงกับต้องให้เขาบุกเราคืนเพื่อสวนกลับ แต่การถอยออกมายังแดนกลางสนาม ถอนกำลังรบออกมา ดึงกองหลัง ดึงแผงหลังให้ตามมาประกบสูงขึ้น พื้นที่ก็จะเปิดมากขึ้น ขอแค่เราอดทนในการรอ อดทนในการต่อบอลเพื่อหาช่อง นี่ไม่ใช่เกมจังหวะเหมือนเชลซีนะครับ แต่เป็นการปรับความเร็วของเกม เมื่อตื้อ เมื่อตัน ถอยออกมา รอจังหวะ ดึงตัวประกบออกมา แล้วค่อยเจาะเร็วเข้าไปใหม่ หรือเปิดให้ตัวเร็วๆของเราเข้าไปทำ อย่างน้อย พื้นที่ต้องมีมากกว่าตอนตื้อๆแน่นอน



สุดท้าย ผมคิดว่า บ่นไปก็เท่านั้น หากแฟนๆหลายๆท่านยังยึดติดความสำเร็จ ยังคงหลงใหลในกลิ่นหอมหวลของถ้วยแชมป์ จนลืมมองความจริงไปว่า ตัวหลักชุดนี้แก่แล้วครับ และต้องการการเปลี่ยนแปลงแล้ว ซึ่งป๋ายังมองไปถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและสปีดการเข้าทำ อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบที่เป็นยุโรปมากขึ้น เพื่อรองรับการต่อสู้ในเวทียุโรปที่เราหมายมั่นว่าจะทำให้สำเร็จได้อีกสักครั้ง และการเปลี่ยนแปลงที่ว่า มันค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้แล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ และเมื่อมันเป็นอย่างนี้ เราทำได้อย่างเดียวคือเอาใจช่วยพวกเขา เชื่อมั่นในสิ่งที่เฟอร์กี้ทำ เชื่อใจในการวางแผนของเฟอร์กี้ และหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะลงตัว และได้ผล ในเวลาอันใกล้นี้ และทุกๆอย่างที่ลำบาก ที่เจ็บปวดในวันนี้ ก็คือความสำเร็จ ก็คือความสุข ในอนาคตนั่นเอง


สวัสดีครับ



Create Date : 10 กันยายน 2550
Last Update : 10 กันยายน 2550 15:52:36 น. 0 comments
Counter : 332 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.