|
---ของเก่า 03 สิงหาคม 2550--- charity shield 2007 ก่อนเกม
ล่วงเข้ามาจ่อถึงหน้าบ้านแล้วนะครับ สำหรับศึกพรีเมียร์ชิพฤดูกาลใหม่ ในส่วนของก่อนเกมคอมมูนิตี้ ชีลด์ ปีนี้นั้น เป็นการพบกันะหว่าง แมนยูไนเต็ด กับเชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีก และรองแชมป์เอฟเอคัพ กับ แชมป์เอฟเอคัพ และรองแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นไง แค่สถานภาพก็รับประกันความมันอยู่แล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมว่า ถาด(ไม่ใช่ถ้วย) นี้ เป็นเกมการกุศลนะครับ ดังนั้น ผู้ที่คาดหวังความมันระดับห้าดาว อาจต้องทำใจไว้บ้าง หากพบกับการเปลี่ยนตัวที่ไม่ถูกอกถูกใจ หรือ การจัดตัว การวางแผน รวมทั้งการทำเกม ที่อาจไม่มันสะใจดั่งที่คิด ตรงนี้ต้องเดาใจกุนซือทั้งคู่เอาเองครับ ว่าคิดกับเกมนี้อย่างไร
เพื่อให้วิพากษ์ ก่อนเกม มีความสนุกสนานมากขึ้น ผมจึงขออนุญาต ทึกทักเอาว่า ทั้งคู่จะใส่กันเต็มเหนี่ยว สู้กันไฟแลบ เอาไว้ก่อนนะครับ จริงไม่จริงอย่างไร รอผมมาวิพากษ์หลังเกมอีกครั้งก็แล้วกัน ถ้าไม่เบื่อกันซะก่อน ก็ถือซะว่า บทวิพากษ์วันนี้ เป็นวิพากษ์ แมนยู กับเชลซี ก่อนแข่งในปีนี้ ก็แล้วกันนะครับ
เชลซี ที่ได้ข่าวมาว่า มูรินโญ่จะจัดระบบ 4-3-3 สไตล์ขึ้นชื่อของเชลซีอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็น เช็ค แฟร์เรย์ร่า(บริดจ์) คาร์วัลโญ่ เทอร์รี่ อ.โคล บัลลัค(มิเกล) แลมพาร์ด(ซิดจ์) เอสเซียง(มาเก) มาลูด้า(ร. ฟิลลิปส์) ดร็อกบา(เชฟ) ร็อบเบน(จ.โคล)
ซี้ดซ้าด ใช่เล่นนะครับ ด้วยแผนการเล่นสไตล์นี้ ที่ส่งให้เชลซีเปรี้ยงปร้างมาแล้ว เมื่อถูกนำกลับมาใช้ใหม่ จะเป็นอย่างไร ต้องลองติดตามดูครับ
ส่วนของแมนยู ไม่ว่าจะใช้แผนอะไร ผมก็มองว่า ที่เวิร์คสุดของป๋า ต้อง 4-4-2 เท่านั้น เพียงแต่อาจวิ่งสลับกันไปมาระหว่างเกมได้ ไม่ตายตัวมากนัก แค่นั้น โดยอาจเป็น เดอร์ ซาร์ แกรี่ ริโอ วิดิช(บราวน์) เอวร่า(ซอส) โรนัลโด้ สโคลส์ ฮาร์กรีฟส์(คาร์ริค) กิ๊กส์(นานี่) รูนี่ย์ เตเวซ(อันแดร์)
ซึ่งจริงๆแล้วผมก็อยากเห็นเฟอร์กี้ลองปรับเป็น 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 เต็มตัวดูบ้าง แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา แมนยูจะเป๋ไม่ใช่น้อย ถ้าไม่ใช่ 4-4-2 คงต้องเล่นแบบนี้ล่ะครับ แล้วค่อยๆปรับเปลี่ยนไปทีละนิดทีละน้อย ให้นักเตะได้มีความคุ้นเคยกันก่อน ก่อนจะเซ็ตระบบใหม่ขึ้นมาใช้
รูปเกม(หากเอาจริง) แมนยูคงไม่ทิ้งปรัชญาเดิมล่ะครับ บุกใส่แน่ๆ และก็คงตั้งเกมเพื่อบุกเพื่อเอาชนะ ส่วนเชลซี เวลาพบกับทีมที่สูสี พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ก็จะดูเชิงก่อน เน้นครองบอล คอนโทรลจังหวะก่อน ดูทิศทางลม ดูแนวทางการเล่นของแมนยูก่อน ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเดินเครื่องแบบไหน ถึงจะชนะแมนยูได้ เพราะของเค้าถนัดนักในการแก้เกมแบบเรียลไทม์ มูรินโญ่นี่ขึ้นชื่อมากครับ
แมนยูไนเต็ดเองมีจุดอ่อนตรงแผงหลัง ถึงจะได้ลูกหนัก ลูกแข็งแกร่ง ความว่องไว ความสูง แต่มักมีปัญหาในการตามประกบผู้เล่นเร็วๆคล่องๆ ทักษะดีๆ ซึ่งตรงนี้ เชลซีรู้ดีแน่นอน และคงใช้ดร็อกบายืนค้ำเป็นทั้งหน้าต่ำและหน้าเป้า นั่นคือ หากมีตัวทำเกมขึ้นมา ดร็อกบาพร้อมรอเข้าทำหน้าประตู แต่เขาก็พร้อมที่จะทำเกมขึ้นมาเองเช่นกัน และการที่เชลซีมีตัวทำเกมริมเส้นที่เร็วมากและคล่องมาก น่าจะปั่นป่วนแผงหลังผีแดงได้มากพอดู
ในขณะที่เชลซีเอง การมีเทอร์รี่ยืนคู่คาร์วัลโญ่ ทำให้เรื่องโดนบอมบ์ไม่ใช่จุดอ่อน แต่หากแมนยูเลือกที่จะใช้ลูกสั้นสลับยาว เพิ่มความหลากหลายจากปีกสองข้าง และการวิ่งสลับตำแหน่งของตัวรุกทั้งสี่ตัว ก็น่าจะปั่นป่วนเชลซีได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะแฟร์เรย์ร่า ส่วนแอชลี่ย์ โคลนี่เหมือนของแสลงโด้น้อยยังไงไม่ทราบเลี้ยงชน เลี้ยงติดตลอด ต้องคอยดูกันครับ
ส่วนแผงกองกลาง เชลซีคงเน้นการครอบครองบอลเพื่อคอนโทรลรูปเกมเหมือนเดิม ในขณะที่แมนยูคงใช้เป็นแค่ที่พักบอลและถ่ายบอล เพื่อจ่ายให้ปีก ให้กองหน้าเข้าทำ ทีนี้ จุดสำคัญก็คือ ใครจะได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่ากัน ก็ต้องมาดูกันว่า เอสเซียง กับ ฮาร์กรีฟส์ ใครจะตัดเกมคู่ต่อสู้ได้ดีกว่ากัน (ผมมองว่าเอสเซียงแฮะ) ขณะเดียวกัน ตัวบงการเกมอย่างสโคลส์ และ แลมพาร์ด ใครจะมีโอกาสสร้างสรรค์ บงการเกม ได้มากกว่ากัน
ซึ่งจุดที่ว่ามาดังกล่าว เชลซีได้เปรียบพอสมควร เพราะการมีกลางสามตัว ทำให้ช่วยเหลือกัน ประคองกัน ได้ดีกว่า ในขณะที่แมนยูถึงจะมีสี่คน แต่เป็นปีกเต็มๆแล้วสอง เหลือแค่สองคน ก็ไม่รู้ว่าจะสู้กับทางเชลซีได้ขนาดไหน และหากท่านเซอร์จะเน้นพื้นที่ตรงนี้ ก็อาจให้รูนี่ย์ยืนหน้าเดี่ยว ส่วนตำแหน่งกองหน้าที่เหลือ อาจให้คาร์ริค หรืออันแดร์สันมายืนช่วยเป็นมิดฟิลด์สามตัวในแดนกลางโดยถ้าเป็นคาร์ริค สโคลส์จะเป็นกลางรุกเต็มตัว แต่ถ้าใช้อันแดร์สัน ก็อาจให้อันแดร์สัน ลองเล่นกลางรุกเต็มตัวก็ได้ แต่ผมไม่เห็นด้วยถ้าหากจะเอาหน้าต่ำ มายืนเป็นกลางรุก เพราะหน้าต่ำที่เรามี ไม่ใช่ผู้เล่นสไตล์สร้างสรรค์เกมรุกให้เพื่อนร่วมทีมครับ มักจะไปเองซะมากกว่า เอามายืนเดี๋ยวจะหายไปจากเกมซะเปล่าๆ (ลองสังเกตวันที่รูนี่ย์ถูกจับมายืนต่ำๆหรือลงมาล้วงลูกบ่อยๆสิครับ หายต๋อม)
ส่วนแท็คติคที่น่าจะมีในเกม หากทั้งคู่เอาจริง แมนยูเล่นลูกหนักแน่นอนครับ การหยุดผู้เล่นความสามารถสูงกว่าเรา มีวิธีเดียวเลย คือต้องหนักไว้ก่อน (ในเกมนะครับ) ประมาณว่าเข้าบอลที แค่เห็นด้วยหางตาแว้บๆก็เสียวแล้ว โดดหลบแทบไม่ทัน ประมาณนั้น และต้องไล่เพรสซิ่งเพื่อบีบไม่ให้เชลซีมีเวลาแต่งบอล ไม่ให้มีเวลาดูเกมกว้างๆก่อนจ่าย ทั้งนี้ จุดประสงค์ก็คือ ให้คู่ต่อสู้พะวงกับการถูกแย่งบอล พะวงกับการถูกไล่สกัด จนต้องรีบออกบอลและมีโอกาสทำบอลเสียมากขึ้น ในการเข้าทำ จะเข้าทำอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เชลซีตั้งหลักทัน ยิ่งเร็วจนเชลซียังไม่กลับตำแหน่งได้ยิ่งดี นั่นคือโอกาสดีที่สุดที่จะได้เป็นประตูครับ
ส่วนแท็คติคของเชลซีเอง ซึ่งแต่ละตำแหน่งดูจะมีความสามารถเหนือกว่าผู้เล่นแมนยูนิดๆ นั้น น่าจะเน้นการคอนโทรลจังหวะเกมมากกว่า โดยเน้นการครอบครองบอล ด้วยการถ่ายบอลเร็ว ออกบอลแม่น เพื่อเลี่ยงการถูกเพรสซิ่งใกล้ๆตัว และจะไม่เน้นการโจมตีกลางอากาศเท่าไหร่ เพราะวิดิชกับริโอมีจุดแข็งตรงนี้ แต่น่าจะเน้นการโจมตีจากปีกสองข้าง ให้แบ๊กเสียขบวน หลงตำแหน่ง มีคิลเลอร์พาสจากกลางให้ดร็อกบา รวมทั้งหวังผลแถวสองจากบัลลัค แลมพาร์ด เอสเซียง แต่ที่น่าจะใช้ได้ดีที่สุด คือการใช้ปีกโจมตีแกรี่ กับเอวร่า เพื่อให้เซ็นเตอร์หุบมาช่วย และดร็อกบามีพื้นที่มากขึ้น แถวสองมีที่ว่างมากขึ้น นั่นแหละครับ โอกาสของเชลซี
สุดท้าย ก็ต้องดูกันในสนาม ว่าจะจัดตัวลงมาอย่างไร จะใช้แผนไหน และเอาจริงหรือไม่ ส่วนตัวผมแล้ว อยากให้ฟูลทีม เล่นเต็มที่ ซัดกันไฟแลบแปล๊บๆ โดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บ นั่นจะทำให้ผู้ชมอย่างเรา ได้ดูบอลสนุกๆ และไม่ทำให้เกมลีกต้องเสียรสชาตจากการบาดเจ็บของนักเตะครับ
วันนี้ พอแต่เพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ
Create Date : 10 กันยายน 2550 |
Last Update : 10 กันยายน 2550 11:05:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 448 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
|