20080421 วิพากษ์ BLACKBURN ROVERS vs MAN UTD
กุหลาบงาม...หนามย่อมแหลมนะจ๊ะ
สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกๆท่านที่คิดถึง กลับมาวันจันทร์อีกครั้ง พร้อมผลลัพธ์ที่ไม่แปลกไปจากที่ผมคาดหมายสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะไม่เป็นไปอย่างที่อยากให้เป็น แต่ก็ทำใจไว้แล้วด้วยเช่นกันกับอีวู้ด ปาร์ค หนึ่งในสามสนามอาถรรพ์ในปัจจุบันของเรา ซึ่งนอกจากที่นี่แล้ว ก็ยังมี ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม และอัพตัน ปาร์คอีกสองแห่ง ที่มักจะเป็นงานยากอยู่เสมอๆสำหรับพลพรรคปิศาจแดง ในการจะบุกไปคว้าสามแต้มออกมา สถิติล่าสุดก็บอกให้เราทราบแล้วว่า เจ็ดนัดล่าสุดที่บุกไปอีวู้ด ปาร์ค เราประสบชัยชนะเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ
ส่วนสนามอื่น ที่เคยเป็นอาถรรพ์สำหรับเรา ก็ต้องย้อนไปยุคก่อนๆหน้านี้ ในวันคืนที่แฟนๆรุ่นสามสิบอัพจะทันได้เชียร์ ก็จะมีพวก เดอะ เดลล์ ของเหล่าสาวกนักบุญ ที่ปัจจุบันไปใช้สนามใหม่ เซนต์ แมรี่ ไปแล้ว นอกจากนั้น ก็อาจจะมีอีกที่ ที่ถือเป็นงานหนักเสมอๆ ถึงแม้จะไม่ถึงกับเป็นอาถรรพ์นัก ก็คือ เอลแลนด์ โร้ด ของสาวกยูงทอง เอาล่ะครับ นอกเรื่องกันมาเยอะทีเดียว เรามาเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่าครับ
เกมนัดสุดท้ายของวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นการบุกไปเยือนแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ของเด็กสร้างป๋าอีกคน ก็คือ มาร์ค ฮิวจ์ส นั่นเอง เดิมพันที่ท่านเซอร์ต้องการ นั่นก็คือ สามแต้ม เพื่อฉีกหนีเชลซีออกไปเป็นห้าแต้มเต็มๆอีกครั้ง แต่เมื่อมองไปข้างหน้า ก็ยังมีเกมเยือน คัมป์นู รออยู่ในคืนวันพุธ รวมทั้งอาการบาดเจ็บติดตัวของอันแดร์สัน, ฮาร์กรีฟส์ แต่ป๋าก็ยังไม่ลังเลที่จะส่งลูกทีมชุดใหญ่ลงมาเท่าที่พอจะจัดได้ นั่นก็คือ การส่งแผงหลังตัวจริงลงมาเต็มๆ ไล่ตั้งแต่ บราวน์, ริโอ, วิดิช, เอวร่า กองกลาง มี โรนัลโด้, สโคลส์, คาร์ริค, กิ๊กส์ หน้าคู่ใช้ รูนี่ย์ และ เตเวซ ส่วนผู้รักษาประตูมีพลิกเล็กๆ ด้วยการส่งคุสแซ็คลงมาเฝ้าเสา
ส่วนทางด้านแบล็คเบิร์น ก็ส่งชุดที่เพิ่งบู๊กับหงส์แดงมาหมาดๆลงเป็นตัวจริง มีสลับตำแหน่งการยืนเล็กน้อย ด้วยการเอา เบร็ตต์ เอเมอร์ตันขึ้นมาเล่นกลาง และถอยสตีเฟ่น รีดลงไปเป็นแบ๊คแทน เริ่มเกม ดูเหมือนพลพรรคกุหลาบเพลิงเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจมาดีกว่า ขยับเข้าหา ไล่บอลตลอดเวลา และเดินเกมด้วยแท็คติคที่ถนัด นั่นก็คือ เกมหนัก และเข้าถึงตัวทุกจังหวะ เจอเกมแบบนี้ เล่นเอา สโคลส์ และ กิ๊กส์ ถึงกับขยับไม่ค่อยทัน ไม่เฉพาะแค่นั้น การทำเกมของแมนฯยูฯ ยังติดๆขัดๆ ต้องรีบออกบอลก่อนผู้เล่นกุหลาบเพลิงจะเข้าถึงตัวเร็วทุกจังหวะ ทำให้ความแม่นยำลดน้อยลง และเสียบอลง่ายขึ้น โดยเฉพาะจากกิ๊กส์, โรนัลโด้ และสโคลส์
บอลของแบล็คเบิร์นนั้น เมื่อตัดได้ จะถูกถ่ายขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งผ่านทางปีกอย่างเบ็นท์ลี่ย์ หรือ กัมพส์ รวมทั้งการวางยาวให้ ซานตา ครูซ และ เจสัน โรเบิร์ต พักลงเล่น ซึ่งบอกได้เลยครับ ว่าตรงนี้ เกมของแบล็คเบิร์นทำได้ดีมากๆ ปั่นป่วนแนวรับของยูไนเต็ดได้ตลอด สิ่งหนึ่งที่ผมเคยบอกไว้ก็คือ แผงหลังของยูไนเต็ดนั้น ไม่ค่อยกลัวพวกลีลา หรือพวกฝีเท้าจัดมากนัก แต่จะกลัวกองหน้าประเภทตัวใหญ่ๆ แข็งๆ ที่ไถสู้กับริโอ กับวิดิชได้แบบไม่แพ้เรี่ยวแรง เป็นกองหน้าประเภทโหม่งดี พักบอลดี บังบอลเก่ง แล้วการที่ฮิวจ์สวางกองหน้าประเภทนี้ถึงสองตัวลงมาในเกม ก็ยิ่งเกิดปัญหาแบบดับเบิลขึ้นในทันที เมื่อการประกบตัวต่อตัวมักเอาไม่อยู่ ทำให้ต้องมาซ้อนสอง และเปิดโอกาสให้หน้าอีกตัวว่างทันที
ลูกที่เสียประตูไป ก็มาจากสาเหตุนี้เช่นกัน เมื่อทั้งริโอ และวิดิช มาประกบซ้อนโรเบิร์ต จากลูกทุ่มไกล บอลตกมาโดนส้นเท้าริโอ ไหลมาเข้าทางปืนของ ซานตา ครูซที่รออยู่โล่งๆ จัดการแปหนีมือ คุสแซ็คได้สบายๆ เป็นประตูนำเร็วตั้งแต่ยี่สิบนาทีแรกของเจ้าถิ่น นอกจากลูกนี้แล้ว เจ้าถิ่นยังใช้โอกาสจากกองหน้าสองตัวนี้ได้ดีมากๆ ลูกที่คุสแซ็คต้องผวาออกไปสกัด จนสุ่มเสี่ยงจะถูกมองว่าเป็นการฟาล์วในจุดโทษ หากเท้าเขาไม่โดนลูกบอลก่อน จังหวะนั้น ก็เกิดจากการเบียดชนะของกองหน้ากุหลาบเพลิงอีกนั่นแหละ
เกมของยูไนเต็ด ถึงแม้จะครองบอลได้ตลอด แต่ก็เดินหน้าได้ไม่ถนัด กองกลางของแบล็คเบิร์น ช่วยกันไล่ ช่วยกันสกัดการขึ้นเกมรุกได้ดีมากๆ คาร์ริคต้องลงต่ำมาสกรีนเกมรับมากกว่าจะช่วยเติมเกมรุกอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งการที่สโคลส์เจอเกมไล่บี้เร็ว ทำให้เสียบอลง่าย แม้แต่การสกัดบอลหน้าประตูตัวเอง ก็ยังผิดพลาดหลายจังหวะ โรนัลโด้ ถูกประกบตายไม่ว่าจะไปฝั่งไหนจากทั้ง วอร์น็อค และ รีด เช่นเดียวกับกิ๊กส์ จนทั้งคู่ต้องหนีมาขึ้นเกมตรงกลางบ่อยครั้ง เกมของยูไนเต็ด ต้องพึ่งพาการถอยลงมาล้วงบอลของเตเวซ และรูนี่ย์ ขึ้นไปเองหลายครั้ง และก็ทำได้ดี รูนี่ย์ และเตเวซ ก็มีจังหวะจบสกอร์แต่ยังไม่เป็นประตู กลับกัน การสวนของแบล็คเบิร์นทำได้ดีและหวาดเสียวน่าดู ดีที่กองหลังยูไนเต็ด และคุสแซ็คยังช่วยกันเซฟไว้ได้
เข้าสู่ครึ่งหลัง ท่านเซอร์รีบแก้เกมทันทีด้วยการส่งนานี่ลงมาเพิ่มสปีดเกมแทนกิ๊กส์ เกมดูเหมือนจะดีขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้รูปเกมการเล่นและแท็คติคโดยทั่วไปยังเหมือนครึ่งแรก แต่เกมของยูไนเต็ดก็ดีขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป นานี่มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นเรื่อยๆ และช่วยสร้างโอกาสในเกมรุกให้ทีมได้มากขึ้น เกมของแบล็คเบิร์นยังคงเหมือนเดิม ด้วยการใช้เกมเร็วและหนักเข้าไล่บีบผู้เล่นแมนฯยูไนเต็ดทุกๆจังหวะ และกองหลังยังยืนคุมพื้นที่ได้ดี ไม่มีหลุดสมาธิ ทำให้จังหวะสุดท้ายของยูไนเต็ด มักไปติดแผงกองหลังเจ้าถิ่นเสมอๆ หรือหากหลุดไปได้ ก็ไม่ผ่านมือ ฟรีเดล
ยูไนเต็ดเริ่มโหมเกมบุกมากขึ้นเมื่อเข้าสิบห้ายี่สิบนาทีสุดท้าย ช่วงนี้ดูเหมือนนักเตะแบล็คเบิร์นเองก็เริ่มที่จะหมดเรี่ยวแรงในการไล่ลงบ้างแล้ว ทำให้ยูไนเต็ดเริ่มออกอาวุธได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งจากการวางยาวของคาร์ริคและสโคลส์ ทั้งการลากเลื้อยของโรนัลโด้ และนานี่ รวมทั้งการเติมเกมของแบ๊คสองข้าง เริ่มทำได้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และครองบอลเปิดเกมบุกแบบพับสนามได้มากขึ้นเรื่อยๆ เกมโต้กลับของเจ้าถิ่นเริ่มขาดความแม่นยำในการให้บอล ทำให้ถูกตัดเกมมาบุกเข้าใส่อยู่บ่อยๆ บอลจากการวางยาวขึ้นหน้า และการจ่ายขวางสนามออกทางปีก เริ่มทำงานได้ดีขึ้น แต่ยังคงไม่ผ่านแผงหลังคู่สุดท้ายของเจ้าถิ่น โดยเฉพาะคริส แซมบ้า ที่ไล่สกัดได้เด็ดขาดจริงๆ
ท่านเซอร์รีบส่งโอเชียลงมาเมื่อเหลือเวลาไม่ถึงสิบนาที โดยลงมาแทนบราวน์ เมื่อเห็นว่าเกมรุกของเจ้าถิ่นไม่สามารถเดินเกมขึ้นหน้าได้อีกแล้ว และโอเชียก็ลงมาเพิ่มการครองบอลตรงกลาง รวมทั้งสอดเข้าไปโหม่ง และหาโอกาสจบสกอร์ เขาทำได้ดี และมีโอกาสเหน่งๆด้วย รวมทั้งเตเวซอีกคนก็มีโอกาสจะๆ รูนี่ย์ก็ไม่เว้น แต่ต้องชมฟรีเดลจริงๆครับ ที่ปิดไว้ได้หมดจด รวมทั้งแผงหลังของเจ้าถิ่น ที่ยังคงเหนียวแน่น ไม่ยอมให้บอลหลุดผ่านไปได้ง่ายๆเลย และดูเหมือนว่าเกมจะจบลงตรงนั้น แต่เมื่อเหลืออีกสามนาทีเท่านั้นจะหมดเวลา เตเวซก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง เมื่อนานี่เปิดคอร์เนอร์เข้ามา มีผู้เล่นยูไนเต็ดเข้าชาร์จ บอลลอยเข้ามาเข้าทางของเตเวซที่รออยู่หน้าประตูก่อนจะโดดสะบัดหัวส่งลูกเสียบเพดานตาข่ายเป็นประตูตีเสมอได้สำเร็จ
หลังจากนั้น ปาร์คก็ลงมาแทนรูนี่ย์ ที่เจ็บสะโพกจากจังหวะเตะสกัดของเจ้าถิ่น จนเดินกะเผลกๆมานานพอสมควร ซึ่งเกมหลังจากนั้น ดูเหมือนยูไนเต็ดจะชะงักไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะโหมอีกระลอกแต่ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ เป็นอันว่าจบเก้าสิบนาทีที่ อีวู้ด ปาร์ค แมนฯยูไนเต็ด เก็บหนึ่งแต้มอันล้ำค่ามากๆกลับมาได้ เป็นหนึ่งแต้มที่ยังคงการันตีให้เกมกับเชลซีในสุดสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นเกมที่อยู่ในมือของยูไนเต็ด กับแต้มห่างสามแต้ม หรือหนึ่งเกมเต็มๆ พร้อมประตูได้-เสียอีกหนึ่งกำมือที่เหนือกว่า แต้มนี้ บอกได้คำเดียวครับ ว่าเป็นแต้มที่ล้ำค่ามากจริงๆ และส่งผลแน่นอน กับการจัดทีมและเลือกแท็คติคของเราในการเจอเชลซีครับ
หันมามองดูรูปเกมและการเล่นของนักเตะเรากันบ้าง เกมนี้ ผมอาจจะคิดนอกกรอบไปบ้าง เมื่อมองดูการแสดงผลงานของนักเตะในสนามที่เราได้เห็นกันไป ผมมองว่า นักเตะเราขาดสมาธิอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในครึ่งแรก ที่ดูเหมือนจะเล่นกันเนือยๆ ไม่ไล่ ไม่กดดันเจ้าถิ่น ต่อบอลสะเปะสะปะ และไม่แม่นยำเอาซะเลย โอเคครับว่า แบล็คเบิร์นเดินเกมนี้ได้ดีมาก เพรสซิ่งได้ดีมาก เข้าไล่ เข้าแย่งบอลทุกคน ทุกจังหวะ แต่ยูไนเต็ดก็ไม่ใช่ไม่เคยเจอเกมแบบนี้ แต่ครั้งมองเมื่อดูผลงานที่ออกมาให้เห็น ผมก็คงบอกได้แค่ว่า เล่นแบบนี้ ดีแล้วที่ได้หนึ่งแต้มกลับออกมา เกมของแบล็คเบิร์นในครึ่งแรก ดูน่ากลัวและน่าหวาดเสียวกว่าเยอะ ความผิดพลาดและหลุดสมาธิของเรา เกือบฆ่าตัวตายตั้งแต่ครึ่งแรกด้วยซ้ำ หากเสียลูกที่สองไป
เกมกับบาร์เซโลน่าในวันพุธนั้น แน่นอนครับว่าเป็นเกมใหญ่ เกมที่ทั่วโลกเฝ้ารอชมการดวลแข้งของสองทีมเกมรุก เป็นเกมที่นักเตะทุกๆคนเฝ้ารอลงเล่น และรอคอยโอกาสเช่นนี้มานาน แต่การที่มัวแต่จะไปคิดถึงเกมข้างหน้า จนส่งผลให้เกมปัจจุบันเสียทรง เสียขบวนไปแบบนี้ มันเท่ากับเป็นการโยนสามแต้มที่ต้องการ ทิ้งลงถังขยะชัดๆ เราเห็นสีหน้าโรนัลโด้ไหมครับ ที่ในครึ่งแรกช่วงท้ายๆ ดูจะอ่อนอกอ่อนใจกับเพื่อนๆมาก จนต้องโหวกเหวกโวยวาย และออกอาการกระตุ้นเพื่อนๆหลายครั้ง ทั้งๆที่ปกติ เขาไม่เคยทำอย่างนั้นเลย และผมค่อนข้างมั่นใจด้วยว่า ตอนพักครึ่ง เหล่านักเตะปิศาจแดง คงโดนไดร์เป่าผมสยองขวัญกันแทบทุกคนแน่ๆ ทำให้เมื่อลงสนามในครึ่งหลังมา ดูจะมีความมุ่งมั่น และความกระหายมากขึ้น
เกมในวันนี้นั้น ผู้เล่นที่ทำหน้าที่ได้ดี และขยันมากๆในฝั่งของเราที่ทำได้ตลอดทั้งเกม มีน้อยมากครับ ผมคงยกให้เตเวซ ที่ทุ่มเทดีจริงๆ นอกจากนั้น ก็มีริโอ ที่พอสลัดความเหวอๆในช่วงต้นๆเกมออกไปได้ เขาก็กลับมายืนเป็นปราการหลังที่แข็งแกร่งได้อีกครั้ง ส่วนโรนัลโด้นั้น ต้องบอกว่า ครึ่งแรกถึงจะพยายามกระตุ้นเพื่อนๆยังไง ก็ลุ้นไม่ขึ้นจริงๆ รวมทั้งฟอร์มของเขาเองด้วย เกมของยูไนเต็ดมาทำได้ดีสมราคาเต็งแชมป์เอาก็ตอนยี่สิบนาทีสุดท้ายของเกมเท่านั้นเองครับ ซึ่งในช่วงดังกล่าว ทั้งคาร์ริค, สโคลส์, เอวร่า, โรนัลโด้, นานี่, เตเวซ ต่างโชว์เพลงแข้งได้อย่างเอร็ดอร่อย ต่างกับเจ็ดสิบนาทีก่อนหน้านั้นเป็นคนละทีมเลยทีเดียว
ส่วนทางด้านแบล็คเบิร์น โรเวอร์สนั้น แบร๊ด ฟรีเดล ต้องนอนมาแน่ครับ สำหรับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ทั้งของทีม และของเกมนี้ หลังจากโชว์ฟอร์มยอดมนุษย์ ปัดป้องลูกยิงจ่อๆหลายต่อหลายครั้งได้อย่างน่าทึ่ง คริส แซมบ้า และ สตีเฟ่น วอร์น็อคก็ทำหน้าที่ได้ดีมากๆในแผงหลัง ที่สำคัญคือคู่กองหน้ามหาประลัยครับ ที่พาเหรดกันสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แผงหลังยูไนเต็ดได้ตลอดหนึ่งชั่วโมงแรกของเกมเลยทีเดียว เบนท์ลีย์ กับ กัมพส์นั้น ครึ่งหลังกลับหายไปเฉยๆ ทำให้การสนับสนุนกองหน้าในครึ่งหลังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กองหน้าของกุหลาบเพลิงเงียบไปในช่วงหลังๆของเกมครับ
ผมอยากจะตำหนิเหลือเกิน กับการที่นักเตะเราหลุดสมาธิไปจากเกมนี้ซะเฉยๆตั้งแต่นกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น แต่ก็คงทำไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่นัก เมื่อตัวผมเองก็ยังคิดถึงเกมกับบาร์เซโลน่ามากกว่าเกมนี้เช่นกัน และรอคอยเกมชนช้างดังกล่าวมาตั้งแต่จบเกมกับอาร์เซนอลแล้ว ความคิดเหล่านี้เอง ที่ทำให้ผมพอจะเข้าใจได้บ้าง ว่าทำไมหลายๆคนถึงออฟฟอร์มไปดื้อๆ ไม่สามารถรีดฟอร์มเก่งออกมาได้อย่างที่เคยเป็นเคยทำ และค่อนข้างผิดวิสัยทีมนี้ยิ่งนัก ที่เพิ่งออฟฟอร์มที่ริเวอร์ไซด์ไปหมาดๆ จะกลับมาออฟฟอร์มอีกในนัดที่ไม่ห่างจากนัดนั้นเท่าไหร่ นอกจากมีเหตุอื่นที่ทำให้ความมุ่งมั่นและกระหายในเกมลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่กุหลาบเพลิงเองกลับมีสภาพจิตใจที่พร้อมรบกว่าชัดเจน และทำให้พวกเขาได้ในสิ่งที่สมควรได้จากเกมนี้แล้ว นั่นก็คือ ได้แต้มจากเกมนี้
ทีนี้ ผมมองว่า หนึ่งแต้มที่เราแชร์มาได้จากมาร์ค ฮิวจ์สนั้น ก็เป็นการสมควรแล้ว เทียบกับการคัมแบ๊คกลับมาหลังจากพักครึ่งด้วยความมุ่งมั่นที่มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อดูจากความพยายามในการต้องการยิงประตูให้ได้ในช่วงท้ายๆเกม ก็สมควรแล้วเช่นกันที่เราจะได้หนึ่งแต้มนี้กลับมาบ้าน คาแรกเตอร์ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม เป็นคาแรกเตอร์ของยูไนเต็ดอย่างแท้จริง เป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ และจะสู้ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี เพื่อให้ได้ประตูคืนมา ถึงแม้ว่าเราจะเริ่มได้ไม่ดีเอาซะเลย แต่กับการจบเกมแบบนี้ ผมค่อนข้างดีใจ และพอใจกับการที่เห็นทีมได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาจากความพยายามอย่างยิ่งยวดดังกล่าว
หนึ่งแต้มที่ได้ หากมองกันดีๆ มันถือเป็นแต้มแห่งจิตวิทยา มันถือเป็นแต้มที่เหวี่ยงโมเมนตัมการลุ้นแชมป์กลับมาทางยูไนเต็ดแบบเต็มๆ เป็นหนึ่งแต้มที่ทำให้ขวัญและกำลังใจของทีมกลับคืนมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นนะครับ ยิ่งถ้าเรามองว่า ความแตกต่างของการได้แต้มเดียว ระหว่างการถูกตีเสมอท้ายเกม กับการไล่ตีเสมอได้ท้ายเกม มันส่งผลแตกต่างทางสภาพจิตใจอย่างมาก และยิ่งหากมองว่าความพ่ายแพ้อยู่แค่เอื้อมแล้วเช่นนี้ กลับมาตีเสมอได้สำเร็จ เห็นสีหน้าท่าทางดีใจของนักเตะในสนามแล้วผมค่อนข้างมั่นใจเลยครับว่า หนึ่งแต้มนี้ มีค่าอย่างที่สุดต่อการลุ้นแชมป์ปีนี้
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ หนึ่งแต้มนี้ เป็นการการันตีด้วยว่า เกมหน้ากับเชลซี ถึงเราจะแพ้ ก็ยังจะนำเป็นจ่าฝูงด้วยลูกได้เสียที่เหนือกว่าเชลซีเยอะมาก น่าจะเกือบๆยี่สิบลูก นั่นยิ่งทำให้ความกดดันอยู่ที่นักเตะเชลซีมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อต้องเก็บชัยชนะให้ได้ ในขณะที่ ยูไนเต็ดเรา เล่นไปตามเกมได้สบายๆกว่า ไม่ต้องเน้นเปิดเกมแลก หรือไปเน้นโหมบุกมากนัก เพราะยังไงก็ยังมีเกมบาร์เซโลน่า คั่นหัวคั่นหางอยู่เช่นกัน ในมุมมองเดียวกัน นอกจากเกมกับเราแล้ว เชลซีเองก็มีเกมกับลิเวอร์พูลคั่นหัวคั่นหางอยู่ด้วยไม่แตกต่างกันเลย นั่นยิ่งทำให้แรงกดดันในการลุ้นแชมป์ ไปตกกับลูกทีมอัฟราม แกรนท์อย่างไม่ต้องสงสัย
มาพูดถึงเกมกับบาร์เซโลน่าในวันพุธกันบ้างนะครับ หลังจากทราบข่าวไม่ค่อยดีว่า อันแดร์สัน และ ฮาร์กรีฟส์นั้น ไม่ค่อยสมบูรณ์นักกับสภาพร่างกาย ทำให้เราต้องมาลุ้นแล้วครับ ว่าเกมวันพุธนี้ จะได้ใครลงสนามบ้าง น้าซาร์นั้น น่าจะถูกพักเฉยๆในเกมที่อีวู้ด ปาร์ค ไม่น่ามีอาการบาดเจ็บอะไร ทำให้เกมที่คัมป์นู น่าจะออกสตาร์ทตัวจริงได้สบายๆ ส่วนแผงหลัง ดูจากท่าทีในวันเสาร์ ไม่พบว่ามีอาการบาดเจ็บอะไรเพิ่มเติม น่าจะลงได้ไม่มีปัญหาเช่นกัน มีแค่เรื่องที่ต้องลุ้นว่า แกรี่จะได้ลงมารึเปล่า และหากได้ลงมา จะเล่นได้ดีเหมือนก่อนเจ็บไปหรือไม่ นั่นคือประเด็นสงสัยหลักในแผงหลัง
ส่วนตรงกลาง อย่างที่บอกไป ต้องลุ้นอาการของฮาร์กรีฟส์ และอันแดร์สัน ที่เจ็บเล็กๆน้อยๆ ส่วนคาร์ริคและสโคลส์ไม่น่ามีปัญหา ในขณะที่มีข่าวดีก็คือ เฟล็ทเชอร์นั้นลงซ้อมได้ก่อนกำหนดครับ ตอนนี้เริ่มลงซ้อมแล้วด้วย จากที่คาดว่าหกสัปดาห์ อาจจะเหลือแค่สี่หรือห้าเท่านั้น ทำให้น่าคิดว่า เฟล็ทเชอร์อาจจะยังมีส่วนร่วมกับทีมในช่วงปลายซีซั่นได้ครับ ทางด้านนานี่, กิ๊กส์, โรนัลโด้ และปาร์ค ไม่น่ามีปัญหาทั้งหมด ส่วนกองหน้า รูนี่ย์ที่มีอาการบาดเจ็บสะโพก ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า ฟิตทันวันพุธแน่นอน ทำให้คาดหมายได้ว่า รูนี่ย์น่าจะยืนเป็นตัวเป้าในเกมดังกล่าว ส่วนแผนการเล่น จะใช้แผนไหน น่าจะขึ้นอยู่กับอาการของอันแดร์สัน และฮาร์กรีฟส์เป็นสำคัญครับ
หากคนใดคนหนึ่งฟิตทัน ลงได้ หรือทั้งสองคนก็ตาม ผมเชื่อว่าท่านเซอร์จะใช้ไลน์อัพ 4-2-3-1 แน่นอนครับเพื่อปิดเกมรุกของบาร์ซ่าเป็นหลัก แล้วใช้เกมฉาบฉวยโต้กลับจากสามประสาน โด้-รูน-นานี่ และเกมนี้ผมเดาใจท่านเซอร์ว่า คงจะสตาร์ทด้วยกิ๊กส์ กับสโคลส์อีกเช่นเดิม ก่อนจะสลับให้ตัวจี๊ดลงมาเปลี่ยนสปีดเกมอีกในช่วงครึ่งหลัง แต่ทีมที่ผมอยากเห็นก็คือ อยากเห็น สองตัวกลางรับเป็นฮาร์กรีฟส์ และคาร์ริค มีอันแดร์สันเป็นตัวฟรีข้างหน้า ตัวสนับสนุนทางกราบสองข้างอยากเห็นนานี่กับโด้ครับ โดยที่มีเตเวซเป็นตัวจบสกอร์ ที่ผมอยากเห็นเช่นนั้น ก็เพราะว่า ผมเชื่อครับ ว่าอันแดร์สันน่าจะเล่นได้ดีในเกมนี้ บาร์เซโลน่านั้นเล่นเกมรุกในสไตล์ที่นักเตะละตินถนัดอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงเชื่อว่า ในเกมแบบนี้ ทั้งอันแดร์สัน, โด้, เตเวซ และนานี่ น่าจะแสดงผลงานได้ดี แต่ก็นะ...คาดว่า ป๋าคงเพลย์เซฟก่อนด้วย สองผู้อาวุโสเหมือนเดิมครับ
เอาล่ะครับ จะเป็นอย่างไรต่อไป มะรืนนี้ ก็ทราบกันแล้วครึ่งหนึ่ง เรามารอลุ้นกันดีว่าครับ
สงบใจ
Create Date : 21 เมษายน 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 21 เมษายน 2551 10:14:24 น. |
Counter : 608 Pageviews. |
|
 |
|
มาเยี่ยมชม มาทักทาย
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
ท่าทางว่าแมนยูฯคงเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคชัวร์แล้วมั้งครับ ถ้าวันเสาร์นี้ผ่านเชลซีได้คงแบเบอร์แน่ ๆ ครับ
แต่ที่แน่ ๆ คืนนี้จะรอลุ้นหงส์แดงให้ชนะเชลซี แล้วคืนวันพรุ่งนี้จะรอดูแมนยูฯครับ
อิอิ