มีนาคม 2553

 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ถนอมส้นเท้า ไม่ให้แตก
เคล็ดลับสุขภาพดี

แนะวิธี "ถนอมส้นเท้า" ไม่ให้แตก ช่วยเสริมบุคลิกภาพ




เท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยให้เราเคลื่อนที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสะอาดรวมทั้งบุคลิกภาพที่ดีของเราด้วย ถ้าเท้ามีสุขอนามัยที่ไม่ดีมีบาดแผลมาก หรือมีอาการส้นเท้าแตก นอกจากจะทำให้เกิดความเจ็บปวดรำคาญและขาดความมั่นใจแล้วยังอาจทำให้บาดแผลติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายจนทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้

รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ว่า คนที่มีอาการส้นเท้าแตกปัจจัยสำคัญอันดับแรก คือ อายุที่มากขึ้นส่งผลให้ผิวทุกส่วนของร่างกายไม่เฉพาะส้นเท้าเกิดอาการแห้ง เนื่องจากผิวหนังชั้นล่างเริ่มไม่ผลิตน้ำมันรวมทั้ง มีปัจจัยอื่นช่วยเสริม อาทิ คนที่ไม่ดูแลผิวหนังบริเวณส้นเท้าและใช้เท้ามาก นอกจากนี้การสวมใส่รองเท้าไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น สวมรองเท้าส้นสูงบีบและแข็งเกินไปจะทำให้เกิดตาปลา และส้นเท้าแตกได้ เนื่องจากผิวหนังจะต้องสร้างเซลล์ผิวหนังให้หนาขึ้นเพื่อรองรับหรือทนแรงกระทบกระแทก ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผิวบริเวณดังกล่าวเกิดความหยาบกร้าน

อย่างไรก็ตามสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นสามารถป้องกันและรักษาได้เช่นกันด้วยวิธี
ล้างเท้าทั้งสองข้างทุกวันโดยแช่น้ำอุ่นผสมสบู่ประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง ภายหลังจากทำความสะอาดเท้าแล้วและก่อนนอนควรชโลมด้วยครีมบำรุงผิวให้ทั่วและควรนวดฝ่าเท้าเพื่อช่วย ให้เท้าเนียนนุ่มเป็นการทำให้เท้า ผ่อนคลายเป็นประจำนับเป็นปัจจัยช่วยป้องกันปัญหาโรคเท้าอื่น ๆ ได้ และควรเลือกซื้อ ครีมที่มีสารชุ่มชื้น เช่น ยูเรียครีม แต่ต้องไม่ทิ้งครีมตกค้างบริเวณซอกนิ้วเพราะจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นจากการหมักหมมของเชื้อจุลินทรีย์
ควรเปลี่ยนรองเท้าถุงเท้าทุกวัน และนำรองเท้าไปทำความสะอาดและตากแห้ง ซึ่งแนะนำให้ใช้รองเท้าสลับกันสองคู่ เพื่อนำคู่ที่ ใส่แล้วไป ผึ่งแดด เวลาออกนอกบ้าน ไม่ควรสวมรองเท้าแตะและ
ควรทาครีมกันแดดที่เท้าเช่นเดียวกับผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

หรือหากใครที่มีอาการส้นเท้าแตกหรือเป็นตาปลาแล้วไม่ควรจัดการด้วยวิธีใช้มีดโกนมาตัดหนังหนา ๆ ที่ส้นเท้าหรือตาปลาเป็นอันขาด เพราะจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เท้าบางรายแตกจนเห็นเลือดซิบ ๆ และมีโรคแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน ไฮโปไทรอยด์ หรือบางรายที่เป็นเนื่องจากอ้วนมีน้ำหนักตัวมากไป กดทับเท้ามาก ๆ และต้องยืนนาน ๆ หรือเดินบนพื้นแข็ง ๆ ด้วยเท้าเปล่า ซึ่งถ้าปล่อยไว้ติดเชื้อที่แผลมีโอกาส เป็นบาดทะยักสูง

รศ.ดร.พิมลพรรณ บอกถึง วิธีดูแลเบื้องต้นสำหรับคนที่ส้นเท้าแตก คือ ใช้ครีมบำรุงผิวเข้มข้นทาบริเวณที่ หนา ๆ 2-3 ครั้งก่อนนอน จากนั้นใช้ถุงพลาสติกที่ใหม่และสะอาดมาห่อหุ้มเท้าจนถึงเช้า วิธีนี้เป็นการทำเซาน่าให้เท้าด้วยตนเอง เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นและหล่อลื่นผิวที่รวดเร็ว โดยเนื้อครีมจะแทรกซึมเข้าผิวได้ดี ทำ เช่นนี้ 1-3 วันจะพบว่าเท้าเนียนขึ้นอย่างชัดเจน

เมื่อส้นเท้านุ่มขึ้นไม่มีอาการเจ็บแล้วควรใช้หินขัดเท้าค่อยๆ ขัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกทีละน้อยไม่ควรขัดทีละมาก ๆ เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยตัวยาซาลิไซลิค แอร์ซิด ซึ่งมีความเป็นกรดสูงช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกจากผิว ทาวันละ 1-2 ครั้งทุกวันติดต่อกัน 1-2 สัปดาห์จะพบว่าผิวหนังแห้ง ๆ ทยอยหลุดออกเวลาอาบน้ำ ส้นเท้าของเราก็จะได้ผิวใหม่ที่เนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้านอีกต่อไป.


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก เดลินิวส์



Create Date : 19 มีนาคม 2553
Last Update : 19 มีนาคม 2553 5:26:41 น.
Counter : 1832 Pageviews.

11 comments
  
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ

ต้องลองๆๆ
โดย: thinkcraft วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:7:10:47 น.
  
ขอบคุณค่ะ เห็นเค้าว่าใช้เปลือกกล้วยหอมถูก็ดีนะคะ แต่ยังไม่เคยลองเหมือนกัน
โดย: ก้าวไปตามใจฝัน วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:10:44:40 น.
  
มาอ่านความรู้ดี ๆ ค่ะ
โดย: คุณย่า วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:21:57:50 น.
  


ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ
โดย: LandG IP: 125.27.132.10 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:18:06:22 น.
  
เป็นบทความที่มีประโยชน์มากๆ

ขอบคุณค่ะ
โดย: arada IP: 118.173.165.172 วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:19:19:04 น.
  
เยี่ยมมากเลยค่ะ
โดย: อุดม IP: 127.0.0.1, 203.113.122.234 วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:02:51 น.
  
ได้ความรู้และไม่ยุ่งยาก ไม่สิ้นเปลืองดีคะ ขอบคุณคะ
โดย: นะจัง IP: 124.121.212.231 วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:8:00:36 น.
  
เป็นวิทยาทานของคนส้นเท้าแตกจริงๆ ค่ะ ไม่ยุ่งยากทำเองได้ง่ายๆ ขอบคุณมากค่ะ
โดย: ฉวีวรรณ IP: 115.67.49.129 วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:23:12:44 น.
  
ขอบคุณคะ วิธีการง่ายดีจะลองไปทำดูคะ
โดย: ษมาภรณ์ IP: 223.206.110.54 วันที่: 20 มกราคม 2554 เวลา:14:38:43 น.
  
ได้ความรู้ดีดีเยอะค่ะ คราวหน้าจะมาขอเรียนรู้ด้วยนะคะ
โดย: สุนันท์ IP: 110.77.249.220 วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:15:13:53 น.
  
ขอบคุณค่ะ ตอนนี้กำลังเป็นอยู่เลยเพราะใส่ถุงเท้าทุกวัน จะลองทำดูวันนี้เลย
โดย: พิกุล IP: 80.202.50.42 วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:15:31:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pimpagee
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]



Smile...Small...Smooth...Smart...

counter
สร้าง Playlist ของคุณได้ที่นี่
New Comments