เทรนด์การร้อยไหมยกกระชับ กำลังมาแรง...
เทรนด์การร้อยไหมยกกระชับ กำลังมาแรงนะคะ สาวๆ รักสวย หันไปทางไหน ก็คุยกันแต่เรื่องร้อยไหมดึงหน้า กันทั้งนั้น และไม่ว่าจะเป็น ไหมละลาย ไหมทอง หลายคนยังสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างของการร้อยไหมแต่ละชนิด และมันจะช่วยให้เราสวยขึ้นได้อย่างไร รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ ที่ควรรู้ก่อนเลือกรับบริการ
การร้อยไหมช่วยกระชับผิวได้อย่างไร..
หลักการที่จะไปช่วยกระชับและฟื้นฟูของไหม นั่นก็คือ การกระตุ้นให้เกิดการอักเสบนั่นเอง ลองนึกถึงในวันที่เราเป็นแผลมีดบาด และเกิดการอักเสบขึ้น ผิวหนังจะเกิดกระบวนการรักษาตัวเองกระตุ้นให้เกิดการซ่อม สร้าง เพื่อปิดแผล และลดการอักเสบ การร้อยไหมก็เช่นกัน หลังการร้อยไหม จะเกิดการสร้างคอลลาเจน พันโดยรอบเส้นไหม ทำให้ผิวเกิดการยกกระชับ เห็นผลครั้งแรกหลังทำ และเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นในอีก 1-2 เดือนถัดมา โดยจะเห็นผลสูงสุดที่ 3 เดือน จากการที่ไหมไปกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมต่อเนื้อเยื่อให้มีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง ทำให้เห็นผลยกกระชับที่เพิ่มขึ้น
การร้อยไหมชนิดต่างๆ
Aptos เป็นการร้อยไหมรุ่นแรกๆ ที่นิยมมากในอดีต เป็นไหมที่ไม่สามารถละลายได้ มีลักษณะเป็นไหมฟันปลาคิดค้นและพัฒนาโดยศัลยแพทย์ชาวรัสเซีย ที่ดัดแปลงการใช้ประโยชน์ของไหมเย็บแผล โดยคิดค้นและออกแบบเส้นไหม ให้มีลักษณะเหมือนฟันปลา สำหรับเกี่ยวดึงผิวหนังให้ยกกระชับขึ้น จึงเหมาะสำหรับการดึงผิวหน้าเฉพาะส่วน เช่น หางคิ้ว ร่องแก้ม เป็นต้น
ไหมทอง (Gold Thread) เป็นการนำไหมที่ทำด้วยทองคำที่มีความบริสุทธิ์ ที่มีขนาดประมาณเส้นผม ร้อยเป็นลักษณะโครงตาข่ายในชั้นผิวหนัง โดยทองคำจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น และมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ แต่เพราะด้ายทองไม่มีปมหรือแง่งใดๆ จึงไม่มีผลในแง่ของ Mechanic lifting มากนัก จึงต้องรอผลจากการกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซม จะเริ่มเห็นผลเมื่อ 1 เดือนเป็นต้นไป โดยไหมทอง 1 เส้น จะมีความยาวตั้งแต่ 25 - 50 cm ขณะทำก็จะตัดไปเรื่อยๆ ขณะร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง ดังนั้น การร้อยไหมทั้งหน้า ก็จะใช้เพียงไม่กี่เส้น ข้อเสียของไหมทองคำ คือ ค่าใช้จ่ายสูงมาก หลังทำต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน หรือทำทรีทเมนต์ต่างๆ และไม่เหมาะในผู้ที่แพ้โลหะ
ไหมละลาย PDO (Polydioxanone) ประยุกต์จากไหมละลายที่ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งมีโอกาสแพ้น้อยมาก ไม่มีผลปฏิกิริยาต่อผิวหนัง และจะละลายไปภายใน 6-8 เดือน นอกจากจะเห็นผลทันทีหลังทำแล้ว ยังพบผลดีต่อเนื่องได้อีก คือขณะที่ไหมละลายอยู่ใต้ผิวหนัง จะกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Local microcirculation) มีผลให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม จึงเกิดการยกกระชับมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหน้าจะยิ่งดีขึ้น กระชับขึ้นเรื่อยๆ และได้ผลต่อเนื่องนานถึง 12-18 เดือน
การจะเลือกใช้วิธีการยกกระชับหน้าด้วยไหม จึงควรศึกษาหาข้อมูลให้มาก และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่จะออกแบบการใช้ไหมให้เกิดประโยชน์เหมาะสมกับปัญหาได้มากที่สุด อาจไม่จำเป็นต้องใช้ไหมทั้งหน้า แต่เลือกใช้เฉพาะจุดเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด เพราะในบางจุดของใบหน้าก็ไม่เหมาะกับการใช้ไหม เช่น ที่ปลายจมูกเพราะมีเลือดไปหล่อเลี้ยงน้อยก็อาจจะเกิดการอักเสบได้ง่าย ทุกๆ การรักษามีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน และมีความเหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นที่จะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และหาข้อมูล เพื่อให้ได้วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหามากที่สุดค่ะ
ข้อมูล/ภาพ : Apex Profound Beauty //www.thairath.co.th/content/life/236953
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2555 14:57:55 น. |
Counter : 1292 Pageviews. |
|
|
|