อยู่กับฟันปลอมอย่างมีสุข
ธรรมชาติแล้วคนเราเกิดมามีฟันเพียง 2 ชุดเท่านั้นคือ ฟันน้ำนม และฟันแท้ หากวันหนึ่ง...คุณต้องใช้ฟันชุดที่ 3 คุณจะยอมเลือกสิ่งนี้ไหม
ฟันปลอม หรืออีกชื่อหนึ่งว่าฟันเทียม เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทันตแพทย์ทำขึ้น เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป การมีฟันปลอมมีข้อดีหลายอย่าง ทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว ป้องกันการล้มเอียงของฟันข้างเคียงและการยื่นยาวของฟันคู่สบ ช่วยการออกเสียงให้ชัดเจน และยังเพิ่มความมั่นใจเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วย
ประเภทฟันปลอม แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. ฟันปลอมติดแน่น
1.1 ฟันปลอมติดแน่น เป็นฟันปลอมถาวรที่ยึดแน่นในช่องปาก โดยอาศัยฟันธรรมชาติซี่ที่อยู่ข้างเคียงกับช่องว่าง เป็นหลักในการยึดฟันปลอม ฟันปลอมชนิดนี้ผู้ที่ใส่ไม่สามารถถอดออกมา เพื่อทำความสะอาดภายนอกช่องปากได้
ดังนั้น ถ้าไม่เอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ ฟันธรรมชาติที่เป็นฟันหลักอาจผุ และไม่สามารถใช้งานเป็นหลักยึดฟันปลอมต่อไปได้ หรืออาจจะต้องถอนฟันเพิ่ม
ฟันปลอมติดแน่นจะไม่ขยับหรือหลวมหลุด ในขณะที่ผู้ป่วยพูดหรือเคี้ยวอาหาร ทำให้ผู้ที่ใส่มีความมั่นใจ และเนื่องจากขนาดชิ้นฟันปลอมที่ค่อนข้างเล็ก จึงไม่ค่อยก่อให้เกิดความรำคาญ มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวค่อนข้างสูง โดยแรงจากการบดเคี้ยวจะถูกถ่ายทอดไปสู่ฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียง ที่ใช้เป็นหลักยึดฟันปลอมโดยตรง
อย่างไรก็ตามฟันปลอมชนิดนี้ มีข้อเสียที่สำคัญมาก ได้แก่ การสูญเสียเนื้อฟันของฟันธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง ที่จะต้องถูกกรอแต่งเพื่อให้มีขนาดเล็กลง เพื่อใช้เป็นฟันหลักสำหรับยึดฟันปลอม
1.2 ฟันปลอมชนิดรากเทียม เป็นฟันปลอมชนิดถาวรติดแน่นอีกชนิดหนึ่ง ที่จะยึดแน่นในช่องปากเช่นกัน โดยการยึดกับกระดูกภายใต้ช่องว่างที่จะใส่ฟัน การใส่ฟันชนิดนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกฟันธรรมชาติ ที่สูญเสียไปขึ้นมาใหม่ เนื่องจากจะเป็นการจำลองลักษณะของฟันเดิม ทั้งในส่วนของตัวฟันและรากฟัน ฟันปลอมชนิดนี้จะมีความสวยงาม และประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวจะใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมาก เมื่อผู้ป่วยออกแรงเคี้ยวอาหารแรงบดเคี้ยว จะถูกถ่ายทอดไปสู่กระดูกขากรรไกร ที่อยู่ข้างใต้โดยตรง
นอกจากนี้แล้วฟันปลอมชนิดนี้ค่อนข้างจะมีความคงทนแข็งแรง ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อฟันธรรมชาติและเหงือกที่อยู่โดยรอบ เนื่องจากไม่ต้องมีการกรอแต่งฟันธรรมชาติข้างเคียง
ข้อเสียของฟันปลอมชนิดนี้ จะใช้เวลาทำนานกว่าฟันปลอมชนิดอื่น เนื่องจากต้องรอให้กระดูกโดยรอบ ยึดกับรากเทียมอย่างเต็มที่ก่อนที่ทันตแพทย์ จะใส่ฟันปลอมส่วนที่เป็นตัวฟัน
ส่วนค่าใช้จ่ายของการทำรากเทียมนั้นจะสูงกว่า แต่ไม่สามารถใส่ได้ในผู้ป่วยทุกราย เช่น ผู้ที่มีปัญหาในการดูแลสุขภาพช่องปาก ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานบางชนิด ผู้ป่วยที่เคยถูกฉายรังสีรักษาในบริเวณใบหน้า ตลอดจนผู้ที่มีโรคทางระบบบางโรค และผู้ที่สูบบุหรี่ อาจส่งผลเสียต่อการยึดติดของรากเทียมได้ ดังนั้นการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมกับฟันปลอมชนิดนี้ จึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคุยปรึกษาแผนการรักษากับ ผู้ป่วยอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ
2. ฟันปลอมถอดได้
เป็นฟันปลอมสามารถถอดออกมาเพื่อทำความสะอาดข้างนอกช่องปากได้ มีทั้งชนิดชั่วคราวที่ทำด้วยพลาสติกและชนิดถาวรที่ทำด้วยโลหะ ข้อดีของฟันปลอมชนิดนี้ ช่วยให้ผู้ที่ใส่สามารถดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย ขั้นตอนในการทำไม่ยุ่งยาก มีการกรอแต่งสูญเสียเนื้อฟันธรรมชาติน้อย ไม่เสียเวลามาก และมีค่าใช้จ่ายในการทำที่ค่อนข้างต่ำกว่าฟันปลอมชนิดอื่น ๆ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามการบดเคี้ยว
1. แรงจากการบดเคี้ยวกระจายลงสู่ซี่ฟันทั้งหมด ฟันปลอมประเภทนี้จะมีประสิทธิภาพดีกว่าฟันปลอมถอดได้ประเภทอื่นๆ
2. แรงบดเคี้ยวจะกระจายลงสู่สันเหงือกที่รองรับฟันปลอมทั้งหมด เหมาะสำหรับผู้ไม่มีฟันธรรมชาติเหลืออยู่ในช่องปากเลย
3. แรงบดเคี้ยวบางส่วนกระจายลงสู่ซี่ฟันธรรมชาติบ้าง และบางส่วนกระจายลงสู่สันเหงือกที่รองรับฐานฟันปลอม
อย่างไรก็ตาม รูปร่างและขนาดของฟันปลอมถอดได้ จะแตกต่างกันไปตามลักษณะการสูญเสียฟันของผู้ป่วย และฟันธรรมชาติที่ใช้เป็นหลักยึดตะขอฟันปลอม เมื่อเปรียบเทียบกับฟันปลอมติดแน่น ฟันปลอมถอดได้จะสามารถรับแรงบดเคี้ยวได้น้อยกว่า
นอกจากนี้ยังอาจมีปัญหาเรื่องความสวยงาม เนื่องจากต้องมีส่วนตะขอของฟันปลอมไปโอบเกี่ยวกับฟันธรรมชาติ ที่เหลืออยู่ และเมื่อใช้งานฟันปลอมไปนาน ๆ ก็อาจมีปัญหาเรื่องการหลวมขยับหรือหลุดของฟันปลอมขณะใช้งานได้ ดังนั้นเมื่อใส่ฟันปลอมไปแล้ว ผู้ป่วยควรกลับมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจและปรับแต่งแก้ไขฟันปลอมให้อยู่ในสภาพ ที่ดีพร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ
ช่วงแรกที่ใส่ฟันปลอมใหม่ ๆ ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สบายเวลาเคี้ยว ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงแรก ๆ ของการใส่ฟันปลอม แต่จะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เนื้อเยื่อในช่องปากรวมทั้งกล้ามเนื้อ กระพุ้งแก้มและลิ้นจะค่อย ๆ ปรับตัวและเคยชิน
ดังนั้นช่วงแรกๆ ของการใส่ฟันปลอม ทันตแพทย์จึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อนๆ จนกว่าจะชินกับฟันปลอม ส่วนการระคายเคืองหรือมีน้ำลายออกมากผิดปกติ เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกๆ เช่นกัน ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงและหายในที่สุดเมื่อช่องปากสามารถปรับตัวเข้ากับฟันปลอม
ดูแลฟันปลอม การรักษาความสะอาดฟันปลอมอย่างถูกวิธีมีความสำคัญมาก ขณะที่เรานอนหลับการไหลของน้ำลายจะน้อยกว่าเมื่อเวลาตื่น การชะล้างภายในช่องปากตามธรรมชาติก็จะลดลง ดังนั้นผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องถอดฟันปลอมออกเวลานอน เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุ และให้โอกาสเหงือกได้พักหลังจากที่ได้รับแรงกดทับมาตลอดทั้งวัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการสะสมของคราบอาหาร และคราบจุลินทรีย์บนฟันปลอม ผู้ป่วยควรใช้แปรงสีฟันที่ขนแปรงไม่แข็งเกินไป ทำความสะอาดฟันปลอมกับน้ำสะอาดจนไม่เหลือคราบ
ควรแยกแปรงสีฟันที่ใช้ออกจากแปรงสีฟันธรรมชาติ และยาสีฟันที่ใช้แปรงฟันธรรมชาติ สามารถนำมาใช้สำหรับทำความสะอาดฟันปลอมได้ แต่ควรเลือกยาสีฟันชนิดที่ไม่มีผงขัด
หากไม่สามารถกำจัดคราบสีหรือคราบหินปูนออกจากฟันปลอมได้ ไม่ควรนำฟันปลอมไปแช่ในน้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน แต่ควรทำความสะอาดฟันปลอมด้วยเม็ดยาแช่ฟันปลอม ที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด หรือสอบถามวิธีการที่ถูกต้องจากทันตแพทย์
ขณะที่ทำความสะอาดฟันปลอม ควรทำด้วยความระมัดระวังเพราะฟันปลอมสามารถแตกหักได้ และถ้าเกิดการแตกหักของฟันปลอม ผู้ป่วยไม่ควรซ่อมฟันปลอมด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้ฟันปลอมเสียรูป
ขณะที่ไม่ได้สวมใส่ฟันปลอม ควรแช่ฟันปลอมในน้ำสะอาดเพื่อความชุ่มชื้นตลอดเวลา และควรเปลี่ยนน้ำที่ใช้แช่ฟันปลอมทุกวัน
ขณะเดินทางไม่ควรใส่ฟันปลอมไว้ในกระเป๋าเสื้อ หรือในที่ที่ฟันปลอมอาจเกิดการตกหล่น การถูกกดทับ แต่ควรเก็บฟันปลอมไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย
เพียงเท่านี้ฟันปลอมก็จะอยู่กับคุณไปนานทีเดียว
ที่มา ://women.thaiza.com
สารบัญ บทความ สุขภาพ คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2553 13:37:57 น. |
Counter : 1119 Pageviews. |
|
|
|