|
 |
 |
 |
 |
|
ค่าแรงมีแนวโน้มต่ำลง ๆ ขณะที่ราคาที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้น ๆ
ค่าแรงในที่นี้คือค่าแรงตามธรรมชาติ มิใช่ค่าจ้างที่กำหนดขั้นต่ำตามกฎหมาย ผลผลิต = ค่าเช่าที่ดิน + ค่าแรง + ดอกเบี้ย เมื่อที่ดินชายขอบขยายออกไป ที่ดินชั้นใน ๆ ก็มีค่าเช่าสูงขึ้น และค่าแรงที่ชายขอบใหม่มักจะลดลง (อย่างน้อยที่สุดก็ลดลงเมื่อเทียบส่วนกับค่าเช่าที่ดินที่เพิ่มขึ้น) ความเจริญขึ้นอย่างมากของเครื่องจักรกลทุ่นแรงที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมในราว ค.ศ.1800 ในที่สุดจึงกลับทำให้ผู้มีแต่แรงงานพื้นฐานเดือดร้อน แทนที่จะเป็นผลดีแก่พวกเขาตามที่หวังกันไว้
ที่ดินชายขอบ หรือ ขอบริมแห่งการผลิต (Margin of Production ) คือ ที่ดินที่เลวที่สุดที่จำเป็นต้องใช้กัน ซึ่งในขณะเดียวกันก็เป็นที่ดินที่ดีที่สุดที่จะหาได้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน
กฎวิภาคกรรม (Laws of Distribution) หรือ กฎการแบ่งผลตอบแทนการผลิตออกเป็น ค่าเช่า ค่าแรง และ ดอกเบี้ย ค่าเช่าที่ดินกำหนดด้วยผลผลิตของที่ดินนั้น ที่เกินกว่าผลผลิตที่ขอบริมแห่งการผลิต เมื่อใช้แรงงานและทุนเท่ากัน ค่าแรงทั่วไปกำหนดด้วยผลผลิตที่แรงงานสามารถผลิตได้ ณ ขอบริมแห่งการผลิต ดอกเบี้ยย่อมสูงขึ้นหรือต่ำลงเช่นเดียวกับค่าแรง และขึ้นอยู่กับขอบริมแห่งการผลิตเช่นเดียวกัน
ถ้าคนเราโดยเฉลี่ยเป็นส่วนรวมมีความขยันมากขึ้น ค่าเช่าที่ดินก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย เช่น เดิมเคยทำงานวันละ 5 ชั่วโมง แล้วจะเพิ่มเป็น 10 ชั่วโมง หรือเดิมสามีทำงานผู้เดียว แต่ต่อมาภรรยาก็ต้องออกทำงานด้วย หรือเดิมเคยทำนาปีละ 1 ครั้ง แล้วเพิ่มเป็นปีละ 2 ครั้งเป็นต้น เพื่อให้ง่าย ๆ จะสมมติว่าผลผลิตหรือรายได้ก็เพิ่มเป็น 2 เท่าเหมือนกันหมดทุกที่ ค่าเช่าที่ดินก็จะสูงขึ้นเป็น 2 เท่าทุกที่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเจ้าของที่ดินไม่ต้องทำอะไร
ความเจริญก้าวหน้าในวิชาการหรือเครื่องจักรกลทุ่นแรงที่ช่วยเพิ่มผลผลิตก็มีผลทำให้ค่าเช่าที่ดินสูงขึ้นแบบเดียวกัน นอกจากนี้ ยังทำให้ที่ดินชายขอบขยายออกไป ที่ดินเดิม ๆ ก็ยิ่งมีค่าเช่าสูงขึ้น เจ้าของที่ดินได้เพิ่มไปฟรี ๆ
ความเป็นเมืองซึ่งทำให้ที่ดินมีมูลค่าสูงก็ไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าของที่ดิน แต่เกิดจากการรวมตัวร่วมมือกันของผู้ทำงานและผู้ลงทุนผลิต รวมทั้งภาษีที่พวกเขาจ่าย และภาษีที่เจ้าของที่ดินจ่ายก็มาจากค่าเช่าที่ดินจากผู้ทำงานและผู้ลงทุน หาใช่จากการมีส่วนร่วมในการผลิตเศรษฐทรัพย์ไม่
การลงทุนสะสมที่ดินมิใช่การลงทุนผลิต แต่คือการแสวงสิทธิ์เรียกส่วนแบ่งจากผู้ทำงานและผู้ลงทุนผลิต คนหนึ่ง ๆ อาจมี 1, 2 หรือ 3 ฐานะในฐานะทั้งสาม คือ เจ้าของที่ดิน ผู้ใช้แรงกาย/แรงสมอง และผู้ลงทุน แต่จะพิจารณาเหตุผลกันก็ต้องคิดแยกฐานะทั้งสาม
ที่ดินต่างกับเศรษฐทรัพย์หรือทุน ไม่ควรจะถือเป็นอย่างเดียวกับทุน มนุษย์ไม่ได้ใช้แรงงานของตนผลิตที่ดิน ผู้มีสิทธิเป็นเจ้าของจึงควรเป็นส่วนรวม มิใช่เอกชน ที่ดินเป็นทั้งที่อยู่อาศัย และเป็นแหล่งทรัพยากรสำหรับมนุษย์ที่จะลงแรงลงทุนผลิตสิ่งจำเป็นต่อชีวิต การเก็งกำไรด้วยการเก็บสะสมที่ดินไว้มากกว่าที่ควรมี เป็นการเบียดคนจนออกพ้นที่ดิน คนจนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อจ่ายค่าเช่าที่ดินที่สูงเพราะการเก็งกำไร ให้แก่เจ้าของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีแต่จะได้เพิ่มขึ้น ๆ โดยไม่ต้องมีส่วนร่วมในการผลิต แต่ค่าแรงมีแต่จะต่ำลงอย่างที่ได้กล่าวไว้ ซ้ำร้ายยังหางานทำได้ยากขึ้นด้วย
ส่วนทุนหรือสินค้าทั้งหลาย ถ้ามีการกักตุน เกิดการขาดแคลน หรือราคาแพงกว่าปกติ คนก็จะหันไปหาสินค้าอื่นทดแทน หรือในไม่ช้าก็จะมีผู้ผลิตรายอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาเพื่อทำกำไรโดยผลิตสินค้านั้น ๆ ขาย สินค้านั้นก็จะลดราคาลง
ถ้าเก็บภาษีจากมูลค่าที่ดินสูงขึ้น ราคา/ค่าเช่าที่ดินจะถูกลง เพราะเจ้าของที่ดินต้องหาทางทำประโยชน์ในที่ดิน คือต้องแข่งกันหาแรงงานและทุนมาทำงานมากขึ้น หรือต้องแข่งขันกันหาคนมาเช่าหรือซื้อที่ดินที่ตนเก็บกักไว้
การเก็บภาษีที่ดินน้อยไปทำให้รัฐต้องเก็บภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการลงแรงลงทุนผลิต เป็นการถ่วงรั้งการผลิต ความอยู่ดีกินดี และความเจริญของส่วนรวม ภาษีทางตรงทำให้รายได้หลังภาษีของผู้ทำงานและผู้ลงทุนลด ภาษีทางอ้อมทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ส่งผลร้ายต่อผู้ทำงานและผู้ลงทุนทั้งนั้น ของแพงความสามารถแข่งขันกับต่างประเทศก็ลด เมืองไทยก็ไม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเหมือนฮ่องกง สิงคโปร์ การเก็บภาษีที่ดินน้อยไปทำให้เกิดการเก็งกำไรเก็บกักที่ดิน จึงเสมือนพื้นที่แผ่นดินไทยลดลง งานที่จะทำก็ลด คนต้องแข่งกันหางานทำ ค่าแรงจึงถูกกดต่ำ นี่คือ ลดรายได้ เพิ่มรายจ่าย สลายโอกาส ซึ่งตรงข้ามกับนโยบายของรัฐบาล
เมื่อค่าแรงต่ำลงเรื่อย ๆ คนจนที่มีแต่แรงงานขั้นพื้นฐานก็เดือดร้อน เมื่อพิจารณาร่วมกับเรื่องที่มูลค่าที่ดินไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าของที่ดิน แต่เกิดจากการทำงานและการลงทุนของส่วนรวม ผลประโยชน์จากที่ดินก็ควรเป็นของส่วนรวม ซึ่งรวมถึงผู้มีแต่แรงงานพื้นฐานด้วย มันจะชดเชยให้พวกเขาสำหรับค่าแรงที่ต่ำลง ๆ
แต่การเปลี่ยนแปลงภาระภาษีจากผู้ทำงานและผู้ลงทุนผลิตไปยังเจ้าของที่ดินก็ควรค่อยเป็นค่อยไป เพื่อมิให้เจ้าของที่ดินเดือดร้อนมากนัก อาจต้องใช้เวลาหลายสิบปี
Create Date : 29 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 29 ตุลาคม 2550 22:53:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 612 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|