|
 |
 |
 |
 |
|
ระวัง_โฉนดชุมชนจะกลายเป็นสิ่งขัดขวางวิธีปฏิรูปที่ดินด้วยภาษี !
ระวัง_โฉนดชุมชนจะกลายเป็นสิ่งขัดขวางวิธีปฏิรูปที่ดินด้วยภาษี !
รัฐควรจะต้องเลือกก่อนว่าการแก้ไขปัญหาที่ดินนั้นจะใช้วิธีใด ถ้าจะใช้วิธีการกระจายสิทธิในที่ดิน วิธีที่มีปัญหาน้อยที่สุดและได้ผลดีที่สุด คือ ยอมรับว่าทุกคนควรมีสิทธิเท่าเทียมกันในที่ดิน (หมายความรวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ) ผู้ถือครองที่ดินต้องจ่ายค่าเช่า (หรือเรียกว่าภาษีที่ดิน) ให้แก่ส่วนรวม แต่เพื่อมิให้เจ้าของที่ดินเดือดร้อนเกินไป ก็ควรค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เช่นปีละ 3 % เมื่อถึง 33 ปีก็จะเป็น 99 % ของค่าเช่าที่ดิน เป็นต้น การเก็บภาษีที่ดินกรณีนี้ควรถือตามแบบที่ธุรกิจเขาคิดค่าเช่ากัน ไม่มีการลดหย่อย ยกเว้น หรือมีอัตราก้าวหน้า ซึ่งจะกลายเป็นสิทธิไม่เสมอภาค
ภาษีที่ดินนี้อาจจะแบ่งให้ทุกคน รวมทั้งทารกแรกเกิด เท่า ๆ กัน ทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง จะเป็นเท่าไรแล้วแต่เสียงข้างมาก เหลือเท่าไรก็ลดภาษีจากรายได้และการลงแรงลงทุนผลิตและค้าสินค้าและบริการลงเท่านั้น อีกวิธีหนึ่งก็คือไม่แบ่งแจกราษฎรเลย ซึ่งจะทำให้สามารถลดภาษีจากรายได้และการลงแรงลงทุนได้มาก จนเมื่อเก็บภาษีที่ดินถึงขั้นเท่าหรือเกือบเท่าค่าเช่าที่ดินแล้ว ก็ไม่ต้องเก็บภาษีจากรายได้และการลงแรงลงทุนเลย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลด เราจะสามารถแข่งขันค้าขายกับต่างประเทศได้ดีขึ้น และต่างชาติจะนิยมมาเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยในไทยมากขึ้น
เฮนรี จอร์จกล่าวโจมตีการปล่อยให้เอกชนได้ประโยชน์จากกรรมสิทธิ์ที่ดินอย่างยืดยาว ที่สำคัญคือการเก็งกำไรเก็บกักที่ดินหวังราคาสูงในอนาคต ทำให้แผ่นดินของประเทศได้รับการใช้ประโยชน์น้อยเกินไป ผลผลิตต่ำ คนว่างงานหรือหางานทำยาก ค่าแรงต่ำกว่าที่ควรเป็นและต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินสูงกว่าที่ควร แต่พอถึงข้อเสนอแก้ความยากจนจากความไม่ยุติธรรมนี้เขากลับเสนอเพียงให้เก็บภาษีมูลค่าที่ดินเท่ากับค่าเช่าที่ดินรายปีและยกเลิกภาษีอื่น ๆ เหตุผลของเขาคือ:--
ข้าพเจ้าไม่เสนอให้ ซื้อ หรือริบกรรมสิทธิ์ของเอกชนในที่ดิน กรณีแรกจะเป็นการไม่ยุติธรรม กรณีที่สองไม่เป็นสิ่งจำเป็น จงปล่อยให้บุคคลที่ยึดถือที่ดินอยู่ขณะนี้ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในสิ่งที่เขาพอใจจะเรียกว่าที่ดิน ของเขา ต่อไปถ้าเขาต้องการ ปล่อยให้เขาเรียกมันต่อไปว่าเป็นที่ดิน ของเขา ปล่อยให้เขาซื้อขายและให้เป็นมรดกและทำพินัยกรรมยกให้กันได้ เราอาจจะปล่อยให้พวกเขาเก็บเปลือกไว้ได้โดยไม่มีอันตรายถ้าเราเอาเนื้อในออกมาแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องริบที่ดิน จำเป็นแต่เพียงจะต้องริบค่าเช่าเท่านั้น
ทั้งการที่จะเก็บค่าเช่ามาเป็นสาธารณประโยชน์นั้นก็ไม่จำเป็นว่ารัฐจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการให้เช่าที่ดินด้วย ซึ่งมีทางทำให้เกิดฉันทาคติ การสมรู้ยินยอม และการฉ้อราษฎร์บังหลวงขึ้นได้ ไม่จำเป็นจะต้องจัดตั้งจักรกลใหม่ขึ้นมาอีกแต่ประการใด จักรกลเช่นนี้มีอยู่แล้ว แทนที่จะขยายมันออก ทั้งหมดที่เราจะต้องทำก็คือทำให้มันง่ายขึ้นและลดขนาดของมันลงเท่านั้น โดยการให้เจ้าของที่ดินได้รับเปอร์เซนต์จากค่าเช่าบ้าง ซึ่งอาจจะน้อยกว่ามูลค่าและความสูญเสียในการที่องค์การของรัฐจะเป็นผู้ให้เช่าที่ดินเองมาก และโดยการใช้ประโยชน์จากจักรกลที่มีอยู่แล้วนี้ เราก็อาจจะทำให้เกิดสิทธิของส่วนรวมร่วมกันในที่ดินได้โดยการ เก็บค่าเช่ามาเป็นสาธารณประโยชน์ ซึ่งไม่ทำให้เกิดการตื่นเต้นสะดุ้งสะเทือนกัน
เราได้เก็บค่าเช่าแล้วเป็นบางส่วนในรูปของภาษี เราเพียงแต่จะต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการเก็บภาษีบางประการเท่านั้นเพื่อให้ได้ค่าเช่าทั้งหมด
"เพราะฉะนั้นสิ่งที่ข้าพเจ้าเสนอในฐานะวิธีแก้ไขง่าย ๆ แต่ได้ผลใหญ่หลวง ซึ่งจะยกค่าแรงขึ้นสูง เพิ่มผลตอบแทนของทุน
ยกเลิกความยากจน ทำให้มีงานรายได้ดีว่างสำหรับผู้ใดก็ตามที่ต้องการงานทำ ทำให้ไม่มีขอบเขตจำกัดพลังความสามารถของมนุษย์ ทำให้อาชญากรรมลดลง ยกระดับศีลธรรม รสนิยม และสติปัญญา ทำให้การปกครองบริสุทธิ์หมดจดขึ้น และทำให้อารยธรรมเจริญสูงส่งยิ่งขึ้น เหล่านี้ ก็คือ การริบเอาค่าเช่าโดยการเก็บภาษี
"โดยวิธีนี้ รัฐก็จะกลายเป็นเจ้าของที่ดินทั่วไปได้โดยไม่ต้องเรียกตนเองเช่นนั้น และโดยไม่ต้องรับหน้าที่ใหม่แม้แต่ประการเดียว โดยรูปแบบแล้ว กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะยังคงเป็นอยู่เหมือนกับในขณะนี้ ไม่จำเป็นจะต้องทำให้เจ้าของที่ดินหมดสภาพความเป็นเจ้าของ และไม่จำเป็นจะต้องจำกัดปริมาณที่ดินที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะยึดถือ เพราะว่าโดยที่รัฐเป็นผู้เก็บค่าเช่าในรูปของภาษี ที่ดินจึงย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของส่วนรวมโดยแท้จริง ไม่ว่าจะมีชื่อใครเป็นผู้ครอบครอง หรือจะอยู่ในส่วนใดก็ตาม และสมาชิกของประชาคมทุกคนย่อมจะมีส่วนในผลประโยชน์แห่งความเป็นเจ้าของที่ดินเหล่านี้"
(จาก //th.wikipedia.org/wiki/เฮนรี_จอร์จ ผลดีและความเป็นธรรมของการมุ่งเพิ่มภาษีที่ดินและลดภาษีอื่น ๆ ดูได้จากเว็บนี้ด้วย)
ถ้าจะมีมาตรการเป็นการชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือผู้ไร้ที่ดินไปก่อน ก็อาจต้องมีการแจก โฉนดชุมชน ที่กำลังมีกระแสมาแรงอยู่ขณะนี้ แต่จะต้องหาทางป้องกันมิให้เป็นอุปสรรคขัดขวางการมุ่งเพิ่มภาษีที่ดินและลดภาษีอื่น ๆ ที่น่าจะทำเพื่อคืนสิทธิให้ทุกคนเท่าเทียมกันในที่ดินตามที่ควรจะเป็น มิใช่ว่าเมื่อได้สิทธิโฉนดชุมชนแล้วจะคงสิทธิ์ไว้เหนือราษฎรผู้อื่นตลอดกาล
อย่าเชื่อ 1. อย่าเชื่อว่าเราได้ผ่านระบบเจ้าที่ดินหรือศักดินามาแล้ว ถ้ายังมีการเก็งกำไรที่ดินเป็นการทั่วไป ขนาดที่ไปไหน ๆ ก็เจอที่ดินรกร้างมีเจ้าของ
2. อย่าเชื่อว่าต้องยอมได้อย่างเสียอย่าง (tradeoff) ระหว่างความยุติธรรมกับประสิทธิภาพ เพราะระบบภาษีการถือครองที่ดิน (ซึ่งทำให้ลด/เลิกภาษีเงินได้และภาษีจากการลงแรงลงทุนผลิตและค้าได้) จะช่วยให้เราได้ทั้งสองอย่าง
3. อย่าเชื่อว่า *ไม่มี free lunch* ... free lunch ที่มโหฬารและฟุ่มเฟือยที่สุด คือการอุดหนุนจากรัฐบาลที่ให้แก่เจ้าของที่ดิน โดยช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินให้เรื่อย ๆ เช่น ตัดหรือขยายถนน จัดโครงการรถไฟฟ้า หรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ด้วยการเก็บภาษีจากพลเมืองทั่วไปอย่างมาก แต่กลับเก็บภาษีที่ดินน้อยเกินไป
4. อย่าเชื่อข้อเสนอให้เก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า มันแสดงว่าไม่ได้คิดเก็บภาษีที่ดินทั่วไปให้สูงเสมือนว่าเจ้าของเป็นผู้เช่าจากรัฐ แต่ใช้ภาษีเป็นเครื่องมือปรับเอากับผู้ที่รัฐคิดว่าทำไม่ดีโดยไม่ทันคิดว่ารัฐนั่นแหละคือต้นเหตุแห่งการทำไม่ดีนั้น (เก็งกำไรที่ดิน) แล้วยังใช้ภาษีอัตราก้าวหน้าอีก อัตราก้าวหน้านี้จะทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินถูกบิดเบือนไปจากที่ควรจะเป็น ประสิทธิภาพการใช้ที่ดินโดยรวมจะต่ำ และอาจเป็นการส่งเสริมให้มีการคบคิดแจ้งเท็จว่าทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว นอกจากนี้ ถ้าใช้อัตราภาษีก้าวหน้าตามขนาดที่ดิน ยังอาจเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างบุคคลธรรมดากับนิติบุคคลซึ่งขณะเดียวกันหุ้นส่วนก็เป็นบุคคลธรรมดาด้วย ซ้ำเขายังอาจเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลอื่น ๆ อีก.
Create Date : 02 กันยายน 2552 |
Last Update : 2 กันยายน 2552 9:30:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 800 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|