|
 |
 |
 |
 |
|
แก้ไขซ่อมแซมทุนนิยม
แก้ไขซ่อมแซมทุนนิยม (แปลจากบทบรรณาธิการของ The Progress Report เรื่อง Fixing Capitalism โดย ศ. ดร. Fred E. Foldvary กุมภาพันธ์ 2545 ที่ //www.progress.org/archive/fold235.htm)
Jean-Yves Calvez นักเทววิทยาและนักเขียนหนังสือด้านสังคมชาวฝรั่งเศสได้เขียนหนังสือเรื่อง Changer le capitalisme เกี่ยวกับลัทธิทุนนิยมมีอะไรผิดพลาดและจะแก้ไขอย่างไร เขาเน้นไปที่ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ และกล่าวว่าจะต้องมีการกระจายรายได้ให้เท่าเทียมกันมากขึ้นเพื่อความยุติธรรมทางสังคม เขากล่าวด้วยว่าเราต้องการดุลยภาพระดับหนึ่งระหว่างปัจเจกนิยมกับความเป็นปึกแผ่นของสังคมหรือน้ำใจเพื่อส่วนรวม มีประเพณีนิยมในนิกายคาทอลิก รวมทั้งกลุ่มเยซูอิต ที่จะตรวจสอบระบบเศรษฐกิจต่าง ๆ และเสนอการปฏิรูปที่มีความเป็นธรรมมากขึ้น
วิธีแก้ไขความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจที่เสนอกันส่วนมากมักเป็นการให้รัฐบาลทำการควบคุมจำกัดวิสาหกิจ เช่น กำหนดชั่วโมงและสภาพการทำงาน และกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำทางกฎหมาย วิธีแก้ไขที่นักปฏิรูปสังคมมักเสนอกันก็คือการปรับการกระจายรายได้ (redistribution of income) จากคนรวยไปให้คนจน และจัดให้มีบริการทางเศรษฐกิจ เช่น การรักษาพยาบาล การเคหสงเคราะห์ และการช่วยเหลือด้านสวัสดิการสำหรับผู้มีบุตร ส่วนการศึกษานั้นรัฐบาล [สหรัฐฯ] ได้จัดให้และให้ทุนอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว
อุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดต่อการปฏิรูปทางเศรษฐกิจน่าจะเป็นการใช้ศัพท์ ลัทธิทุนนิยม เฮนรี จอร์จ นักปรัชญาสังคมและนักเศรษฐศาสตร์อเมริกัน เขียนไว้ว่าการกระทำย่อมเป็นไปตามความคิด เมื่อเราวิจารณ์ ทุนนิยม เราต้องให้ชัดเจนแน่นอนว่ามันคืออะไร ระบบเศรษฐกิจทุกระบบต่างก็ใช้ ทุนทางการเงิน และ สินค้าประเภททุน ดังนั้นการใช้คำว่า ลัทธิ กับคำว่าทุนจึงไม่มีความหมายอะไรเลย
เมื่อเราพูดถึงปัญหาของทุนนิยมหรือการเปลี่ยนแปลงและซ่อมแซมทุนนิยม คำนี้ก็หมายถึงระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน ระบบนี้คืออะไร ? ขณะนี้มีระบบเศรษฐกิจแบบรัฐควบคุม (command economies) เหลืออยู่ในโลกเพียงหนึ่งหรือสองแห่งเท่านั้น ประเทศนอกนั้นมีระบบเศรษฐกิจผสมระหว่างระบบตลาดเสรีกับการควบคุมโดยรัฐบาล
ระบบตลาดเสรี คืออะไร ? ระบบตลาดเสรีที่แท้คือระบบที่กิจกรรมต่างๆ ของทั้งสังคมดำเนินไปโดยความสมัครใจทั้งสิ้น รัฐบาลอาจมีบทบาทสองประการที่แตกต่างกัน คืออาจเป็นการช่วยระบบตลาดเสรีถ้าช่วยเหลือสังคมให้กิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปโดยสมัครใจ เช่น ห้ามและลงโทษการขโมย หรืออาจเป็นการทำร้ายระบบตลาดเสรี เช่น เมื่อการแทรกแซงของรัฐบาลเป็นการจำกัดการกระทำที่สมัครใจหรือทำให้การกระทำที่สมัครใจนั้นสิ้นเปลืองมากขึ้น
เมื่อเราเสนอวิธีแก้ไขปัญหาสังคม เราอาจมีการปฏิรูปที่ต่างกันเป็นสองแบบ แบบหนึ่งคือเพียงแต่บำบัดผลลัพธ์หรืออาการ อีกแบบหนึ่งคือหาสาเหตุมูลฐานของปัญหาและกำจัดสาเหตุนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องมีการบำบัดอีกต่อไป
วิธีแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน เช่น การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ การช่วยเหลือสวัสดิการ และการปรับการกระจายรายได้ เหล่านี้เป็นเพียงการแก้ไขตามอาการ เมื่อไม่แก้ที่สาเหตุ ปัญหาก็ยังคงมีอยู่ต่อไป และกลับยิ่งเลวร้ายลงเพราะการแทรกแซง มีการแทรกแซงมากมายในแทบทุกประเทศในปัจจุบัน แต่ความยากจน ความไม่เท่าเทียมกันอย่างมาก การว่างงาน และภาวะมลพิษ ก็ยังมีอยู่
การปรับการกระจายรายได้คือการลงโทษการผลิต การบริโภค การใช้แรงงาน และการลงทุน ทำให้ผู้ทำงานและคนจนมีฐานะเลวร้ายลงไป กลับต้องการการปรับการกระจายรายได้ใหม่อีกกลายเป็นวงจรอุบาทว์ของลัทธิรัฐสวัสดิการ เราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ? เหล่านักเศรษฐศาสตร์ฝรั่งศสได้ค้นพบวิธีแก้ไขที่ได้ผลมากว่า 200 ปีแล้วและเรียกสิ่งที่ค้นพบนี้ว่า หลักบังคับแห่งกฎธรรมชาติ (physiocracy, rule of natural law) พวกเขาแสดงว่าการสอดแทรกของรัฐบาล เช่น การเก็บภาษีการค้าเป็นการทำร้ายตลาด ซึ่งก็คือการทำร้ายคนงานและเพิ่มความยากจน กฎเศรษฐศาสตร์ธรรมชาติที่พวกเขาค้นพบและเรียกว่า ปล่อยเราตามลำพัง (laissez faire หรือลัทธิเสรีนิยม) นี้คือเราจะมีความรุ่งเรืองสูงสุดเมื่อปล่อยให้เศรษฐกิจธรรมชาติทำงานโดยเสรี ไม่มีการควบคุมจำกัดหรือมีการทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับการค้าที่สันติและสุจริต
กฎธรรมชาติอีกข้อหนึ่งที่พวกเขาค้นพบคือระบบเศรษฐกิจธรรมชาติได้ทำให้เกิด ผลผลิตสุทธิ (net product) แก่สังคม ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ปัจจุบันเรียกว่า ส่วนเกินทางสังคม (social surplus) ผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ [ที่ดิน] นี้แสดงให้เห็นในรูปค่าเช่าที่ดินในระบบตลาด พวก physiocrats เห็นว่าควรให้ค่าเช่านี้เป็นรายได้ของรัฐบาล
Adam Smith ผู้ก่อตั้งเศรษฐศาสตร์คลาสสิกได้เดินทางไปฝรั่งเศสและพบกับพวกฟิสิโอแครต แอดัม สมิธเองได้เขียนไว้ว่าการค้าเสรีจะทำให้เกิด เศรษฐทรัพย์หรือความมั่งคั่งของชาติ (Wealth of Nations) มากที่สุด สมิธเป็นอีกผู้หนึ่งที่กล่าวว่าค่าเช่าที่ดินเป็นแหล่งรายได้ที่ดีที่สุดของรัฐบาล เพราะเจ้าของที่ดิน เก็บเกี่ยวโดยที่ไม่ได้หว่าน (reap where they don't sow) David Ricardo นักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกอีกผู้หนึ่งได้ตั้งทฤษฎี กฎว่าด้วยค่าเช่า ที่ถูกต้องมากขึ้น อธิบายว่าค่าเช่าที่ดินเกิดจากความแตกต่างในคุณภาพของที่ดินแปลงต่าง ๆ อย่างไร
ต่อมา Karl Marx และผู้ที่เชื่อตามได้ทำให้เกิดความยุ่งเหยิงขึ้นในภาษาและความคิด มาร์กซ์ต้องการแยกคนงานออกต่างหากจากคนทั้งปวงที่มีสินทรัพย์ ดังนั้นมาร์กซ์จึงเอาที่ดินรวมเข้าเป็นทุนด้วย นับแต่นั้นมา นักเศรษฐศาสตร์ส่วนมากก็เอาอย่างมาร์กซ์ในการให้ความสนใจเฉพาะกับแรงงานและทุน การเน้นเรื่องที่ดินของพวกฟิสิโอแครตและพวกคลาสสิกถูกเขี่ยอออกไปนอกทาง ความคิดเศรษฐกิจแบบนีโอคลาสสิกซึ่งเกิดต่อจากสำนักคลาสสิกได้ถูกชักจูงให้ลืมเรื่องที่ดิน เพราะมันเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มที่มีส่วนได้เสียจากที่ดินผู้ให้เงินทุนสนับสนุนอยู่ และยังทำให้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ง่ายขึ้นเมื่อมีปัจจัยเพียงสองปัจจัยแทนที่จะเป็นสาม จากนี้ไป เราจะเรียกระบบนี้ว่า ทุนนิยม
แต่ทุนเป็นปัญหาหรือ ? ทุนทำให้มีการลงทุน และการลงทุนและเทคโนโลยีที่ดีขึ้นคือสิ่งที่ได้ยกมาตรฐานการครองชีพขึ้นทั่วโลก ลัทธิ ทุนนิยม ได้ทำให้ผู้ประกอบการและเจ้าของทุนกลายเป็นผู้ร้าย แต่กฎว่าด้วยค่าเช่าของริคาร์โดแสดงว่าส่วนใหญ่ของกำไรจากการค้าและเทคโนโลยีกลับไปตกอยู่แก่เจ้าของที่ดินในรูปของค่าเช่า เพราะค่าแรงทุกแห่งมีแนวโน้มที่จะตกลงไปเป็นเท่ากับระดับค่าแรงที่ที่ดินชายขอบหรือขอบริมแห่งการผลิต (margin of production) ซึ่งให้ผลผลิตต่ำสุด
เฮนรี จอร์จพยายามนำปัจจัยที่ดินกลับคืนมา เขาตระหนักว่าความไม่เท่าเทียมกันอย่างมากในเศรษฐทรัพย์และรายได้จะมาจากการได้ครองที่ดินไม่เท่าเทียมกันเสมอ นี่ไม่ใช่การค้นพบใหม่ แต่ได้เป็นที่รับรู้กันทุกแห่งนานมาแล้ว ในหนังสือ Progress and Poverty (ค.ศ.1879) จอร์จได้อ้างคำกล่าวของพราห์มณ์อินเดียโบราณไว้ว่า ผู้ใดได้ครอบครองที่ดินไม่ว่า ณ กาลใด ผู้นั้นย่อมจักได้ครอบครองผลแห่งที่ดินด้วย เศวตฉัตรและช้างสารอันเมามันไปด้วยความลำพองใจคือดอกผลแห่งการให้สิทธิ์ในที่ดิน
จอร์จไปไกลกว่าสำนักคลาสสิกและฟิสิโอแครต โดยเพิ่มด้านศีลธรรมเข้าไปในเศรษฐศาสตร์ในข้อที่ว่า คนงานมีสิทธิตามธรรมชาติในแรงงานและค่าแรงของตน และเนื่องจากไม่มีมนุษย์ผู้ใดสร้างที่ดินขึ้นมา เพื่อความเท่าเทียมกันจึงต้องให้ทุกคนมีส่วนโดยเท่าเทียมกันในผลประโยชน์ของที่ดินตามที่แสดงออกในรูปค่าเช่า ยิ่งไปกว่านั้น โดยที่มูลค่าที่ดินสูงขึ้นเพราะกิจการสาธารณะของรัฐบาล จึงเป็นความยุติธรรมที่จะจ่ายค่าเช่าที่สูงขึ้นนั้นกลับคืนเพื่อบำรุงกิจการเหล่านั้น
ดังนั้นวิธีแก้ความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันจึงแจ่มชัด ความไม่เท่าเทียมกันและการตกต่ำของค่าแรงสามารถแก้ได้ด้วยการให้ทุกคนมีส่วนเท่าเทียมกันในค่าเช่าที่ดินโดยให้ค่าเช่าเป็นรายได้สาธารณะและรายได้ของรัฐบาล หรือ แจกให้ราษฎรทุกคนเท่า ๆ กัน ความไม่เท่าเทียมกันจากค่าแรงที่ต่างกันในส่วนที่เหลือก็จะมีความรุนแรงน้อยลงมากและมีเหตุผลสมควรในฐานะเป็นรางวัลสำหรับการใช้ความพยายาม ความสามารถพิเศษ และ ทักษะของมนุษย์
ขณะนี้มีผู้เรียกนโยบายของจอร์จว่าลัทธิ "geoism" คำว่า geo หมายถึงแผ่นดิน geoism ซ่อมแซมลัทธิ ทุนนิยม โดยแก้ที่สาเหตุของความยากจนและความไม่เท่าเทียมกัน ทำให้รัฐบาลไม่ต้องปรับการกระจายรายได้ใหม่ ไม่ต้องจัดให้มีรัฐสวัสดิการ และไม่ต้องกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ geoism ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในขณะเดียวกับที่ทำให้ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูงขึ้นด้วย โดยการกำจัดภาษีที่เก็บจากค่าแรง กำไร สินค้า และการลงทุน ซึ่งภาษีเหล่านี้ล้วนแต่ทำร้ายระบบตลาดเสรี geoism ยังทำให้เกิดการประสานสอดคล้องกันระหว่างปัจเจกบุคคลกับสังคม โดยปล่อยให้ปัจเจกบุคคลได้ค่าแรงไปเต็มที่ในขณะที่ให้ความเป็นปึกแผ่นแก่สังคมด้วยผลประโยชน์จากธรรมชาติและพระผู้เป็นเจ้า
บรรดานักปฏิรูปสังคมอย่าง Calvez จากทุกศาสนาได้แสวงหาระบบเศรษฐกิจที่ทั้งยุติธรรมและก่อผลผลิต ถ้าท่านเชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกและมนุษย์แล้วจะเป็นไปได้หรือที่พระผู้ทรงความยุติธรรมจะให้มนุษย์มาอยู่ในโลกโดยไร้เครื่องมือที่จะทำให้ชีวิตเศรษฐกิจอุดมสมบูรณ์สำหรับทุกคน ? นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคิดได้ ดังนั้นจะต้องมีกฎเศรษฐศาสตร์ธรรมชาติที่จะทำให้เกิดความรุ่งเรืองเป็นการทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น กฎธรรมชาติเหล่านี้จะต้องไม่ลึกลับเสียจนกระทั่งมนุษย์ไม่สามารถค้นพบและเข้าใจได้ง่าย ๆ กฎแห่งความรุ่งเรืองมีอยู่ในพระคัมภีร์มาแล้วกว่า 2,000 ปี - ผลกำไรของแผ่นดินโลกนั้นสำหรับทุกคน (Ecclesiastes 5:9)
John Locke ปราชญ์ด้านกฎธรรมชาติรับรองเมื่อ ค.ศ.1690 ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ประทานโลกนี้แก่มนุษย์เป็นส่วนรวมร่วมกัน และรับรองด้วยว่าถ้าจะไม่ให้มนุษย์แต่ละคนต้องตกเป็นทาสแก่ผู้อื่น เขาก็ต้องมีสิทธิทางศีลธรรมต่อร่างกายของเขาเองและแรงงานของเขา ดังนี้ กฎทางศีลธรรมซึ่งให้ความยุติธรรมก็สอดคล้องกับกฎต่าง ๆ ทางเศรษฐศาสตร์ซึ่งให้ความรุ่งเรือง - จงมีส่วนร่วมกันในแผ่นดินและรับส่วนที่ตนทำมาหาได้ไว้ ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินที่ผลิตขึ้นมา ถ้าเราทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในกรรมสิทธิ์ของแผ่นดินโลก
ลัทธิทุนนิยมปัจจุบันมีการแทรกแซงที่ทำร้ายระบบตลาดเสรี ซึ่งเก็บภาษีไปจากรายได้ของแรงงานเพื่อสนับสนุนกิจการสาธารณะ ซึ่งปรับการกระจายเศรษฐทรัพย์ไปให้แก่เจ้าของที่ดินในรูปของค่าเช่าและมูลค่าที่ดินที่สูงขึ้น เพื่อความยุติธรรมทางสังคม จะต้องมีการซ่อมแซมและกำจัดการแทรกแซงแทนที่จะขัดขวางการกระทำที่เป็นการสมัครใจ ถ้าสัจจะอันยิ่งใหญ่นี้ได้เป็นที่รับรู้กัน ก็แน่นอนว่าการปฏิบัติที่ถูกต้องจะเกิดขึ้นตามมากับความคิดที่ชอบธรรม.
เรื่องที่เกี่ยวข้อง ทุนนิยมแท้คือรัฐสวัสดิการที่ไม่มีภาษีก้าวหน้า //bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=267&c=1 ผลดีและความเป็นธรรมของภาษีที่ดิน //bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=242&c=1
Create Date : 08 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 6:59:22 น. |
|
1 comments
|
Counter : 801 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ohmohm IP: 110.164.31.65 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:22:10:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|